ทำไมบางคนถึงมีศรัทธาหรือจริตในการช่วยเหลือสัตว์มากกว่าช่วยเหลือคน

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย ป้าเม้า, 13 กุมภาพันธ์ 2013.

  1. ป้าเม้า

    ป้าเม้า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    50
    ค่าพลัง:
    +167
    พูดคุยเรื่อยเปื่อย: คนไทยใจดี

    เคยคิดตั้งคำถามเหมือนกันว่าทำไม
    เพราะเราเองก็เป็นแบบที่เขาว่า
    ขอช่วยสัตว์ก่อนช่วยคน เพราะมองว่าสัตว์ก็มีกรรมอยู่แล้วที่ไม่ได้เกิดเป็นมนุษย์ ไม่มีโอกาสทำบุญทำกุศล
    เราจะเลือกทำบุญกับพระพุทธศาสนาและทำบุญกับสัตว์ก่อนเสมอ ทำบุญกับมนุษย์แทบไม่อยู่ในสมอง
    หลายคนในปัจจุบันเลือกที่จะมีเพื่อนรักเป็นสัตว์มากกว่ามนุษย์

    ศรัทธาหรือจริตเหล่านี้มันเกิดจากกรรมในอดีตหรืออย่างไร ขอผู้รู้ช่วยชี้ทางสว่างด้วยค่ะ
     
  2. ddman

    ddman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,046
    ค่าพลัง:
    +11,941
    สิ่งทั้งปวงย่อมไหลมาแต่เหตุเสมอ ไม่มีอะไรเกิดเองลอยๆ..แม้ศรัทธาและจริตก็เกิดได้ด้วยเหตุเช่นกัน..และมิใช่เกิดด้วยอำนาจเหตุปัจจัยอย่างใดอย่างเดียว แต่มีเหตุปัจจัยจำนวนมากมายที่ส่งเสริมสนับสนุนให้เกิด...เช่น เพราะเคยได้สดับพระธรรมมาก่อน จึงทราบอานิสงค์ของเมตตา กรุณาจึงมีจิตคิดช่วยเหลือสัตว์ูผู้ตกทุกข์ได้ยาก...๑ เพราะคบคุ้นกับชนผู้นิยมการช่วยเหลือสัตว์อยู่ จึงเข้าถึงความนิยมในการนั้นตามเขา ครั้นนานไป ก็สั่งสมอุปนิสสัยนี้จนชำนาญ เมื่อคิดจะช่วยก็จะเ้ข้าร่องที่ชำนาญคือช่วยสัตว์เดรัจฉานก่อน ๑..หรือเพราะอำนาจตัณหาที่ติดข้องในความน่ารักน่าเอ็นดูของสัตว์ ครั้นเห็นเขาได้ทุกข์จิตก็หวั่นไหวไปอย่างมาก๑...หรือตนเองเคยเข้าถึงการเป็นสหายแห่งสัตว์มาก่อน เคยตกทุกข์ได้ยาก หรือเห็นพวกพ้องได้ทุกข์สาหัสจึงเกิดความตั้งใจแรงกล้าที่จะช่วยพวกเขา๑..

    เพราะจิตมีความสามารถในการสั่งสมอุปนิสสัยสันดานให้สืบต่อยาวนานมั่นคงและชำนาญ..เมื่อใดได้เหตุปัจจัยกระตุ้นเร้า อุปนิสสัยนี้จะได้โอกาสขึ้นทำงานโดยทันทีราวอัตโนมัติ ..จึงไม่เฉพาะในชาตินี้เท่านั้นที่ท่านผู้ถามมีความศรัทธาและความคิดเช่นนี้ แม้ในอดีตมากชาติก็เคยศรัทธาและคิดทำเช่นนี้มาแล้ว..

