บทสวดทิพย์มนต์(สวดธาตุ) ซ้ำโทษด้วยคับ

ในห้อง 'บทสวดมนต์ - คาถา' ตั้งกระทู้โดย dakjued, 15 พฤษภาคม 2013.

  1. dakjued

    dakjued เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    251
    ค่าพลัง:
    +851
    บทสวดทิพย์มนต์ ท่านพ่อลี วัดอโศการาม


    ใน สมัยหนึ่งที่พระพุทธเจ้าพระสมณโคดม เสวยพระชาติเป็นพระฤาษีอยู่ในป่า ท่านได้สวดบททิพย์มนต์ เป็นประจำทุกวัน มีสิ่งน่าอัศจรรย์เกิดขึ้นคือ บรรดาสัตว์ต่างๆ ที่อาศัยอยู่ในป่านั้น เมื่อได้เข้ามาสู่บริเวณที่พำนักของพระฤาษี สัตว์ทั้งหลาย อาทิเช่น ช้างป่า เสือ หมี เก้ง กวาง เหล่านี้ จะกลายเป็นมิตรกันทันที ไม่มีการไล่ล่าทำลายกัน สัตว์เล็กและสัตว์ใหญ่ต่างก็พากันเป็นมิตรต่อกันด้วยอานุภาพแห่งทิพย์มนต์ ที่แผ่ออกไปทุกวันในเขตที่พระฤาษีบำเพ็ญพรตอยู่

    ย้อน ไปเมื่อปีพ.ศ. 2500 หลวงปู่หลอดได้เดินทางจากป่ามาสู่กรุงเทพเป็นครั้งแรก ท่านได้มาจำพรรษาอยู่ที่วัดอโศการาม ของท่านพ่อลี ศิษย์หลวงปู่มั่น ซึ่งบททิพย์มนต์นั่นเอง ซึ่งท่านพ่อลีเป็นผู้ค้นพบจากพระไตรปิฎกท่านนำมาศึกษา และนำมาให้พระ เณร แม่ชี ที่วัดอโศกรามสวดกัน หลังจากทำวัตรเช้า วัตรเย็นทุกวัน

    การ สวดทิพย์มนต์เพื่อสิริมงคลแก่ผู้สวด เพื่อให้มีอายุ วรรณะ สุขะ พละ เพื่อส่งกุศลให้ผู้ป่วยให้ทุเลาจากอาการเจ็บป่วย หรือสวดส่งกุศลให้หลวงปู่ ครูอาจารย์ที่มีอายุมากให้มีพละกำลัง หรือสวดเพื่อบรรเทาเวทนา หรือสืบชะตาต่อายุ


    ****

    ตั้งนะโม ๓ จบ


    " พุทธัง อายุวัฑฒะนัง ชีวิตัง ยาวะ นิพพานัง สะระณัง คัจฉามิ.
    ธัมมัง อายุวัฑฒะนัง ชีวิตัง ยาวะ นิพพานัง สะระณัง คัจฉามิ.
    สังฆัง อายุวัฑฒะนัง ชีวิตัง ยาวะ นิพพานัง สะระณัง คัจฉามิ.
    ทุติยัมปิ พุทธัง อายุวัฑฒะนัง ชีวิตัง ยาวะ นิพพานัง สะระณัง คัจฉามิ.
    ทุติยัมปิ ธัมมัง อายุวัฑฒะนัง ชีวิตัง ยาวะ นิพพานัง สะระณัง คัจฉามิ.
    ทุติยัมปิ สังฆัง อายุวัฑฒะนัง ชีวิตัง ยาวะ นิพพานัง สะระณัง คัจฉามิ.
    ตะติยัมปิ พุทธัง อายุวัฑฒะนัง ชีวิตัง ยาวะ นิพพานัง สะระณัง คัจฉามิ.
    ตะติยัมปิ ธัมมัง อายุวัฑฒะนัง ชีวิตัง ยาวะ นิพพานัง สะระณัง คัจฉามิ.
    ตะติยัมปิ สังฆัง อายุวัฑฒะนัง ชีวิตัง ยาวะ นิพพานัง สะระณัง คัจฉามิ.

