นั่งสมาธิแล้วเป็นลักษณะเหมือนน้ำกระเพื่อม

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย dj2004, 9 สิงหาคม 2009.

  1. dj2004

    dj2004 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    8
    ค่าพลัง:
    +15
    คือ ผมต้องบอกก่อนครับว่า ผมฝึกสมาธิเอง.. เลยไม่รู้ว่าอะไรคืออะไร หรือจะเรียกได้ว่าผมไม่มีความรู้หรือรู้เรื่องอะไรเลย

    วิธีที่ผมฝึกก็คือ การนั้งหรือนอน หลับตา.. แล้วก็ไม่ได้คิดอะไรเลย ไม่ได้กำหนดลมหายใจ หรือ ภาวนาใดๆเหมือนกับหลับตาเฉยๆ แล้วไม่คิดอะไร

    ผลที่ได้คือ ผมจะสังเกตุเห็น เป็นลักษณะเหมือนน้ำกระเพื่อม.. แต่กระเพื่อมเข้าหาจุดศูนย์กลางนะครับ..(อธิบายไงดีละ) คือเป็นวงแหวนใหญ่ แล้วก็ค่อยๆเล็กลงเรื่อยๆแล้วก็หายไปแล้วเป้นแบบนี้วนๆๆไปเรื่อยๆ.. หรือบางที ก็จะเป็นเหมือนคลื่นที่ค่อยๆแผ่ไปทางโน้นทีทางนี้ที แล้วสีของมันจะเป็นสีเขียวครับ

    พอผมลองจะควบคุมแบบว่า จะลองคิดให้มันเปลี่ยนรูปร่างหรือจะให้เป็นอย่างอื่น.. กลับไม่มีการเปลี่ยนแปลง

    ผมจะอยากจะขอสอบถามผู้รู้ครับว่ามันคืออะไร ?
    แล้ววิธีที่ผมฝึกนี้ มันผิด หรือ ถูกหรือควรแก้ไขยังไงครับ ?
    แล้วมันให้โทษไหม๊ ครับ ?

    ปล. บางที่ก็มีอาการมึนๆ เหมือนตัวเองหมุนไปรอบๆด้วยครับ

    ขอบคุณทุกคำตอบครับ
     
  2. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ก็เป็นสมาธิแบบหนึ่ง ใกล้จะเป็นการทำกสิณ แต่ไม่เชิงนัก

    ให้สังเกตุว่า ตอนที่ภาพปรากฏ ไม่ใช่การกำหนดเพ่งอารมณ์รูปเฉพาะ
    ซึ่งเป็นเรื่องการฝึกกสิณ

    แต่ที่คุณทำ คุณจะแค่วางใจให้สบายๆ แล้วภาพจึงปรากฏ ซึ่งก็ควรน้อม
    ใจที่ความสุขไว้อย่างเดิม ให้จิตใจสว่างๆอย่างเดิม โปร่งๆอย่างเดิม แล้ว
    ให้ภาพปรากฏไปเรื่อยๆ ไม่ต้องไปบังคับอะไรมัน ให้ฝึกไปแบบนี้ก่อน

    แต่ให้ดูใจ หรือ ตัณหา ที่มันผุดขึ้นมา มันชักจูงให้สงสัย แล้วเริ่มก่อตัวเป็น
    ความรู้แว่วเข้ามา โดยส่วนมากจะเป็นเสียงที่พูดเรื่องอุคหนิมิต ปฏิภาคนิมิต
    หรือ การบังคับภาพย่อ ขยาย ...ตรงนี้จะเป็นตัวขวางกั้น...เป็นตัวนิวรณ์

    อย่าไปคล้อยตามเสียงกระซิบนั้น ให้หยุดอยู่ที่ความสว่าง โปร่ง สบาย อารมณ์
    ใจเบาๆ ปล่อยให้ภาพแบบนั้นมันผ่านเรื่อยๆ ....

