"ที่พึ่ง" ที่แท้จริง

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย หัว-หอม, 18 สิงหาคม 2012.

  1. หัว-หอม

    หัว-หอม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    179
    ค่าพลัง:
    +1,547
    [​IMG]




    พระพุทธเจ้าตรัสว่า "กัมมะปฏิสะระณา" แปลว่า เรามีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย

    ความเป็นอยู่ของเราในปัจจุบันเรากำลังอาศัยอยู่กับของเก่า ตั้งแต่ ร่างกาย ทรัพย์สิน สิ่งแวดล้อม ประเทศชาติ บุคคล


    ทำ กรรมชั่ว คล้ายหนี้สิน​

    ทำ กรรมดี คล้ายสะสมทรัพย์สินสมบัติ​

    เพื่อได้ใช้อาศัยต่อไปข้างหน้าจะได้ไม่ลำบาก​


    ความดี หรือ บุญกุศล สรุปย่อแล้วแบ่งเป็น 3 ประการ​


    1. ทาน มีอานิสงส์คือ ทำให้เรามี ฐานะดี


    พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ตรัสเอาไว้ว่า อานิสงส์ของทานจะมีผลมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับเนื้อนาบุญ เป็นลำดับดังนี้​


    1.1 ทำทานแก่สัตว์เดรัจฉาน แม้จะมากถึง 100 ครั้ง ก็ได้บุญน้อยกว่าให้ทานแก่มนุษย์ แม้จะเป็นมนุษย์ที่ไม่มีศีลไม่มีธรรมเลยก็ตาม​


    1.2 ให้ทานแก่มนุษย์ที่ไม่มีศีล แม้จะมากถึง 100 ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าให้ทานแก่ผู้ที่มีศีล5 แม้จะให้เพียงครั้งเดียวก็ตาม​


    1.3 ให้ทานแก่ผู้ที่มีศีล5 แม้จะมากถึง 100 ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าให้ทานแก่ผู้ที่มีศีล8 แม้จะให้เพียงครั้งเดียวก็ตาม​


    1.4 ให้ทานแก่ผู้ที่มีศีล8 แม้จะมากถึง 100 ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าถวายทานแก่ผู้ที่มีศีล10 คือสามเณรในพระพุทธศาสนา แม้จะถวายแต่เพียงครั้งเดียวก็ตาม​


    1.5 ถวายทานแก่สามเณรซึ่งมีศีล10 แม้จะมากถึง 100 ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าถวายทานแก่สมมุติสงฆ์ซึ่งมีปาติโมกข์สังวร 227 ข้อ​


    พระที่แท้จริงนั้น หมายถึง บุคคลที่บรรลุธรรมตั้งแต่ขั้นพระโสดาบันเป็นต้นไป ไม่ว่าท่านผู้นั้นจะได้บวชหรือเป็นฆราวาสก็ตาม


    1.6 ถวายทานแก่สมมุติสงฆ์ แม้จะมากถึง 100 ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่า ถวายทานแก่พระโสดาบัน แม้จะได้ถวายแต่เพียงครั้งเดียวก็ตาม​


    1.7 ถวายทานแก่พระโสดาบัน แม้จะมากถึง 100 ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าถวายทานแก่พระสกิทาคามี แม้จะถวายแต่เพียงครั้งเดียวก็ตาม​


    1.8 ถวายทานแก่พระสกิทาคามี แม้จะมากถึง 100 ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าถวายทานแก่พระอนาคามี แม้จะถวายแต่เพียงครั้งเดียวก็ตาม​


    1.9 ถวายทานแก่พระอนาคามี แม้จะมากถึง 100 ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าถวายทานแก่พระอรหันต์ แม้จะถวายแต่เพียงครั้งเดียวก็ตาม​


    1.10 ถวายทานแก่พระอรหันต์ แม้จะมากถึง 100 ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าถวายทานแก่พระปัจเจกพุทธเจ้า แม้จะถวายแต่เพียงครั้งเดียวก็ตาม ​


    1.11 ถวายทานแก่พระปัจเจกพุทธเจ้า แม้จะมากถึง 100 ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าถวายทานแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แม้จะถวายแต่เพียงครั้งเดียวก็ตาม​


    1.12 ถวายทานแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แม้จะมากถึง 100 ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่า ถวายสังฆทาน ที่มีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นประธาน แม้จะถวายแต่เพียงครั้งเดียวก็ตาม​


