ถึงคุณ nalin101...คืนหนึ่งบนภูผาแดง

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย เอกอิสโร, 17 พฤษภาคม 2012.

  1. เอกอิสโร

    เอกอิสโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,051
    ค่าพลัง:
    +3,809
    <center>ถ้ำสัตตบรรณ

    </center>
    <hr style="color:#FFFFFF; background-color:#FFFFFF" size="1"> เราไปหาให้คุณเอกได้เท่านี้ นะ
    ....เราเห็นภาพตัวเองอยู่ที่เชิงผา เป็นชะง่อนหิน รีๆ ปลายแหลมเหมือนปากนกเหยี่ยว ที่นั้นมีธงสีแดงปักอยู่ด้วย ท่านบอกว่า เบื้องหน้าเราทางซ้าย นั่นคือ ป่าไผ่ เวฬุวัน เบื้องล่าง ชะง่อนผานั้นคือ เวสาลี ราชคฤห์ ส่วนด้านหลังที่เรายืน คือถ้ำสัตบรรณที่ว่า ในถ้ำมี 7 คูหา มีหินงอกหินย้อยไล่ลงมา ถ้ำกลางโถงใหญ่ มีรูปพระพุทธองค์สลักที่ผนังถ้ำ องค์ใหญ่ ที่นี่ไม่มีสมบัติพระเจ้าพิมพิสาร แต่เป็นที่สังคายนาพระไตรปิฏก ...ปัจจะคีรี อยู่ที่ โนนสูง ขอนแก่น ส่วนที่ฝังพระศพ พระมหากัสสปะ ท่านว่าไม่มี พระกัสสปะ ไม่ได้มีการฝังพระศพ พระกัสสปะ นั่งมรณะภาพในถ้ำ หายไป ไม่มีการฝัง (พระไตรปิฏก เขียนผิดได้ไหม) แต่ถ้ำที่ว่า อยู่รอยต่อ ชัยภูมิ กับ ขอนแก่น อ้อ หน้าผาที่ว่า ท่านเรียกมันว่า ผาแดง ได้มาแค่นี้นะ อ้อ ถ้ำสัตตบรรณ มันโดนปิดไป ท่านว่า เข้าไปได้แค่ใช้จิตเท่านั้น ช่วยอะไรคุณเอกได้ไหมเนี้ย

    ........

    นานมากโขพอดูตั้งแต่คุณ nalin101 แจ้งข้อมูลมาให้ทราบ ดังข้อความข้างต้น
    และผมเพิ่งได้ไปวัดภูผาแดง ครั้งแรก เมื่อราว เดือนกุมภาพันธ์ 2555 ที่ผ่านมา พร้อมๆ กับได้เบาะแส เรื่องถ้ำที่อยู่ใต้ภูเขา
    เมื่อราวกลางเดือนเมษายน 2555 ที่ผ่านมา กัลยาณมิตรคนหนึ่ง ได้ไปพบกับลุงจำปา คนในพื้นที่ที่เคยเข้าไปในถ้ำดังว่า เพื่อไปดูตำแหน่ง-พิกัด ทางเข้าถ้ำที่ว่า
    ปลายเดือน เมษายน 2555 ผมเกิดอาการเบื่อหน่ายทางโลกอย่างเต็มพิกัด และเห็นว่าการงานทางโลกเป็นหนทางคับแคบเสียเหลือเกิน
    จึงตัดสินใจทิ้งภาระงานที่รับผิดชอบ โดยตัดใจไม่ต้องรับรู้อะไร ปิดโทรศัพท์ ออกเดินทางจากกรุงเทพ ด้วยชุดขาวเพียงชุดเดียวที่ใส่ติดตัว ตั้งใจว่า จะทำภาระกิจสุดท้าย คือการ ไป "ค้นหาถ้ำสัตตบรรรคูหา" ที่ ภูผาแดง

    คิดอยู่อย่างเดียวว่า ขอมอบกายถวายชีวิตให้พระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า พระสังฆเจ้า ให้สมกับที่รับอาสากับพระพุทธองค์ไว้ในความฝัน เมื่อสิบกว่าปีก่อน

    ไม่ว่าจะเจอหรือไม่เจอ "ถ้ำสัตตบรรณคูหา" ก็จะไปนั่งทำความเพียรให้ถึงที่สุด ตายเป็นตาย

