บนแบบนี้แล้วไม่ได้แก้จะเป็นอะไรไหมคะ?

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย ณรา, 30 ตุลาคม 2015.

  1. ณรา

    ณรา สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2015
    โพสต์:
    37
    ค่าพลัง:
    +21
    คือก่อนสอบวิชาสุดท้ายของป.ตรี เราบนไว้ขอให้เจอข้อสอบอย่างที่อ่านไว้แปะๆเลย และให้เรียนจบ แล้วก็จริง เจอข้อสอบอย่างที่เราคาดไว้ง่ายมากดังใจคิดทุกอย่างและจบมาหลายเดือนแล้ว ยังไม่ได้แก้เลยค่ะ
    ลักษณะคือไม่ได้นั่งบนกับศาลอะไร แต่นั่งพนมมือในห้องตัวเอง แล้วขออำนาจสิ่งศักดิ์ เทวดาฯลฯ อะไรบ้างไม่รู้จำไม่ค่อยได้ (สาวมาเยอะเหมือนกัน!!) สุดท้ายก็อ้างเอาบุญของตัวเองที่สะสมมาทุกภพชาติเลย แล้วก็บอกว่า ถ้าสอบได้ เรียนจบ จะ........(ความลับนะ)บนไว้ซะยากเลยล่ะ!!

    อยากทราบว่า แก้ช้าจะเป็นไรมั้ยคะ เพราะยังไม่มีโอกาศทำเลย แล้วถ้าไม่แก้เลยจะเป็นยังไง ในใจก็กลัวมาก เพราะอ้างเอาสิ่งศักดิ์สูงๆมาไว้ซะเยอะ ทุกชั้นเลยมั้ง!! บางทีก็ไม่แน่ใจว่าบนว่าจะทำแบบนี้หรือเปล่า(นานจนจะลืม)ถ้าแก้ไม่หมดจะเป็นยังไง

    ที่นึกได้เพราะช่วงนี้รู้สึกอะไรๆไม่ดีเลยค่ะ ไม่ใช่ไม่มีงานทำ แต่ไม่มีโอกาศได้หามากกว่า โดนขัดขวางตลอดๆ ไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องบนมั้ย
     
  2. alkuwaiti

    alkuwaiti เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    372
    ค่าพลัง:
    +1,257
    จขกท.ไม่ซื่อสัตย์ต่อตนเอง สัจจะวาจาคือสิ่งสำคัญ สัจจบารมีคือตัวหนึ่งในบารมี 10 ทัศ มี 5 ข้อย่อยซึ่งเรื่องวาจาคือสัจจะประการหนึ่งใน 5 ข้อนี้

    ส่วนเรื่องจะโดนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ลงโทษหรือเปล่านั้นผมก็ไม่ทราบ แต่พอถึงเวลาเดี๋ยวก็รู้เอง เมื่อพูดบนบานสิ่งใดไปแล้วก็ควรทำตามนั้นเถอะครับ
     
  3. ddman

    ddman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,046
    ค่าพลัง:
    +11,941

    ...ความคิดอยากได้ความสำเร็จเป็นความโลภ การบนบานเป็นความหลงและเห็นผิด เป็นอกุศลกรรมไปตั้งแต่แรกคิดแล้ว ยิ่งเชื่อไปว่าจะมีก๊อดหรือสิ่งศักดิ์อะไรๆมาเสกสรรค์ หรือปิ๊งให้ตนสามารถสำเร็จสมปรารถนาได้ ก็นับว่าได้เป็นสมาชิกชาวเขาดงดอยที่กราบไหว้ภูเขา จอมปลวกต้นไม้หรือสมัยนี้สวดอ้อนวอนบร๊ะเจ้าเพราะไม่รู้ไม่ได้สดับ ห่างจากปัญญาไปคนละทิศก็มากแล้ว...