    สังเกตให้ดีว่า ตัวตัณหานั้นจะเข้ามากระซิบตลอดเวลา เพื่อให้เราเล่นนิมิต ให้
    ข่มใจอดทน อย่าคล้อยๆตามตัณหานี้ไปเรื่อยๆ ก็จะเข้าใจการทำงานของ ตัณหา
    ซึ่งอยู่ในเรา เล่นบทเป็นเรา เราคล้อยตามมันตลอดเวลา ....ให้ฝึกทัน สภาวะตัณหา
    นี้ไว้ก่อน เพราะการดูสภาวะตัณหาที่เคลื่อนเข้ามาครอบงำจิตเรานั้น จะเป็นงาน
    สำคัญยิ่งยวด เป็นงานอันดับหนึ่ง

    เมื่อรู้ทันสภาวะธรรม เห็นอาการทีมันเข้ามาครอบงำได้ สติปัญญาจะเกิด สติจะปิด
    กั้นและรักษาระวังจิตให้เราได้

    เมื่อฝึกเห็นตัณหาได้แล้ว เวลาหยุดปฏิบัติ หรือ ปฏิบัติยังไม่เห็นผล เจ้าตัวตัณหา
    นี้จะปรากฏทุกครั้งที่เราหยุดคาบเวลาฝึกปฏิบัติ หากมันครอบงำจิตคุณได้ มันจะ
    คอยย้อมใจคุณให้มุ่งเห็น เล่นนิมิต เมื่อออกมาจะมึนสุดๆ

    แต่ถ้าคุณตามตัณหา แต่ภาพไม่เป็นดั่งใจอยาก คุณจะเครียดสุดๆ หงุดหงิดรำคาญ
    สิ่งรายรอบไปหมด

    เมื่อทันเห็นอาการของตัณหา ที่ลากเราไปกินทั้งระหว่างปฏิบัติ และหลังปฏิบัติได้
    อย่างชาญฉลาดแล้ว นิมิตดังกล่าวจะค่อยเผยสิ่งที่ใช่ สิ่งที่ท่านสมควรจะเห็นออก
    มาเอง

    เมื่อนั้นก็จะรู้เองเห็นเองว่า ฝึกกสิณได้หรือไม่ เล่นอุคหนิมิต เล่นปฏิภาคนิมิตได้หรือ
    ไม่

    โดยหนทางนั้น ก็คือ การละตัณหานั่นเอง ....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 สิงหาคม 2009
  3. Tboon

    Tboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,094
    ค่าพลัง:
    +3,424
    เล่นมาทางไสยศาสตร์ มนต์ดำอะไรบ้างรึป่าวครับ หรือว่าสักยันต์อะไรบ้างมั้ย...

    บางทีอาจเป็นเรื่องของพลังงานที่เข้ามากระทบก็ได้

    ฝึกสติเยอะ ๆ ไว้ก่อนเป็นใช้ได้ กระตุ้นความรู้สึกตัวให้มาก เช่น เมื่อเผลอไปแล้ว พอเริ่มรู้สึกตัวขึ้นมา กำลังจิตมันยังไม่พอ เราก็กระตุ้นลมหายใจขึ้นมาด้วยการ สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วค่อย ๆ ผ่อนลมหายใจออกมาช้า ๆ เป็นการเีรียกสติกลับคืนมา อย่าไปจมแช่ในอะไรนาน ๆ ให้หมั่นรู้สึกตัวบ่อย ๆ ก็ดีนะ
     
  4. Mr.Boy_jakkrit

    Mr.Boy_jakkrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    2,063
    ค่าพลัง:
    +2,676
    มีสติไว้มากๆครับ ส่วนเทคนิคที่จะสามารถตั้งสติเพื่อให้สติตั้งได้นั้นก็แล้วแต่ถนัดครับ จะบริกรรม หรือไม่ก็แล้วแต่ละบุคคลครับ
    แต่หากบางสภาวะนั้นไม่สามารถบริกรรมได้เพราะมันว่าง แต่ให้ดูในความว่างนั้นมีอะไรออกมีอะไรเข้า
    เข้ามาทางใด ออกไปทางใด
    มีสติไว้คอยสังเกตุสภาวะธรรมต่างๆที่เกิดขึ้น
    สังเกตุดูเพื่อให้เห็นความเป็นจริงทุกๆสภาวะที่เกิดขึ้นนั้นๆ
    อย่าเอาแค่ถูกกับผิดเลยนะครับ เอาความจริงที่สำคัญกว่านั้น
    แล้วก็จะพบอีกสภาวะนึงซึ่งไม่สามารถเข้าใจได้จากการอธิบาย และการนึกคิด

    ปล.ที่กล่าวไปนั้นเป็นการกำกับตัวเองไปในตัวครับ

    อนุโมทนาในการปฏิบัติครับ
     
  5. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,648
    ความจริงน่าจะหาจุดใดจุดหนึ่งเป็นเครื่องอยู่ของสติไปเลยนะครับ....

