ต้นไม้ในพุทธประวัติ

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย อาหลี_99, 16 กุมภาพันธ์ 2008.

  1. อาหลี_99

    อาหลี_99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    744
    ค่าพลัง:
    +2,992

    ต้นไม้ในพุทธประวัติ
    มะขามป้อม,ต้นสาละ,ต้นโพธิ์,กุ่มบก,สีเสียด,ประดู่ลาย ประดู่แขก,ต้นไทรนิโครธ,มะม่วง,ต้นปาริฉัตร,ต้นเกด,หว้า,ตาล,ตะเคียนทอง,ส้ม,ฝ้าย,ต้นจิก,สะเดาอินเดีย,ไผ่

    มะขามป้อม (Phyllanthus emblica L.)
    มะขามป้อม หรือที่ชาวฮินดูเรียกว่า “อะมะลา” หรือ อะมะลิกา” นี้ ตามพระพุทธประวัติก็กล่าวไว้เช่นเดียวกับมะม่วง คือ ในคราวที่พระองค์เสด็จไปเก็บมะม่วงนั้น ก็ได้ทรงเก็บมะขามป้อมมาด้วย
    มะขามป้อม เป็นพันธุ์ไม้อยู่ในกลุ่มพวกมะยม และผักหวาน คือสกุล (Genus) Phyllanthus และอยู่ในวงศ์ (Family) เดียวกับไม้ยางพารา คือ วงศ์ Euphorbiaceae เป็นไม้ต้นขนาดเล็กหรือขนาดกลาง ผลัดใบ แต่จะผลิใบใหม่ไว เปลือกสีเขียวอ่อนปนเทา กิ่งจะห้อยย้อยลง เรือนพุ่มรูปร่มกาง ใบเป็นช่อ เป็นฝอยคล้ายขนนกออกสีเขียวอ่อน ๆ ช่อใบแต่ละช่อยาว 7 – 10 ซม. ดอกเล็กสีเขียวอ่อนปนเหลือง ออกติดอยู่ตามกิ่งเล็ก ๆ ดอกเพศผู้และเมียอยู่ต่าง ดอกกัน แต่อยู่ในกิ่งเดียวกัน ผลกลมมีรอยเป็นแนวตามผิวผลตามยาว 6 แนว ผลแก่สีเหลืองอ่อนใส ๆ โตวัดเส้นผ่า ศูนย์กลางประมาณ 1.5 – 2 ซม. รับประทานได้ รสเปรี้ยว ๆ ฝาด ๆ แก้กระหายน้ำได้ดี และใช้เป็นยาสมุนไพร
    มะขามป้อมเป็นพันธุ์ไม้ที่ขึ้นอยู่ตามป่าเบญจพรรณแล้งทั่วไปในย่านเอเชียเขตร้อน การแพร่พันธุ์ใช้เมล็ด พวกสัตว์ต่าง ๆ เช่น เก้ง กวาง ชอบกิน และเป็นตัวช่วยในการแพร่พันธุ์ได้อย่างดี ประชาชนนิยมปลูกเป็นไม้ประดับ และใช้ผลรับประทาน ชอบดินที่ระบายน้ำดี เช่น ดินปนทราย และดินลูกรัง ในประเทศไทยมะขามป้อมมีชื่อเรียกต่าง ๆ กัน เช่น ก้นโตด ทำทวด มั่งคู่ และสันยาส่า เป็นต้น มะขามป้อมที่นำมาปลูก พวกเพลี้ยบางชนิด เช่น เพลี้ยแป้ง ชอบมาเกาะดูดน้ำเลี้ยงกินมาก ถ้าปล่อยไว้เรื่อย ๆ มักจะทำให้ต้นตายได้
    มะขามป้อมนอกจากจะใช้ผลรับประทานเพื่อแก้กระหายน้ำแล้ว ผลยังเป็นยาระบายถ่ายพยาธิเส้นด้ายได้ดีมาก โดยต้องรับประทานในปริมาณที่มากพอสมควร เคยจำได้ว่าในสมัยเด็ก ๆ ตอนพักเรียนกลางวันไม่มีอาหาร กลางวันรับประทานก็ไปเก็บลูกมะขามป้อมมานั่งรับประทานจนอิ่ม จึงได้ทราบสรรพคุณด้วยตนเอง
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • makampom1.jpg
      makampom1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      70.3 KB
      เปิดดู:
      399
    • makampom2.jpg
      makampom2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      11.6 KB
      เปิดดู:
      305
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กุมภาพันธ์ 2008
  2. อาหลี_99

