ทำไมพระพุทธองค์จึงทรงเลือกไปปรินิพพานที่ "เมืองกุสินารา?"

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย บ้องแบ้ว, 28 พฤษภาคม 2016.

  1. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,293
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    ทำไมพระพุทธองค์จึงทรงเลือกไปปรินิพพานที่ "เมืองกุสินารา?"

    พระองค์ตรัสตอบพระอานนท์ว่า...

    "เหตุที่เลือกกุสินาราเพราะเมืองกุสินาราเคยเป็นราชธานีนามว่า "กุสาวดี" ซึ่งมีพระเจ้ามหาทัสสนะปกครองอยู่ และเคยเจริญรุ่งเรืองมาแล้ว"

    พระองค์ได้ทรงขยายความเพิ่มเติมให้พระอานนท์ได้เข้าใจถึงสาเหตุที่ทรงเลือกเมืองกุสินาราโดยพรรณนาถึงความมั่งคั่งสมบูรณ์ของเมืองกุสาวดีและทรงพรรณนาถึงรัตนะ 7 ประการ ที่เกิดขึ้นแก่พระเจ้ามหาสุทัสสนะ คือ

    1) เพราะเมืองนี้มี... จักรแก้ว จึงนำชัยชนะมาให้
    2) เพราะเมืองนี้มี... ช้างแก้ว เป็นช้างเผือกชื่ออุโบสถ
    3) เพราะเมืองนี้มี... ม้าแก้วสีขาวล้วน ชื่อวลากห
    4) เพราะเมืองนี้มี... แก้วมณี เป็นแก้วไพฑูรย์
    5) เพราะเมืองนี้มี... นางแก้ว รูปร่างงดงาม มีสัมผัสนิ่มนวล
    6) เพราะเมืองนี้มี... ขุนคลังแก้ว ช่วยจัดการทรัพย์สินอย่างดีเลิศ
    7) เพราะเมืองนี้มี... ขุนพลแก้ว บัณฑิตผู้สั่งสอนแนะนำ

    อนึ่ง! พระเจ้ามหาสุทัสสนะ ทรงมีความสำเร็จ (ฤทธิ์) 4 ประการ คือ รูปงาม - อายุยืน - มีโรคน้อย - และเป็นที่รักของประชาชน

    "พระพรหมมังคลาจารย์" (หลวงพ่อปัญญา นันทภิกขุ) ได้เคยกล่าวว่า...

    "ท่านบอกล่วงหน้า ๓ เดือน บอกไว้เลย แล้วก็จะไปปรินิพพานที่เมืองกุสินารา พระอานนท์ก็ค้านว่าเมืองใหญ่ๆเยอะแยะ เมืองราชคฤห์ เมืองสาวัตถี เมืองสาเกต ทำไมไม่ไปตายเมืองใหญ่

    พระองค์ก็บอกว่ากุสินาราไม่ใช่เมืองเล็กนะเพราะท่านทรงเห็นการณ์ไกลคือถ้าไปตายเมืองใหญ่กษัตริย์ที่มีอำนาจก็จะไม่แบ่งอะไรให้ใคร

    แต่ถ้าไปตายเมืองเล็ก มันก็ไม่ลำบาก เขามาพร้อมกันกษัตริย์เมืองเล็กก็ไม่ว่าอะไร ถ้าไปเมืองใหญ่เขาก็ไม่ให้ เดี๋ยวรบกัน เป็นปัญหาแก่สังคม เลยไปนิพพานเมืองเล็ก

    เมืองเล็กนี่ไม่มีกำลังเมื่อพวกมาขอก็ต้องให้ไปแล้วให้อย่างถูกต้องเมื่อพร้อมกันแล้วก็ให้โทณพราหมณ์จัดการแบ่งให้ไปตามสมควร เรื่องมันก็ไม่ยุ่ง"

    # แก้วธรรมทาน # แก้วเสียงธรรม #
     
  2. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,293
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    #วันอัฎมีบูชารำลึก #วันพระ แรม ๘ ค่ำ เดือน ๖

    วันอัฎฐมีบูชาเป็นวันถวายพระเพลิงพุทธสรีระของพระพุทธเจ้าหลังดับขันธปรินิพพานได้แปดวัน (หลังวันวิสาขบูชา) ปีนี้ตรงกับวันพระที่ ๒๘ พฤษภาคม พระมหากัสสปเถระและภิกษุใหญ่ ๕๐๐ รูป เดินทางจากเมืองปาวาเพื่อเข้าเฝ้าพระบรมศาสดา ระหว่างทาง ได้พบกับพราหมณ์คนหนึ่งถือดอกมณฑารพสวนทางมา พระมหากัสสปเถระได้เห็นก็ทราบว่ามีเหตุการณ์ไม่ปกติเกิดขึ้นเพราะดอกมณฑารพมีเพียงเทวโลกไม่มีในเมืองมนุษย์ แสดงว่าต้องมีอะไรเกิดขึ้นกับพระบรมศาสดาจึงถามพราหมณ์นั้นว่า ได้ข่าวอะไรเกี่ยวกับพระบรมศาสดาบ้างหรือไม่ พราหมณ์นั้นตอบว่า พระสมณโคดมได้ปรินิพพานล่วงไปเจ็ดวันแล้ว