    หลังจากที่ต้องค้างแรม อยู่ชุมชนห่างจากวัดภูผาแดง สิบกว่ากิโลเมตร เพราะไม่สามารถเดินทางเข้าไปวัดได้ในยามวิกาลได้ พอรุ่งเช้า จึงค่อยขวนขวายทั้ง เดิน ทั้งนั่งรถประจำทาง อาศัยรถเก็บของเก่าขาย เข้าไปส่งถึงวัดภูผาแดง

    เมื่อเข้าไปถึงวัด ไม่เจอท่านเจ้าอาวาส แต่ด้วยความตั้งใจที่จะมาหาถ้ำ ไม่ได้มาหาพระ หลังจาก กราบรูปหล่อหลวงปู่เทพโลกอุดร และถวายขนมปัง น้ำดื่มและหนังสือ "ความลับพระพุทธเจ้า" ไว้เบื้องหน้ารูปหลวงปู่แล้ว จึงมุ่งหน้าเดินขึ้นเขามุ่งหน้าหาถ้ำ

    ไปแวะถ้ำแรก ซึ่ง เคยไปเยือนมาแล้วหนแรก

    [​IMG]

    (ภาพประกอบจาก ถ้ำภูผาแดง อำเภอมัญจาคีรี จังหวัดขอนแก่น )

    นั่งพักสงบใจ หน้าพระพุทธปฏิมา อธิษฐานความตั้งใจที่จะมาค้นหาถ้ำสัตบรรณคูหา

    หลังจากนั้น จึงมุ่งหน้าไปหา ทางเข้า "ถ้ำโปงลาง" ตามที่ลุงจำปาเรียกขาน ตามข้อมูลที่ได้รับทราบมา จะอยู่ระหว่างถ้ำนี้ กับ "ถ้ำร้อน"

    ผมเดินหาทางเข้าถ้ำ ที่ตามที่กัลยาณมิตรที่มาสำรวจก่อนนี้ บอกไว้ว่า ทางเข้าเหมือนรูแย้ คือแค่ตัวคนผอมๆ จะมุดลงไปได้ และสังเกตจะมีน้ำไหลออกมาจากจากปากทางเข้า

    ผมก็พยายามจะสอดส่ายสายตาหา แต่ก็พลาดไม่เจอ จนเลยไปถึงถ้ำร้อน โดยเข้าใจว่า คือทางเข้าถ้ำโปงลาง เพราะทางเข้ากว้างพอที่ตัวผมจะแทรกตัวลงไปได้ มีไม้เป็นลำที่มีแขนงพอให้เหยียบไต่ลงไปได้

    ด้วยความดีใจ ผมรีบแทรกตัวลงไป พอไปถึงพื้นถ้ำ จึงได้รู้ว่า "มาผิดถ้ำแล้ว"

    อากาศข้างในร้อนมาก ร้อนมากจริงๆ ผมเหนื่อย และอ่อนแรงอยู่บ้าง เพราะวันนี้ อดข้าวมาจะครบ 48 ชั่วโมงแล้ว มีเพียงน้ำติดตัวมา 2 ขวด

    หลังจากจิบน้ำเพื่อคลายความกระหาย แล้วแลเห็นแผ่นหินที่ราบเรียบสะอาด ไม่มีดิน ไม่มีทราย จึงคิดว่าจะนอนทอดกายให้คลายเหนื่อย นอนได้สักพัก มีลมเย็นวูบมาให้รู้สึกบ้าง แต่ขอโทษ เหงื่อที่ไหลออกมาจากร่างนองพื้นหิน ชุดขาวชุดเดียวที่ใส่มาจากกรุงเทพเป็นวันที่ สอง ชุ่มไปด้วยเหงื่อ

    คิดแล้ว ขืนยังนอนต่อไปอีก คงช็อคหมดสติในถ้ำร้อนนี้แน่ จึงตัดสินใจมุดขึ้นมาจากถ้ำร้อน ออกมาตั้งหลักข้างบนปากถ้ำว่า จะเอาอย่างไรดี?

