ต้นมักกะลีผล

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย Nuntapus, 17 ตุลาคม 2008.

  1. Nuntapus

    Nuntapus เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2007
    โพสต์:
    75
    ค่าพลัง:
    +385
    เรื่องของนารีผล ที่หลวงพ่อจรัญเล่าให้ฟัง

    นารีผล หรือมักกะลีผล หรือมัคคะลีผล เป็นพืชชนิดหนึ่งมีอยู่ในป่าหิมพานต์ ออกดอกผลซึ่งมีรูปร่างเหมือนสตรี ออกดอกช่อขนาดเท่ากับคน ผลมีรูปร่างสัดส่วนเหมือนสาวแรกรุ่นอายุ 16 ปี ผิวมีมะปรางสุก ตาดำสีทอง ตาขาวสีฟ้า ผมสีทอง ตาโตเด่นชัด จมูกเหมือนพระจันทร์เสี้ยว โด่ง 45 องศา ผมสีทอง ที่ขวัญมีขั้วเหมือนมังคุด คิ้วต่อ คอปล้อง มี 3 ปล้อง ไม่มีไหปลาร้า นิ้วมือทั้ง 4 นิ้ว ชี้ กลาง นาง ก้อย ยาวเสมอกัน นิ้วโป้งยาวได้ครึ่งหนึ่งของนิ้วชี้ นิ้วมือและแขนไม่มีข้อปล้อง มีกลิ้นกายหอมที่สุด เต็มไปด้วยกามคุณทั้ง 5 ร่างกายเบาเพราะไม่มีกระดูก ต้นมักกะลีผลสูงใหญ่ ใบเหมือนมะม่วงแต่ใหญ่เท่าใบกล้วย ดอกคล้ายกล้วยไม้ มีพวงละ๕ดอก นารีผลมีขั้วที่หัวคล้ายมังคุด

    เมื่อต้นนารีผลออกช่อได้ 3 วันก็จะมีประจำเดือน 7 วันร่วงหลุดจากต้น เมื่อหลุดจากต้นแล้วยังอยู่ได้อีก 4-5 เดือน จึงจะเริ่มเหิ่ยว เหมือดอกไม้ และจะหดลงย่อส่วนลง จน หายไปในที่สุด ดอกของมัคคะลีผลนี้ ก็มีหุบมีบานเหมือนดอกบัว 18.00 น. ก็หุบ และ 06.00 น. ก็บานออกมาร้องรำทำเพลง ส่งกลิ่นหอมตลบอบอวนทั่วทั้งบริเวณนั้น

    ฤาษีที่ยังเหาะไม่ได้ก็จะมานั่งที่โคนต้น ส่วน นักสิทธิ์ วิทยาธร คนธรรณ์ ก็จะเหาะมาเอาไปเสพสังวาส

    เมื่อประมาณสามหมื่นปีก่อน พระเวสสันดร พร้อมด้วยพระนางมัทรี และบุตร 2 คนคือ ชาลีกุมาร และ กัณหาชิณากุมารี ถูกเนรเทศจากนคร ได้เดินทางสู่ป่าหิมพานต์ ปฏิบัติธรรมอยู่ที่นั้น ท้าวสักกะเทวราช ได้เล็งเห็นอันตรายในป่านั้นจึงได้เนรมิตบรรณศาลาสำห รับพระเวสสันดร พระนางมัทรี และกุมารทั้ง 2 ขณะบำเพ็ญอยู่นางมัทรีต้องออกหาผลไม้ในป่านั้น ซึ่งมีดาบส ฤๅษี นักสิทธิ์ วิทยาธร คนธรรพ์ ทั้งหลายอาศัยอยู่ซึ่งยังมีกิเลส เกงว่าจะมาล่วงศีลพระนางมัทรี ท้าวสักกะเทวราช จึงได้เนรมิตต้นมัคคะลีผล เป็นมัคคะบัญชา หรือเป็นต้นไม้แห่งคำสาปของพระอินทร์ จำนวน 16 ต้น ไว้รอบทิศ ณ ที่ไกล ก่อนถึงบรรณศาลา

