บวชสามเณรีภาคฤดูร้อน ครั้งแรกและครั้งหนึ่งของผู้หญิงในผ้าเหลือง

ในห้อง 'ข่าวพุทธศาสนา' ตั้งกระทู้โดย paang, 29 มกราคม 2009.

  1. paang

    paang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2005
    โพสต์:
    9,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,329
    <CENTER>[​IMG]</CENTER>


    โครงการบรรพชาสามเณรีภาคฤดูร้อน ครั้งที่ ๑ ระหว่าง วันที่ ๖-๑๔ เมษายน ๒๕๕๒ วัตรทรงธรรมกัลยาณี จ.นครปฐม ที่จัดขึ้นโดย ภิกษุณีธัมมนันทา หรือชื่อที่เหล่าบรรดาลูกศิษย์ใช้เรียกแทนว่า “หลวงแม่” (รศ.ดร.ฉัตรสุมาลย์ กบิลสิงห์) เจ้าอาวาสวัตรทรงธรรมกัลยาณี ต.พระประโทน อ.เมือง จ.นครปฐม ถือว่าเป็นครั้งแรกของประเทศไทย โดยมีกำหนดการ คือ

    <SCRIPT type=text/javascript><!--google_ad_client = "pub-1044823792492543";google_ad_slot = "8122705396";google_ad_width = 250;google_ad_height = 250;//--></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://googleads.g.doubleclick.net/pagead/test_domain.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/render_ads.js"></SCRIPT><SCRIPT>window.google_render_ad();</SCRIPT>
    วันที่ ๓ เมษายน ๒๕๕๒ ผู้เข้าร่วมโครงการเก็บตัวเพื่อฝึกซ้อมการบรรพชา วันที่ ๖ เมษายน พิธีบรรพชาเริ่มเวลา ๐๙.๐๐ น. ที่อุโบสถมหาปชาบดี วัตรทรงธรรมกัลยาณี และวันที่ ๑๔ เมษายน พิธีลาสิกขา เวลา ๑๔.๐๐ น.
    วัตถุประสงค์ การบวชมีดังนี้ ๑.เพื่อการอบรมจิตใจของตนเอง ๒.เพื่อให้มีความรู้ในพระพุทธศาสนามากขึ้น ๓.เพื่ออุทิศส่วนกุศลถวายพระสยามเทวาธิราช และ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อความผาสุกของประเทศไทย และ ๔.เพื่อการสืบพระศาสนา โดยตั้งใจถวายการบรรพชานี้เป็นพุทธบูชา




    <CENTER>[​IMG]</CENTER>


    ทั้งนี้ ผู้ประสงค์ร่วมโครงการนี้ ขอรับใบสมัครที่ประชาสัมพันธ์วัตร โดยเสียค่าสมัคร ๑,๐๐๐ บาท นัดวันสัมภาษณ์ รวมทั้งค่าใช้จ่ายในการบรรพชา คนละ ๕,๐๐๐ บาท รวมค่าสมัคร ถ้าไม่สามารถเสียค่าใช้จ่ายได้ ทางวัตรยินดีจัดหาผู้อุปการะให้

    อย่างไรก็ตาม การบวชสามเณรีครั้งนี้ น่าจะเป็นประเด็นข้อถกเถียงของวงการพุทธศาสนาอีกครั้งหนึ่ง เพราะก่อนหน้านี้ เมื่อครั้งที่นี้ รศ.ดร.ฉัตรสุมาลย์ ออกบวชครองจีวรเหมือนพระภิกษุ ถือเป็นภาพโดนใจผู้หญิงกลุ่มหนึ่ง ที่ปรารถนาจะเป็นนักบวชไม่น้อย เสียงโจษจันวิพากษ์วิจารณ์หนาหู ทั้งรุนแรงเป็นเชิงลบ และทั้งชื่นชม

    การบวชของธัมมนันทา เป็นการเปิดประตูให้เห็นภาพอีกภาพหนึ่งของความเป็นไปได้ ในการดำเนินชีวิตทางธรรมของลูกผู้หญิง



    <CENTER>[​IMG]</CENTER>


    สำหรับผู้หญิงไทย ไปบวชในต่างประเทศ เกิดขึ้นตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๑๔ เป็นต้นมา นับตั้งแต่ ภิกษุณี วรมัย กบิลสิงห์ มารดาของ รศ.ดร.ฉัตรสุมาลย์ และปัจจุบันนี้มีผู้หญิงไทยที่บวชแบบเถรวาท เป็นภิกษุณีจากศรีลังกาเกือบ ๑๐ รูป ส่วนสามเณรี ประมาณ ๓๐ รูป โดยกระจายไปอยู่ตามวัด และสำนักต่างๆ ที่พระภิกษุสงฆ์ให้การยอมรับ ซึ่งเป็นเครื่องบ่งชี้ว่า ผู้หญิงไทยปรารถนาชีวิตการบวชมากขึ้น เมื่อมีโอกาสและมีความเป็นไปได้ ก็พาไปแสวงหา แม้จะต้องเดินทางไปต่างประเทศก็ตาม

