บัวหิมะ - K E F I R

ในห้อง 'จิตวิทยา & สุขภาพ' ตั้งกระทู้โดย HONGTAY, 7 พฤศจิกายน 2007.

  1. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    152
    ค่าพลัง:
    +147,900
    บัวหิมะ - K E F I R

    [​IMG]

    1. บัวหิมะธิเบต หรือ คีเฟอร์ ( Kefir ) เป็นพืชตระกูลเดียวกับ “ เห็ด ” และ “ ยีสต์ ”



    [​IMG]

    2.นมหรือโยเกิร์ตที่ได้จากการเพาะเลี้ยงบัวหิมะนี้ เนื่องจากเป็นการเพาะเห็ดหรือยีสต์ จึงมีรสและกลิ่นเปรี้ยว ไม่ใช่นมบูด แต่มีกระบวนการย่อยสลายเหมือนกับการบูดของอาหาร ต่างกันที่จุลินทรีย์ที่ใช้หมักบัวหิมะนี้ เป็นจุลินทรีย์ที่ดี มีประโยชน์ต่อร่างกาย กินแล้วไม่ท้องเสีย

    คุณภาพของนมเปรี้ยว (บัวหิมะ)

    pH = 3.7
    ความเป็นกรด (% กรดแลคติก) = 1.6%
    Reducing sugar (แลคโตส กูลโครส หรือ กาแลคโตส) = 1.02%
    โปรตีน = 3.2%




    [​IMG]


    3. ตอนที่ได้รับบัวหิมะมาในวันแรกๆ (ในช่วงประมาณ 1 สัปดาห์แรก) ปริมาณจะยังมีน้อยอยู่ ให้ใส่นมแค่พอท่วมปิดหมด ไม่ต้องใส่นมหมดกล่อง เพื่อให้เมล็ดบัวหิมะได้มีเวลาปรับตัวกับสภาพแวดล้อมใหม่ และไม่บอบช้ำจนเกินไป



    [​IMG]

    4. ศึกษาจากเว็บต่างประเทศแล้ว บอกว่า จะดื่มทุกวันก็ได้ ไม่ต้องเว้น 10 วัน (อันนี้แล้วแต่ความเชื่อของแต่ละคน)



    [​IMG]

    5. นำโยเกิร์ตที่ได้มาพอกหน้า ประมาณ 30 นาที (หรือรอจนหน้าแห้ง) ทุกคืนก่อนนอน แล้วล้างออกด้วยน้ำเปล่า (ไม่ต้องล้างด้วยสบู่) จะทำให้หน้าเนียน ขาว ใสขึ้น รู้สึกผิวเรียบเนียนละเอียดขึ้น สิวก็หาย เนื่องจากโยเกิร์ตบัวหิมะมีคุณสมบัติช่วยรักษาแผลและสมานผิว

    6. บางครั้งหากใช้โยเกิร์ตบัวหิมะพอกหน้าแล้วรู้คันยิบๆในบางจุด นั่นไม่อันตราย แต่แสดงว่าผิวหนังบริเวณนั้น เป็นสิว แห้งลอก ซึ่งอาการคันนี้หมายถึงการที่กรดผลไม้และวิตามินต่างๆกำลังเข้าไปช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย และสมานผิวให้หายเป็นปกติ เมื่อสิวหายแล้วอาการคันนี้จะหมดไป



    [​IMG]


    7. ถ้าหากระชอนกรองที่เป็นพลาสติกไม่ได้ แนะนำให้ใช้กระชอนช้อนปลา ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 4.5 นิ้วกำลังดี (ราคาประมาณ 8 – 12 บาท) โดยเวลาใช้ ให้ระวัง ห้ามโดนบริเวณที่เป็นลวดเหล็กเด็ดขาด

