ธรรมะแบบชิวๆ ตอน แก้นิวรณ์ 5 กับ สติปัฎฐาน 4

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Nakamura, 18 มีนาคม 2007.

  1. Nakamura

    Nakamura Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2005
    โพสต์:
    2,002
    ค่าพลัง:
    +17,627
    บทสนทนาธรรมะระหว่างกระผมกับกัลยานิมิตรท่านหนึ่ง แบบชิวๆ
    ***โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน***

    [​IMG]

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • nivorn5.jpg
      nivorn5.jpg
      ขนาดไฟล์:
      117.4 KB
      เปิดดู:
      2,292
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 มีนาคม 2007
  2. คุณ 4

    คุณ 4 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    733
    ค่าพลัง:
    +5,159
    ชิว ๆ แปลว่า ง่าย ๆ สบาย ๆ คับ คุณปานโสม ^^

    หลวงพ่อเคยสอนไว้ว่า วิธีละนิวรณ์ที่ง่ายที่สุด คือ อย่าไปสนใจมัน คับ
     
  3. Toutou

    Toutou เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2005
    โพสต์:
    1,455
    ค่าพลัง:
    +8,107
    มาจากภาษาอังกฤษว่า chill chill หรือ cool นั่นเองคะ แต่คนไทยเอามาออกเสียงว่า ชิวชิว

     
  4. Toutou

    Toutou เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2005
    โพสต์:
    1,455
    ค่าพลัง:
    +8,107
    นิวรณ์ 5 และวิธีแก้ไข


    [FONT=MS Sans Serif, CordiaUPC, BrowalliaUPC]นิวรณ์ 5
    [/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, CordiaUPC, BrowalliaUPC]นิวรณ์ คือสิ่งที่ขวางกั้นจิตทำให้สมาธิไม่อาจเกิดขึ้นได้ มี 5 อย่างคือ[/FONT]​
    1. [FONT=MS Sans Serif, CordiaUPC, BrowalliaUPC] กามฉันทะ คือความยินดี พอใจ เพลิดเพลินในกามคุณอารมณ์ ได้แก่ ความยินดี พอใจในรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ(สิ่งสัมผัสทางกาย) อันน่ายินดี น่ารักใคร่พอใจ รวมทั้งความคิดอันเกี่ยวเนื่องด้วยรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะนั้น (คำว่ากามในทางธรรมนั้น ไม่ได้หมายถึงเรื่องเพศเท่านั้น)

      [/FONT]​
    2. [FONT=MS Sans Serif, CordiaUPC, BrowalliaUPC] พยาปาทะ คือ ความโกรธ ความพยาบาท ความไม่พอใจ ขัดเคืองใจ

      [/FONT]​
    3. [FONT=MS Sans Serif, CordiaUPC, BrowalliaUPC] ถีนมิทธะ แยกเป็นถีนะคือความหดหู่ท้อถอย และมิทธะคือความง่วงเหงาหาวนอน
      ถีนะและมิทธะนั้นมีอาการแสดงออกที่คล้ายกันมาก คือทำให้เกิดอาการเซื่องซึมเหมือนกัน แต่มีสาเหตุที่ต่างกันคือ

      ถีนะเป็นกิเลสชนิดหนึ่ง เกิดจากการปรุงแต่งของจิต ทำให้เกิดความย่อท้อ เบื่อหน่าย ไม่มีกำลังที่จะทำความเพียรต่อไป

      ส่วนมิทธะนั้นเกิดจากความเมื่อยล้าอ่อนเพลียของร่างกาย หรือจิตใจจริง ๆ เนื่องจากตรากตรำมามาก หรือขาดการพักผ่อนที่เพียงพอ หรือการรับประทานอาหารที่มากเกินไป มิทธะนี้ไม่จัดเป็นกิเลส (พระอรหันต์ไม่มีถีนะแล้ว แต่ยังมีมิทธะได้เป็นบางครั้ง)

      [/FONT]​
    4. [FONT=MS Sans Serif, CordiaUPC, BrowalliaUPC] อุทธัจจกุกกุจจะ แยกเป็นอุทธัจจะคือความฟุ้งซ่านของจิต และกุกกุจจะคือความรำคาญใจ

