“เสื้อวัด” มีหน้าที่เหมือน “พระเสื้อเมือง” คือทำหน้าที่คุ้มครองป้องกันทั้งทางบกและทางน้ำ รักษาวัดวาอารามให้ร่มเย็นเป็นสุข ปราศจากอริราชศัตรูมารุกราน เทวดารักษาวัดก็ทำหน้าที่เช่นเดียวกัน แต่เทวดาจะทำหน้าที่คุ้มครองป้องกันสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในวัดที่มีความสำคัญขึ้นไป เช่น เฝ้ารักษาพระบรมสารีริกธาตุที่บรรจุในพระเจดีย์ หรือพระคู่บ้านคู่เมือง หรือหากจะเปรียบเทียบให้เข้าใจแบบง่ายๆ กันไปเลยก็คือ บ้านมีศาลพระภูมิเพื่อคุ้มครองปกป้องภัย วัดก็มีหอเสื้อวัดไว้คุ้มครองป้องภัยเฉกเช่นเดียวกัน
หอเสื้อวัด จากยอดบูชาตะกรุดพญาจักวรรติราชปราบพิภพ
นิทานสนุก..พระเครื่องและเครื่องราง (แหวนปฐพีไร้พ่าย)
ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย konun88, 20 มิถุนายน 2016.
หน้า 29 ของ 280
-
-
อนุโมทนาบุญด้วยครับ
-
มาลงของดีพึ่งได้มา แก้เบื่อ ช่วงนี้มีภาระสำคัญหลายอย่างครับ
ข่าวล่าสุดที่ผมได้ทราบจาก..ตะกรุดพญาจักรวรรติราชปราบพิภพทั้ง 4 ไม่ทำให้ผิดหวัง ฮอต จนแม้ผู้สร้าง ก็เหลือแค่ดอกเดียวกันแล้ว ล่าสุดมีคนโชคดีได้ไป จากเพื่อนท่านที่ปรึกษา จน เรียกว่าคนวงในเหลือกันแค่ดอกเดียว
อภินิหารประสบการณ์ที่พบ ท่านที่ได้ไปก็จะทราบดี
ช่วงนี้ มาเผยแพร่ของดีพึ่งได้มา
เหรียญหัวใจชาตรี ... ศิษย์ที่ได้รับวิชาสร้าง บูชาคุณ อาจารย์นิยม อมศิริ
คนที่ชอบของดี คงรู้จักวิชาชาตรีกันดี หลัก ๆ คือ โดนทุบตีจะไม่เจ็บตัว หากคงกระพัน ถ้าโดนยิงไม่เข้า ฟันแทงไม่เข้าแต่ก็ช้ำในได้
เหรียญนี้ ผมได้มา มอบให้ท่านที่ปรึกษาไป ท่านสัมผัส ก็ อึ้ง บอกเข้ากับท่านไม่ได้ ซึ่งก็ตรงสายวิชาเพราะเหรียญนี้เสกโดยวิชาสายอิสลาม ที่เด่นด้านวิชาชาตรี
ท่านบอกแรง ลงได้แน่น อัดเต็มจริง ๆ
เป็นของดีราคาเบาที่หาไม่ยากครับ เสริชกู๋ ก็พบแล้ว...