    8. ไม่จำเป็นต้องล้างบัวหิมะด้วยน้ำทุกวัน เพราะคลอรีนจะทำลายการเจริญเติบโตของบัวหิมะ ไม่จำเป็นต้องล้างน้ำเลย พอกรองโยเกิร์ต ออก ก็เทนมใหม่ ใส่ต่อได้เลย (แต่ควรล้างภาชนะที่ใส่ด้วยนะ) จะทำให้บัวหิมะโตเร็วมาก เหมือนกับการเลี้ยงปลา ที่ต้องใส่น้ำเดิมของมันลงไป และการย้ายต้นไม้ ก็ต้องใส่ดินเดิมของมันลงไปด้วยเช่นกัน ถ้าหากต้องการล้างจริงๆ ให้ใช้น้ำกลั่น หรือน้ำที่ปลอดสารคลอรีน


    [​IMG]

    9. หากต้องการหยุดใช้ หรือไม่อยู่บ้าน 2-3 วัน ให้ใส่นมแค่พอปิดท่วมเม็ดบัวหิมะ แล้วแช่ตู้เย็นช่องแช่เย็นธรรมดาไว้



    [​IMG]

    10. หากต้องการหยุดใช้ หรือไม่อยู่บ้าน เกินกว่า 4-5 วันขึ้นไป ให้ล้างบัวหิมะด้วยน้ำให้สะอาด ผึ่งให้แห้งหมาดๆ ไม่ต้องใส่นม แล้วแช่ช่องฟรีซ (ช่องแช่แข็ง)ในตู้เย็น เพื่อหยุดการเจริญเติบโตของบัวหิมะชั่วคราว และเป็นการป้องกันไม่ให้เสียด้วย



    [​IMG]

    11. หากแช่เย็นแล้ว เมื่อกลับมาใช้อีกครั้ง ให้นำไปล้างน้ำเพื่อให้หายแข็ง (ใช้น้ำอุ่นนิดๆได้ แต่ห้ามใช้น้ำร้อนเด็ดขาด) ทิ้งไว้ให้อุณหภูมิอุ่นขึ้น แล้วค่อยใส่นม



    [​IMG]

    12. นมโยเกิร์ตที่กรองออกมาแล้ว ที่ดีที่สุดควรดื่มทันที แต่ถ้าอยากเก็บไว้ดื่มตอนหลัง สามารถนำไปแช่เย็นเก็บไว้ได้ 2-3 วัน

    13.
    หากใครกินแล้วท้องไส้ปั่นป่วน นั่นไม่ได้แปลว่าคุณแพ้บัวหิมะ แต่แสดงว่าร่างกายของคุณมีโรคหรือสารพิษตกค้าง ซึ่งอาการปั่นป่วนคืออาการที่บอกว่า บัวหิมะนี้กำลังช่วยให้ร่างกายคุณขับไล่สารพิษนั้น / เพื่อให้รู้สึกดีขึ้นให้ลดปริมาณการกินในช่วงแรกไปก่อน เพราะร่างกายของแต่ละคนอาจต้องใช้เวลาปรับตัวไม่เท่ากัน
     
  2. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    152
    ค่าพลัง:
    +147,900
    การเลี้ยงและการดูแล


    เมื่อท่านได้รับบัวหิมะมาครั้งแรก บัวหิมะจะมีสภาพซึ่งแซ่อยู่ในนมแล้ว ให้นำมากรองแยกนมออกจากบัวหิมะ โดยวิธีการกรองให้ใช้อุปกรณ์การกรองที่ไม่ใช่โลหะโดยเด็ดขาด ดื่มนมที่ได้จากการกรองซึ่งประมาณ 8 ออนซ์ หลังจากนั้นให้ทำความสะอาดบัวหิมะโดยให้น้ำไหลผ่านจนสะอาดแล้วบิดให้แห้งแล้วใส่ลงไปในแก้วพลาสติก แล้วใส่นมเข้าไปประมาณ 8 ออนซ์แซ่ไว้ 24 ชั่วโมง ที่อุณหภูมิห้องแล้วนำมากรองเพื่อจะดื่มเหมือนดังที่ได้มาตอนแรก