    บัดนี้พึงทราบความจริงว่า บุคคลจะได้ดีสมปรารถนา ไม่ได้มาเพราะการดลบันดาลของใครหรืออะไร ในพงไผ่เลย....ที่ตนได้สิ่งสมปรารถนามาก็ด้วยความเพียรที่ถูกทางของตน คืออ่านตำราจำได้ มีปัญญาตอบข้อสอบได้..เป็นต้น ก็ถ้าตนไม่ขวนขวายอ่านตำราทบทวนจนชำนาญ หรือเป็นคนปัญญาไม่แข็งแรง ต่อให้บนจนตายก็ไม่อาจทำข้อสอบแม้สักว่าจะให้เขียน กไก่ถึงฮ นกฮูกเท่านั้นได้เลย...

    นอกจากความเพียรถูกแล้ว ผลของกุศลกรรมของตนก็เป็นปัจจัยอีกอย่างหนึ่งที่มาส่งให้ตนสมปรารถนา ตามกำลังของความเพียรนั้น...นี้คือความเป็นไปของเหตุและผลที่ถูกต้อง..ที่ควรใส่ใจไตร่ตรอง ย่อมไม่คิดทำสิ่งเหลวไหลมีการติดสินบนจนเคยชิน ประเทศชาติจะเจริญกว่านี้ถ้าเราไม่คิดแก้ปัญหาง่ายๆด้วยการคิดติดสินบนแม้กระทั่งสิ่งที่ตนก็ไม่รู้ว่าเป็นใครหรืออะไร..เสร็จแล้วก็มานั่งหวาดกลัวในสิ่งที่่ตนไม่รู้จัก ให้ชาวบ้านนึกขันกันไปอย่างนี้นับว่าไม่ควรเลย..

    หากท่านจขกท.เป็นชาวพุทธแท้(ไม่ใช่ไม่รู้ว่าจะบอกขาวบ้านว่าตนนับถือศาสนาใดดี คิดไม่ออกเลยบอกว่าตนถือพุทธง่ายดี)...ก็ควรทราบว่า จิตที่กระสับกระส่ายเพราะกลัวผู้ยิ่งใหญ่ของตนนั่นเองเป็นไปกับโทสะ(กลัว) เป็นอกุศลย่อทสามารถเป็นตัวกระตุ้นให้ผลของอกุศลกรรม ในอดีตมาส่งผลให้เกิดความติดขัดข้องต่างๆได้ ไม่มีใครหรืออะไรมาทำให้เลย..

    นี้เป็นเหตุผลที่ถูกตรงที่ผู้มีปัญญาเพราะได้สดับธรรมะของพระพุทธเจ้ามาแล้วย่อมพิจารณาทราบได้ด้วยตนเอง..


    อนึ่ง เมื่อจะวิเคราะห์เอาเหตุผลจากการบนของท่านจขกท..จะปรากฏคำถามมากมายที่ไม่มีเหตุผลเช่น..

    จขกท.(ติดสิน)บนใครบ้าง?...หลายท่าน...แล้วใครบ้างมาช่วยจริง? ทราบใหม?--ไม่ทราบ--และท่านที่มาช่วยท่านชอบสินบนที่จขกท.จะให้จริงหรือจึงมาช่วย--ไม่ทราบ...เป็นอันว่า จขกท.ทำและกลัวในสิ่งที่ตนไม่ทราบ..เช่นนี้นับว่าเป็นความพร่องแห่งปัญญาที่ต้องรื้อถอนเสียโดยเร็ว..

    สิ่งศักดิ์ไม่ใช่ทางเพื่อปัญญา ส่วนมากพาเข้ามุมจนปัญญาเสียมากกว่า เมื่อประสงค์ปัญญาควรละทิ้งก๊อด สารพัดที่มีในโลก หันมาศรัทธพระพุทธเจ้า(ไม่ใช่พระพุทธรูปบนหิ้งที่สาวกบร๊ะเจ้ารู้จัก) เมื่อมีศรัทธาในพระพุทธเจ้า แล้วย่อมเงี่ยโสตสดับศึกษาพระธรรมคำสอน ปัญญาย่อมส่องสว่างไม่พาหลงเข้าพงรกอีกหมดความงมงายในที่ทั้งปวง เชื่อเรื่องกรรมและความเพียร ไม่เข้าถึงความหลงนึกว่าอ้อน วอนขอหรือติดสินบนใครๆแล้วย่อมสมปรารถนาโดยไม่มีเหตุผลสมควรอีก..อันเป็นทางเพื่อความเสื่อมแต่ถ่ายเดียวเท่านั้นตลอดกาล..