    ไม่เป็นไรถ้าจะกำหนดความว่างไปอย่างเดียวแต่มันจะเบามากเพราะมันไม่มีที่ยึด...เมื่ออะไรผ่านเข้ามาจึงไปจับไว้......ไอ่สิ่งที่เราเห็นไม่ต้องไปสนใจมันหลอกครับ.....ไม่ต้องไปรู้ว่ามันเป็นอะไร...ปล่อยผ่าน...กำหนดว่างอย่างเดียว....แต่มันจะหนักหัวนะ...
     
  6. ผู้พันจุ่น

    ผู้พันจุ่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,396
    ค่าพลัง:
    +2,983
    การฝึกให้จิตว่างแบบนี้ ถ้าฝึกมาก ๆ บ่อย ๆ ผลคือ จะเบลอ จิตไม่มีที่ระลึก ที่เกาะ ที่ยึด

    วันนี้ทำอะไรไปแล้ว พรุ่งนี้ จำไม่ได้เลยว่า เมื่อวานทำอะไรบ้าง เพราะไม่ได้ บันทึกอะไรไว้เลยในจิตของเรา..............

    เปลี่ยนวิธีใหม่ คิดง่าย ๆ เราฝึกหัดว่ายน้ำ เมื่อใหม่ ๆ ยังลอยตัวไม่ได้ก็ต้องอาศัยทุ่นเกาะ พยุงตัวไว้ ถ้าลอยตัวได้แล้ว ทุ่นก็ไม่จำเป็น โดดตูมลงไปว่ายน้ำได้เลย

    หาทางให้ จิตมีที่ระลึก จะเป็นคำภาวนา หรือ ลมหายใจ เข้า-ออก (ดูในกระทู้ ข้าง ๆ ของ ท่าน VANCO) อย่างใดหรือทั้งสองอย่าง ก็แล้วแต่ชอบ .............เริ่ม ปฏิบัติใหม่

    ขอให้สำเร็จนะครับ.
     
  7. worathepj

    worathepj Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    96
    ค่าพลัง:
    +71
    "หยุดเท่านั้นที่ไปได้ " "พุทโธคำเดียวครอบจักรวาล"
     
  8. worathepj

    worathepj Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    96
    ค่าพลัง:
    +71
    "หยุดเท่านั้นที่ไปได้ " "พุทโธคำเดียวครอบจักรวาล"
     
  9. albertalos

    albertalos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,462
    ค่าพลัง:
    +1,137
    ผมจะอยากจะขอสอบถามผู้รู้ครับว่ามันคืออะไร ?
    แล้ววิธีที่ผมฝึกนี้ มันผิด หรือ ถูกหรือควรแก้ไขยังไงครับ ?
    แล้วมันให้โทษไหม๊ ครับ ?


    เพราะจิตหาที่เกาะ
    ควรฝึกโดยใช้ระยะเวลาในการนั่งแต่ละครังให้นานกว่าครึ่งชั่วโมง และทำอย่าทิ้งช่วงกันมาก
    ทำใจให้สบายอย่างสนอื่นใดหรือความคิดอื่นใด

    เมื่อทำพอควรแล้วเมื่อมีสติระลึกรู้ชัดเจนแล้วควร กำหนดรู้ที่ลมหายใจ ว่าเข้า รึออก
     
  10. นิยายธรรม

    นิยายธรรม สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    108
    ค่าพลัง:
    +20
    คืออย่างนี้ครับ การที่ท่านจะทำใจให้สบายนั่นหมายความว่าท่านต้องมีสมาธิใช่ไหม ทีนี้แล้วอะไรล่ะที่ทำให้เกิดสมาธิ จนใจสบายได้ไม่ปรุงแต่งได้ สมเด็จพระบรมครูสอนว่า จิตมีสภาพ เกาะ (จำ) ใกล้สิ่งไหนเกาะสิ่งนั้น ท่านสอนว่ากรรมฐานทุกกองไม่ว่า กรรมฐาน 40 ตามแบบวิสุทธิมรรค หรือ มหาสติปัฏฐาน 4 ท่านให้เริ่มด้วยอานาปานุสติกรรมฐานบางท่านอาจบอกว่า สามารถทำใจให้ว่างไม่คิดอะไรคือปล่อยเลยแม้แต่ลมหายใจ ขอถามท่านว่าก่อนจะถึงจุดนั้นท่านทำได้เลยหรือ อาการทางกายท่านไม่รับรู้แต่แรกเลยหรือแน่นอนท่านต้องรู้ลมหายใจก่อนเพราะง่ายที่สุดระงับความคิดฟุ้งซ่าน ต่างๆ ได้ดี แล้วจึงจะควบกับคำภาวนา หรือภาพกสิน หรือ กำหนด กายา เวทนา จิต ธรรม ตัวใดตัวหนึ่งในมหาสติปัฏฐานสูตร ทำเช่นนี้จึงจะมีผล ระงับนิวรณ์ได้ในขั้นต้น
     