    ๑. วาโย จะ พุทธะคุณัง อะระหัง พุทโธ อิติปิ โส ภะคะวา นะมามิหัง, อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ, วิชชาจะระณะสัมปันโน สุคะโต โลกะวิทู, อะนุตตะโร ปุริสะทัมมะสาระถิ สัตถา เทวะมะนุสสานัง พุทโธ ภะคะวาติ ฯ

    ๒. วาโย จะ ธัม เมตัง อะระหัง พุทโธ อิติปิ โส ภะคะวา นะมามิหัง, ส๎วากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม, สันทิฏฐิโก อะกาลิโก เอหิปัสสิโก, โอปะนะยิโก ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหีติ ฯ

    ๓. วาโย จะ สังฆานัง อะระหัง พุทโธ อิติปิ โส ภะคะวา นะมามิหัง, สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, อุชุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, ญายะปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, สามีจิปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, ยะทิทัง จัตตาริ ปุริสะยุคานิ อัฏฐะ ปุริสะปุคคะลา, เอสะ ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, อาหุเนยโย ปาหุเนยโย ทักขิเณยโย อัญชลีกะระณีโย, อะนุตตะรัง ปุญญักเขตตัง โลกัสสาติ ฯ

    ๔. ธาตุปะริสุทธานุภาเวนะ, สัพพะทุกขา สัพพะภะยา สัพพะโรคา วิมุจจันติ, อิติ อุทธะมะโธ ติริยัง สัพพะธิ สัพพัตตะตายะ สัพพาวันตัง โลกัง, เมตตากะรุณามุทิตาอุเปกขาสะหะคะเตนะ เจตะสา, จะตุทิสัง ผะริต๎วา วิหะระติ สุขัง สุปะติ สุขัง ปะฏิพุชฌะติ, นะ ปาปะกัง สุปินัง ปัสสะติ, มะนุสสานัง ปิโย โหติ อะมะนุสสานัง ปิโย โหติ, เทวะตา รักขันติ, นาสสะ อัคคิ วา วิสัง วา สัตถัง วา กะมะติ, ตุวะฏัง จิตตัง สะมาธิยะติ, มุขะวัณโณ วิปปะสีทะติ, อะสัมมุฬ๎โห กาลัง กะโรติ, อุตตะริง อัปปะฏิวิชฌันโต พ๎รัห๎มะโลกูปะโค โหติ. อิติ อุทธะมะโธ ติริยัง อะเวรัง อะเวรา สุขะชีวิโน, กะตัง ปุญญะผะลัง มัย๎หัง สัพเพ ภาคี ภะวันตุ เต, ภะวะตุ สัพพะมังคะลัง รักขันตุ สัพพะเทวะตา, สัพพะพุทธานุภาเวนะ สัพพะธัมมานุภาเวนะ สัพพะสังฆานุภาเวนะ, โสตถี โหนตุ นิรันตะรัง อะระหัง พุทโธ อิติปิ โส ภะวะคะวา นะมามิหัง ฯ"


    *******

    หมายเหตุ


    ๑.)ที่ขีดเส้นใต้ หมวดธาตุหก: รอบที่ ๑ วาโย จะ ,รอบที่ ๒ เตโช จะ, รอบที่ ๓ อาโป จะ, รอบที่ ๔ ปะฐะวี จะ,
    รอบที่ ๕ อากาสา จะ.รอบที่ ๖วิญญาณัญ จะ.

    ๒.) สวดปกติธรรมดา ให้ สวดเฉพาะธาตุ ๖ เท่านั้น ส่วน ขันธ์ ๕ ,อายตนะ ๑๒ และ อาการ ๓๒ ไว้สำหรับสวดให้คนป่วย , เจริญอายุ ,และ พุทธาภิเศก

    ๓.)หมวดขันธ์ห้า: รอบที่ ๗ รูปัญ จะ, รอบที่ ๘ เวทะนา จะ, รอบที่ ๙ สัญญา จะ, รอบที่ ๑๐ สังขารา จะ,
    รอบที่ ๑๑ วิญญาณัญ จะ.