    เมื่อจะยังใจให้แช่มชื่นด้วยปีติโสมนัส ใครแนะนำให้ไปทำบุญถวายภัตตาหารหรือสิ่งของควรแก่สงฆ์บริโภคเท่าที่ตนสามารถทำได้ ดีกว่าไปเที่ยวแก้ผ้ารำแก้บนหรือทำอะไรแปลกๆอวดระดับปัญญาของตนให้ชาวบ้านขำกันเปล่าๆหรือเอาหัวหมูหรือสิ่งประหลาดๆไปตั้งกลางแดดให้มดแมวหมามากินเสียของไปไม่ได้ประโยชน์..แล้วอุทิศบุญแก่สิ่งศักดิ์ไปเสีย เท่านี้ก็เป็นเรื่องใช้วิกฤติให้เป็นโอกาส..คือทำบุญเสียดีกว่าจะมานั่งกลัวอะไรเพราะคำขู่ของชาวเขาผู้มีความงมงายเป็นเจ้าเรือนนะครับ..

    เมื่อมีลูกหลานก็สอนให้ฉลาดไม่ตกไปอยู่ในลัทธิชาวเขามีการนิยมสวดอ้อนวอนติดสินบนอีก..นะครับ..



     
  4. zhayun

    zhayun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    136
    ค่าพลัง:
    +425
    ก็ไปแก้บนสิครับ ไปช้าก็ดีกว่าไม่ไปนะครับ

    อีกอย่าง ใจคุณก็จะไม่รู้สึกติดค้างด้วย

    คุณก็จะนอนหลับสบาย ไม่ต้องมีกังวลอีกต่อไป



    แนะนำไปแก้บนเถอะครับ
     
  5. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,131
    เมื่อลืมแก้บน


    เมื่อวันวิสาขบูชาที่ ๘ พฤษภาคม ๒๕๓๓ หลวงพ่อได้เตือนผู้ที่เคยบนไว้ แต่ลืมแก้บนและจำไม่ได้ว่าบนอะไรไว้บ้าง ให้จัดของแก้บนดังนี้


    ๑. บายศรีปากชาม ๗ ชั้น

    ๒. ข้าวปากหม้อ

    ๓. ไก่ต้ม ๑ ตัว

    ๔. หัวหมู ๑ หัว


    ท่านให้ปูผ้าขาวตั้งเครื่องสังเวยเหล่านี้บนโต๊ะกลางแจ้ง จุดธูปเทียนอธิษฐาน ขอให้ท่านผู้มีพระคุณได้โปรดรับเครื่องสังเวยที่ข้าพเจ้าได้เคยบนไว้ และขอให้อดโทษแก่ข้าพเจ้าตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปเถิด




    คัดจาก หนังสือ "สมบัติพ่อให้ ของหลวงพ่อพระราชพรหมยาน" หน้า 263
     
  6. Jsus Christ

    Jsus Christ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    138
    ค่าพลัง:
    +82
    เล่าอุทาหรณ์ให้ฟัง

    มีแม่ชีท่านนึง เล่าให้ฟังว่า ก่อนบวช บน(อธิษฐานไว้แล้วแต่จะเรียก) กับพระท่านนึงไว้ แล้ว สมประสงค์
    5 ปีผ่านมา ... พร้อมที่จะแก้บน ก็จะไปแก้บน แต่พระท่านนั้น มรณภาพไปซะแล้ว

    ช่วงระหว่างนั้น ก็ประสบวิบากหลายครั้งหลายครา มีครั้งนึงเธอเล่าให้ฟังว่า ตอนพายุเกย์พัดถล่ม เรือเธอล่ม เธอลอยคออยู่กลางทะเล อยู่หลายวัน จนพายุสงบ มีเรือประมงมาเจอเข้า เธอจึงรอดมาได้ ...