    1.13 ถวายสังฆทานที่มีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นประธาน แม้จะมากถึง 100 ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าการถวายวิหารทาน แม้จะได้กระทำแต่เพียงครั้งเดียวก็ตาม​


    วิหารทาน ได้แก่ การสร้างหรือร่วมสร้าง อสังหาริมทรัพย์ที่เป็นสาธารณประโยชน์ เช่น โบสถ์ วิหาร ศาลาการเปรียญ โรงพยาบาล โรงเรียน เป็นต้น


    1.14 การถวายวิหารทาน แม้จะมากถึง 100 ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่า การให้ธรรมเป็นทาน แม้จะให้แต่เพียงครั้งเดียวก็ตาม ​


    การให้ธรรมเป็นทาน เช่น การสอนธรรมแก่ผู้ที่ยังไม่รู้ให้ได้รู้ หรือแก่ผู้ที่รู้อยู่แล้วให้ได้รู้ยิ่งๆขึ้นไป ใน มรรค ผล นิพพาน หรือการพิมพ์หรือแจกหนังสือธรรม เป็นต้น​


    1.15 การให้ ธรรมทาน แม้จะมากถึง 100 ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าการให้อภัยเป็นทาน แม้จะให้แต่เพียงครั้งเดียวก็ตาม เพราะการให้อภัยเป็นทาน ผู้ให้จะได้รับอานิสงส์ทันทีคือ ความสบายใจ​


    (ข้อ 1.1-1.15นี้ คัดลอกจากหนังสือ "วิธีสร้างบุญบารมี" พระนิพนธ์ในสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก องค์ที่ 19)​


    2.ศีล มีอานิสงส์คือ ทำให้เรามี รูปดี มีผิวพรรณดี


    ศีล คือ การสำรวมกาย วาจา ใจ ให้เรียบร้อย และ หัวใจของศีล คือ ไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น


    ผู้ที่มีความเรียบร้อย ทาง กาย วาจา และใจ ย่อมเป็นผู้มีรูปดี​


    เรียบร้อยทางกาย คือ ไม่ว่าจะยืน เดิน นั่ง และนอน ก็ให้มีความเรียบร้อย​


    เรียบร้อยทางวาจา เช่น พูดดี พูดเป็นประโยชน์ พูดเพราะ ไม่พูดคำหยาบ ไม่พูดเพ้อเจ้อ ไม่พูดส่อเสียดหรือเสียดสีให้ใครเจ็บช้ำน้ำใจ ไม่พูดด้วยเจตนาที่จะให้คนอื่นเป็นทุกข์​


    เรียบร้อยทางใจนี้สำคัญ คือ ไม่ยินดี ยินร้าย มีจิตใจที่สงบ ไม่คิดมากหรืออย่างน้อยก็ คิดดี คิดบวก อารมณ์ดี ต้องไม่ขี้โกรธ ไม่ขี้หงุดหงิด ไม่ขี้เกียจ ไม่ขี้ฟุ้งซ่าน ไม่ขี้อิจฉา ไม่ขี้กลัว ไม่ขี้น้อยใจ ฯลฯ สารพัดขี้เหล่านี้เป็นของเสียทางใจ เราต้องกำจัดออกไปให้หมด เพื่อไม่ให้ส่งกลิ่นเหม็นออกมา​


    ลองสังเกตดูก็ได้คนที่ชอบอารมณ์เสีย ขี้โกรธ ขี้หงุดหงิด กระฟัดกระเฟียด ชอบใช้คำพูดให้คนอื่นเจ็บใจ ผิวพรรณมักจะไม่ค่อยดี ใครที่เป็นเช่นนี้แล้วอยากจะมีผิวพรรณดีก็ลองเปลี่ยนตัวเองดู จะโกรธ จะหงุดหงิด จะพูดจาเสียดสีใคร(บางทีก็ไม่ค่อยจะรู้ตัวเพราะเป็นความเคยชิน) ก็ให้นึกถึงโทษของมันคือผิวพรรณจะไม่ดี จะได้ไม่กล้าทำ​