    ใจพลันคิดว่า ไหนๆ ก็ไม่เจอทางเข้าถ้ำโปงลางแล้ว พลันคิดถึงความฝันเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว ที่เดินสวนกระแสน้ำขึ้นไปบนยอดเขาและได้พบพระพุทธรูปทองคำองค์ใหญ่ และรับปากจะทำภารกิจหนึ่งที่ไม่รู้ว่าคืออะไร?

    "ตัดสินใจเดินขึ้นยอดเขา"

    ทั้งเดิน ทั้งหยุดพัก นั่งพัก นอนพัก เขาก็ไม่สูงนะ คะเนว่าน่าจะประมาณ 600 เมตร จากระดับน้ำทะเล เพราะยอดภูโค้งที่อยู่ในเทือกเขาใกล้ๆ กัน สูง 900 กว่าเมตร แต่เดินได้ไม่กี่สิบเมตรก็เหนื่อย หยุดนั่งพัก มดก็ไล่ที่ เอ้าเดินต่อ แดดก็ร้อนเปรี้ยงๆ ไม่เหมือนในความฝันเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว ที่ภูเขาลูกนั้นเขียวชะอุ่ม อุดมด้วยต้นไม้ อากาศเย็นสบาย แถมมีน้ำใสไหลเย็น เป็นธารน้ำไหลลงมาจากข้างบนเขา

    อืมม เราคงมาผิดเดือน ผิดฤดูกับในความฝัน
    แต่...เอาไงเอากัน ตั้งใจแล้ว ต้องทำให้สำเร็จ
    ต้องขึ้นไปยอดเขาข้างบนให้ได้

    เดินไปจิบน้ำไป จนเหลือน้ำอยู่ครึ่งขวด ไม่ได้การหล่ะ ต้องบริหารน้ำ วันนี้กินแค่ขวดเดียว เหลืออีกขวดสำหรับพรุ่งนี้

    เมื่อขึ้นถึงยอดเขา ลมเย็นดีเหลือเกิน เขาสูงแค่นี้ แต่ใช้เวลาเดินขึ้น ตั้ง 4-5 ชั่วโมง เพราะตอนนั้น พระอาทิตย์ เริ่มคล้อยทำมุมกับยอดเขาที่อยู่อีกฟากหนึ่ง
    ลมอื้ออึง ทำท่าเหมือนฝนจะตกแน่คืนนี้

    แต่สิ่งที่เห็นก่อนฟ้าจะมืด มองไปข้างหน้า ข้างซ้าย ข้างขวา มันเป็นเทือกภูเขาที่โอบล้อม ตัวเมืองแก้งคร้อ จังหวัดชัยภูมิ และ ชุมชนอีก 2-3 หมู่บ้าน ซึ่งอยู่ในหุบเขาข้างล่าง

    หรือว่า ข้างล่างนี้ หรือคือที่ตั้งนครราชคฤห์โบราณ เมื่อ 2 พันกว่าปีที่แล้ว
    เสียงชาวบ้านที่อยู่หมู่บ้านข้างล่างที่มองเห็นไกลสัก 2-3 กิโล จากยอดเขา ตอกตะปู ดังสะท้อนได้ยินขึ้นมาถึงยอดเขา แล้วเรามองลงไปเห็นรถราที่วิ่งอยู่ในหมู่บ้าน พาลให้ใจนึกไปถึง เมื่อครั้งที่พระเจ้าพิมพิสารถูกพระเจ้าอชาตศัตรุขังไว้ในคุก แต่พระองค์ยังสามารถมองผ่านหน้าต่างคุก เห็นพระพุทธเจ้าอยู่บนยอดเขา

    เออนี่ จะมีใครมองขึ้นมาเห็นเราหรือเปล่านะ?
    แล้วเขาจะคิดว่า คนบ้าที่ไหนหรือเปล่า ถึงไปอยู่บนยอดเขาคนเดียวในยามใกล้พลบค่ำแล้วนี้

    เอาเถอะ ใครจะมองเห็นหรือไม่ก็ช่างเขา เพราะอย่างไรเสีย คืนนี้ผมก็ตัดสินใจที่จะนั่งและนอนฝึกจิตอยู่บนยอดเขานี้แล้ว อะไรจะเกิดก็ช่างเถิด

    ที่บอกว่า "อะไรจะเกิดก็ช่างเถิด" เหตุผลหนึ่งก็คือ เมื่อตะวันกำลังจะลับเหลียมเขา เทือกที่อยู่ตรงข้ามกับภูผาแดงนี้ กัลยาณมิตรที่มาสำรวจทางเข้าถ้ำโปงลาง เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ส่งเสียงมาทางโทรศัพท์ ทิ้งข้อความเอาไว้ว่า...