    ซึ่งนมที่ได้มาขณะนี้ได้เปลี่ยนมามีรสชาติเปรี้ยวและมีคุณสมบัติเปรียบเสมือนยาให้ทำเพื่อดื่มทุกวันก่อนนอนเป็นเวลา 20 วันและหยุดพักการดื่มเป็นเวลา 10 วันและค่อยดื่มต่อวนเวียนไปเช่นนี้ในช่วงเวลาที่หยุดพักเป็นเวลา 10 วัน ณ วันนั้นบัวหิมะต้องได้รับการทำคามสะอาดทุกวันเหมือนดังตอนที่เราทำก่อนนำไปกรอง โดยบัวหิมะประมาณ 2.5 ช้อนโต๊ะสามารถที่จะทำได้ 1 แก้ว



    ข้อควรจำ

    - ห้ามแช่เย็น
    - บัวหิมะจะโตขึ้นเป็น 2 เท่าทุก ๆ 18 วัน
    - ห้ามไม่ให้เห็ดโดนโลหะโดยเด็ดขาด

    - ใช้ที่กรองพลาสติกใช้แก้วกระเบื้องห้ามใช้โลหะ

    การดูแลรักษาบัวหิมะได้ดี ให้มีความสะอาดย่อมจะทำให้สุขภาพของผู้ดื่มนมที่แช่ดีตามไปด้วย
    เนื่องจากจะได้นมที่สะอาดและมีคุณภาพสำหรับดื่ม

    สรรพคุณ

    1. สร้างความสมดุลของภูมิต้านทานในร่างกาย
    2. ช่วยให้ตับ, ม้ามแข็งแรง
    3. ช่วยรักษากระเพาะ และลำไส้
    4. ทำให้ความดันโลหิตเป็นปกติ
    5. ป้องกันการขยายตัวของมะเร็ง
    6. ทำให้ร่างกายเป็นปกติ ลดความเครียด ช่วยบรรเทาความเหนื่อย
    7. ช่วยรักษาโรคที่เกี่ยวกับหัวใจ และช่วยลดคอเรสเตอรอล
    8. ช่วยละลายนิ่ว
    9. สร้างสารปฏิชีวนะในร่างกาย เพื่อช่วยให้การซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ
    10. รักษา ช่วยให้ตับ และระบบการขับถ่ายดีขึ้น
    11.
    ประกอบด้วยสารต่าง ๆ ที่ร่างกายต้องการ

    ความเป็นมาของสรรพคุณบัวหิมะ (Kefir)

    อาจารย์ทางด้านยาจากมหาวิทยาลัยพยาบาล GLEIVITZ ในโปแลนด์ ได้นำบัวหิมะชนิดนี้ มาสู่ยุโรปจากเอเชีย โดยในขณะที่ทำงานที่อินเดีย และธิเบต เขาป่วยด้วยโรคมะเร็งตับ พระที่ธิเบตได้นำ บัวหิมะ (kefir) นี้มาให้เขากินเพื่อรักษาอาการป่วยของเขา หลังจากนั้น 18 เดือนเขาสามารถหายป่วย ก่อนจะเดินทางกลับเขาจึงขอบัวหิมะนี้จากพระรูปนั้น พระรูปนั้นจึงได้ให้เขามาเป็นของขวัญ

    และขอร้องให้ปฏิบัติ 3 ข้อ ต่อไปนี้คือ

    1. เลี้ยงบัวหิมะให้ดี จะทำให้มีสุขภาพแข็งแรง
    2. ห้ามจำหน่ายเด็ดขาด
    3. ถ้าเลี้ยงแล้วเจริญเติบโตมีมากเกินความต้องการ โปรดแจกจ่ายให้ญาติและมิตรสหาย




    วิธีเลี้ยงบัวหิมะ

    ใช้นมสดรสจืด 1 กล่อง ประมาณ 250 c.c (8 1/2 ออนซ์) ไม่ต้องแช่ตู้เย็น



    [​IMG]