    ๔.) หมวดอายตนะ สิบสอง:รอบที่๑๒ จักขุ จะ,รอบที่ ๑๓ โสตัญ จะ, รอบที่ ๑๔ ฆานัญ จะ, รอบที่ ๑๕ ชิวหา จะ,
    รอบที่ ๑๖ กาโย จะ, รอบที่ ๑๗ มะโน จะ. รอบที่ ๑๘รูปัญ จะ, รอบที่ ๑๙ สัทโท จะ, รอบที่ ๒๐ คันโธ จะ, รอบที่ ๒๑ ระโส จะ, รอบที่ ๒๒ โผฏฐัพพา จะ, รอบที่๒๓ ธัมมารัมณัญ จะ.

    ๕.) หมวดอาการสามสิบสอง:รอบที่ ๒๔เกสา จะ, รอบที่ ๒๕ โลมา จะ, รอบที่ ๒๕ นะขา จะ, รอบที่ ๒๖ ทันตา จะ,
    รอบที่ ๒๗ ตะโจ จะ,รอบที่ ๒๘ มังสัญ จะ,รอบที่ ๒๙นะหารู จะ,รอบที่ ๓๐อัฏฐี จะ,รอบที่ ๓๑ อัฏฐิมิญชัญ จะ,
    รอบที่ ๓๒ วักกัญ จะ, รอบที่ ๓๓ หะทะยัญ จะ,รอบที่ ๓๔ยะกะนัญ จะ, รอบที่ ๓๕ กิโลมะกัญ จะ,
    รอบที่ ๓๖ปิหะกัญ จะ, รอบที่ ๓๗ปัปผาสัญ จะ,รอบที่ ๓๘อันตัญ จะ, รอบที่ ๓๙ อันตะคุณัญ จะ,
    รอบที่ ๔๐อุทะริยัญ จะ. รอบที่ ๔๑กะรีสัญ จะ,
    รอบที่ ๔๒ มัตถะลุงคัญ จะ,รอบที่ ๔๓ ปิตตัญ จะ,รอบที่ ๔๔ เสมหัญ จะ,รอบที่ ๔๕ ปุพโพ จะ,
    รอบที่ ๔๖ โลหิตัญ จะ, รอบที่ ๔๗ เสโท จะ.รอบที่ ๔๘ เมโท จะ, รอบที่ ๔๙ อัสสุ จะ, รอบที่ ๕๐ วะสา จะ,
    รอบที่ ๕๐ เขโฬ จะ, รอบที่ ๕๐ สิงฆาณิกา จะ,รอบที่ ๕๐ ละสิกา จะ, รอบที่ ๕๐ มุตตัญ จะ.

    วิธี การสวดจะเริ่มจากตั้งนะโมสามจบ และสวดมาจนจบที่วรรค "....อะระหัง พุทโธ อิติปิ โส ภะวะคะวา นะมามิหัง ฯ" จากนั้นก็จะสวดซ้ำที่วรรคที่มีหมายเลขหนึ่งจนถึงหมายเลขสี่ ไล่มาจนจบที่วรรคสุดท้ายอย่างที่กล่าวไป เพียงแต่ให้เปลี่ยนจากที่ขึ้นต้นจากคำว่า "วาโย จะ"(ธาตุลม) เป็นขึ้นต้นมาเป็นคำว่า "เตโช จะ" (ธาตุไฟ) แล้วสวดตามบทสวดที่แสดง ไล่เรียงไปจนถึง "วิญญาณัญ จะ"(วิญญานธาตุ) (จบธาตุหก)

    อนึ่ง เมื่อจะสวดธาตุในพิธีอื่น เช่นการสวดธาตุเพื่อเป็นการเจริญอายุและจิตใจของผู้ป่วย หรือสวดสลับในพิธีพุทธาภิเศก เป็นต้น นิยมสวดขันธ์ ๕ อายตนะ ๑๒ และ อาการ ๓๒ เพิ่มเติมด้วย การสวดทำนองเดียวกับการสวดธาตุทุกอย่าง เปลี่ยนชื่อขันธ์ อายตนะ และอาการ ๓๒ ไปโดยลำดับเท่านั้น