    อาหลี_99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    744
    ค่าพลัง:
    +2,992
    ต้นสาละ (Shorea robusta Roxb.)
    สาละ ชาวอินเดียเรียกว่า ซาล (Sal) เป็นไม้ที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธองค์ตั้งแต่ประสูติจนถึงปรินิพพาน โดยที่พุทธมารดาคือพระนางสิริมหามายา เมื่อใกล้กำหนดจะให้พระสูติการก็เสด็จจากกรุงกบิลพัสดุ์ไป ยังกรุงเทวทหนคร อันเป็นเมืองต้นตระกูลของพระนาง ตามธรรมเนียมพราหมณ์ (ที่การคลอดบุตรฝ่ายหญิง จะต้องกลับไปคลอดที่บ้าน พ่อ-แม่ ของฝ่ายหญิง) ในระหว่างทางพระนางได้ทรงหยุดพักบริเวณป่าแห่งหนึ่ง ใต้ร่มต้นสาละ เขตตำบลลุมพินีสถาน คงจะเป็นด้วยทรงถูกกระทบกระเทือนจากการเดินทางไกล หรือจะ เป็นด้วยอำนาจบุญญาธิการของพระราชโอรส (คือพระพุทธเจ้าในเวลาต่อมา) พระนางทรงเจ็บพระครรภ์ ผู้ตามเสด็จก็คงจัดเตรียมกั้นเป็นฉากห้อง เพื่อใช้เป็นสถานที่พระสูติการภายใต้ร่มของต้นสาละนั้น สำหรับในช่วงสุดท้ายที่ต้นสาละเข้าไปเกี่ยวข้องกับพระพุทธประวัตินั้น ก็โดยที่พระพุทธองค์ได้เสด็จ ไปถึงยังเมืองกุสินาราของมัลละกษัตริย์ ได้ประทับในบริเวณสาลวโณทยาน ภายใต้ร่มต้นสาละคู่หนึ่ง ทรงเหน็ดเหนื่อยพระวรกายมาก จึงรับสั่งให้พระอานนท์ ซึ่งเป็นองค์อุปัฏฐากปูลาดที่บรรทมเอนพระวรกาย ลงโดยหันพระเศียรไปทางทิศเหนือ แล้วเสด็จดับขันธ์สู่ปรินิพพานภายใต้ต้นสาละนั่นเอง
    ที่กล่าวมาแล้วเป็นเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธองค์ แต่
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • sala1.jpg
      sala1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      13.5 KB
      เปิดดู:
      92
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กุมภาพันธ์ 2008
  3. อาหลี_99

    อาหลี_99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    744
    ค่าพลัง:
    +2,992
    ต้นโพธิ์ (Ficus religiosa L.)
    ต้นโพธิ์ หรือที่ชาวลังกาเรียกว่า Bohd tree และที่ชาวอินเดียเรียกว่า Pipal นี้นับได้ว่าเป็นต้นไม้ที่มีความสำคัญอย่างยิ่งใน พระพุทธประวัติอีกชนิดหนึ่ง เพราะเจ้าชายสิทธัตถะกุมาร ในระหว่างบำเพ็ญพรต เพื่อหาสัจธรรมนั้น ได้ทรงเลือกนั่งประทับที่โคน ต้นโพธิ์จนกระทั่งพระองค์ได้ตรัสรู้ พระสัมมาสัมโพธิญาน คือ อริยสัตย์ 4 อันประกอบด้วย ทุกข์ สมุห์ทัย นิโรธ มรรค เมื่อวันเพ็ญเดือน 6 แม้พระองค์จะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าแล้วก็ยังต้องทรงใช้พลังจิตรบกับพวกมาร(การเอาชนะกิเลสฝ่ายต่ำ)ก็โดยประทับอยู่ใต้โคนต้นโพธิ์อีก เช่นกัน เพราะโพธิ์มีร่มเงาเหมาะแก่การพักพิงและบำเพ็ญพรตเป็นอย่างยิ่ง และกล่าวกันว่าต้นโพธิ์ที่พระพุทธองค์ประทับเพื่อรวบรวม พระหฤทัยให้บรรลุถึงสัจธรรมนั้นได้ถูกประชาชนผู้นับถือศาสนาอื่น โค่นทำลายไปแล้วแต่ด้วยบุญญาภินิหารเมื่อได้นำนมโคไปรดที่ราก จึงมีแขนงแตกขึ้นมาและมีชีวิตอยู่มาอีกนานก็ตายไปอีกแล้วกลับแตกหน่อขึ้นมาใหม่อีกครั้งหนึ่งต้นที่เหลืออยู่ในปัจจุบันนับว่าเป็นช่วง ที่สามแล้ว
    ต้นโพธิ์เป็นพันธุ์ไม้พวกเดียวกันกับไทร มะเดื่อ และกร่าง คือ อยู่ในสกุล (Genus) มะเดื่อ (Ficus) และวงศ์ (Family) ไม้ไทร (Moraceae)พันธุ์ไม้วงศ์นี้แทบทั้งหมดจะมียางขาว โพธิ์เป็นไม้ต้นขนาดใหญ่ผลัดใบ แต่จะผลิใบใหม่แทนในเวลาค่อนข้างเร็ว ลำต้นเป็นพูพอนเป็นส่วนใหญ่ มีกิ่งก้านสาขาออกไปโดยรอบ ปลายกิ่งลู่ลงทำให้เรือนยอดเป็นพุ่มกลม แผ่กว้าง กิ่งอ่อนเกลี้ยงและมัก ิ่เป็นคราบสีขาว ปลายสุดจะมีหูใบเป็นปลอกแหลม ๆ หุ้ม เมื่อหูใบหลุดไปแล้วจะทิ้งรอยแผลใบเป็นขวั้น ๆ ไว้ที่กิ่งเห็นได้ชัด บางทีตามกิ่ง อาจจะมีรากอากาศให้เห็นบ้าง ใบอ่อนสีเขียวอ่อน แต่พอแก่จัดก่อนร่วงจะออกสีเหลืองทอง ผิวใบเกลี้ยงและเป็นมันทางด้านบน เนื้อใบ ค่อนข้างหนาคล้ายแผ่นหนังใบจะห้อยลงเวลาลมพัดจะแกว่งไกวไปมา ทำให้เกิดเสียงกรีดกับลมน่าฟัง ใบค่อนข้างป้อมหรือรูปไข่กว้าง ๆ โคนใบป้านหรือหยิกเว้าเข้าเล็กน้อย ปลายใบหยักคอดเป็นติ่งหรือหางยาวเรียว ( 7
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กุมภาพันธ์ 2008

แชร์หน้านี้

Loading...