    พึงทราบโดยนัยแห่งการวิเคราะห์ดังนี้แล
     
  3. NARKA

    NARKA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    1,568
    ค่าพลัง:
    +4,560
    คุณดีแมนตอบได้ดี ผมขออนุญาตเพิ่มเติมอีกเล็กน้อย ในปัจจุบันชาติ
    คืออดีตชาติอาจผูกพันธ์กันมาหรือ วาสนา(สันดาน)เป็นเช่นนั้น เกิดใหม่ จึงติดตัวมาด้วย นี่เรื่องจริง และอาจเป็นชีวิตปัจจุบันเช่นนั้น
    แต่ถ้าลองพิจารณาปัจจุบัน พุทธศาสนา ให้สงเคราะห์ทิศทั้ง6ก่อน นี่คุณผิดแล้วหนึ่ง
    สอง...วิธีทำเมตตา ท่านให้ทำเมื่อเผชิญเหตุ ก็เมตตา กรุณาช่วยเหลือไปก่อน เช่น เห็นสุนัข โดนรถทับขาหัก นี่เราอาจอุ้มมันไปไว้ที่ปลอดภัยก่อน แล้วเราจึงไปธุระของเรา
    แต่ใจเราก็แสดงมุทิตาจิตว่า ให้มันรอดพ้นความเจ็บความตายไปได้ แต่ถ้ามารู้ว่ามันตาย เราก็ต้องวางอุเบกขา...นี่เป็นวิธีปฏิบัติในความเมตตากรุณา...แต่มิใช่เราถึงขนาดอุ้มมันไปหาหมอ ออกค่ารักษาพยาบาล มันหายแล้วก็เก็บมาเลี้ยงดูอีก...นี่ เมตตาแบบไม่ถูกต้อง
    ..จะเห็นคนเมตตาใจบุญกับสุนัขมากมายในไทย เก็บมาเลี้ยงหมด เช่น มีถึง500ตัว เสร็จแล้วก็ทุกข์ เที่ยวเร่หาคนเมตตาช่วยค่าอาหาร นี่ก็เมตตาไม่ถูกอีก....
    ..หลายราย ชอบเอาอาหารไปให้มัน ยิ่งอยู่ที่ทำงาน แต่พอเจ้านายบอก จะจับมันให้ไปเลี้ยงที่บ้าน ก็ส่ายหัวกันทั้งหมด แล้วไปเมตตามันทำให้ที่ทำงานเดือดร้อน นี่ก็ไม่ถูกหลักอีก หลายรายก็นำอาหารไปตะเวณให้ แต่ถ้าถามว่า ได้นำมันไปฉีดยาไหม ส่วนใหญ่ไม่ อ้าว ทีนี้ ชุมชนแถวนั้น เขาก็กลัวมันบ้าแล้วไปกัดลูกหลานเขา ทีนี้ จะเมตตามันให้ครบองค์ประกอบอย่างไรดี...เพราะชุมชนเขาต้องการเศบาลกำจัดมัน เพราะเขาห่วงลูกหลาน ดีไม่ดี คนที่เมตตา กับถุกด่าซะด้วยซ้ำไป...เป็นอย่างนี้ก็มี......
    ...อีกอย่าง ถ้าจิตเมตตาแต่สัตว์ คนข้างๆรู้ และไม่เคยได้รับเมตตาจากคุณ ต่อไปผลกรรมนี้ อาจตกถึงคุณ คือ เวลาเดือดร้อน ไม่มีคนช่วย ก็มีความเป็นไปได้สูงให้ระวังด้วย...ดีไม่ดีเขาจะบอก "ก็ให้หมามันช่วยก็แล้วกัน" ฮา(ออกไหม)
     
  4. makigochan

    makigochan ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    6,247
    ค่าพลัง:
    +68,062
    พอดีว่าอยากรู้เช่นกันค่ะ ขอบคุณ คุณddman มากค่ะ:cool:
     
  5. Snow

    Snow เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    698
    ค่าพลัง:
    +2,385
    ส่วนตัวดิฉันคิดว่า ถ้าเราพอจะช่วยเหลืออะไรสัตว์ที่ตกทุกข์ได้ยากเราก็ควรช่วย ไม่จำเป็นจะต้องไปแบ่งแยกว่านี่คือสัตว์ นี่คือคน ไม่ว่าจะคนหรือสัตว์ก็มีชีวิตจิตใจเหมือนกัน ต่างกันแค่เค้าพูดกับเราไม่ได้ แต่แววตาที่เค้ามอง มันก็มีหลายครั้งที่เค้าต้องการวิงวอนให้คนช่วยและเราก็รับรู้ได้เวลาที่เค้าดีใจที่มีคนเมตาตาเเค้า ดิฉันไม่เชื่อหรอกว่าคนจนที่รับเลี้ยงสัตว์จรจัดหลายตัวเค้าจะมีแต่ความทุกข์ เพราะความทุกข์ที่แสนจะลำบากแสนเข็ญนั้นก็แฝงไปด้วยความสุขใจที่ได้อยูกับพวกมันเหล่านั้น ส่วนคนที่เค้ารู้สึกสงสารพวกมันจนถึงกับพามันไปรักษาหรือนำมันมาเลี้ยง ถ้าคุณเชื่อเรื่องเวรกรรม ทำไมไม่คิดล่ะว่านี่อาจเป็นกรรมของเค้ากับหมาตัวนั้น เพราะเค้าก็ไม่ได้จับหมาทั้งจังหวัดเอาไปเลี้ยง หรือนั่งรถตระเวนเอาอาหารไปให้หมาจรจัดพวกนี้กินทุกซอกทุกมุมที่อยู่ในประเทศไทยนี่คะ