    คราวนี้ ยุ่งหละซิ มันคาใจ ... ทำไงดี ... ไม่รู้จักทำอย่างไร

    จนวันนึง มาเจอกับพระอรหันต์ท่านนึงซึ่งทรงไว้ด้วยเมตตาสุงยิ่ง ... จึงเป็นโอกาสดี เธอจึงบวชเป็นแม่ชี ที่วัดแห่งหนึ่ง ทำงานช่วยงานวัดอยากหนัก(หน่วง)เหลือเกิน แต่เธอไม่ปริปากบ่นสักคำเดียว เป็นเวลาถึง 5 ปี ... จนวาระของเธอมาถึง ... ได้เข้ากรรมฐานเป็นครั้งแรก และ ครั้งสุดท้าย เป็นเวลา 45 วัน ... เธอมีสภาวะปล่อยวาง...

    (แหม ระยะเวลา ช่างประจวบเหมาะกันดีด้วยเลข 5 แต่ช่วง5ปีนี่ ช่างวิบากซะเหลือเกิน สินะ)

    แล้วเธอก็สึก กลับไปอยู่ปกติ ดูแลพ่อแม่ ทำมาหากิน ดำเนินชีวิตทางโลกต่อไป


    "พระสมณโคตม เว้นขาดจากการเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา เช่น
    อย่างที่สมณพราหมณ์ผู้เจริญบางจำพวกฉันโภชนะที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้ว ยังเลี้ยงชีพโดยทางผิด ด้วยติรัจฉานวิชาเห็นปานนี้ คือ
    ทำพิธีบนบาน
    ทำพิธีแก้บน
    ร่ายมนต์ขับผี
    สอนมนต์ป้องกันบ้านเรือน
    ทำกะเทยให้กลับเป็นชาย
    ทำชายให้กลายเป็นกะเทย
    ทำพิธีปลูกเรือน
    ทำพิธี บวงสรวงพื้นที่
    พ่นน้ำมนต์ รดน้ำมนต์
    ทำพิธีบูชาไฟ
    ปรุงยาสำรอก
    ปรุงยาถ่าย
    ปรุงยาถ่ายโทษเบื้องบน
    ปรุงยาถ่ายโทษเบื้องล่าง
    ปรุงยาแก้ปวดศีรษะ
    หุงน้ำมันหยอดหู
    ปรุงยาตา
    ปรุงยานัดถุ์
    ปรุงยาทากัด
    ปรุงยาทาสมาน
    ป้ายยาตา
    ทำการผ่าตัดรักษาเด็ก
    ใส่ยา
    ชะแผล "




     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 พฤศจิกายน 2015
  7. โมทนาman

    โมทนาman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    5,665
    ค่าพลัง:
    +6,165
    การตระบัดสัตย์เป็นความเลว ไม่ใช่ความฉลาด
     
  8. ddman

    ddman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,046
    ค่าพลัง:
    +11,941
    เพ้อเจ้อพาคนเข้าลัทธิผีจนชำนาญ....จึงไม่มีปัญญาแนะสิ่งที่ควรเพื่อให้เขาพ้นความหลงงมงาย...ทางถูกมีอยู่ก็ไม่เห็น ไปไม่เป็น ..อย่าด่าใครๆเลย จะผิดทางไปเรื่อยเปื่อย...ไม่สงสารชาวบ้าน ก็สงสารตนเองบ้าง ..

    ลดละการเพ้อเจ้อทำนายฝัน หรือเดาสุ่มเรื่องผีไปบ้าง จะได้มีเวลาเหลือบดูสิ่งมีสาระเพื่อปัญญาบ้างก็ดี..
     