      อุทธัจจะนั้นคือการที่จิตไม่สามารถยึดอยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้เป็นเวลานาน จึงเกิดอาการฟุ้งซ่าน เลื่อนลอยไปเรื่องนั้นที เรื่องนี้ที

      ส่วนกุกกุจจะนั้นเกิดจากความกังวลใจ หรือไม่สบายใจถึงอกุศลที่ได้ทำไปแล้วในอดีต ว่าไม่น่าทำไปอย่างนั้นเลย หรือบุญกุศลต่างๆ ที่ควรทำแต่ยังไม่ได้ทำ ว่าน่าจะได้ทำอย่างนั้นอย่างนี้

      [/FONT]​
    5. [FONT=MS Sans Serif, CordiaUPC, BrowalliaUPC] วิจิกิจฉา คือความลังเลสงสัย ไม่แน่ใจ หรือไม่ปักใจเชื่อว่าสิ่งใดถูกสิ่งใดผิด หรือควรทำแบบไหนดี จิตจึงไม่อาจมุ่งมั่นในอารมณ์ใดอารมณ์หนึ่งได้อย่างเต็มที่ สมาธิจึงไม่เกิดขึ้น
      [/FONT]​
    [FONT=MS Sans Serif, CordiaUPC, BrowalliaUPC] นิวรณ์ทั้ง 5 ตัวนี้ มีเฉพาะอุทธัจจะเท่านั้นที่เกิดขึ้นตัวเดียวได้ ส่วนนิวรณ์ตัวอื่น ๆ นอกนั้น เมื่อเกิดจะเกิดขึ้นร่วมกับอุทธัจจะเสมอ

    นิวรณ์ทั้ง5 เป็นอุปสรรคสำคัญในการทำสมาธิ ถ้านิวรณ์ตัวใดตัวหนึ่ง หรือหลายตัวเกิดขึ้น สมาธิก็ไม่อาจเกิดขึ้นได้เลย แต่นิวรณ์ทั้ง 5 นี้ไม่เป็นตัวขวางกั้นวิปัสสนาเลย ทั้งยังเป็นประโยชน์แก่วิปัสสนาอีกด้วย เพราะวิปัสสนานั้นเป็นการเรียนรู้ธรรมชาติของสรรพสิ่ง ไม่ว่าขณะนั้นอะไรจะเกิดขึ้น ก็เป็นประโยชน์ให้เรียนรู้ได้เสมอ นิวรณ์ทั้ง 5 นี้ก็เป็นธรรมชาติอย่างหนึ่ง ๆ ของจิตที่เป็นประโยชน์ในการเรียนรู้ ให้เห็นถึงความไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่อยู่ในอำนาจ ของจิตเช่นกัน
    [/FONT]​
    [FONT=MS Sans Serif, CordiaUPC, BrowalliaUPC]
    วิธีแก้ไขนิวรณ์ 5
    [/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, CordiaUPC, BrowalliaUPC] เมื่อนิวรณ์เกิดขึ้นมีวิธีแก้ดังนี้คือ
    [/FONT]​
    [FONT=MS Sans Serif, CordiaUPC, BrowalliaUPC] 1.) กามฉันทะ แก้ได้หลายวิธีตามลักษณะของกามฉันทะที่เกิดขึ้น ดังนี้
    [/FONT]​
    • [FONT=MS Sans Serif, CordiaUPC, BrowalliaUPC] พิจารณาถึงความจริงที่ว่ากามคุณทั้งหลายนั้นมีสุขน้อยมีทุกข์มาก คือให้ความสุขในช่วงที่ได้มาใหม่ ๆ ซึ่งเป็นเสมือนเหยื่อล่อให้ติด ครั้นเมื่อติดในสิ่งนั้น ๆ แล้ว ความทุกข์ทั้งหลายก็จะตามมา ถ้ายิ่งถูกใจมากเท่าใด ก็จะยิ่งนำความทุกข์มาให้มากขึ้นเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นทุกข์จากการแสวงหาเพื่อให้ได้มากยิ่งขึ้น ทุกข์จากการพยายามรักษาสิ่งนั้นเอาไว้ ทุกข์จากความหวงแหน ความกลัวว่าจะต้องสูญเสียสิ่งนั้นไป และเมื่อต้องสูญเสียสิ่งนั้นไป ก็จะยิ่งเป็นทุกข์ยิ่งขึ้นไปอีก เพราะเราทั้งหลายล้วนจะต้องพลัดพรากจากสิ่งที่เป็นที่รักที่พอใจ ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น