    เมื่อพระมหากัสสปเถระและภิกษุใหญ่ 500 รูปเดินทางมาถึงสถานที่ถวายพระเพลิง "มกุฎพันธนเจดีย์" เมืองกุสินาราแล้ว ห่มจีวรเฉวียงบ่าข้างหนึ่งประนมอัญชลีกระทำประทักษิณรอบเชิงตะกอนสามรอบพระมหากัสสปเถระเปิดผ้าทางพระบาท ถวายบังคมพระบาทด้วยเศียรเกล้าแล้วอธิษฐานว่า....
    "ขอพระยุคลบาทของพระองค์ที่มีลักษณะเป็นจักรอันประกอบซี่พันซี่ จงชำแรกคู่ผ้า ๕๐๐ ออกเป็นช่องประดิษฐานเหนือเศียรเกล้าของข้าพระองค์ด้วยเถิด"

    เมื่ออธิษฐานเสร็จพระยุคลบาทก็แหวกคู่ผ้า ๕๐๐ คู่ออกมา พระเถระจับพระยุคลบาทไว้และน้อมนมัสการเหนือเศียรเกล้าของตน เมื่อพระเถระและหมู่ภิกษุใหญ่ ๕๐๐ รูป ถวายบังคมแล้ว ฝ่าพระยุคลบาทก็เข้าประดิษฐานในที่เดิม ครั้นแสงเปลวเพลิงก็ลุกโพลงท่วมพระพุทธสรีระของบรมศาสดาด้วยอำนาจของเทวดา เมื่อเพลิงใกล้จะดับก็มีท่อน้ำไหลหลั่งลงมาจากอากาศและมีน้ำพุ่งขึ้นกองไม้สาละดับไฟที่ยังเหลืออยู่

    สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ

    เราชาวพุทธผู้เป็นพุทธะมามกะอาจลืมเลือนวันสำคัญ
    เช่นนี้ไป ปีนี้ตรงวันวันพระที่ ๒๘ พ.ค ๒๕๕๙ อย่าลืมทำทำบุญ ถือศีล ปฏิบัติธรรม หรือเวียนเทียนรอบอุโบสถโดยระลึกถึงพระปัญญาธิคุณ พระวิสุทธิคุณ และพระมหากรุณาธิคุณของพระพุทธองค์

    เครดิตภาพและเนื้อหา : เว็ปธรรมจักร ธรรมะออนไลน
     
  3. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,293
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    วันเสาร์ที่ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๕๙

    วันอัฏฐมีบูชา (วันถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระ)

    เนื่องด้วยอัฏฐมีคือวันแรม ๘ ค่ำ แห่งเดือนวิสาขะ (เดือน ๖) เป็นวันที่ถือกันว่าตรงกับวันถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระ เมื่อถึงวันนี้แล้ว พุทธศาสนิกชนบางส่วน ผู้มีความเคารพกล้าในพระพุทธองค์ มักนิยมประกอบพิธีบูชา ณ ปูชนียสถานนั้น ๆ วันนี้จึงเรียกว่า "วันอัฏฐมีบูชา"

    ประวัติความเป็นมา

    เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จปรินิพพานแล้ว ๘ วัน มัลลกษัตริย์แห่งนครกุสินารา พร้อมด้วยประชาชน และพระสงฆ์อันมีพระมหากัสสปเถระเป็นประธาน ได้พร้อมกันกระทำการถวายพระเพลิงพุทธสรีระ ณ มกุฏพันธนเจดีแห่งกรุงกุสินารา วันนั้นเป็นวันหนึ่งที่ชาวพุทธต้องมีความสังเวชสลดใจ และวิปโยคโศกเศร้าเป็นอย่างยิ่ง เพราะการสูญเสียแห่งพระพุทธสรีระ เมื่อวันแรม ๘ ค่ำ เดือน ๘ ซึ่งนิยมเรียกกันว่าวันอัฏฐมีนั้นเวียนมาบรรจบแต่ละปี พุทธศาสนิกชนบางส่วน โดยเฉพาะพระสงฆ์และอุบาสกอุบาสิกาแห่งวัดนั้น ๆ ได้พร้อมกันประกอบพิธีบูชาขึ้น เป็นการเฉพาะภายในวัด เช่นที่ปฏิบัติกันอยู่ในวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฏิ์ เป็นต้น แต่จะปฏิบัติกันมาแต่เมื่อใด ไม่พบหลักฐาน ปัจจุบันนี้ก็ยังถือปฏิบัติกันอยู่

    ความสำคัญ

    โดยที่วันอัฏฐมีคือวันแรม ๘ ค่ำ เดือน ๖ เป็นวันที่มีเหตุการณ์สำคัญทางพระพุทธศาสนา ถือเป็นวันที่ตรงกับวันที่ตรงกับวันถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระเป็นวันที่ชาวพุทธต้องวิปโยค และสูญเสียพระบรมสรีระแห่งองค์พระบรมศาสดา ซึ่งเป็นที่เคารพสักการะอย่างสูงยิ่ง และเป็นวันควรแสดงธรรมสังเวชและระลึกถึงพระพุทธคุณให้สำเร็จเป็นพุทธานุสสติภาวนามัยกุศล

    พิธีอัฏฐมีบูชา

    การประกอบพิธีอัฏฐมีบูชานั้น นิยมทำกันในตอนค่ำและปฏิบัติอย่างเดียวกันกับประกอบพิธีวิสาขบูชา ต่างแต่คำบูชาเท่านั้น
     

แชร์หน้านี้

Loading...