    คนเราต่างจิตต่างใจและต่างเหตุผล เช่นเดียวกับเรื่องของคนรักและเมตตาสัตว์และคนที่ไม่ไดรู้สึกอะไรกับพวกมัน คนที่ไม่ได้ชอบหรือพิสวาทอะไรมันนักอาจคิดว่า สัตว์เหล่านี้ทั้งที่มีเจ้าของและที่สัตว์จรจัด มักจะสร้างความรำคาญต่างๆนานา ไม่ว่าจะเป็น เสียงเห่าหอน ขับถ่ายเกลื่อนกลาด กลิ่นตัวที่เหม็นๆของมันเวลาเดินผ่านหรือแววตาน่ารำคาญเวลายืนมองเรากำลังซื้อของกินหรือกำลังทานอาหาร ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่สร้างความน่ารำคาญและไม่เห็นประโยชน์อะไรที่ต้องช่วยเหลือสัตว์พวกนี้ ในขณะดียวกัน ฝ่ายที่เค้ามีจิตเมตตาชอบช่วยเหลือพวกมัน ชอบให้อาหาร หรือแม้แต่เก็บพวกมันมาเลี้ยง ล้วนแล้วแต่ทำให้พวกเค้ามีความสุขที่ได้ช่วยพวกเค้าโดยที่ไม่ได้หวังผลอะไร แต่อย่างน้อยสิ่งที่เรารับรู้คือ การที่เราได้ช่วยพวกเค้าเหล่านั้นเป็นการช่วยเหลือสิ่งมีชีวิตที่เหมือนกับเราให้เค้าสา มารถอยู่รอดไปได้ บางท่านอาจจะลืมไปด้วยซ้ำว่า ทำไมจึงมีสัตว์จรจัดเหล่านี้อยู่มากมายเหลือเกิน ขนาดถูกจับไปบ้าง หรือตายไปบ้างแล้วก็ยังคงมีอยู่มากมากตามท้องถนน แต่ต้นกำเนิดปัญหาทั้งหมดไม่ได้มาจากคนที่ได้ชื่อว่าเป็น มนุษย์ผู้ประเสิรฐนำพวกเค้าไปทิ้งหรอกหรอคะ สัตว์พวกนี้เค้ามีทางเลือกมากไปกว่าการที่จะต้องดำรงชีวิตอยู่ข้างถนนหรอคะ จะด้วยกรรมที่มันทำมาในชาติที่แล้วหรือเป็นกรรมใหม่ที่เกิดขึ้นดิฉันไม่อาจทราบได้ แต่ชีวิตพวกมันก็แย่มากพอแล้วค่ะ ไม่ว่าจะทิ้งเค้าด้วยสาเหตุใดๆก็ตาม คนที่ช่วยเหลือพวกเค้าก็ไม่ได้สนใจหรอกค่ะ เรารู้แต่ว่าสายตาของพวกมันที่วิงวอนให้เราช่วยมันก็ไม่ได้ต่างจากคนเวลาจนตรอกต้องการใครสักคนที่เห็นใจและช่วยเหลือ ถึงแม้เวลาสัตว์ประเสริฐอย่างเราลำบากยากเข็ญแค่ไหน ถึงสัตว์เหล่านี้ไม่สามารถช่วยเหลืออะไรเราได้ แต่มั่นใจได้แน่นอนว่า พวกมันก็ไม่เคยคิดทรยศหักหลังคนที่ช่วยเหลือมัน ไม่ว่าเราจะรวยหรือจนยังไง มันก็พร้อมที่จะหางกระดิกแล้วก็วิ่งเข้ามาหาเราเสมอ ต่างจากผู้คนบางจำพวก ขอเน้นนะคะว่าแค่บางจำพวก ที่เห็นเราเป็นพระเจ้า พร้อมที่จะเข้ามาเป็นมิตรในเวลาที่เราร่ำรวยและเข้ามาขอความช่วยเหลือ แต่พอเราล้มลง เรายากจน คนที่เราเคยช่วยเหลือ คนพวกนั้นกลับเข้ามากระทืบเราซ้ำ ด่าทอและรังเกียจที่เรายากจนโดยไม่เคยนึกถึงวันที่เราช่วยเค้าเลย ดิฉันอยากจะให้ทุกคนช่วยเปิดใจ อย่าได้รังเกียจพวกเค้าเลยค่ะ ถ้าไม่ชอบก็ไม่ต้องไปมอง หรือถ้าหงุดหงิดกับเสียงเห่าหอนก็ถือเสียว่า พวกเค้าเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่าสงสารที่ไม่สามารพูดได้ มันเป็นธรรมชาติของพวกเค้าค่ะ ถ้าเค้าเลือกเกิดได้เค้าก็คงอยากเกิดเป็นเราที่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ หาเลี้ยงปากเลี้ยงท้องไม่ต้องขอเงินใครใช้ อยากไปไหนก็ได้ไป พวกเราเป็นคนที่เรียกได้ว่าเป็นสัตว์ที่ประเสิรฐที่สุดในโลกใบนี้ มันอยู่ที่ว่า เราจะเลือกที่จะอยู่ร่วมโลกกับสิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช่คนยังไงค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 14 กุมภาพันธ์ 2013
  6. nai_Prathom