    "ผมลืมบอกคุณเอกไป ว่าเมื่อสัปดาห์ที่แล้วที่มาสำรวจทางเข้าถ้ำ ลุงจำปาแกบอกว่า เพิ่งมีคนผูกคอตายที่ปากถ้ำ ลุงแกเป็นคนไปปลงศพ และลำเลียงลงมาข้างล่าง แต่คงไม่เป็นไรมั้ง เพราะคุณเอกอยู่บนยอดเขาแล้ว ไกลกันอยู่"

    อืมม นะ เขาว่า...บางอย่างไม่พูด ก็ไม่มีใครว่าอะไรหรอกนะ
    แต่นี่ พี่แกพูดออกมาแล้ว มันก็แก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว

    เป็นว่า คืนนั้น ไฟต์บังคับ ทั้งนั่ง ทั้งนอน เจริญ "พุทโธ พุทโธ" เป็นองค์บริกรรมหลัก

    แผ่เมตตาไม่มีประมาณ ให้ทั้งเจ้าป่า เจ้าเขา ดวงวิญญาณทั้งหลาย ลูกตั้งใจมาดี ขอท่านทั้งหลาย อนุโมทนา ในการปฏิบัติบูชา ถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา ตลอดวันหนึ่ง คืนหนึ่ง ที่ลูกได้สมาทานรักษาศีลแปด และเจริญสติ ภาวนามีองค์พุทโธ เป็นคำบริกรรม ระลึกนึกถึงเป็นพุทธานุสติ อยู่ทุกขณะ เว้นแต่เมื่อพลั้งเผลหลับไป

    ใจจริงก็อยากให้ฝนตก ให้มันเปียกปอน หนาวเน็บ ทรมานสังขารให้เต็มเหนี่ยวไปเลย เหมือนได้ใช้กรรมที่ติดกายติดสังขารนี้มา แต่ฝนก็ไม่ตก

    โชคดีอยู่เหมือนกัน คืนนั้น เป็นคืนขึ้น 10 ค่ำ จึงมีแสงจันทร์เป็นเพื่อน ไม่ดูมืดมิดไปเสียทีเดียว

    แต่จากโขดหินที่อาศัยนั่งและนอนอยู่ก็สามารถที่จะมองไปเห็นแสงไฟในตัวเมืองแก้งคร้อ และแสงไฟที่สว่างจนรุ่งเช้าของหมู่บ้านที่อยู่ข้างล่าง

    ไม่คิดว่า จะมีแต่กรุงเทพที่ไม่เคยหลับ แต่ที่อำเภอ หมู่บ้านในชนบทไกลจากกรุงเทพมากโข ก็ไม่เคยหลับเหมือนกัน

    ตีสอง เสียงเพลงจากข้างล่างหมู่บ้านยังดังขึ้นมาถึงยอดเขา มองลงไป ยังมีแสงไฟจากรถที่วิ่งเข้า-ออก หมู่บ้าน นอกจากแสงไฟ ตามบ้านที่ติดอยู่ทั้งคืน พอๆ กับบ้านจัดสรรในกรุงเทพ

    เผลอหลับ ก็หลับไป รู้สึกตัวขึ้นมา ก็ลุกขึ้นมานั่งภาวนา พุทโธๆๆๆ นั่งเมื่อย ก็นอน ภาวนา พุทโธๆๆๆ นอนแล้ว ก็ลุกยืน ภาวนา พุทโธๆๆๆ บ้าง สลับกันไป ยกเว้น เดินไม่ได้ เพราะ อาจจะเผลอร่วงตกโขดหินได้ เพราะยิ่งใกล้สว่าง พระจันทร์ก็ลับเหลี่ยมเขาไปอีก รอคอยแต่พระอาทิตย์ จะโผล่จับขอบฟ้า ฝั่งทิศตะวันออก