  9. VERAJAK

    VERAJAK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    998
    ค่าพลัง:
    +1,579
    ศาสนา หรือลักธิต่างๆในโลกนี้นั้น มันคือความเชื่อของแต่ละบุคคล ไม่ว่าจะนับถือสิ่งศักดิ์สิทธิ พระเจ้า หรืออะไรก็แล้วแต่ มันเป็นความเชื่อของคนนั้นๆ การเชื่อของเค้านั้นไม่ผิดเลย เค้าสามารถเชื่อในสิ่งที่เค้าเชื่อและศรัทธา เช่นการบนกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เค้าเชื่อว่ามี และช่วยให้เค้าสมหวังในสิ่งที่เค้าปราถนาได้ นั้นคือความเชื่อของเค้า
    พระพุทธเจ้า ไม่เคยสอนให้คนเลิกเชื่อในสิ่งที่ตนเชื่อ พระองค์เพียงแต่ชี้เหตุปัจจัยในการเกิด ว่าสิ่งนี้มี สิ่งนี้จึงมี ทุกสิ่งมีเหตุปัจจัยจึงมีผล และชี้เหตุปัจจัยนั้นๆเท่านั้น ส่วนผู้ที่ได้รับฟังก็ต้องนำไปพิจารณาเองว่ามันเป็นเช่นนั้นจริงรึไม่?ก็แค่นั้น. ธรรมมะจึงไม่มีผิดไม่มีถูก ไม่มีดี ไม่มีชั่ว ทุกสิ่งพวกเราเป็นผู้พิจารณาเองทั้งหมดทั้งสิ้น ในการกระทำของคนๆหนึ่งย่อมมีเหตุปัจจัยในการกระทำ ยกตัวอย่างในเรื่องนึ้ ผุ้บนมีเหตุคือตนต้องการสอบได้ และขาดกำลังแห่งจิต คือจิตไม่มีที่ตั้ง. จึงยึดเอาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่ตนนับถือและเคารพมาเป็นที่ตั้งแห่งใจดวงนี้ จึงมีกำลังใจในการกระทำคือมุ่งมานะอ่านหนังสือแต่เค้าไม่รุ้ว่าที่เค้าอ่านนะมันครอบคลุมทั้งหมดอยุ่แล้ว ข้อสอบนั้นก็เอาคำตอบจากหนังสือที่อ่านมาตั้งเป็นคำถามอยุ่แล้ว. อาจารณ์ไม่สามารถเอาคำตอบจากที่อื่นมาตั้งคำถามได้หรอก มันเกินความสามารถของนักเรียนทั้งหลาย ผลนั้นจึงเกิดสำเร็จจากการอ่านหนังสือ และใจที่มีที่ตั้งในสิ่งที่ตนนับถือ ทีนี้ในขณะที่ยังไม่มีผลมีเเต่เหตุด้วยความกลัวคือโปรมแกรมแห่งอวิชชารึกิเลสนั้นแหละมันกลัวผิดหวัง ซึ่งมันก็เป็นธรรมชาติของจิตอยุ่แล้วจึงได้ยึดและยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ตนได้สมหวังนั้นคือการบนบาน เมื่อขบวนการเสร็จสิ้นได้สมความต้องการคือสมกิเลสแห่งใจแล้ว ใจที่ยึดนั้นก็เกิดโปรแกรมความกลัวขึ้นมาอีก. เหตุเพราะตนมิได้กระทำตามที่ได้กล่าวไว้ก่อนสมหวัง วันนี้จึงมีคำถามเช่นนี้เกิดขึ้นว่าตนควรจะทำตามที่เคยกล่าวไว้ดีรึไม่?ถ้าทำก็เป็นเรื่องที่น่าอาย ถ้าไม่ทำโปรแกรมความกลัวมันก็ทำงานของมันเมื่อมีวาระกรรมที่ต้องเสวยเข้ามาใจก็จะยึดว่าเพราะตนไม่ได้แก้บนแน่ๆ
    นี่คืออาการของคนหลง
    ท่านควรมีสติ มีปัญญาพิจารณาให้เห็นเหตุปัจจัยต่างๆ อย่าเอาแต่ผลที่ปรากฏจงสาวผลไปหาเหตุ ท่านจะเข้าใจในสิ่งต่างๆได้อย่างพอสมควร และจะรุ้ว่าตนควรทำอย่างใด ในปัญหานี้ หวังว่าคงเข้าใจนะครับ สวัสดี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 พฤศจิกายน 2015

แชร์หน้านี้

Loading...