      [/FONT]​
    • [FONT=MS Sans Serif, CordiaUPC, BrowalliaUPC] พิจารณาถึงความที่สิ่งทั้งหลายมีความแปรปรวนไปตลอดเวลา สิ่งที่ให้ความสุขในวันนี้ ก็อาจจะนำความทุกข์มาให้ได้ในวันข้างหน้า เช่น คนที่ทำดีกับเราในวันนี้ ต่อไปถ้าเขาเบื่อ หรือไม่พอใจอะไรเราขึ้นมา เขาก็อาจจะร้ายกับเราอย่างมากก็ได้

      [/FONT]​
    • [FONT=MS Sans Serif, CordiaUPC, BrowalliaUPC] พิจารณาถึงความเป็นอสุภะ คือเป็นของไม่สวยไม่งาม เต็มไปด้วยของไม่สะอาด ร่างกายที่เห็นว่าสวยงามในตอนนี้ จะคงสภาพอยู่ได้นานสักเท่าใด พอแก่ตัวขึ้นก็ย่อมจะหย่อนยาน เหี่ยวย่นไม่น่าดู ถึงแม้ในตอนนี้เอง ก็เต็มไปด้วยของสกปรกไปทั้งตัว ตั้งแต่เส้นผมจรดปลายเท้า (ไม่เชื่อก็ลองไม่อาบน้ำดูสักวันสองวันก็จะรู้เอง) ลองพิจารณาดูเถิด ว่ามีส่วนไหนที่ไม่ต้องคอยทำความสะอาดบ้าง และถ้าถึงเวลาที่กลายสภาพเป็นเพียงซากศพแล้วจะขนาดไหน

      [/FONT]​
    • [FONT=MS Sans Serif, CordiaUPC, BrowalliaUPC] พิจารณาถึงคุณของการออกจากกาม หรือประโยชน์ของสมาธิ เช่น

      [/FONT]​
      • [FONT=MS Sans Serif, CordiaUPC, BrowalliaUPC] เป็นความสุขที่ประณีต ละเอียดอ่อน เบาสบายไม่หนักอึ้งเหมือนกาม คนที่ได้สัมผัสกับความสุขจากสมาธิสักครั้ง ก็จะรู้ได้เองว่าเหนือกว่าความสุขจากกามมากเพียงใด
        [/FONT]
      • [FONT=MS Sans Serif, CordiaUPC, BrowalliaUPC] เป็นความสุขที่ไม่ต้องแสวงหาจากภายนอก เพราะเกิดจากความสงบภายใน จึงไม่ต้องมีการแย่งชิง ไม่ต้องยื้อแย่งแข่งขัน ไม่ต้องกลัวถูกลักขโมย
        [/FONT]​
      • [FONT=MS Sans Serif, CordiaUPC, BrowalliaUPC] เป็นความสุขที่ไม่ต้องมีวัตถุใดๆ มาเป็นเครื่องล่อ จึงไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น
        [/FONT]​
    [FONT=MS Sans Serif, CordiaUPC, BrowalliaUPC] 2.) พยาปาทะ มีวิธีแก้ดังนี้
    [/FONT]​
    • [FONT=MS Sans Serif, CordiaUPC, BrowalliaUPC] มองโลกในแง่ดีให้เห็นว่าคนที่ทำให้เราไม่พอใจนั้น เขาคงไม่ได้ตั้งใจหรอก เขาคงทำไปเพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ หรือเข้าใจผิด หรือถูกเหตุการณ์บังคับ ถ้าเขารู้หรือเลือกได้เขาคงไม่ทำอย่างนั้น

      [/FONT]​
    • [FONT=MS Sans Serif, CordiaUPC, BrowalliaUPC] คิดถึงหลักความจริงที่ว่า คนเราเมื่ออยู่ใกล้กัน ก็ย่อมมีโอกาสที่จะทำในสิ่งที่ไม่ถูกใจคนอื่น ได้เป็นครั้งคราวอยู่แล้ว เพราะคงไม่มีใครสามารถทำให้ถูกใจคนอื่นได้ตลอดเวลา แม้ตัวเราเองก็ยังเคยทำให้คนอื่นไม่พอใจเช่นกัน เพราะฉะนั้น เมื่อคนอื่นทำไม่ถูกใจเราบ้าง ก็ย่อมจะเป็นเรื่องธรรมดา ไม่ควรจะถือโทษโกรธกันให้เป็นทุกข์กันไปเปล่าๆ