    ถึงไม่รู้สึกหิว แม้จะผ่านการอดอาหารมาได้ 60 กว่าชั่วโมงแล้ว แต่ก็กระหายน้ำทีเดียว น้ำขวดที่ 2 ถูกเปิด และยกขึ้นมาจิบเป็นระยะ จนกระทั่งเช้า เหลือน้ำขวดสุดท้ายอยู่ครึ่งขวด

    ความตั้งใจเดิม จะเปลี่ยนทางลง โดยจะหาทางลงไปตามหน้าผา เพื่อลงไปยังหมู่บ้านที่อยู่ข้างล่าง เพื่อไปสอบถามว่าเป็นหมู่บ้านอะไร มาคราวหน้า จะได้บอกทางเข้ามาหมู่บ้านถูก เพราะ ต้องมาปักหลัก หาทางเข้าถ้ำ จากฟากเข้านี้ อีกครั้งให้ได้ ถ้า ไม่เป็นอะไรเสียในป่า ในเขานี้ก่อน

    พยายามจะทางลงให้ได้ แต่ หน้าผาที่ตัดแทบจะ 90 องศา โดยไม่มีอุปกรณ์ช่วยในการโรยตัวลงไป นอกจากมีปีกบินลงไปเท่านั้น จึงจะลงไปสู่พื้นข้างล่างที่มองเห็น ถ้าจะเดินไปต่อทางซ้าย หรือขวา เพื่อจะไปหาทางลาดลงสู่พื้นดินข้างล่าง คะเนจากสายตาแล้ว อาจต้องเดินไปอีกเป็นกิโล

    เมื่อประเมินจากสภาพร่า่งกายที่เริ่มอิดโรยแล้ว กับน้ำที่เหลืออยู่อีกไม่ถึงครึ่งขวดแล้ว จึงตัดใจ เดินลงกลับทางเดิม

    แต่...ป่าก็คือป่า มีแต่ต้นไม้ กับโขดหิน และลานหิน มองไปทางไหน ก็เหมือนกัน ประกอบกับ ประสบการณ์ที่เคยหลงป่าที่ "เขาสามยอด" อำเภอภูผาม่าน เมื่อครั้งไปค้นหา "ถ้ำเก็บรักษาสรีระของพระมหากัสสปะ" มาครั้งหนึ่งแล้ว

    ทำใจว่า "หลงแน่"

    แต่ก็เชื่อว่า "ถ้าเราเดินลงไปตามทางน้ำ" ยังไงก็ลงไปถึงตีนเขาแน่ ไม่มีทางขึ้นเขาอีก ว่าแล้ว ก็เริ่มเดินตามร่องทางน้ำ ที่ไม่มีน้ำหรอก

    เดินไปเรื่อยๆ จิบน้ำไปเรื่อยๆ เหนื่อยก็พัก ที่สุด "น้ำก็หมดขวด"
    เอาน่ะ ตัดสินใจมาจากกรุงเทพ ก็บอกกับตัวเองแล้วว่า "ตายเป็นตาย"

    ชีวิตที่เหลือ ก็สุดแต่เวรแต่กรรม แล้วกัน ถ้าจะหมดแรงสลบไม่มีใครมาเห็นอยู่ในป่านี้ก็ให้มันรู้ไป

    ขาลงมันเร็วกว่าขาขึ้นนะ แต่ไม่ค่อยมีใครชอบขาลง โดยเฉพาะ "ชีวิตและเศรษฐกิจ"

    ผมเดินลงมา โดยพยายามยึดร่องทางน้ำมาเรื่อยๆ แต่ไม่เห็นเค้าว่า จะเป็นทางลงไปวัดภูผาแดง ที่ขึ้นมาเมื่อวานเลย แต่ไม่แปลกใจเลย เพราะรู้ว่า "หลงอยู่แล้ว" แต่จะไปโผล่ที่ตรงไหนของตีนเขาเท่านั้นแหล่ะ

    เดินลงมา จนเริ่มเห็น ตัวหนังสือพ่นอยู่ตามโขดหิน และพื้นหิน "เขตป่าต้นน้ำ ห้ามตัดไม้ ทำลายป่า"