    1. แช่บัวหิมะไว้ในนมสด 250 c.c นานประมาณ 24 ชั่วโมง บัวหิมะจะเปลี่ยนนมสดให้เป็นโยเกิร์ต



    [​IMG]

    2. เมื่อถึงเวลาเปลี่ยนนม ให้ใช้กระชอนมากรองแยกน้ำนม

    [​IMG]

    โดยวิธีการกรองให้ใช้อุปกรณ์การกรองที่ไม่ใช่โลหะโดยเด็ดขาด



    [​IMG]

    3. เสร็จแล้ว นำนมที่กรองได้นั้นมาดื่ม (ควรดื่มทันที ไม่ควรตั้งทิ้งไว้นาน) ดื่มก่อนนอนขณะท้องว่าง โดยไม่ดื่มรวมกับเครื่องดื่มชนิดอื่นๆ ดื่มนมที่ได้จากการกรองซึ่งประมาณ 8 ออนซ์ ให้ดื่มติดต่อกันนาน 20 วัน แล้วให้หยุดพัก 10 วัน


    [​IMG]

    4. หลังจากนั้นให้ล้างบัวหิมะด้วยน้ำสะอาดเบาๆ จนสะอาด (หากจำเป็นอาจใช้ช้อนพลาสติกหรือมือที่สะอาดสัมผัสเบาๆได้) แล้วเทคืนสู่ภาชนะเดิม แช่ด้วยนมสดใหม่ 250 c.c ทิ้งไว้ 24 ชั่วโมง

    5. ระหว่างช่วงพัก 10 วัน ให้ล้างบัวหิมะทุกคืน เติมนมสดรสจืดฯ ทุกครั้ง (ปฏิบัติเช่นเดียวกับข้อ 4.)


    [​IMG]
    6. ให้เลี้ยงบัวหิมะในภาชนะแก้ว หรือพลาสติกเท่านั้น ห้ามใช้ภาชนะที่เป็นโลหะทุกชนิด เก็บในห้องที่มีอุณหภูมิปกติ ห้ามเก็บในอุณหภูมิที่เย็นจัด เพราะนมจะมีรสเปรี้ยวมาก



    [​IMG]

    7. บัวหิมะจะเพิ่มจำนวนขึ้นเป็น 2 เท่า ภายในเวลา 18 วัน (ประมาณที่พอเหมาะคือ สองช้อนครึ่ง)




    ถาม - ตอบ เกี่ยวกับบัวหิมะ

    Q1. ควรใช้นมชนิดใด

    A1.1 ชนิดของนมที่ดีที่สุด คือ นมแพะ เพราะนมแพะสามารถย่อยและดูดซึมได้ง่ายกว่านมวัว และค่อนข้างมีปัญหาการแพ้น้อยกว่า นมแพะมีความสมดุลกับร่างกายมนุษย์มากกว่า

    A1.2 โชคไม่ดี ที่นมแบบนั้นหายาก แต่ก็น่าจะลองหาซื้อดู อาจจะมีราคาแพง แต่ถ้าเทียบกันในระยะยาว ก็ถือว่าเป็นการลดค่ายาค่าหมอในการรักษาโรคในอนาคตได้ เพราะคุณจะได้รับผลคุ้มค่ากว่าเงินที่เสียไป


    Q2. สามารถใช้นมอื่นๆทำโยเกิร์ตคีเฟอร์ได้หรือไม่

    A2.1 นมทุกชนิดใช้ทำโยเกิร์ตคีเฟอร์ได้ เช่น นมจากสัตว์ (แพะ, วัว, แกะ ฯลฯ), นมจากพืชตระกูลถั่ว (ถั่วเหลือง, ถั่วแดง ฯลฯ), นมจากพืชตระกูลข้าว (ข้าว, ข้าวบาร์เล่ย์ ฯลฯ), นมจากพืชตระกูลถั่วเปลือกแข็ง (อัลมอน, มะพร้าวหรือกะทิ ฯลฯ), นมจากพืชตระกูลเมล็ดเล็ก (ป่าน, ฟักทอง, งา ฯลฯ) แต่นมที่นิยมใช้กันมากที่สุดคือ นมวัว, นมแพะ และนมถั่วเหลือง