    *****

    .........การสวดทิพยมนต์

    การ สวดทิพย์มนต์เพื่อเป็นศิริมงคลแก่ผู้สวด เพื่อให้มี อายุ วรรณะ สุขะ พละ เพื่อส่งกุศล ให้ผู้ป่วยทุเลาจากอาการเจ็บป่วย หรือสวดส่งกุศลให้หลวงปู่ ครูบาอาจารย์ที่มีอายุ มาก ให้มีพละกำลัง หรือสวดเพื่อบรรเทาเวทนา หรือสืบชะตาต่ออายุ

    .........ในกรณีสวดให้คนป่วย

    ให้ เราเอาธูปเทียนเท่าอายุคนป่วย เช่น 40 ปี มีธูปเทียนไม่น้อยกว่า 40 หรืออาจมากกว่า โดยก่อกองทรายแล้วเอาธูปเทียนปักกองทราย จุดธูปเทียนให้ครบ จำนวนแล้วโยงสายสิญจน์ จากพระพุทธรูปล้อมผู้สวด 4 คน และให้คนป่วยจับด้ายสายสิญจน์ไว้ การสวดให้มีคนสวดอย่างน้อย 4 คน ก่อนจะประกอบพิธีสวด ทิพย์มนต์ ให้ผู้ป่วยระลึกถึงกรรมที่ได้กระทำมา ให้ระลึกให้ได้ ว่ากระทำสิ่งใดที่ผิดพลาด ไว้บ้าง แล้วให้สำนึกถึงความผิดนั้น กำหนดจิตไว้ว่า เราได้เคยกระทำการเบียดเบียนทุบตี ทำร้าย สัตว์ คน ไว้ ประการใด เราได้ระลึกสำนึกถึงโทษผิดนั้นแล้ว บัดนี้ เราขอตั้งจิตไว้ว่า จะไม่ทำบาป ไม่ทำผิดเช่นนั้นอีกต่อไป ขอให้เจ้ากรรมนายเวร ของเราจงรับทราบด้วยและจงอนุโมทนาบุญที่เราได้สำนึกบาป สำนึกโทษนั้น และอนุโมทนาในกุศลที่เราได้เจริญบททิพย์มนต์ นี้ ขอให้เจ้ากรรมนายเวรจงรับทราบและรับส่วนกุศลนี้ และอโหสิกรรมให้แก่เรา ให้โรคภัยไข้เจ็บ จงทุเลาเบาบางลงด้วย

    พร้อมกันนั้นให้ผู้ป่วยไถ่ ชีวิต โค กระบือ แล้วอุทิศบุญกุศลให้เจ้ากรรมนายเวร ด้วย และจะถวายสังฆทาน ตามด้วย ก็ยิ่งดีมาก สังฆทานชุดใหญ่ที่ประกอบด้วย พระพุทธรูป ผ้าไตรจีวร ครบชุด และอาหารคาวหวาน ของใช้ต่าง ๆ การสวดทิพย์มนต์ เพื่อให้คนป่วยทุเลาจากอาการป่วย ไม่ใช่สวดส่ง ๆ ไปอย่างนั้น หากคนป่วยไม่ระลึกถึงกรรมที่ตนทำไว้ ก็ยากจะหายป่วย เพราะกรรมที่ทำไว้ยังส่งผลอยู่

    ในกรณีที่คนป่วยจำไม่ได้ ก็ให้กำหนดว่า กรรมใดที่ทำไว้ประการหนึ่ง ประการใดก็ดี ที่ได้ทำร้ายคน สัตว์ ให้เจ็บปวด ทุกข์ทรมาน ที่เจตนา หรือไม่ได้เจตนา จำได้ หรือจำไม่ได้ ขอให้เจ้ากรรมนายเวร จงรับทราบว่า ข้าพเจ้าสำนึกโทษผิดนั้น และจะไม่ทำกรรมอันนั้นอีก หรือกรณีคนป่วยไม่มีสติ บุตรหลาน ผู้สวดต้องกล่าวแทน แต่เมื่อรู้สึกตัวแล้ว ก็ต้องขออโหสิกรรมเช่นกัน