-
คำถามที่หลาย ๆ ท่านสงสัย ว่าควรใช้วัตถุมงคลอะไรดี
จากประสบการณ์ การใช้วัตถุมงคลและสอบถามผู้รู้ ครูบาอาจารย์ได้ข้อสรุป ดังนี้
- ต้องเข้าใจ ทราบก่อนว่า วัตถุประสงค์การสร้างวัตถุมงคล สร้างเพื่ออะไร และผู้ปลุกเสกลงอำนาจในวัตถุมงคลมีบารมีด้านใด และลงไว้เพื่อสงเคราะห์ด้านใด
1. สายพุทธคุณ คือ วัตถุมงคลได้รับการอธิษฐานจิต (ขอไม่ใช้คำว่าปลุกเสก เพราะพระอริยเจ้าหลายท่านมักกล่าวว่า รูปพระพุทธดีอยู่แล้ว ใครจะปลุกเสกรูปพระพุทธได้) โดยพระอริยเจ้าจะอาราธนาอำนาจพระรัตนตรัย มาลงในวัตถุมงคลเหล่านั้น รวมถึงเครื่องรางต่าง ๆ ก็อาศัยอำนาจเหล่านี้
พระอริยเจ้าที่ผมเคารพ ได้เคยกล่าวว่า หากครูบาอาจารย์ท่านใด สำเร็จเป็นพระอริยบุคคลแล้ว จะไม่สนใจคาถาอาคมใด ๆ เลย เพราะ พระพุทธเจ้าท่านห้ามสนใจสิ่งเหล่านี้
อำนาจพุทธคุณ เป็นอำนาจสูงสุด แต่มีข้อจำกัด คือจะช่วยเฉพาะผู้อยู่ในศีลธรรมเท่านั้น พระอริยเจ้าหากมอบวัตถุมงคลให้แล้วก็จะ บอกสิ่งที่ห้ามอยู่เสมอ เช่น ให้อยู่ในศีลธรรม ถือศีล 5 รับรองได้ หากถามท่านว่า หากผิดศีลพระจะช่วยไหม ซึ่งคำตอบคือ ไม่ช่วย ดังนั้นการบูชาวัตถุมงคลที่สำเร็จด้วยอำนาจพุทธคุณนี้ จึงต้องระวังให้มากว่า เราประพฤติ ได้ตามที่ท่านต้องการไหม
แม้หาก กรรมมาถึง ย่อมไม่มีผู้ใดอยู่เหนือกรรม และหากเราปรารถนาขอพร ที่ฝืนกรรม หรือขอตามกิเลสความต้องการเรา เราจะได้ตามต้องการไหม ก็ แล้วแต่วาระกรรม หากบุญบารมีเพียงพอ เรามักคิดว่าอำนาจพระมาช่วย ซึ่งครูบาอาจารย์ผู้ลงอำนาจไว้ มักกล่าวว่า บุญเขามาช่วยเอง
2. อำนาจแห่งคาถาอาคม คาถาอาคม มาจากศาสนาพรหมณ์ ในศาสนาพุทธ คาถาต่าง ๆ ในมนต์พิธี หากแปลออกมา ก็จะเป็นคำสอน หลักธรรม แต่มีความศักดิ์สิทธิ์เพราะมาจาก พระพุทธเจ้าหรือพระอริย ซึ่ง คาถาอาคมต่าง ๆ มักถอดเอาคำสอนเหล่านี้ มาเป็นหัวใจคาถาต่าง ๆ แล้วดึงอำนาจพุทธคุณมาเสริม เพราะถือว่าเป็นมงคลสูงสุด ซึ่งหากมีอำนาจพุทธคุณก็จะมีข้อจำกัดด้านศีลธรรมเช่นกัน เช่นห้ามผิดลูกเมีย
คาถาอาคมที่ หลักไสยศาสตร์จริง ๆ จะไม่มีข้อจำกัด ด้านศีลธรรม ดังเช่นเราเคยได้ยินว่า โจรสมัยก่อน แม้ผิดศีลธรรม ก็ยังใช้เครื่องรางได้ แต่ อย่างไรก็แพ้กรรมเมื่อกรรมมาถึง ซึ่งอาจนานหรือไม่นานก็แล้วแต่ บุญบารมีแต่อดีตที่สั่งสมมา รวมถึงไสยศาสตร์ย่อมมีข้อจำกัด เช่น วันอ่อน หรืออำนาจที่ลงไว้มีเสื่อมถอยได้ตามวันเวลาตามหลักอนิจจัง
ดังนั้น หากเราทราบหลักการสำคัญ ๆ เหล่านี้แล้ว เราก็ต้อง รู้ว่า หากเราจะบูชาวัตถุมงคลใด เราต้องทราบสิ่งที่เราต้องการก่อน สภาวะในชีวิตประจำวัน อาชีพ ว่า เหมาะสมกับที่จะใช้วัตถุมงคลใด ๆ ซึ่งของดีย่อมต้องเสาะหา โดยการน้อมนำตัวเราไปหาสิ่งมงคล ไม่ใช่ให้สิ่งมงคลมาหาตัวเรา
จากนั้น ก็ต้องเข้าใจที่มา วัตถุมงคลการสร้างวัตถุมงคลต่าง ๆ และครูบาอาจารย์ที่ปลุกเสก อธิษฐานไว้ด้านใด จึงจะใช้วัตถุมงคลได้เกิดอานุภาพอย่างแท้จริง
ทิ้งท้าย พระสงฆ์จะมีข้อจำกัดด้านศีลธรรม ดังนั้นจะปลุกเสกสิ่งใด ย่อมไม่ ปลุกเสกตอบสนองกิเลสของผู้ใช้อย่างแน่นอน แต่ฆราวาสจะไม่มีข้อจำกัดด้านนี้ เมื่อปลุกเสกย่อมลงอำนาจที่ตอบสนองความต้องการผู้ใช้ได้เต็มที่ เช่นด้านเสน่ห์ มหาปราบ
-
มีอะไรดีๆ รอติดตามครับ อิอิ
-
รอติดตามครับ
-
ประสบการณ์ตะกรุดพญาจักรวรรติราชปราบพิภพทั้ง 4
รายงานมาเพิ่มเติม...
ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
การแปล ตำรานี้ไม่ใช่เรื่องง่าย ท่านเอง ก็จะหาคนไทใหญ่มาแปล ก็กลัวเขาอ่านตำราได้อีก จึงต้องใช้วิธีให้ คนไทใหญ่ ถอดอักขระตัวอักษร มาเป็น คำ ๆ มาปะติดปะต่อ แล้วผสมกับท่านแปลภาษาล้านนา ออกมา ซึ่งก็ยังงง ยากแก่การเข้าใจ
ท่านมากล่าวภายหลังว่า สงสัยผู้บันทึกตำรานี้คงซ่อนกล แบบ ไม่อยากบันทึก แต่เสียดาย ความรู้สำคัญ ๆ วิชาสำคัญ ตัวตำราก็เก่าแก่มาก ๆ เรียกว่าแทบจะขาดแล้ว
ผมถามท่านที่ปรึกษาว่า แล้วท่านทราบได้ไง ว่าความรู้ในตำราดี เด็ดดวง หรือแจ่ม จนน่าสนใจขนาดนั้น ท่านกว่าว่า sense บอกว่า วิชานี้ไม่ธรรมดา.....
-
เวลาผ่านมา เรื่อย ๆ จน ที่ปรึกษาได้ ดาบโบราณอีกเล่ม ด้วยความมหัศจรรย์
ที่มาของดาบ คือ เจ้าของดาบโบราณ เล่มนี้ อดีต เคยนำดาบนี้ไปขึ้นครูเรียนวิชากับทวดที่ปรึกษา ซึ่งทวดที่ปรึกษาตามเคยเล่าเป็น อาจารย์ของครูบาข่ายท่านด้วย
ต่อมาหลังเจ้าของดาบเสียชีวิต ที่ปรึกษาได้เคยไปขอดาบนี้กับครอบครัวเขาแต่เขายังไม่ให้ ต่อมา อยู่ ๆ ก็แจ้งว่าจะมอบดาบให้ โดยดาบนี้ชักไม่ออกจากฝัก หากที่ปรึกษาชักออก ก็จะยกให้ ผลคือ ก็ ชักออก ได้ดาบมาตามปรารถนา
สรุป ท่านกล่าวว่า ด่านแรกผ่านไปแล้ว เหลืออีก 2 ด่าน....
-
นิมิตร ของ QC
-
-
-
ท่านเล่าว่า นั่นคือลุงของท่าน ซึ่งอดีต สืบวิชาจากทวดท่านและครูบาท่านด้วย
ท่านได้เอ่ยถึงวิชาในตำรา ลุงท่านเล่าว่า เคยได้ไปเรียนขึ้นครูวิชานี้ด้วย โดยได้เป็นตัวคาถา และฝอยวิธีการใช้ ซึ่งกล่าวว่า วิชานี้จะร้อนแรงมาก ๆ
วิชานี้ได้เคยสร้างชื่อให้อดีตศิษย์ครูบา คือ เสือ...ท่านหนึ่งซึ่งก่อนเป็นเสือมีอาชีพเป็นตำรวจ ภายหลังลาออกมาเป็นเสือร้ายซะนี่ และเก่งกล้าในคาถาอาคมมาก
แม้โดนจับก็รูดโซ่ตรวนหนีได้ และไม่โดนจับ จนหนีไปอยู่เชียงรายจวบจนสิ้นอายุไข
สรุป ด่านสำคัญอีกด่านก็สำเร็จ... เหลือด่านสุดท้ายคือวัสดุอุปกรณ์สำคัญเพื่อดับอาถรรพ์ความร้อนแห่งวิชานี้
-
นิมิตร ของ QC
ที่ปรึกษากล่าวว่า ตรงเสมือนอ่านตำรามาเลย ซึ่งคาดกันว่าเขาเชื่อมจิตกับตะกรุดพญาจักรวรรติราชปราบพิภพทั้ง 4 กะแสแห่งครูบาอาจารย์แห่งตะกรุดปราบพิภพ สื่อให้มาแจ้ง เรื่องราวที่จะเกิดต่อไป
ก็เป็นกำลังใจให้ ฝ่าด่านสำคัญ ๆ ด่านสุดท้าย....