    "เดิมคิดว่า การบรรพชาอุปสมบทนั้น ควรจะเป็นผู้ที่มีความตั้งใจแน่วแน่ที่จะรับใช้พระศาสนาตลอดชีวิต แต่เมื่อเวลาผ่านไป ก็ได้ตระหนักว่า นั่นเป็นการคาดหวังที่ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง เพราะยังมีสตรีจำนวนหนึ่ง ซึ่งแม้จะมีความตั้งใจจริง แต่ติดขัดภาระหน้าที่ในครอบครัว แม้กระนั้น เธอก็ควรจะได้มีโอกาสสักครั้งหนึ่งในชีวิต ที่จะได้ครองผ้ากาสาวพัสตร์ ใช้ชีวิตตามรอยบาทของพระศาสดา แม้ว่าจะเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ ก็ยังดีกว่ามิได้มีโอกาสเลย" นี่คือเหตุผลหนึ่งของหลวงแม่

    ส่วนเหตุที่เปลี่ยนใจนั้น หลวงแม่บอกว่า เมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ.๒๕๕๑ ได้มีโอกาสเดินทางไปบรรยายธรรมที่ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นที่รู้กันว่า ประเทศอินโดนีเซียเป็นเมืองมุสลิม มีประชากรประมาณ ๓๐๐ ล้านคน ในจำนวนนี้มีผู้ที่นับถือพุทธศาสนาเพียง ๑% หรือประมา ๓ ล้านเท่านั้น และในจำนวนนี้ มีภิกษุณีนิกายเถรวาท ๒ รูป มีพระภิกษุ ๕๐ รูป ที่สำคัญ คือ ก็ไม่มีการยอมรับภิกษุณีเช่นเดียวกับประเทศไทย




    <CENTER>[​IMG]</CENTER>



    ในการเดินทางไปครั้งนั้น เพื่อสร้างความเข้าใจเรื่องการบวชสามเณรี และภิกษุณี ทั้งนี้ ท่านสันติภิกษุณี ชาวอินโดนีเซีย บอกว่า เป็นเรื่องยากที่จะให้ผู้หญิงบวชเป็นสามเณรี และภิกษุณี ตลอดชีวิต เมื่อพุทธศาสนิกชนเข้าถึงพุทธศาสนามากขึ้น รวมทั้งเป็นการสร้างและวางรากฐานชาวพุทธ ให้มั่นคงขึ้น จึงมีการจัดบวชสามเณรีในลักษณะชั่วคราว มีระยะเวลาแน่นอน เปรียบได้กับการบวชเณรภาคฤดูร้อนของประเทศไทย โดยผู้ที่มาบวชนั้น เป็นนักศึกษาชาวพุทธ ที่รวมตั้งเป็นชมรมพุทธศาสนาในมหาวิทยาลัย มีการบวชครั้ง ๕-๑๐ คน เมื่อเปิดเทอมก็กลับไปเรียนตามปกติ

    หลังจากนั้น ก็เปลี่ยนแนวนความคิดว่า เราจำเป็นต้องสร้างและวางรากฐานให้ผู้หญิงมีความรู้ในพุทธศาสนาให้มากยิ่งขึ้น ในที่สุด จึงตัดสินใจจัดโครงการบวชสามเณรีภาคฤดูร้อนขึ้น ซึ่งถือว่าเป็นครั้งแรกของประเทศไทย โดยขณะนี้มีผู้หญิงไทยแจ้งความประสงค์และสมัครเข้ามาแล้วกว่า ๒๐ คน ชาวมาเลเซีย ๑ คน และชาวดัตช์อีก ๒ คน ทั้งนี้ มีความตั้งใจว่า น่าจะมีผู้หญิงมาสมัครบวชประมาณ ๓๐ คน

    “จริงๆ แล้วสถานที่ของวัตรสามารถรับได้ประมาณ ๗๐ คน แต่อาตมาต้องการคุณภาพมากกว่าปริมาณ แม้ว่าจะเป็นการบวชเพียง ๙ วัด แต่จะพยายามให้องค์ความรู้ทางพุทธศาสนาให้ครบทุกด้าน โดยเฉพาะกาสร้างความเข้าใจในชีวิตนักบวชให้มากขึ้น ผู้ที่มาสมัครบวชไม่ใช่เด็กนักเรียนนักศึกษา หากเป็นผู้หญิงทำงานแล้วทั้งสิ้น อายุเกิน ๓๐ ปี การศึกษาอยู่ในระดับปริญญาตรีและโท เกินกว่าครึ่ง ที่น่าสนใจคือ ผู้ที่มาสมัครบางคนเป็นคนที่มีชื่อเสียงทางสังคม เท่าที่ทราบ ทุกคนลาพักร้อนจากการทำงานเพื่อมาบวช” หลวงแม่กล่าว