    .........ในกรณีสวดสืบชะตาต่ออายุ

    ไม่ต้องกำหนดอะไร เพียงทำใจให้สงบแล้วแผ่บุญให้ผู้ที่เราปรารถนาจะส่งบุญให้
    บท สวดทิพย์มนต์ คือบทสวด อิติปิโส ผนวกกับธาตุทั้ง 6 ดิน น้ำ ลม ไฟ อากาศ วิญญาณธาตุ การที่ร่างกายของเรามีปฏิกิริยาต่าง ๆ เช่น ตัวร้อน เพราะธาตุไฟบกพร่อง บางครั้งเกิดเป็นลมจุกเสียดแน่นหนา ก็เพราะธาตุลมผิดปกตินั้นเอง

    อย่างไรก็ตาม การที่ร่างกายมีการป่วยไข้เกิดได้ 2 กรณี คือ

    1.เสื่อมตามสภาวะของสังขาร คนหนุ่มสาวย่อมแข็งแรงกว่าคนที่อายุมาก และเมื่อใช้ร่าง
    กาย เกินพอดี ขาดโภชนาที่ดี ขาดอากาศบริสุทธิ์ การพักผ่อนไม่เพียงพอ ร่างกายเกิดป่วยไข้ ธาตุทั้ง 4 ในร่างกายย่อมผิดปกติ ไม่สามารถดำเนินไปได้โดยดี

    2.เกิดเจ็บป่วยทางร่างกาย ซึ่งถูกทำลายตามผลของกรรม เช่น การเกิดอุบัติเหตุนานาชนิด
    รถ ชนกระดูกหัก อวัยวะต่าง ๆ เสียหาย ต้องผ่าตัด เย็บ ตัดต่อร่างกาย การเกิดไฟไหม้ลวกผิวหนัง ถูกน้ำกรด ถูกเครื่องจักรตัดมือ แขน ขณะทำงานในโรงงาน หรือกรณีถูกไฟครอก และอยู่ ๆ ก็ตรวจพบว่า ป่วยเป็นโรคมะเร็ง โรคไวรัส โรคเอดส์ โรคภูมิแพ้ เป็นอัมพาต โรคที่เป็นแล้ว รักษาไม่หายขาด ก็คือ การชดใช้กรรม ซึ่งเป็นผลจาก การทำปาณาติบาต คือ ฆ่าสัตว์ ฆ่าคน ประทุษร้าย ทุบตีรังแกสัตว์ เป็นต้น

    ในกรณีนี้ จึงต้องรักษาทั้งภายนอกและภายใน ภายนอกก็คือ รักษาตามหลักการของแพทย์ ภายในก็คือ สร้างบุญกุศลให้มีภูมิต้านทานขึ้น และส่งบุญให้เจ้ากรรมนายเวร และขออโหสิกรรม กรรมนั้นจะจางลง อาการป่วยไข้จะทุเลา หรือผลบุญที่ทำไว้เดินทางมาถึง กุศลนั้นจะมาช่วยเหลือให้อาการป่วยทุเลาเบาบางลง

    แต่มิได้หมายความ ว่า ทำกุศลเพียงแค่แนะนำมามากพอแล้ว บางคนแนะนำแค่นั้นก็ทำอย่างเสียมิได้ กรรม ที่ทำไว้ไม่ได้มีเรื่องเดียว ถ้ามีเรื่องเดียวก็ไม่มาเกิด คนหมดกรรม ก็หมดภพหมดชาติ ไม่มาใช้กรรม ผลบาปมีนานาชนิด ทยอยกันเดินทางมาสู่เราตลอดเวลา นับเป็นนาที วินาที ทุกวัน ทุกเดือน จึงขอแนะนำว่า จงอย่าเจริญกุศลเฉพาะหน้าที่เจ็บป่วยเลย จงสรง้างบุญกุศลตลอดเวลาที่ทำให้พอกับการสร้างบุญกุศลตลอดเวลา ให้ทำพอกับกรรมที่เดินทางมา ขยันสร้างความดีใช้หนี้ ดีกว่าจะมาคอยดูว่า ทำไม ไถ่ชีวิตโคกระบือแล้ว ไม่หาย สวดทิพย์มนต์แล้ว ไม่หายป่วย ก็แล้วที่ทำมาหากินมันหนักหนาขนาดไหน จะมาสวดวันเดียวหายได้หรือ?