      [/FONT]​
    • [FONT=MS Sans Serif, CordiaUPC, BrowalliaUPC] พิจารณาถึงคุณของการให้อภัย ว่าอภัยทานนั้นเป็นบุญอันยิ่งใหญ่ เป็นการทำบุญโดยไม่ต้องเสียอะไรเลย

      [/FONT]​
    • [FONT=MS Sans Serif, CordiaUPC, BrowalliaUPC] คิดเสียว่าเป็นการฝึกจิตของตัวเราเองให้เข้มแข็งขึ้น โดยการพยายามเอาชนะใจตนเอง เอาชนะความโกรธ และขอบคุณผู้ที่ทำให้เราโกรธที่ให้โอกาสในการฝึกจิตแก่เรา ให้เราได้สร้างและเพิ่มพูนขันติบารมี

      [/FONT]​
    • [FONT=MS Sans Serif, CordiaUPC, BrowalliaUPC] คิดถึงเรื่องกฎแห่งกรรม ว่าสัตว์โลกมีกรรมเป็นของของตน ใครสร้างกรรมอันใดไว้ ย่อมต้องรับผลกรรมนั้นๆ สืบไป การที่เราเจอเหตุการณ์ที่ไม่ดีในครั้งนี้ ก็คงเป็นเพราะกรรมเก่าที่เราได้ทำเอาไว้ สำหรับคนที่ทำไม่ดีกับเราในครั้งนี้นั้น เขาก็จะได้รับผลกรรมนั้นเองในวันข้างหน้าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

      [/FONT]​
    • [FONT=MS Sans Serif, CordiaUPC, BrowalliaUPC] ให้ความรู้สึกสงสารผู้ที่ทำไม่ดีกับเราในครั้งนี้ ว่าเขาไม่น่าทำอย่างนั้นเลย เพราะเมื่อเขาทำแล้ว ต่อไปเมื่อกรรมนั้นส่งผล เขาก็จะต้องเป็นทุกข์ทรมานเพราะกรรมนั้น

      [/FONT]​
    • [FONT=MS Sans Serif, CordiaUPC, BrowalliaUPC] พิจารณาโทษของความโกรธ ว่าคนที่โกรธก็เหมือนกับจุดไฟเผาตัวเอง ทำให้ต้องเป็นทุกข์เร่าร้อน หน้าตาก็ไม่น่าดู แถมยังเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจอีกด้วย เพราะฉะนั้นก็มีแต่คนโง่ กับคนบ้าเท่านั้นที่ผูกโกรธเอาไว้

      [/FONT]​
    • [FONT=MS Sans Serif, CordiaUPC, BrowalliaUPC] แผ่เมตตาให้กับคนที่เราโกรธ ถ้าทำได้นอกจากจะดับทุกข์จากความโกรธได้แล้ว ยังทำให้มีความสุขจากการแผ่เมตตานั้นอีกด้วย และยังจะเป็นการพัฒนาจิตให้สูงขึ้นไปด้วย
      [/FONT]​
    [FONT=MS Sans Serif, CordiaUPC, BrowalliaUPC] 3.) ถีนมิทธะ แยกเป็นถีนะคือความหดหู่ท้อถอยนั้นแก้โดย
    [/FONT]​
    • [FONT=MS Sans Serif, CordiaUPC, BrowalliaUPC] พิจารณาถึงโทษของกามและคุณของสมาธิ เพื่อทำให้เกิดความเพียร ในการปฏิบัติให้พ้นจากโทษของกามเหล่านั้น

      [/FONT]​
    • [FONT=MS Sans Serif, CordiaUPC, BrowalliaUPC] คบหากับคนที่มีความเพียร ฝักใฝ่ยินดีในการทำสมาธิ