    เมื่อถามถึงกระแสต่อต้านจากพระสงฆ์สังคม ที่อาจจะเกิดขึ้นในการบวชสามเณรีภาคฤดูร้อน หลวงแม่พูดไว้อย่างน่าคิดว่า “กระแสต่อต้าน อาจจะมีบ้าง แต่คงไม่แรงเท่ากับตอนที่อาตมาบวชเป็นภิกษุณีเมื่อพรรษาแรกๆ ที่สำคัญ คือ อาตมาทำในสิ่งที่เป็นกุศล การบวชเป็นสิ่งที่ดี เป็นการวางรากฐานพระพุทธศาสนาให้มั่นคง เป็นเรื่องที่น่าอนุโมทนาบุญมิใช่หรือ สิ่งหนึ่งที่น่าสนใจ คือ การบวชภิกษุณีที่ภาคกลาง คนและพระไม่ยอมรับเท่ากับการบวชที่ภาคเหนือ”

    นอกจากนี้แล้ว หลวงแม่ยังให้ข้อมูลเกี่ยวกับจำนวนภิกษุณีและสามเณรีในประเทศไทยด้วยว่า ปัจจุบันนี้น่าจะมีประมาณ ๔๐ รูป การบวชสามเณรีครั้งแรกที่วัตร จัดครั้งแรกเมื่อ พ.ศ.๒๕๔๕ จากนั้นก็บวชใน พ.ศ.๒๕๔๙ และล่าสุดเมื่อ พ.ศ.๒๕๕๑ โดยบวชครั้งละองค์เท่านั้น

    และเท่าที่ทราบ การบวชสามเณรีที่ สำนักปฏิบัติธรรมนิโรธาราม อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ ซึ่งมี แม่ชีนันทญาณี (รุ้งเดือน) อดีตอาจารย์มหาวิทยาลัยที่เชียงใหม่ เป็นเจ้าสำนัก ณ วันนี้ น่าจะมีมากถึง ๓๕ รูปแล้ว โดยเมื่อเข้าพรรษาปี ๒๕๕๑ ที่เชียงใหม่ มีการบวชสามเณรีในพรรษามากถึง ๗ รูป ซึ่งเป็นการบวชโดยเจ้าอาวาสวัดพระธาตุดอยสุเทพ ส่วนจำนวนภิกษุณีและสามเณรีในระดับโลกนั้น เพิ่มขึ้นในทุกๆ ประเทศ ประเทศที่มีภิกษุณีมากที่สุด คือ เกาหลี มีประมาณ ๘,๐๐๐ รูป ไต้หวัน มีประมาณ ๖,๐๐๐ รูป ศรีลังกา ประมาณ ๕๐๐ รูป

    นอกจากนี้ยังมีอีกหลายประเทศ พยายามให้มีการบวช เช่น ในประเทศมาเลเซีย เดิมทีพระสงฆ์ไม่สนับสนุนให้มีการบวชภิกษุณี แต่ปัจจุบันนี้มีการสนับสนุนให้บวชแล้ว รวมทั้งที่ซิดนีย์ ออสเตรเลีย ก็จัดให้มีการบวชในปี ๒๕๕๒ นี้ด้วย


    ที่มา คมชัดลึก
    <SCRIPT src="http://googleads.g.doubleclick.net/pagead/test_domain.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/render_ads.js"></SCRIPT><SCRIPT>window.google_render_ad();</SCRIPT><SCRIPT>window.google_render_ad();</SCRIPT>
    <SCRIPT src="http://googleads.g.doubleclick.net/pagead/test_domain.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/render_ads.js"></SCRIPT><SCRIPT>window.google_render_ad();</SCRIPT><SCRIPT>window.google_render_ad();</SCRIPT><SCRIPT>window.google_render_ad();</SCRIPT>
    <SCRIPT src="http://googleads.g.doubleclick.net/pagead/test_domain.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/render_ads.js"></SCRIPT><SCRIPT>window.google_render_ad();</SCRIPT><SCRIPT>window.google_render_ad();</SCRIPT><SCRIPT>window.google_render_ad();</SCRIPT><SCRIPT>window.google_render_ad();</SCRIPT>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 มกราคม 2009
  2. nithit_m@hotmail.com

    nithit_m@hotmail.com สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +22
    ขอให้พิจารณาให้ใคร่ควรด้วยครับ เพราะสมเด็จพระสังฆราชได้ให้คำแนะนำไว้แล้วว่า ปัจจุบันภิกษุณี/สามเณรี ได้สูญสิ้นไปแล้วตั้งแต่สมัยพุทธกาล ถ้าจะบวชกันในประเทศไทย ใครจะเป็นพระอุปัชฌาให้ครับ ........
     

แชร์หน้านี้

Loading...