    แค่เห็นตัวหนังสือ ก็ใจชื้นแล้ว

    เดินต่อไปเรื่อยๆ เห็นตัวหนังสือที่เขียนไว้ "เขตอภัยทาน ห้ามล่าสัตว์" ยิ่งใจชื้นขึ้นไปอีก นี่จะถึงวัดแล้ว

    แต่ไม่รู้ว่า วัดอะไร? ทีแรกยังนึกว่าตัวเองหลงเดินลงมาทางวัดดูน หรือวัดอุดมคงคาคีรีเขต หรือวัดหลวงปู่ผาง

    พอเดินเข้ามาถึงเขตวัด พลันสายตาก็เหลือบมองเห็นก๊อกน้ำ

    "เราไม่ตายแล้วหล่ะ"

    แล้วก็รีบเดินไปเปิดก๊อกน้ำ รองน้ำใส่ขวด ดื่มแล้วครานี้ไม่ต้องจิบ
    ดื่มให้หายกระหาย...น้ำเปล่าในยามนี้ ทั้งหวานทั้งอร่อย
    ผิดกับตอนที่อยู่กรุงเทพ น้ำเปล่านี่กินไม่ค่อยได้ มันไม่หวาน ไม่สดชื่นเหมือน เป๊บซี่ โคล่า หรือน้ำเขียวใส่น้ำแข็ง

    แล้วก็เดินเข้ามาเขตวัด ถามดูถึงได้รู้ว่า เป็น "วัดห้วยทราย"

    โชคดีของเช้าวันนั้น ที่ลงมาทัน ชาวบ้านมาถวายจังหัน หรือภัตราหารเช้า
    เลยได้ ร่วมทำบุญถวายจังหัน รับศีลรับพร เป็นสิริมงคลแก่ตัว
    ก่อนจะอาศัยติดรถชาวบ้านอีก 2 ทอด จึงออกมาถึงถนนใหญ่
    นั่งรถประจำทางอีก 2 ทอด เพื่อกลับไปที่บ้าน ในตัวอำเภอบ้านไผ่
    ให้แม่ที่บ้านได้สบายใจ ว่าลูกชายยังไม่ล้มหายตายจาก

    ก่อนจะเดินทางกลับเข้ามาสู่กรุงเทพ ดงคอนกรีต เพื่อมาทำงานเหมือนเดิม

    แต่ตั้งใจว่าสักวันหนึ่งจะต้องเร่งหาทางปลดเปลื้องตัวเองจากงานที่ทำอยู่ ที่แทบจะหาเวลา หยุดพักเหนื่อย หยุดคิด และให้เวลากับ ภารกิจที่รับปากกับ "พระในฝัน" ไม่ได้สักที

    ผมเองไม่อยากทอดทิ้งภาระทุกสิ่งไปอย่างที่ทำหรอกนะ เพราะรู้ว่าเรายังมีภาระทางโลกที่ต้องรับผิดชอบอยู่

    แต่บางครั้ง กับสิ่งที่ "เรารับปากไว้" ผมว่าก็สำคัญนะ

    "เสียชีพอย่าเสียสัตย์"

    เอาเป็นว่า หากวันหนึ่ง ผมต้องสิ้นชีพ โดยยังไม่ได้ทำตามคำสัตย์ ก็ฝาก คุณ nalin101 ช่วยสานต่อด้วย

    ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ที่อุตส่าห์ หาข้อมูลมาบอกผม ดังที่ยกมาข้างต้นของกระทู้

    สวัสดี


     
  2. เอกอิสโร

    เอกอิสโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,051
    ค่าพลัง:
    +3,809
    ขอบคุณข้อมูลเพิ่มเติม จากน้องร่วมสถาบัน และเพื่อนร่วมอุดมการณ์ "สีอิฐ-สยามประชา"




    <TABLE class="uiGrid conversationContainer" cellSpacing=0 cellPadding=0><TBODY><TR><TD class=vBot>เริ่มการสนทนา
    วันนี้
    [​IMG] รายงานผู้ดูแลระบบ · 23:45
    ไปเที่ยวกันมั๊ย...ไปกับพี่แล้วสบาย...ถึงตายไม่ตกต่ำ http://palungjit.org/threads/ไปเที่ยวกันมั๊ย-ไปกับพี่แล้วสบาย-ถึงตายไม่ตกต่ำ.340390/