      [/FONT]​
    • [FONT=MS Sans Serif, CordiaUPC, BrowalliaUPC] หลีกเว้นจากคนที่ไม่ชอบทำสมาธิ หรือคนที่เบื่อหน่ายในสมาธิ
      [/FONT]​
    [FONT=MS Sans Serif, CordiaUPC, BrowalliaUPC] ส่วนมิทธะคือความง่วงเหงาหาวนอนนั้น มีวิธีแก้หลายวิธี ดังที่พระพุทธเจ้าตรัสแก่พระโมคคัลลานะ สรุปได้เป็นขั้นๆ ดังนี้
    [/FONT]​
    • [FONT=MS Sans Serif, CordiaUPC, BrowalliaUPC] ในขณะที่เพ่งจิตในสิ่งใดสิ่งหนึ่งอยู่ เพื่อทำสมาธิหรือวิปัสสนาก็ตาม แล้วเกิดความง่วงขึ้นมา ให้เพ่งสิ่งนั้นให้มาก หรือให้หนักแน่นขึ้นไปอีก ก็จะทำให้หายง่วงได้

      [/FONT]​
    • [FONT=MS Sans Serif, CordiaUPC, BrowalliaUPC] ถ้ายังไม่หายง่วง ให้ตรึกตรอง พิจารณาธรรมที่ได้อ่าน หรือได้ฟัง ได้เรียนมาแล้ว โดยนึกในใจ

      [/FONT]​
    • [FONT=MS Sans Serif, CordiaUPC, BrowalliaUPC] ถ้ายังไม่หายง่วงให้สาธยายธรรมที่ได้อ่าน ได้ฟัง หรือได้เรียนมาแล้ว คือให้พูดออกเสียงด้วย

      [/FONT]​
    • [FONT=MS Sans Serif, CordiaUPC, BrowalliaUPC] ถ้ายังไม่หายง่วงให้ยอนช่องหูทั้งสองข้าง (เอานิ้วไชเข้าไปในรูหู) เอามือลูบตัว

      [/FONT]​
    • [FONT=MS Sans Serif, CordiaUPC, BrowalliaUPC] ถ้ายังไม่หายง่วง ให้ลุกขึ้นยืน เอาน้ำล้างตา เหลียวดูทิศทั้งหลาย แหงนดูดาวนักษัตรฤกษ์ (คือให้มองไปทางโน้นทีทางนี้ที บิดคอไปมา)

      [/FONT]​
    • [FONT=MS Sans Serif, CordiaUPC, BrowalliaUPC] ถ้ายังไม่หายง่วง ให้ทำในใจถึงอาโลกสัญญา (นึกถึงแสงสว่าง) ตั้งความสำคัญในกลางวัน ว่ากลางวันอย่างไร กลางคืนอย่างนั้น กลางคืนอย่างไร กลางวันอย่างนั้น มีใจเปิดเผยอยู่ฉะนี้ ไม่มีอะไรหุ้มห่อ ทำจิตอันมีแสงสว่างให้เกิด (คือให้ทำความรู้สึกเหมือนกับว่า กลางคืนนั้นสว่างราวกับเป็นกลางวัน)

      [/FONT]​
    • [FONT=MS Sans Serif, CordiaUPC, BrowalliaUPC] ถ้ายังไม่หายง่วง ให้เดินกลับไปกลับมา สำรวมอินทรีย์ มีใจไม่คิดไปในภายนอก (ควรเดินเร็วๆ ให้หายง่วง)

      [/FONT]​
    • [FONT=MS Sans Serif, CordiaUPC, BrowalliaUPC] ถ้ายังไม่หายง่วงอีก ให้สำเร็จสีหไสยาสน์ คือ นอนตะแคงเบื้องขวา ซ้อนเท้าเหลื่อมเท้า (เหมือนพระพุทธรูปนอน) มีสติสัมปชัญญะ โดยบอกกับตัวเองว่า ทันทีที่รู้สึกตัวตื่นแล้ว จะรีบลุกขึ้นทันที ด้วยตั้งใจว่า เราจักไม่ประกอบความสุขในการนอน ความสุขในการเอนข้าง ความสุขในการเคลิ้มหลับ
      [/FONT]​
    [FONT=MS Sans Serif, CordiaUPC, BrowalliaUPC] 4.) อุทธัจจกุกกุจจะ แยกเป็นอุทธัจจะคือความฟุ้งซ่านของจิต แก้โดย
    [/FONT]​
    • [FONT=MS Sans Serif, CordiaUPC, BrowalliaUPC] ใช้เทคนิคกลั้นลมหายใจ (เทคนิคนี้นอกจากจะใช้แก้ความฟุ้งซ่านได้แล้ว ยังใช้ในการแก้ความง่วงได้อีกด้วย) โดยการทำตามขั้นตอนดังต่อไปนี้