    A2.2 ผู้เขียนเคยลองใช้นมถั่วเหลืองทำโยเกิร์ตคีเฟอร์ ใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์จึงปรับสภาพได้ หลังจากนั้นผู้เขียนจึงเก็บเมล็ดคีเฟอร์ไว้ส่วนนึงเพื่อทำโยเกิร์ตคีเฟอร์จากนมถั่วเหลืองโดยเฉพาะ คิดว่ารสชาติอร่อยดี แต่แตกต่างกับโยเกิร์ตคีเฟอร์ทั่วๆไป อย่างสิ้นเชิง



    Q3. ฉันจะทำโยเกิร์ตคีเฟอร์โดยใช้เครื่องดื่มชนิดอื่นๆได้หรือไม่

    A3.1 ทำได้แน่นอน เราสามารถทำคีเฟอร์ได้โดยใช้เครื่องดื่มที่ไม่ใช่นมได้หลากหลายชนิด แต่เครื่องดื่มนั้นๆจำเป็นจะต้องมีส่วนประกอบของน้ำตาลเพื่อให้เป็นอาหารแก่คีเฟอร์ด้วย คีเฟอร์ที่ทำจากน้ำผลไม้หรือน้ำที่มีรสหวานอื่นๆ เรียกว่า “คีเฟอร์น้ำ” ผู้เขียนไม่เคยลองทำคีเฟอร์น้ำ แต่พอรู้เรื่องมาบ้าง

    อย่างไรก็ตาม คีเฟอร์ต้องการระยะเวลาในการปรับตัวให้เข้ากับสภาวะใหม่ๆ ตอนที่ผู้เขียนทดลองทำคีเฟอร์ด้วยน้ำนมถั่วเหลืองยังต้องใช้เวลากว่า 1 สัปดาห์ในการปรับตัวเลย เพราะฉะนั้นคีเฟอร์แบบน้ำ คงยิ่งต้องใช้เวลามากกว่านั้นอีก ส่วนวิธีการเริ่มเปลี่ยนจากนมเป็นน้ำผลไม้หรือน้ำหวาน ให้ทำตามวิธีเหมือนกับตอนที่คีเฟอร์เพิ่งถูกขนส่งมาจากระยะทางไกลๆ คือ ใส่น้ำผลไม้หรือน้ำหวานในปริมาณน้อยๆก่อน ในช่วงเริ่มต้น



    Q4. จะเปรียบเทียบคุณค่าของแบคทีเรียและยีสต์ในคีเฟอร์แบบน้ำ กับคีเฟอร์ที่ผลิตออกขายทั่วไปได้อย่างไร


    A4.1 ผู้เขียนต้องออกตัวว่าไม่ใช่นักชีววิทยา แต่จะอ้างอิงจากข้อมูลที่มีผู้ทำการวิเคราะห์เอาไว้แล้ว โดยคีเฟอร์แบบน้ำ (น้ำผลไม้หรือน้ำหวาน) จะมีแบคทีเรียกรดแลคติค 13 ชนิด, สเตร็ปโต และ แลคโตค็อคซี 5 ชนิด, ยีสต์ 7 ชนิด - รวมทั้งหมด 25 พันธุ์

    A4.2 เมื่อเปรียบเทียบกับคีเฟอร์แบบใช้นม ซึ่งมี แลคโตบาซิลี 18 สายพันธุ์, สเตร็ปโต และ แลคโตค็อคซี 9 ชนิด, แอคเซโทแบคเตอร์ 2 ชนิด, ยีสต์ 12 ชนิด – รวมทั้งสิ้น มีแบคทีเรียและยีสต์ 41 สายพันธุ์

