ทึ่ง...มะเร็งหายปลิดทิ้ง หมอเจน ไม่ธรรมดา

ในห้อง 'จิตวิทยา & สุขภาพ' ตั้งกระทู้โดย ตรงแหน่ว, 29 มีนาคม 2014.

  1. ตรงแหน่ว

    ตรงแหน่ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    96
    ค่าพลัง:
    +283
    หมอเจนเล่าให้ฟังว่าวันหนึ่งหลังจากไปกราบหลวงพ่อสี ฐานิโย ที่วัดพระฉาย เขาชะโงก ต.พรหมณี อ.เมือง จ.นครนายก ตามปกติที่เคยปฏิบัติ ท่านพูดขึ้นมาว่า

    “ ไอ้เจนเว้ยถึงเวลาแล้วมึงจะต้องทำงานให้กับหมอชีวกเขา เขาจะมาอยู่กับมึง ผมก็เข้าใจว่าหมอชีวกมาอยู่กับผมคงจะเป็นลักษณะร่างทรง คงไปอยู่ที่ไหนไปโกหกหลอกลวงเขาที่ไหนมาคงอยู่ไม่ได้ เขาจะตามมาฆ่าตามมาจับละมั้ง ถึงอยากจะมาอยู่กับเรา คงไปวานหลวงปู่สีมาพูดกับเราเพราะเราเป็นทหารผมก็เลยปฏิเสธบอกหลวงพ่ออย่าให้มาอยู่กับผมเลยผมไม่ชอบเลยไอ้พวกทรงเจ้า ท่านก็บอกว่า

    ไม่ใช่พวกทรงเจ้าเป็นหมอชีวกจริงๆ มึงจงเชื่อกูเถอะกูแนะนำมึงมาถึงป่านนี้แล้วกูจะพูดโกหกมึงทำไม

    แล้วทำไมเขาถึงอยากมาอยู่กับผมล่ะพ่อ ผมถาม

    เมื่อชาติสมัยพุทธกาลน่ะมึงเป็นลูกหมอชีวก แต่ในชาตินั้นมึงก็ไม่ได้เอาวิชาความรู้ของเขามาประพฤติปฎิบัติเพื่อให้เข้าถึงธรรมะหรือเพื่อจะช่วยเหลือคนเป็นเมตตาเลย ชาตินี้มึงควรจะต้องใช้หนี้เขาเสียบ้าง แล้วกูก็เหมือนกันเมื่อชาติที่แล้วสมัยอยุธยามึงก็คือลูกกู แต่กูก็ไม่มีโอกาสอบรมสั่งสอนมึงเพราะบ้านเมืองมันเกิดศึกเกิดสงครามสมัยกรุงศรีอยุธยา กูก็เลยหนีมาอยู่เขาใหญ่ ชาตินี้ถ้ามึงไม่มาหากู กูก็ยังติดหนี้มึงอยู่อีก ฉะนั้นก็ดีเหมือนกันที่มึงมาหากูกูก็จะได้มีโอกาสอบรมสั่งสอนมึงเพื่อเป็นการถ่ายหนี้เมื่อชาติที่แล้ว”

    หมอเจนเล่าต่อว่า คืนหนึ่งขณะที่นั่งสมาธิปกติ ในคลื่นความคิดแวบเข้ามาในจิตเห็นคนนุ่งขาวห่มขาวมีหนวดเครา ในจิตคิดว่านี่คือหมอชีวก แล้วในคลื่นความคิดนั้นก็บอกว่า

    “ลูกเอ้ย ถึงเวลาแล้วนะที่เจ้าต้องเป็นหมอนะ”
    ตอนแรกๆก็รู้สึกเฉยๆแต่หลังจากนั้นทุกๆวันที่นั่งสมาธิคลื่นความคิดแบบนี้จะมาตลอดจะเห็นภาพในจิต แล้วได้ยินคำพูดเดิมตลอด ผมจึงเข้าไปกราบหลวงพ่อแล้วบอกท่าน ท่านก็ย้ำคำเดิมว่า

    “ หมอชีวก เขาจะมาอยู่กับมึง”

    “แล้วท่านจะมาเมื่อไหร่ละพ่อ” ผมถามอีก

    “มาวันพุธที่จะถึงนี้ พุธมะรืนนี้มาแน่”

    ขณะนั้นเป็นวันจันทร์ หมอเจนบอกรู้สึกว้าวุ่นไปหมด พอหลับตานั่งสมาธิก็เห็นแต่ปู่ชีวก แต่ก็บอกกับตัวเองว่า สงสัยจะได้ยินคำพูดจากหลวงพ่อ แล้วจิตของเราคิดไปเอง