-
ด่านสุดท้ายดับอาถรรพ์แห่งวิชา.....
วิชาในตำนานนี้ ตาม ผู้สืบทอดเล่า และได้แปลตำราออกมาบางส่วน มีความร้อนแรงดุดันจนสุด ๆ ตามเล่าเคยทำให้อดีตเสือร้ายที่ไม่มีใครปราบได้ แม้มี ผู้มีวิชาหาทางแก้ ก็หนีไปได้ และพยายามทำลายวิชานี้ก็ไม่สำเร็จ จนมีคนไปโวยวายร้องเรียนครูบาท่าน ท่านก็ตอบว่าก็ตอนมันมามันเป็นคนดีนี่นา ครูบาท่านจึงปิดผนึกวิชาเหล่านี้ แม้ท่านที่ปรึกษาก็ไม่ได้เรียน แต่เก็บตำราวิชานี้ซ่อนไว้
อาถรรพ์แห่งวิชาคือความร้อนแรงสุด ๆ ท่านที่ปรึกษากล่าวว่า ด่านสำคัญ คือ หาชนวนมวลสาร ที่ศักดิ์สิทธิ์สุด ๆ เพื่อบรรเทาอาถรรพ์แห่งวิชา ไม่งั้นคนได้ไป อาจรับอาถรรพ์ จนเกิดปัญหาต่อไปได้ ถ้าคุมไม่อยู่....
ก็มาลุ้นกันครับ จะหา ทางบรรเทาความร้อนแรงแห่งวิชาได้ไหม....
ตามภาพคือส่วนหนึ่งแห่งวิชา ซึ่ง ก็แปลก ผมไม่ได้บอก QC ยังไม่เปิดเผยแต่ QC อาศัยกำลังแห่ง ปราบพิภพจนสัมผัสสิ่งลี้ลับ..ในภาพได้.. เรื่องรายละเอียดขอไม่เปิดเผยครับ รับปากเขาแล้ว...
-
ตามเล่า ที่ปรึกษาเคยได้แผ่นทองหุ้มพระธาตุเก่าแก่ เกือบพันปีมา โดยเป็นทองจังโก หุ้มพระธาตุที่หนึ่ง (ขอสงวนนาม) ซึ่งผ่านการรีดมาแล้ว ไว้ทำตะกรุด แต่ปัญหาคือ หมดไปแล้ว จึงได้ เดินทางไปหาพรรคพวกที่เคยมอบแผ่นทองพระธาตุให้มา ซึ่ง ก็ได้มา แต่ปัญหาคือ เป็นแผ่นทอง เพียว ๆ ไม่ได้รีด ต้องหาที่รีดเอง และ เครื่องรีด ที่เคยใช้ก็เสียไปแล้ว หาที่รีดให้บางไม่ได้เลย
แผ่นทองนี้จะหนา ม้วนไม่ได้ ต้องนำไปรีดก่อน จวบจนที่ปรึกษามีธุระสำคัญต้องมา กทม.พอดี จึงหอบแผ่นทองนี้มาด้วย
การหาร้านรีดแผ่น ตอนแรกคิดว่าง่ายกลับยาก ไปหาร้านสังฆภัณฑ์ใหญ่ ๆ ก็ไม่มีเครื่องรีด เขาบอกเขาแค่ขาย จึงแนะนำต่อให้ไปโรงงาน แต่ โรงงานก็ไม่รับทำเนื่องจากเป็นงานเล็ก...