      [/FONT]​
      • [FONT=MS Sans Serif, CordiaUPC, BrowalliaUPC] เริ่มจากการหายใจเข้าออกให้ลึกที่สุด โดยทำเหมือนถอนหายใจแรงๆ สัก 3 รอบ
        [/FONT]​
      • [FONT=MS Sans Serif, CordiaUPC, BrowalliaUPC] จากนั้นทำสิ่งต่อไปนี้พร้อมกันคือ
        [/FONT]​
        • [FONT=MS Sans Serif, CordiaUPC, BrowalliaUPC] ใช้ลิ้นดุนเพดานปากอย่างแรง
          [/FONT]​
        • [FONT=MS Sans Serif, CordiaUPC, BrowalliaUPC] หลับตาปี๋
          [/FONT]​
        • [FONT=MS Sans Serif, CordiaUPC, BrowalliaUPC] เกร็งกล้ามเนื้อบริเวณใบหน้า และกล้ามเนื้อทั่วร่างกายให้มากที่สุด
          [/FONT]​
        • [FONT=MS Sans Serif, CordiaUPC, BrowalliaUPC] กลั้นลมหายใจให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ พร้อมกับทำสมาธิ โดยกำหนดจิตไว้ที่การกลั้นลมหายใจนั้น

          [/FONT]​
    • [FONT=MS Sans Serif, CordiaUPC, BrowalliaUPC] เพิ่มความหนักแน่น หรือความถี่ของสิ่งที่ใช้ยึดจิตขึ้นไปอีก เพื่อให้สามารถประคองจิตได้ง่ายยิ่งขึ้น หรือลดโอกาสในการฟุ้งให้น้อยลง เช่น

      [/FONT]​
      • [FONT=MS Sans Serif, CordiaUPC, BrowalliaUPC] ถ้าตอนแรกใช้กำหนดลมหายใจเข้า/ออก โดยบริกรรมว่าพุทธ/โธ หรือ เข้า/ออก ซ้ำไปซ้ำมา ก็เปลี่ยนเป็นนับลมหายใจแทน โดยหายใจเข้านับ 1 ออกนับ 1 เข้า-2 ออก-2 ... จนถึง เข้า-10 ออก-10 แล้วเริ่มนับ 1 ใหม่ การนับนี้ให้ลากเสียง(ในใจ) ให้ยาวตั้งแต่เริ่มหายใจเข้าหรือออก จนกระทั่งสุดลมหายใจ เพื่อให้จิตเกาะติดกับเสียงนั้นไปตลอด
        [/FONT]​
      • [FONT=MS Sans Serif, CordiaUPC, BrowalliaUPC] ถ้ายังไม่หายก็เปลี่ยนเป็น เข้า-1 ออก-2 เข้า-3 ออก-4 ...... เข้า-9 ออก-10 แล้วเริ่มนับ 1 ใหม่
        [/FONT]​
      • [FONT=MS Sans Serif, CordiaUPC, BrowalliaUPC] ถ้ายังไม่หายอีกก็เปลี่ยนเป็นรอบแรกนับจาก 1จนถึง 10 (เหมือนครั้งที่แล้ว) รอบที่สองนับจาก 1 - 9 ลดลงไปเรื่อยๆ จนเหลือนับ 1 - 5 แล้วค่อยเพิ่มขึ้นเป็น 1 - 6 ...... จนถึง 1 - 10 แล้วลดลงใหม่จนเหลือ 1 - 5 แล้วเพิ่มขึ้นจนถึง 1 - 10 กลับไปกลับมาเรื่อยๆ เพื่อให้ต้องเพิ่มความตั้งใจขึ้นอีก
        [/FONT]​
      • [FONT=MS Sans Serif, CordiaUPC, BrowalliaUPC] ถ้ายังไม่หายอีกก็เปลี่ยนเป็นนับเลขอย่างเร็ว คือขณะหายใจเข้าแต่ละครั้งก็นับเลข 1,2,3,... อย่างรวดเร็วจนกว่าจะสุดลมหายใจ พอเริ่มหายใจออกก็เริ่มนับ 1,2,3,... ใหม่จนสุดลมหายใจเช่นกัน ทั้งนี้ไม่ต้องไปกำหนดว่าตอนหายใจเข้า/ออกแต่ละครั้งจะต้องนับได้ถึงเลขอะไร เช่น หายใจเข้าครั้งแรกอาจจะนับได้ถึง 12 พอหายใจออกอาจจะได้แค่ 10 หายใจเข้าครั้งต่อไปอาจจะได้แค่ 9 ก็ได้
        [/FONT]​
    [FONT=MS Sans Serif, CordiaUPC, BrowalliaUPC] *** ในการหายใจนั้นที่สำคัญคือให้หายใจให้เป็นธรรมชาติให้มากที่สุด อย่าไปบังคับลมหายใจให้ยาวหรือสั้น บางขณะอาจหายใจยาว บางขณะอาจสั้นก็ปล่อยไปตามธรรมชาติของมัน เรามีหน้าที่เพียงแค่สังเกตดูเท่านั้น