    พอวันพุธมาถึง วันนั้นเป็นวันโยธา ทหารก็จะพากันตัดหญ้า ทำความสะอาด เก็บขยะตัดกิ่งไม้ เผาขยะ หมอเจนใส่ชุดทหารกะว่าช่วงบ่ายจะออกไปทำงาน ตอนเช้ายังอยู่ที่บ้าน แล้วจู่ๆที่สนามก็มีคนมาบีบแตรปิ้นๆ นึกในใจใครนะไม่มีมารยาทเลย ถ้าจะมาถามอะไรก็น่าจะมาถามกันดีๆ หมอเจนเลยชะโงกหน้าไปดู ปรากฏว่ามีรถเก๋งนิสสัน ๑๒๐ Y มีผู้ชายเป็นคนขับ อายุประมาณ ๖๐ ปี และมีผู้หญิงร่างอ้วนท้วนสมบูรณ์ ๒ คนนั่งมาด้วย

    ผู้หญิงสองคนนี้หมอเจนเคยรู้จักเพราะเคยเอายาไปแจกให้เขาและญาติเขาซึ่งหมอเจนเคยทำมาตลอดโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย

    “คุณพี่ครับถ้ายาหมดไม่ต้องมาก็ได้ บอกเด็กมาแล้วผมจะฝากยาไปให้” หมอเจนตะโกนบอก

    “ ที่ฉันมานี่ ฉันเอาพ่อเธอมาด้วยนะ” เสียงผู้หญิงที่มาตอบสวนขึ้นมา
    “พ่อผมจะมาได้ยังไงครับเพราะว่าพ่อผมตายตั้งแต่ผมอายุสามขวบแล้ว” หมอเจนตอบกลับ
    “ เอ้า ! เปิดประตูรถดูสิ ” ผู้หญิงอีกคนเน้นน้ำเสียงแกมบังคับ

    หมอเจนเดินไปที่รถทันทีที่หมอเจนเปิดประตูรถ ภาพที่เห็นเป็นรูปปั้นของหมอชีวก หน้าตักสูงประมาณ ๒๐ นิ้ว ผู้หญิงที่มาทั้งสองคนบอกให้หมอเจนอุ้มรูปปั้นท่านหมอชีวกขึ้นไปบนบ้าน

    หมอเจนอุ้มรูปปั้นท่านหมอชีวกขึ้นไปวางบนโต๊ะบนบ้าน ผู้หญิงสองคนอุ้มเอากระถางธูป แจกันและเชิงเทียนมาให้ด้วยหมอเจนบอกว่า เพิ่งรู้ว่าผู้หญิงคนที่รูปร่างใหญ่นั้นคือร่างทรงของพระสิวะ พอเธอนั่งลงพระศิวะก็เข้าร่างเธอเลย

    “ เอ๊ะ นี่มาเล่นกลในบ้านกูหรือเปล่าวะนี่” หมอเจนคิดแต่ก็ไม่กล้าขัดเพราะจะเสียมารยาท ร่างทรงนั้นก็เอ่ยขึ้นว่า

    “ ลูกเอ้ย หมอชีวกได้วานให้พ่อ (พระศิวะ) เอารูปปั้นนี้มาให้เจ้าและเอาชุดสีขาวนี่มาให้เจ้า ให้เจ้านุ่งขาวห่มขาวเพื่อรักษาคนไข้ ต่อไปนี้เจ้าจะต้องเป็นหมอรักษาคนนะ แล้วห้ามเรียกเสด็จปู่นะ ให้เจ้าเรียกว่าเสด็จพ่อ เพราะว่าในอดีตชาติเจ้าคือบุตรของหมอชีวกโกมารภัจจ์” แล้วชี้ไปที่ภรรยาของหมอเจนแล้วบอกว่า

    “ อีหนู นี่คือบุตรของปู่เจ้าสมิงพราย เป็นลูกสะใภ้ของหมอชีวกโกมารภัจจ์ในอดีตชาติสมัยพุทธกาล ในชาตินี้พวกเองต้องมาช่วยกันรักษาโรค” หลังจากนั้นเขาก็เอาดอกบัวเหี่ยวๆปักแจกันไว้ แล้วออกจากร่างแล้วลากลับไป

    รุ่งเช้าหมอเจนเอาอาหารไปถวายหลวงพ่อที่วัดหลวงพ่อก็ถามว่า
    “ เป็นไงไอ้เจน หมอชีวกมาอยู่กับมึงแล้วใช่ไหม” หมอเจนตกใจอีกครั้ง ท่านรู้อีกแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น ภรรยาหมอเจนที่มาด้วยก็ถามหลวงพ่อว่า