    [​IMG] รายงานผู้ดูแลระบบ · 23:49
    ข้ามไปข้ามมาจังเลยพี่แจ๊ค


    [​IMG] รายงานผู้ดูแลระบบ · 23:51
    หัวใจคือการ ไปเริ่มจาก "กุสินารา" สถานที่ปรินิพพาน ในวัน ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ และถวายพระเพลิงพระบรมศพ แล้วแจกพระบรมสารีริกธาตุ
    จากนั้น ก็จะย้อนเส้นทาง ที่พระเจ้าอชาตศัตรู ที่ได้รับส่วนแบ่ง พระบรมสารีริกธาตุ แล้ว อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ คืนสู่พระนครราชคฤห์ ระยะทาง ๒๕ โยชน์ หรือ ประมาณ ๔๐๐ กิโลเมตร
    ก็คือ ที่ "ชัยภูมิ" นี่เอง
    ภายหลัง พระเจ้าอชาตศัตรู ให้ไปรวบรวม พระบรมสารีริกธาตุ จากเมืองอื่นๆ ยกเว้นแต่ที่รามคาม หรือ เมืองรามัญ แล้วมาบรรจุไว้ที่เจดีย์เมืองราชคฤห์


    [​IMG] รายงานผู้ดูแลระบบ · 23:54
    ถ้าถือว่าเป็นการถวายสัจจะอธิษฐานเป็นพุทธบูชาก็ไม่เลว
    แต่เกรงว่าหากไปด้วย คงจะไปถ่ายรูปเป็นงานหลักมากกว่าอะพี่แจ๊ค


    [​IMG] รายงานผู้ดูแลระบบ · 23:55
    หลังจากนั้น พระมหากัสสปะก็ได้อัญเชิญ "พระธาตุส่วนหน้าอก" ออกเดินทางจากเมืองราชคฤห์ ไปสู่ ภูกำพร้า คือ นครพนมในปัจจุบัน คือที่ "พระธาตุพนม" นั่นเอง


    [​IMG] รายงานผู้ดูแลระบบ · 23:56
    ปล.ครูบาอาจารย์ท่านฝากไว้ เรื่องที่เตือนเมื่อวานนะ พี่แจ๊คไปค้นหาคำตอบเอา ว่าติดสัญญาอะไรไว้กับใคร ทำให้ไม่สามารถไปพบเจอสิ่งที่หวังได้
    สัญญาในแง่ของพระน่ะ
    ส่วนโปรแกรม..ขอดูตารางเวรก่อนเน้อ


    [​IMG] รายงานผู้ดูแลระบบ · 23:57
    ครานี้ ถ้าเราได้อ่าน "อุรังคธาตุนิทาน" ประวัติพระธาตุพนม ซึ่งเป็นสัญญลักษณ์ของมหาวิทยาลัยขอนแก่น อันเป็นที่พวกเรา "สีอิฐ" ได้รวมกันและก่อเกิดขึ้นที่ "มอดินแดง" นั่นเอง ก็จะเห็ภาพเลย ว่า ท่าเดินทางไปเส้นไหน แวะเข้าไปบิณฑบาตที่เมืองหนองหานน้อย ที่อุดร ไปหนองหารหลวงที่สกลนครอย่างไร ก่อนจะไปถึงนครพนม
    เห็นมั๊ยว่า ตลอดเส้นทาง แค่จาก กาญจนบุรี ถึงชัยภูมิ เราก็ได้ระลึกนึกถึง "พระพุทธเจ้า" ตลอดเส้นทาง เป็น "พุทธานุสติ" ได้ยอดเยี่ยม ในห้วงแง "พุทธชยันตี วิสาขบูชาโลก"
    * ในห้วงแห่ง "พุทธชยันตี วิสาขบูชาโลก"
    มีโอกาสขอเรียนเชิญนะครับ
    สีอิฐ-สยามประชา
    "พัฒนายั่งยืน ฟิ้นสังคมธรรม นำสยามร่มเย็น"


    [​IMG] รายงานผู้ดูแลระบบ · 00:00
    ^^


    [​IMG] รายงานผู้ดูแลระบบ · 00:01
    แหม นึกภาพ วันที่ไปคุยที่คอนโดอ้อย ก่อนที่วันรุ่งขึ้น จะไปนำเสนอ แนวคิดสยามประชา ในการล่องเรือกู้ชาติ เมื่อ สิบกว่าปีที่แล้วขึ้นมาเลย
    อืมม ว่าแต่ "สัญญาของพระ" นี่ อ้อย พอจะขยายความเพิ่มได้อีกมั๊ย?