    -----------------------------------------------------------------------

    ว่ากันว่า จริงๆ แล้ว ผลหนึ่งผล ก็คือรุกขเทพธิดาหนึ่งนาง หรือ เมื่อต้นนารีผลออกดอก เสมือนเกิดวิมานแห่งรุกขเทพธิดาขึ้นที่นั่น เมื่อติดลูก ก็คือเทพธิดาจุติลงมาเกิดที่นั่น ความสวยงามสมบูรณ์แห่งผลนารีผล แต่ละผล จึงสวยงามต่างกัน ขึ้นอยู่กับบุญของเทพธิดาแต่ละนางด้วย... เทพธิดาแต่ละนางที่มาเกิดนั้น หาได้ถูกบังคับมาไม่ แต่เป็นผลกรรมที่ต้องมาเกิด

    เมื่อเหล่านักสิทธิ์ วิทยาธร เดินทางมาพบเข้า หากจิตใจไม่เข้มแข็งพอ ตบะแตก ก็จักได้เสพบำเรอกับนารีผล... เมื่อตบะแตก ฤทธิ์เสื่อม เหาะไปต่อไม่ได้ ... เมื่อไปต่อไม่ได้ ก็ไม่มีทางจะได้พบกับพระนางมัทรี.... การจะเดินทางต่อ หรือออกไป จำต้องบำเพ็ญเพียรใหม่ ยกระดับจิตขึ้นแล้ว จึงกลับออกมาได้....

    แม้ว่า พระเวสสันดร พระนางมัทรี จะเสด็จออกจากป่าเข้าเมืองไปแล้ว ต้นนารีผล ก็ยังคงมีอยู่ในที่นั้น ตราบเท่าทุกวันนี้ ยังมีดอกหอมกรุ่น มีนารีผลห้อยระย้าอยู่ดังเดิม แม้ลูกที่หมดอายุขัยจะร่วงหล่นเหี่ยวเฉาไป ลูกใหม่ก็ขึ้นมาแทนที่ไม่ได้ขาด

    บรรณศาลาก็เช่นเดียวกัน ปัจจุบันนี้ยังคงมีอยู่ และจะหายไปพร้อมกับต้นนารีผลเมื่อสิ้นสมัยพุทธกาล อายุของพุทธศาสนาครบ๕,๐๐๐ปี

    ว่ากันว่า บางครั้ง ฤๅษีที่บำเพ็ญเพียรจนตบะกล้า กิเลสสงบรำงับ เพื่อจะทดสอบจิตตน ก็จะเหาะไปที่ต้นนารีผล มองดูนารีผล ว่าตนจะตบะแตกหรือไม่... หรือบางครั้งฤๅษีผู้เป็นอาจารย์ อาจจะพาลูกศิษย์ไปทดสอบระดับจิต ไปฝึกควบคุมจิต ที่นั่น ก็มี

    และว่ากันว่า พวกนักสิทธิ์วิทยาธร มักจะเหาะไปเก็บนารีผล อุ้มมาเชยชมแล้ว ฝึกจิตใหม่ ค่อยเหาะกลับออกมา

    นารีผล เป็นที่ต้องการของสัตว์วิเศษ (คนธรรพ์เป็นต้น) รวมถึงวิทยาธรทั้งหลายผู้ยังไม่หมดกามราคะ ดังนั้น การที่นารีผลจะเหี่ยวแห้งคาต้นแล้วร่วงหล่นนั้น เป็นไปได้ยาก ก่อนจะโรยรา จะมีเทวดา สัตว์วิเศษ และวิทยาธร เป็นต้นมาเก็บเอาไป