    *** ทำใจให้สบาย อย่ามุ่งมั่นมากเกินไปจนเครียด จะทำให้ฟุ้งซ่านหนักขึ้น ค่อยๆ ฝึกไปเรื่อยๆ แล้วจะดีขึ้นเอง อย่าหวัง อย่ากำหนดกฎเกณฑ์ว่าวันนี้จะต้องได้อย่างนั้นอย่างนี้ ปล่อยวางให้มากที่สุด ทำใจให้อยู่กับปัจจุบัน คือเพียงแค่สังเกตว่าตอนนี้เป็นอย่างไรก็พอแล้ว อย่าคิดบังคับให้สมาธิเกิด ยิ่งบีบแน่นมันจะยิ่งทะลักออกมา ยิ่งฟุ้งไปกันใหญ่

    *** ถ้านับเลขผิดให้เริ่มต้นนับ 1 ใหม่ แล้วดูว่าวันนี้จะนับได้มากที่สุดถึงแค่ไหน

    *** เมื่อนับถี่ที่สุดถึงขั้นไหนแล้วเอาจิตให้อยู่ได้ก็หยุดอยู่แค่ขั้นนั้น พอฝึกจิตได้นิ่งพอสมควรแล้ว ก็ลองลดการนับไปใช้ขั้นที่เบาลงเรื่อยๆ จิตจะได้ประณีตขึ้นเรื่อยๆ
    [/FONT]​
    [FONT=MS Sans Serif, CordiaUPC, BrowalliaUPC]ส่วนกุกกุจจะคือความรำคาญใจ นั้นแก้ได้โดย
    [/FONT]​
    • [FONT=MS Sans Serif, CordiaUPC, BrowalliaUPC] พยายามปล่อยวางในสิ่งนั้นๆ โดยคิดว่าอดีตก็ผ่านไปแล้ว คิดมากไปก็เท่านั้น อนาคตก็ยังมาไม่ถึง เรามาทำปัจจุบันให้ดีที่สุดดีกว่า ตอนนี้เป็นเวลาทำกรรมฐาน เพราะฉะนั้นอย่างอื่นพักไว้ก่อน ยังไม่ถึงเวลาคิดเรื่องเหล่านั้น

      [/FONT]​
    • [FONT=MS Sans Serif, CordiaUPC, BrowalliaUPC] ถ้าแก้ไม่หายจริงๆ ก็ไปจัดการเรื่องเหล่านั้นให้เรียบร้อย แล้วถึงกลับมาทำกรรมฐานใหม่ก็ได้
      [/FONT]​
    [FONT=MS Sans Serif, CordiaUPC, BrowalliaUPC]5.) วิจิกิจฉา แก้ได้โดย
    [/FONT]​
    • [FONT=MS Sans Serif, CordiaUPC, BrowalliaUPC] พยายามศึกษาหาความรู้ให้มากที่สุด

      [/FONT]​
    • [FONT=MS Sans Serif, CordiaUPC, BrowalliaUPC] ถ้ายังไม่แน่ใจก็คิดว่าเราจะลองทางนี้ดูก่อน ถ้าถูกก็เป็นสิ่งที่ดี แต่ถ้าผิดเราก็จะได้รู้ว่าผิด จะได้หายสงสัย แล้วจะได้พิจารณาหาทางอื่นที่ถูกได้ ยังไงก็ดีกว่ามัวแต่สงสัยอยู่ แล้วไม่ได้ลองทำอะไรเลย ซึ่งจะทำให้ต้องสงสัยตลอดไป
      [/FONT]​
    [FONT=MS Sans Serif, CordiaUPC, BrowalliaUPC] ธัมมโชติ
    21 พฤศจิกายน 2543
    [/FONT]