    nai_Prathom เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    190
    ค่าพลัง:
    +694
    เรื่องเหตุที่มามีคำตอบที่ดีแล้ว
    แต่ขอให้ระวังให้มากๆว่า ถ้าใจผูกพันแต่กับน้องหมาน้องแมวแล้ว
    ภพหน้าชาติหน้าจะไม่พ้นต้องไปอยู่ร่วมกับเขาน่ะจ๊ะ
    เพราะเราได้ปล่อยจิตปล่อยใจหลงรักในน้องหมาน้องแมวเกินไปนี่แหละ

    ที่ว่าสงเคราะห์ชั้นเลิศสุดก็คือสงเคราะห์ชีวิตจิตใจตนเองก่อน
    สงเคราะห์ตนเองก็โดยการปฏิบัติธรรมตามหลักศีล-สมาธิ-ปัญญา
    เมื่อสงเคราะห์ตนเองได้ดีแล้วจะไปสงเคราะห์ใครที่ไหน มันก็มีกรอบมีขอบเขตอยู่
    ไม่ปล่อยใจเผลอไผลไปกับสัตว์เหล่านั้น

    หรือจะเอาใจตนเองไปยึดไว้กับ พระพุทธ-พระธรรม-พระสงฆ์ จะไม่ดีกว่าหรือ
    อย่างน้อยก็เอาใจไปยึดไว้กับคำว่า "บุญ"ที่เราได้กระทำไว้
     