จวบจนท้อใจมาก จะเดินทางกลับแล้ว ก็มีช่างในโรงงานผ่านมาพอดี หลังจากสอบถามพูดคุย ช่างก็ตกใจว่าเป็นแผ่นทองพระธาตุ...เก่าแก่ ซึ่งเป็นของคู่ปีเกิดช่างพอดี ช่างจึงตกลงใจจะทำรับทำให้ส่วนตัว (ทำส่วนตัวหลังเวลางาน) ให้ทิ้งแผ่นทองไว้
ตอนแรกคิดว่าจะหาย แต่ไม่หาย ภายหลังช่างก็ดีใจหาย แจ้งว่า หากนำรีดจะไม่คงทนเนื่องจากโลหะนี้เก่ามาก ต้องนำมาหลอม โดยช่างก็ขอขมาตามพิธี หลอมแล้วใส่แผ่นโลหะใหม่เพื่อให้รีดออกมาเหนียวทนทาน โลหะใหม่ที่ว่า ก็คือ ....แผ่นจารอักขระยันต์ หลายครูบาอาจารย์ที่ช่างสะสมมาชั่วชีวิต ที่สอบถามมีหลายสายเช่น สายใต้ สายพิจิตร..... (โคตรโชคดีเลย)
โดยช่างขอค่าตอบแทนเป็นค่าเครื่องมืออุปกรณ์ ค่าแรงตัวช่างไม่คิด ขอแค่ หากทำเสร็จขอตะกรุด 1 ดอกตอบแทน.....
-
กำเนิดตะกรุดฟ้าสะท้าน ดินสะเทือน .....ย้อนตำนานในอดีตสู่ยุคปัจจุบัน.....
ชื่อตะกรุดไม่ได้ตั้งขึ้นมาเองนะครับ จริง ๆ ตามตำราชื่อ ฟ้าสะท้าน ดอยสะเด็น (ภูเขาสะเทือน )พลิกธรณี ด้วย แต่เราเห็นยาวไป จึง ตัดชื่อให้สั้น ๆ
18 กันยายน 2561 ที่ปรึกษา จัดเตรียมขันครู พร้อมดาบโบราณ 2 เล่มตามตำรา นำแผ่นทองพระธาตุที่รีดแล้ว ขอบารมีครูบาอาจารย์รื้อฟื้นวิชาในตำนานอดีต ให้กลับคืนมา เพื่องานบุญกุศล สร้างอนุสาวรีย์ครูบา ...
ท่านเล่าว่า จากฝนตกพายุเข้ามาหลายวัน วันนั้นแดดออกจ้า พอเริ่มจารตะกรุดดอกแรก ฟ้าร้องฟ้าผ่า ไฟดับ อินเตอร์เน็ตเสีย ซึ่ง ปัญหาท่านบอกร้อนนะสิ ไม่มีพัดลม 555 แต่ก็ฝืนจารทั้งวันจนเสร็จช่วงค่ำ....
-
-
.... เก็บตกเกร็ดเล็กเกร็ดน้อย การสร้าง...
...เช่นเดิมตะกรุดนี้เปิดจองภายใน จนหมดแล้วครับ เพราะสร้างได้น้อยมาก แบบสูตรเดิม ..... ส่วนอานุภาพ ก็ตามตำนานที่แปลตำรามา
....มีเจ้าเมืองเมืองหนึ่ง (ขอสงวนชื่อ) ไม่อยู่ในศีลธรรม แต่ทรงวิชาอาคมแก่กล้ามาก ได้ลงอาถรรพ์คุ้มครองเมืองไว้ ไม่ปกครองเมืองในธรรม จนชาวบ้านเดือดร้อน เหล่าครูบาอาจารย์เอือมระอา
...จวบจนผู้มีวิชาอาคม จึงรวมตัวกัน คิดค้นวิชาเพื่อล้างอาคม อาถรรพ์รักษาเมืองให้ได้ แล้ว ยึดเมือง ล้มเจ้าเมืองโดยไม่ให้ประชาชนเดือดร้อน....
หลังยึดเมืองสำเร็จผู้มีวิชาจึงแยกย้ายกันไป ที่ปรึกษากล่าวว่า สันนิษฐานว่า ผู้บันทึกตำรานี้ คงไม่เต็มใจจะบันทึก จึงซ่อนกล ต่าง ๆ บันทึกเป็นภาษาล้านนาและไทใหญ่ แต่ เสียดายวิชานี้จะสาบสูญ จึงให้เป็นปริศนาเพื่อเฉลยต่อไป หากใครแปลสำเร็จ และ หาคาถากลเม็ดนอกตำราได้ (ซึ่งจะบันทึกปากต่อปาก) ก็จะรื้อฟื้นวิชานี้ได้....
ปิดตำนาน ตะกรุดฟ้าสะท้านดินสะเทือน........
-
อ่านไปขนลุกไป สาธุ สาธุ
หน้า 29 ของ 280