    [FONT=MS Sans Serif, CordiaUPC, BrowalliaUPC]ที่มา: http://www.geocities.com/tmchote/Thumma/Samata/sm001.htm
    [/FONT]​
     
  5. thos1964

    thos1964 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 เมษายน 2006
    โพสต์:
    73
    ค่าพลัง:
    +441
    เป็นกระทู้ที่น่ารักมาก ๆ ครับ ชอบ ๆ อยากให้มีแบบนี้แยะ ๆ มีทั้งประสบการณ์ตรงและหลักฐานคำสอน เรียกว่าอ่านกระทู้เดียวจบเลย ไม่ต้องสงสัยอีกต่อไป ไม่ต้องไปค้นหาคำตอบที่อื่นอีก อยากให้สมาชิกในเว็บพลังจิตออกมาเล่าประสบการณ์กันเยอะ ๆ ครับ จะได้เป็นแนวทางให้สมาชิกใหม่ ๆ ได้พัฒนาตาม เป็น "ธรรมทาน" ด้วยนะครับ ได้บุญหลาย อิอิ

    คุณปานโสมไม่ต้องกลัวไม่มีเพื่อนครับ แต่ก่อนผมก็ไม่รู้เหมือนกัน เรื่องคำว่า ชิวชิว น่ะครับ เคยถามหลาน (จบ ม. 6) หลานบอกว่า ชิวชิว มาจาก children หมายถึง เด็ก ๆ ง่าย ๆ ประมาณนั้น ดูมัน อิอิ แต่ผมว่าน่าจะเป็นแบบที่คุณตู๋เขียนมาข้างบนมากกว่าครับ
     
  6. Nakamura

    Nakamura Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2005
    โพสต์:
    2,002
    ค่าพลัง:
    +17,627
    ขอบคุณนะครับ ^^

    แต่ผมไม่สนใจคำสรรเสริญ หรอกครับ เพราะมีสรรเสริญ มันก็ต้องมี ติเตียน

    ก็เพราะว่ามันเป็นหนึ่งใน โลกธรรม 8 นั้นเอง

    ผมทำไปเพื่อเป็นธรรมทานนะครับ ขอผลบุญกุศลนี้ถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา

    ใครชอบแนวนี้ก็ขอ feedback ด้วยนะครับ ถ้าเห็นว่าผลตอบรับดีแล้วจะทำมาอีกครับ ^^
     
  7. thos1964

    thos1964 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 เมษายน 2006
    โพสต์:
    73
    ค่าพลัง:
    +441
    ข้อความแบบนี้น่ะ ที่เว็บลานธรรมเสวนามีแยะครับ สมาชิกที่ปฏิบัติธรรมเค้าเอามาแลกเปลี่ยนกัน แต่วัฒนธรรมที่เว็บนั้นเค้าเน้นความถูกต้องตามประไตรปิฎก ผมเลยได้แต่อ่านไปเรื่อย ๆ ไม่ค่อยกล้าแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเค้าครับ กลัวจะปล่อยไก่ ฮาๆ
     
  8. ธรรมวิวัฒน์

    ธรรมวิวัฒน์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    26,489
    กระทู้เรื่องเด่น:
    82
    ค่าพลัง:
    +115,623
    มันต้องมีการแลกเปลี่ยนความรู้กันนะครับ ผมว่ามันทำให้เราเดินไปได้ถูกทางไม่หลงทางในการปฎิบัติครับ อีกมันก็เป็นเรื่องที่น่าติดตามในการอ่านนะครับ ผมว่ามันเพลินดีครับ สนุกอีกต่างหาก แอบดีใจกับคนที่เล่าให้ฟังด้วยครับ
     
  9. wudiman

    wudiman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    209
    ค่าพลัง:
    +1,333
    อนุโมทนา ทุกท่านนะครับ ขอให้ทุกท่านเจริญก้าวหน้าในธรรมกันถ้วนหน้าเทอญ สาธุ!!! :) __/i\__ :)
     

แชร์หน้านี้

Loading...