    และลองสังเกตคนที่มีผิวพรรณดี ก็มักจะเป็นคนที่อารมณ์ดี ยิ้มง่าย ใครว่าอะไรหรือทำอะไรไม่ถูกใจก็ไม่โกรธ ไม่อารมณ์เสีย ไม่เก็บมาคิดมาก เวลาพูดก็พูดเพราะ เป็นต้น ​


    3. ภาวนา มีอานิสงส์คือ ทำให้เรามี ปัญญาดี




    [​IMG]
    "ดูใจตนให้สงบ"


    ภาวนา มี 2อย่าง คือ สมถภาวนาและ วิปัสสนาภาวนา


    สมถภาวนา คือ การทำสมธิ หรือ Meditationนี้ ฝรั่งในต่างประเทศนิยมทำกัน แล้วมีผลดีแน่นอน ยืนยันว่าสุขภาพกายก็ดีขึ้น สุขภาพใจก็ดีขึ้น ชีวิตคู่ก็ดีขึ้น ครอบครัวก็มีความสุข การทำงานก็ได้ผลดี อันนี้ก็วิจัยกันมาแล้ว เช่นตัวอย่างการนั่งสมาธิวันละ20นาที แล้วสุขภาพกายดี เป็นการศึกษาในประเทศแคนนาดา ที่นั่นใครไม่สบายไปโรงพยาบาลรักษาฟรี เราไม่ต้องนึกถึงเรื่องเงินทอง เราไม่สบาย ก็ขึ้นรถไปโรงพยาบาล ตรวจสุขภาพอะไรๆก็ได้ เพราะรักษาฟรีอยู่แล้ว ทีนี้บริษัทประกันชีวิตแห่งหนึ่งที่นั่นหาสมาชิก 50คน 100คน แล้วก็มีวิทยากรมาสอนกรรมฐาน ทำสัญญากันว่าต้องนั่งสมาธิวันละ 20นาที นั่งสมาธิที่บ้านก็ได้ ไม่จำเป็นต้องไปรวมกัน แต่ว่าทุกคนต้องนั่งสมาธิวันละ 20นาที แล้วจับเวลา 20นาที พยายามฝึกจิต ทำให้จิตใจสบายตามที่อาจารย์สอน ปล่อยวางทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ต้องคิด แล้วก็ฝึก Meditation เจริญอานาปานสติ หรือไม่ก็ภาวนาจนสงบใจ สบายใจ สงบใจจริงๆก็แค่ไม่กี่นาที เราตั้งใจนั่งสมาธิ 20 นาที แต่ถึงแม้ว่าทำใจสงบได้อาจจะแค่ 4-5 นาที ไม่นาน แล้วก็จะปวดเมื่อย ก็พอแล้วสำหรับผู้ใหม่ อย่างไรก็ตาม นั่งสมาธิ 20 นาทีนี้ก็มีผลดีต่อสุขภาพกาย คนที่จะไปโรงพยาบาลก็น้อยลง13% นั่งสมาธิวันละ20นาที จากที่ต้องไปโรงพยาบาล ที่บ่นว่าเป็นปวดหัว ไม่สบายอย่างนี้อย่างนั้นก็ลดลงไป 13%​


    วิปัสนาภาวนา คือ การเจริญ สติปัฏฐาน 4 เป็นการเรียนรู้ชีวิตของเรา ตามความเป็นจริง พูดง่ายๆก็คือเป็นการศึกษา ตัวเอง





    การบำเพ็ญทาน ศีล ภาวนา มีอานิสงส์อย่างนี้

    บำเพ็ญวันนี้เกิดอานิสงส์ตั้งแต่วันนี้เดี๋ยวนี้จนตลอดชาตินี้ ชาติหน้าด้วย

    เป็นกัมมะปฏิสะระณาจริงๆ

    ทาน ศีล ภาวนา สะระณัง คัจฉามิ




    บทความจากหนังสือ "เรื่องของใจ" และ "ผิดก่อน-ผิดมาก" ของพระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 สิงหาคม 2012
  2. firstini

    firstini เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,213
    ค่าพลัง:
    +3,770
    จริงๆแล้ว ตรงภาวนา
    ก็น่าจะอ้างอิงพระไตรปิฏก หรือพุทธพจน์นะครับ
    ไปอ้างอิงฝรั่งดูแปลก
    และสมถภาวนาแบบฝรั่ง... มันใช่หรือ
     

แชร์หน้านี้

Loading...