    หลายคนคงสงสัยว่าทำไมบรรณศาลาถึงมีอายุ ประมาณ 30,000 ปี เนื่องจากถูกเนรมิตสมัยพระเวสสันดร และหลังจากสวรรคต แล้วก็เสวยสุขบนสวรรค์อีก 2 เดือน จึงจุติมาเกิดเป็นพระพุทธเจ้า เวลาในสวรรค์ 1 วันทิพย์ เท่ากับ 400 ปีโลกมนุษย์


    ปัจจุบันมีผู้อ้างว่าพบนารีผลมากมาย และนำมาให้ดูตามสื่อ ลองพิจารณาเรื่องที่เล่ามากับภาพของนารีผลที่เห็นตามข่าวว่าจะจริงเท็จอย่างไร
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. wvichakorn

    wvichakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    3,691
    ค่าพลัง:
    +9,239
    ที่วัดพระปรางมุนี อ.เมือง สิงห์บุรี มีนารีผล ผลแห้งให้ชมค่ะ
    ขออนุโมทนาค่ะ
     
  3. chantima

    chantima เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2008
    โพสต์:
    747
    ค่าพลัง:
    +407
    วัดปทุมวนารามบนศาลาพระราชศรัทธาที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุมีให้ชมหลายผลค่ะ
     
  4. ประทีปแก้ว

    ประทีปแก้ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2008
    โพสต์:
    3,506
    ค่าพลัง:
    +8,329
    อยากเห็นต้นที่มีผลห้อยอยู่อย่างนี้จริงๆอ่ะค่ะ
     
  5. AddWassana

    AddWassana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    11,698
    ค่าพลัง:
    +21,186
    ดูจากภาพผลที่แห้งก็คล้ายคลึงกับที่บรรยาย
     
  6. Nuntapus

    Nuntapus เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2007
    โพสต์:
    75
    ค่าพลัง:
    +385
    ป่าหิมพานต์มีจริงถ้าจำไม่ผิดจะอยู่เลยเขาหิมาลัยไป16โยชน์
    ต้องเป็นคนมีบุญหรือมีอภิญญาถึงจะไปได้

    "ป่าหิมพานต์" ตามตำนานกล่าวไว้ว่า ป่าหิมพานต์ตั้งอยู่ บนเขาหิมพานต์ หรือหิมาลายา (หิมาลัย) คำว่า หิมาลายา นั้นเป็นคำที่ มีรากศัพท์มาจากภาษาสันสกฤตซึ่งแปลว่าสถาน ที่ๆ ถูกปกคลุมด้วยหิมะ ภูเขาหิมพานต์ประดิษฐานอยู่ในชมพูทวีปมีเนื้อที่ ประมาณ ๓,๐๐๐ โยชน์ (๑ โยชน์ เท่ากับ ๑๐ ไมล์ หรือ ๑๖ กิโลเมตร) วัดโดยรอบได้ ๙,๐๐๐ โยชน์ ประดับด้วยยอด ๘๔,๐๐๐ ยอด มีสระใหญ่ ๗ สระคือ ๑ สระอโนดาต ๒ สระกัณณมุณฑะ ๓ สระรถการะ ๔ สระฉัททันตะ ๕ สระกุณาละ ๖ สระมัณฑากิณี ๗ สระสีหัปปาตะ บรรดาสระใหญ่ทั้ง ๗ นั้น สระอโนดาตแวดล้อมไปด้วยภูเขาทั้ง ๕ ที่จัดเป็นยอดเขาหิมพานต์ ยอดเขาทุกยอด มีส่วนสูงและสัณฐาน ๒๐๐ โยชน์ กว้างและยาวได้ ๕๐ โยชน์
    ในป่านี้เต็มไปด้วย สัตว์นานาชนิด ซึ่งล้วนแต่แปลกประหลาด ต่างจากสัตว์ที่เรารู้จัก

    และต้นมักะลีผลก็มีแต่ที่ป่าหิมพานต์ ที่อื่นไม่มีค่ะ
    ในรูปไม่ใช่ของจริง แต่คนทำขึ้นมา
     

แชร์หน้านี้

Loading...