    [​IMG] รายงานผู้ดูแลระบบ · 00:03
    พี่แจ๊คลองตั้งจิตนิ่งๆ แล้วนึกถึงภาพตัวเองกำลังกอบทรายขึ้นมากำแล้วอธิษฐานนะ
    เค้าเรียกสัตยาธิษฐาน อันนี้รู้สึกว่าเคยอธิษฐานสนุ๊กตัวเองเอาไว้


    [​IMG] รายงานผู้ดูแลระบบ · 00:04
    อืมม รอฟังครับ


    [​IMG] รายงานผู้ดูแลระบบ · 00:06
    ที่บอกได้คือเท่านั้น แต่ที่เมื่อวานนึกรู้ขึ้นมาคือมันเกี่ยวกับเรื่องที่ตั้งใจจะกระทำ แล้วไม่สำเร็จ บุคคลที่เกี่ยวมากๆ ก็ล้วนแต่ผูกพันกับชีวิตพี่แจ๊ค เป็นเหตุเป็นผลที่ทำให้สิ่งที่หวังยังไม่สำเร็จทั้งนั้น คือจะไปต้องไปครบทีม ว่างั้นเถอะ
    แต่รายละเอียดมากกว่านี้ไม่ทราบแล้ว


    [​IMG] รายงานผู้ดูแลระบบ · 00:07
    ขอบคุณมาก แล้วจะพยายามรู้ให้ได้ด้วยตัวเองครับ


    [​IMG] รายงานผู้ดูแลระบบ · 00:07
    ประมาณว่าติดสัญญาที่ต้องกระทำให้สำเร็จกับใครบางคน บางกลุ่ม
    ไม่แน่ใจว่าหมายถึงการถือพุทธภูมิไหม


    [​IMG] รายงานผู้ดูแลระบบ · 00:08
    เรื่องปรารถนาพุทธภูมิ อันนี้ แน่นอนครับ ตั้งแต่มีอาจารยืสอนมโนมยิทธิช่วยยืนยันแล้ว
    และเราก็เชื่อด้วยจิตภายใน และรู้แล้วด้วยว่า ปรารถนาและได้รับพุทธพยากรณ์แล้ว
    เรื่องลาพุทธภูมิ เคยคิด เมื่อไปฝึกมโนฯ รอบที่สอง แต่ตอนนี้ความคิดลาพุทธภูมิไม่มีอีกแล้ว
    ปัจจุบันนี้ ขึ้นชื่อว่า อัตภาพ ร่างกาย และชีวิต ขอมอบถวาย แต่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว


    พบกันบน fb

    http://www.facebook.com/Thanabodee.tace#!/groups/234719933272194/






    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 พฤษภาคม 2012
  3. Nakraksa

    Nakraksa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    3,481
    ค่าพลัง:
    +14,350
    เดี๋ยวจะบอก Nalin ให้เข้ามาดูค่ะ
     
  4. Noppharat

    Noppharat Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    31
    ค่าพลัง:
    +40
    ขออธิษฐานจิต ให้คุณเอกและคณะทำภาระกิจตามที่ใจมุ่งมั่นสำเร็จ สักวันความจริงก็ต้องปรากฎ ขึ้นอยู่กับว่า เมื่อไหร่........เท่านั้น ไม่ว่าพระพุทธเจ้าจะเกิดที่ไหน แต่พพจ.ก็อยู่ในใจคุณตลอด นับถือในความศรัทธา มุ่งมั่น ของคุณจริงๆ อย่าทิ้งงานนี้นะคะ
     
  5. ผีอีแพง

    ผีอีแพง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +117
    ไหนบอก จะไม่ตั้งกระทู้ใดๆๆทั้งสิ้นในชื่อเอกอิสโร ไงเจ้าค่ะ ไม่มีสัจจะ คนใจร้าย
     

แชร์หน้านี้

Loading...