    “ หลวงพ่อ ในแจกันที่เขาเอาดอกบัวมาปักน่ะ มีอยู่ดอกหนึ่งมันบานแล้ว หมายความว่ายังไงค่ะหลวงพ่อ”
    “ นั่นแหละแสดงว่าหมอชีวกต้องการบอกพวกมึงว่าเขาจะมาอยู่กับมึงจริงๆแล้วให้พวกมึงตั้งใจเตรียมตัวรับดอกบัวจึง

    จะบานออกหนึ่งดอก ให้พวกมึงเอาแผ่นทองเก้าแผ่นไปปิดที่รูปปั้นหมอชีวกนั้นซะ”

    พอกลับมาบ้านก็เอาทองเก้าแผ่นไปปิดที่รูปปั้นหมอชีวก แล้วภรรยาผมก็พูดแบบท้าทายว่า

    “ ถ้าแน่จริงพรุ่งนี้บานอีกดอกสิ ” ภรรยาผมไม่เชื่อเรื่องแบบนี้ รุ่งขึ้นผมและภรรยามาไปดูที่ดอกบัว ตกใจแทบช็อก ดอกบัวดอกเหี่ยวๆดอกนั้น บานขึ้นมารับคำท้าทายอย่างไม่สะทกสะท้าน เอ๊ะ มันยังไงกัน ก็รู้สึกเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง

    ส่วนผมก็นั่งสมาธิเป็นประจำไม่เคยขาด พอนั่งสมาธิคลื่นความคิดแบบเดิมก็มาอีกแล้ว

    “ ลูกเอ้ย ต่อไปนี้ลูกจะต้องเป็นหมอรักษาคนนะ” เอาอีกแล้วทุกครั้งที่นั่งสมาธิในจิตผมก็เริ่มท้าทายและบอกไปว่าถ้า
    จะให้ผมเป็นหมอรักษาคนจะต้องหาข้อสอบมาให้ผมทำก่อน แล้วในนิมิตนั้นก็ถามต่อว่า
    “ ไหนลองบอกพ่อสิว่า คำว่าหมอแปลว่าอะไร”
    “ คำว่าหมอแปลว่าผู้รักษาคนไข้นะสิครับ”
    “ นั่นเป็นคำตอบของปุถุชนทั่วไป เราจะเป็นหมอจะต้องไม่ตอบแบบนี้” ผมคิดไม่ออก อีก ๒-๓ วันถัดมาผมไปหา

    หมอจริงๆคือไปหาคุณหมออุดม เวชมนตร์ ครั้นจะถามตรงๆว่าหมอแปลว่าอะไรเดี่ยวจะหาว่าลองภูมิผมจึงบอกว่า
    ผมจะไปสอบเป็นนายทหารอยากถามเพื่อเป็นความรู้พิเศษท่านก็บอกว่า

    “ หมอหรือแพทย์คือผู้ที่มีความรู้ในการวินิจฉัยโรค มีความรู้ความสามารถในการใช้ยาเพื่อบำบัดโรค ไม่ว่าจะเป็นการ บำบัดด้วยยา เคมี หรือรังสี ”

    หลังจากนั้นผมก็มาทำสมาธิใหม่เพื่อเตรียมตัวตอบคำถาม แปลกมาก พอจะตอบคำถาม นั่งสมาธินั่งยังไงก็ไม่มีคลื่นความคิดที่จะถามเรื่องหมอเลย วันที่ ๒ ก็ เหมือนเดิม วันที่ ๓ ก็เงียบอยู่ พอย่างเข้าวันที่ ๔ คำถามนี้มาแล้วทางคลื่นความคิด ผมดีใจว่าคราวนี้คงตอบไม่พลาดแน่ก็เลยตอบคำถามอย่างละเอียดพอตอบเสร็จคลื่นความคิดก็สื่อว่า

    “ นี่คือความรู้แบบปุถุชนแต่ว่าดีกว่าเก่าอยู่นิดหนึ่ง เดี๋ยวพ่อจะใบ้ให้ หมอแบบพ่อนี้จะต้องมีจิตใจเมตตา กรุณา มุฑิตา อุเบกขา มีศีล มีธรรม นี่แหละคือคำใบ้ให้เจ้า”