  7. Snow

    Snow เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    698
    ค่าพลัง:
    +2,385
    กลอนจากพระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่6 บนอนุสาวรีย์สุนัข "ย่าเหล"
    อนุสาวรีย์นี้เตือนจิตร์ .................ให้กูคิดรำพึงถึงสหาย
    โอ้อาไลยใจจู่อยู่ไม่วาย .................กูเจ็บคล้ายศรศักดิ์ปักอุรา
    ยากที่ใครเขาจะเห็นหัวอกกู .............เพราะเขาดูเพื่อนเห็นแต่เป็นหมา
    เขาดูแต่เปลือกนอกแห่งกายา ..........ไม่เห็นฦกตรึกตราถึงดวงใจ
    เพื่อนเป็นมิตร์ชิดกูอยู่เนืองนิตย์ .......จะหามิตร์เหมือนเจ้าที่ไหนได้
    ทุกทิวาราตรีไม่มีไกล ....................กูไปไหนเจ้าเคยเป็นเพื่อนทาง
    ช่างจงรักภักดีไม่มีหย่อน ................จะนั่งนอนยืนเดินไม่เหินห่าง
    ถึงยามกินเคยกินกับกูพลาง .............ถึงยามนอน ๆ ข้างไม่ห่างไกล
    อันตัวเพื่อนเหมือนมนุษสุจริต ..........จะผิดอยู่แต่เพียงพูดไม่ได้
    แต่เมื่อกูใคร่รู้ความในใจ .................กูมองดูรู้ได้ในดวงตา
    โอ้อกกูดูเพื่อนอยู่หรัด ๆ .................เพื่อนมาพลัดพรากไปไม่เห็นหน้า
    กูเผลอ ๆ ก็เชง้อเผื่อเพื่อนมา ...........เสียงกุกกักก็ผวาตั้งตามอง
    อันความตายเป็นธรรมดาโลก ..........กูอยากตัดความโศรกกระมลหมอง
    นี่เพื่อนตายเพราะผู้ร้ายมันมุ่งปอง......เอาปืนจ้องสังหารผลาญชีวี
    เพื่อนมอดม้วยด้วยมือทุรชน ............เอารูปคนสรวมใส่คลุมใจผี
    เป็นคนจริงฤๅจะปราศซึ่งปรานี .........นี่รากษสอัปปรีปราศเมตตา
    มันยิงเพื่อนเหมือนกูพลอยถูกด้วย......แทบจะม้วยชีวังสิ้นสังขาร์
    จะหาเพื่อนเหมือนเจ้าที่ไหนมา .........ช้ำอุราอาไลยไม่วายวัน
    เมื่อยามมีชีวิตร์สนิทใจ ...................ยามบรรไลยลับล่วงดวงใจสั่น
    ด้วยอำนาจจงรักภักดีนั้น .................ขอให้เพื่อนขึ้นสวรรค์สำราญรมย์
    ถึงจะมีหมาอื่นมาแทนที่ ..................กูก็รักเพื่อนนี้เป็นปฐม
    ที่ไหนเล่าจะสนิทและชิดชม .............ที่ไหนเล่าจะนิยมเท่าเพื่อนรัก
    ถึงแม้จะไม่มีรูปนี้ไว้ ........................รูปเพื่อนฝังดวงใจกูตระหนัก
    แต่รูปนี้ไว้เป็นพยานรัก ....................ให้ประจักษ์แก่คนผู้ไมตรี
    เพื่อนเป็นเยี่ยงอย่างมิตร์สนิทยิ่ง ........ภักดีจริงต่อกูอยู่เต็มที่
    แม้คนใดเป็นได้อย่างเพื่อนนี้ .............ก็ควรนับว่าดีที่สุดเอย
     
  8. โมทนาman

    โมทนาman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    5,665
    ค่าพลัง:
    +6,165
    เท่าที่ทราบ
    ๑. ตนเองเป็นคนที่มาจากสัตว์ คือเป็นสัตว์มาเกิด จึงมีนิสัยช่วยเหลือพวกพ้องเดิม
    ๒. สัตว์ที่ช่วยเหล่านั้นมีกรรมผูกพันธ์กันมาแต่ก่อน
    ๓. เพราะกำลังเมตตายังไม่สูง ไม่เป็นอัปมัญญา จึงช่วยเหลือโดยยังมีข้อแม้อยู่
    ๔. เพราะปัญญายังไม่บริบูรณ์ จึงไม่เข้าใจปัจจัยความสำคัญในลำดับอานิสงส์
     
  9. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,302
    ท่านจขค ท่าทางจะเหมือนๆกับพวกฝรั่งส่วนใหญ่ก็คิดเช่นท่าน พวกนี้รักสัตว์มากกว่าคน ดิฉันเคยเห็นฝรั่งหลายคนเลี้ยงสัตว์ยังกับลูกเอาสัตว์นอนบนเตียง อาศัยสุขสบายในบ้านหลังใหญ่ แต่กับน้องสะใภ้ตัวเอง หรือ พี่ชายคนละพ่อ บอก ไม่ต้องมานอนบ้านฉัน ไม่ให้นอนแม้แต่คืนเดียว ทั้งที่บ้านก็ออกจะหลังใหญ่โตมีเป็นสิบห้องมีคนอยู่แค่สองคน ดิฉันก็เคยถามเพื่อนนิโกรชาวผิวดำ ว่า "นีเธอทำไมพวกชาว.... เขารักสัตว์มากกว่ามนุษย์ด้วยกันอะ?" เพื่อนนิโกรเลยตอบดิฉันมาอย่างสะใจว่า "They are animal themselve". แปล "ก็ตัวพวกเขาเองก็เป็นสัตว์อยู่แล้ว จะมาให้รักคนมากว่าสตว์ได้ยังไง" ซะใจมากคะประโยคนี้
     

แชร์หน้านี้

Loading...