  11. wuttichai0329

    wuttichai0329 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    1,015
    ค่าพลัง:
    +741
    เอาตามแบบหลวงพ่อพุธ ก็ให้ ดาวน์โหลดไปฟังนะครับ ท่านแก้นิมิตได้นะผมว่า
     
  12. dj2004

    dj2004 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    8
    ค่าพลัง:
    +15
    - ป่าวครับผมไม่เคยเล่นพวกไสยศาสตร์.. หรือ สักอะไร
    - ขอบคุณทุกคำตอบครับ.. สาเหตุ ก็เพราะผมเอง ตอนฝึกนั้นไม่ได้ศึกษาอะไร.. แล้วอีกอย่าง สาเหตุที่ผมคิดจะฝึกแบบไม่คิดอะไรก็เพราะ ผมเป็นพวกคิดมากคิดเรื่องโน้นเรื่องนี้ จนสมองล้า ผมเลยอยากจะทำให้สมองว่างไรประมาณนี้นะครับ ผมก็คิดเอาเอง ไม่รู้หลักการ ยังไงก็ขอบคุณนะครับ

    ** ไม่ได้เข้ามาซะนานเลย
     
  13. Jeerachai_BK

    Jeerachai_BK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    318
    ค่าพลัง:
    +821
    สำหรับกรณีของคุณ "dj2004" ภาพน้ำกระเพื่อมอาจเป็นภาพจากสัญญาเก่า (คือความทรงจำที่ตกค้างในจิต) หรืือเป็นมโนภาพที่จิตปรุงแต่งหรืออะไรก็แล้วแต่ อย่าไปคิดมากนักและอย่าไปยึดติด

    ผิดถูกหรือไม่อย่างไรอย่าไปสน สนแต่เพียงว่ามันให้ประโยชน์แก่ตัวคุณหรือเปล่า?... ประโยชน์อย่างไร?... มันทำให้คุณมีความเห็นที่ถูกต้องหรือเปล่า?... เห็นอย่างไร? เห็นถึงสภาพตามความจริงที่เป็นทุกข์ ไม่เที่ยง หรือเปล่า?...

    อาการมึนๆ นั้นเกิดจากความตั้งใจที่มากเกินไป คือไปจดไปจ้องกับสิ่งนั้นมากเกินพอดี เหมือนดั่งสายพิณ ขึงตึงเกินไป สายนั้นจะขาด หย่อนเกินไป เสียงที่ออกมาก็ไม่ไพเราะ กลางๆ นั่นแหละดีที่สุด

    ถามต่อ รู้ได้อย่างไรว่าอยู่กลางๆ?... ตัวอย่างเช่น หากทำงานตลอด ๑๒ ชั่วโมง ทุกวัน ร่างกายก็จะทรุดโทรม อันนี้เรียกว่า ตึง หากทำงานบ้างเล่นบ้างสลับกันตลอด ๑๒ ชั่วโมง งานก็จะไม่เสร็จ คุณภาพงานก็อาจไม่ดี อันนี้เรียกว่า หย่อน หากทำงานและดูแลสุขภาพร่างกายด้วย คุณจะมีแรงที่จะทำงานได้อย่างต่อเนื่อง สมองก็แจ่มใส อย่างนี้เรียกว่า กลาง

    ส่วนการแก้ไขการคิดมาก เริ่มจากละความกังวลในเรื่องต่างๆ เสียก่อน เช่น การทำงาน การเรียน เป็นต้น โดยอาจหันมาคิดถึงสิ่งที่ดีงามที่เราเคยประสบ เช่น ตักบาตร ช่วยเหลือเพื่อนฝูง เป็นต้น ทำให้จิตใจสบายขึ้น จากนั้นค่อยมาสวดมนต์ หากยังไม่อยากจะสวด ก็ระลึกถึงคุณของพระพุทธเจ้า (คือพระพุทธองค์เป็นผู้ที่ไกลจากกิเลส เป็นผู้ตรัสรู้เองโดยชอบ และเป็นผู้เมตตาที่คอยชี้ทางสว่างแก่สัตว์โลก) จากนั้นแผ่เมตตา แล้วค่อยมาทำสมาธิ อาจจะนั่ง ยืน เดิน หรือนอน ก็ได้