    ผมนั่งสมาธิต่อไปแล้วนึกในใจเพื่อค้นหาคำตอบของคำว่า ห-ม-อ ให้ได้ นั่งยังไงๆก็นึกไม่ออก ก็เลยมีความคิดว่าเราน่าจะบ้าไปแล้ว ไปคิดอะไรก็ไม่รู้ เลิกดีกว่ามาดูทีวี บังเอิญหนังทีวีมีเรื่องเกี่ยวกับตำรวจของอเมริกาปราบผู้ร้ายยาเสพติด ผู้ร้ายมีอิทธิพลเลยเดินเรื่องให้ตำรวจถูกสั่งพักราชการและถูกตามล่าลูกเมียก็พลอยเดือดร้อนถูกตามล่าไปด้วย ตำรวจถูกเมียตบหน้าและต่อว่าต่างๆนาๆว่าไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับคนพวกนั้น ตำรวจจึงบอกภรรยาว่า

    “เธอจะให้ฉันทำอย่างไรเล่า ในเมื่อตำรวจก็ต้องมีอุดมการณ์ ฉันมีอุดมการณ์ของฉัน ฉันจะต้องมีความยุติธรรม กล้าต่อสู้กับความจริง ต้องเป็นที่พึ่งของคนดีได้”
    พอผมได้ฟังดังนั้นความคิดผมก็เริ่มก่อเกิดแวบเข้ามาในสมอง ผมปิดทีวีแล้วเริ่มเขียนในสิ่งที่ผมคิด จากนั้นผมก็นั่งสมาธิ เวลาผ่านไป ๒ ชั่วโมง จิตสงบรวมตัวแวบสีขาวมาเลย แล้วถามผมว่า

    “ได้คำตอบหรือยังล่ะลูก”
    “ ได้คำตอบแล้วครับท่านพ่อ”
    “ ไหนลองตอบมาสิ” แล้วผมก็ตอบตามที่คิด
    " คำว่า …ห- ม – อ ประกอบด้วย
    ห….คือ ห่วงและเห็นใจ
    ม…..คือ มีเมตตาทุกเมื่อ
    อ….คือ เอื้ออาทรคนทุกผู้ ”

    “ คำตอบนี้ถูกแล้วล่ะลูก ลูกจงเป็นหมอที่ดีของพ่อแบบนี้นะ ๓ คำนี้แหละ คือหัวใจของหมอ เพราะว่าถ้าเจ้าหรือใครก็ตามที่มีแต่ความรู้ แต่ขาดคุณสมบัติทั้ง ๓ ข้อนี้ มันผู้นั้นเป็นยิ่งกว่าฆาตกรมันเป็นยิ่งกว่าโจร แต่ถ้าหมอมีสิ่งเหล่านี้ถึง
    แม้จะมีวิชาเพียงเล็กน้อยก็สามารถไปได้ลูก”

    คำพูดนี้ทำให้ผมเกิดความซาบซึ้งและประทับใจเป็นอย่างมากจิตของผมเกิดอาการปิติอย่างมากรู้สึกว่าตัวเองมี ความสุขที่สามารถสอบผ่านข้อสอบเอนทรานซ์นี้ได้ หลังจากนั้นไม่นาน อยู่ๆก็จะมีคนเอาตำราสมุนไพรมาให้ มีพระเอาตำรายามาให้ รวมทั้งผมได้เอาตำราจากคุณปู่และคุณพ่อของผมมาอ่านค้นคว้าเพิ่มเติม และในจิตขณะนั่งสมาธินั้นบอกว่าให้ผมยาสมุนไพรแก้วสารพัดนึกได้แล้วจากสูตรที่มีคนเอามาให้รวมกับสูตรทางคลื่นความคิดที่ผมได้มา

    ผมเริ่มทำยาสมุนไพรแล้วแจกให้คนไข้ โรคร้ายต่างๆ ช่วงนี้ผมไม่ได้ช่วยภรรยาขายของ รายได้กำไรที่ภรรยาได้มาจากการขายของผมก็เอามาซื้อยาสมุนไพรมาบดปรุงแจกจ่ายคนไข้ ภรรยาผมเริ่มไม่พอใจมีการทะเละกันแทบทุกวัน...

    ******************

    ข้างต้นนั้นคือเรื่องราวเหลือเชื่อบางส่วนหนึ่ง ของท่าน อ.หมอเจน จ.นครนายก
    ลางเนื้่อชอบลางยา ไม่แน่ว่าผู้ป่วยมะเร็งบางท่านอาจจะถูกโฉลกกับกับหมอท่านนี้ก็ได้

    ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่

    มะเร็ง"หมอเจน...ที่พึ่งคนสิ้นหวัง" : จำรัส เซ็นนิล
     

แชร์หน้านี้

Loading...