    จะ ต้องสร้างทำไปทุก ๆวัน จนกว่าจะถึงที่สุดของชีวิตนั่นแหละ ให้บุญกุศลมันคุ้มมันรักษาเราตลอดเวลานาที อยู่ให้บาปกรรมมาตามจ้องเราตลอดเวลา

    เมื่อรู้ตัวดังนี้ การเจริญบุญกุศลทุกชนิด ย่อมรักษา เพราะเรายุติซึ่งการสร้างหนี้อย่างเดียว หนี้ย่อมทุเลาเบาบางให้เราถึงความสุขได้ในที่สุด



    ***************

    ที่มา :: ศึกษาธรรมมะและเรื่องน่าอ่าน: ทิพยมนต์

    __________________
     
  2. ประพน

    ประพน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2013
    โพสต์:
    638
    ค่าพลัง:
    +2,358
    บทนี้ถือว่าดีมากๆ ในการเสริมจิต
     
  3. NongChay

    NongChay Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    28
    ค่าพลัง:
    +96
    อนุโมทนาครับผม ทิพย์มนต์ สวดธาตุนี้ พระคุณเจ้า ท่านได้สวดให้ผม ตอนที่นอนสลบอยู่
    เนื่องจากเกิดอุบัติเหตุมา ครับ บทนี้ดีจริงๆ ผมหายวันหายคืน หายจนกลับมาเข้าเว็บนี้ได้เหมือนเดิมครับ

    บทย่อ สวดว่า

    พุทโธ สัพพัญญูตะญาโน ธัมโม โลกุตตะโร วะโร
    สังโฆ มัคคะผะลัฏโฐ จะ อิจเจตัง ระตะนัตตะยัง
    อะระหังพุทโธ อิติปิโสภะคะวา นะมามิหัง

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 พฤษภาคม 2013
  4. dakjued

    dakjued เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    251
    ค่าพลัง:
    +851
    เพื่อนเล่าให้ฟัง ครูคนหนึ่งเป็นโรคช๊อคโกแลคซีคตรงหน้าอก พอสวดบทนี้ก้อนเนื้อนั้นหายไป...อันนี้เพื่อนเล่าให้ฟังนะคับ
     
  5. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,440
    ค่าพลัง:
    +35,473
    ไม่เคยใช้พระคาถานี้นะครับ.แต่เคยได้อ่านผ่านๆมาบ้าง.เท่าที่วิเคราะห์ดู เกือบทุกบทของพระคาถา.
    จะใช้ธาตุน้ำเป็นตัวหนุนทั้งสิ้น.เป็นเครื่องยืนยันได้ว่า..

    ผู้ที่คิดค้นพระคาถา.มีเมตตาอย่างไม่มีประมาณยากที่จะหาคำใดมาเปรียบได้..
    ส่วนตัวคิดว่า..หากท่านใดจะนำพระคาถาไปใช้แล้วจะให้ผลบังเกิด..
    ควรมีเมตตาเป็นทุนดังที่แฝงไว้ในพระคาถา..ถึงจะบังเกิดผลได้เร็วครับ..
     
  6. dakjued

    dakjued เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    251
    ค่าพลัง:
    +851
    ครูบาอาจารย์ ท่านแนะนำมา บ้างครั้งใช้สวดเสริมในการเรียกธาตุขันธ์ ให้กับคนอื่นครับ
     
  7. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,440
    ค่าพลัง:
    +35,473
    โมทนาด้วยนะครับ..ที่นำมาเผยแพร่..;)
     

แชร์หน้านี้

Loading...