    ก่อนทำสมาธิ ให้สูดลมหายใจเข้าและปล่อยลมหายใจออก ยาวๆ สัก ๒-๓ รอบ เพื่อเตือนสติให้ระลึกถึงลมหายใจ แล้วค่อยมาพิจารณาลมหายใจเข้า-ออกที่เป็นปรกติ ปกติแล้วจิตของคนเรามักกวัดแกว่ง ดังนั้นคำบริกรรมจึงจำเป็นในตอนแรก อาจบริกรรมว่า พุท (หายใจเข้า) โธ (หายใจออก) หรือ นะมะ (หายใจเข้า) พะธะ (หายใจออก) ก็ได้ ท่านอาจไม่บริกรรมก็ได้ไม่ผิดอะไร เริ่มแรกอาจทำสมาธิสัก ๕-๑๐ นาที หากจิตใจยังไม่สงบก็อย่าคิดมาก การที่ท่านหันมาสนใจปฏิบัติสมาธิ ก็เป็นบุญอันหนึ่ง (ท่านมีทั้งความเห็นชอบ ความตั้งใจชอบ และความกระทำชอบ เชียวนะ) สิ่งที่สำคัญคือความอดทน เพราะตอนแรก อาจมีมารมาผจญ ท่านอาจปวดเมื่อย ปวดหัว สารพัดจะอึดอัด จงคิดเสมอว่ามีมารนะดี เพราะมันกลัวว่าท่านจะมีบารมี

    อนุโมทนา ครับ _/\_

    ปล.
    สมาธิคือการตั้งมั่นอยู่ในอารมณ์หนึ่ง ปกติอารมณ์นี้ (หรือสิ่งที่จิตยึดเกาะ) มักเป็นคำบริกรรมคู่กับลมหายใจ (สำหรับอานาปานสติภาวนา ซึ่งเป็นรูปฌานอย่างหนึ่ง)

    ไม่ว่าลมหายใจหรือภาพกสิณใดๆ ผู้ปฏิบัติใหม่พึงไม่ส่งจิตออก เพราะท่านอาจพบภาพภายนอกจะทำให้จิตเผลอไปพิจารณาสิ่งเหล่านั้น อันนี้ท่านจะไม่ได้สมาธิ เพื่อให้ถึงสมาธิ ให้นึกถึงและรู้สึกถึงลมหายใจอยู่ในใจเสมอ (สติจำเป็นมากในตอนต้น ต้องระลึกถึงสิ่งนั้น)
     
  14. murano

    murano Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มกราคม 2009
    โพสต์:
    134
    ค่าพลัง:
    +57
    มองไปเรื่อยๆ แหล่ะ ไม่มีอะไร... ถ้ามึนมาก ก็ลืมตาแล้วหลับใหม่
     
  15. วิญญาณนิพพาน

    วิญญาณนิพพาน ทีมงานอาสาฯ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    23,440
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +21,026
    ผมอยากให้ จขกท บริกรรม พุทโธ ประกอบไปด้วยจะเป็นการดีที่สุดครับ ไม่ก็ เข้า นะมะ ออก พะธะครับ เจริญในธรรมครับ
     
  16. Rupanama

    Rupanama สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    202
    ค่าพลัง:
    +25
    วิิญญาณนิพพาน ขอโทษน่ะครับ ผมกดปุ่มอ้างอิงผิด เลยเอากระทู้มา ผมลบแล้วครับ



    มีเวลาไปสมัครเข้ากรรมฐาน น่าจะเป็นการเริ่มต้นที่ดีน่ะครับ

    มีหลายๆที่ที่สอนทั้ง วิปัสสนา และ สมถะ กรรมฐาน

    เริ่มต้นด้วยการหา อาจารย์ ที่ถูกต้อง เป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้วครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 กันยายน 2009
  17. dj2004

    dj2004 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    8
    ค่าพลัง:
    +15
    ผมไม่มีเวลาครับ จะมีก็ ช่วงหลัง สี่ทุ่มเลิกงาน อะไรประมาณนี้ เพราะผมต้องวิ่งงาน 2 ที่ เพราะที่บ้านมีปัญหา มีเวลาทำสมาธิก็นิดๆหน่อยครับ

    *ขอบคุณทุกท่านครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...