    A4.3 สรุปแล้ว ทั้งคีเฟอร์แบบน้ำ และแบบนม ต่างก็มีคุณประโยชน์ต่อร่างกายด้วยกันทั้งคู่ เพียงแต่คีเฟอร์แบบนมมีจุลินทรีย์หลากหลายชนิดกว่า แต่ทั้ง 2 แบบ ต่างก็มีส่วนสำคัญในกระบวนการเผาผลาญอาหารของมนุษย์เช่นกัน

    A4.4 โดยมาก คีเฟอร์แบบนมเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้นมสัตว์ จึงมีความสมดุลกับร่างกายของมนุษย์ได้มากกว่า แต่อย่างไรก็ต้องไม่ลืมคำนึงคนที่รับประทานมังสวิรัติด้วย ถือเป็นกรณียกเว้น ว่าไม่อาจดื่มคีเฟอร์จากนมได้



    Q5. จะเปรียบเทียบคีเฟอร์ กับโยเกิร์ต และบัตเตอร์มิ้ลค์ อย่างไร

    A5.1 อีกครั้ง ดังที่ได้กล่าวไปแล้ว คีเฟอร์มีคุณประโยชน์มากกว่าโยเกิร์ตและบัตเตอร์มิ้ลค์แน่นอน เพราะคีเฟอร์มีจุลินทรีย์ถึง 41 สายพันธุ์ ในขณะที่โยเกิร์ตมีเพียงแค่ 4 ชนิด (สเตร็ปโตค็อคคัส เทอร์โมฟิลลัส, แลคโตบาซิลลัส บัลการิคัส, แลคโตบาซิลลัส แอคซิโดฟิลลัส และ ไบฟิโดบัคเตเรียม ลองกัม) และเพียง 2 ชนิดในบัตเตอร์มิ้ลค์ (แลคโตบาซิลลัส แลคทิส และ สเตร็ปโตค็อคคัส ครีโมริส)

    และจากผลการวิจัยพบว่า แบคทีเรียและยีสต์ชนิดต่างๆที่มีในคีเฟอร์ มีความคล้ายคลึงกับชนิดที่อยู่ภายในร่างกายมนุษย์มาก คีเฟอร์อาจมีรสชาติคล้ายกับบัตเตอร์มิ้ลค์ เพียงแต่รสจัดกว่า แต่ก็ทดแทนกันได้ในเรื่องคุณประโยชน์

     
  3. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    152
    ค่าพลัง:
    +147,900
    รวมความคิดเห็นเกี่ยวกับบัวหิมะ

    ความเห็นเพิ่มเติมที่ 11

    Keif เป็นภาษาตุรกี เป็นอาหารของชนพื้นเมืองบนภูเขา และต่อมาจึงเป็นที่แพร่หลายและรู้จักของคนทั่วโลก โดยเป็นการหมักนมด้วยจุลินทรีย์หลายชนิดที่อาศัยอยู่ร่วมกัน ได้แก่ Saccharomyces kefir, Torula kefir, Lactobacillus caucasicus, Leuconnostoc species, lactic streptococci and lactose-fermenting yeast. มันมีคุณค่าทางอาหารสูงเช่นเดียวกับโยเกิร์ต เพียงแต่ว่ามันมียิสต์ที่สามารถใช้ CO2 ออกมาแล้วปลดปล่อยแอลกอฮอล์ออกมาด้วย ดังนั้นอาหารชนิดนี้จึงมีแอลกอฮอล์ผสมอยู่ < 0.5% ครับ ซึ่งสรุปโดยรวมมีประโยชน์ครับ รับประทานได้น่ะครับ

    ส่วนที่บอกว่ารูปร่างเหมือนดอกกะหล่ำเล็ก ๆ สีขาว น่าจะเป็นหัวเชื้อ เช่นเดียวกับหัวเชื้อที่ใช้ในการ การเพาะเลี้ยงวุ้นสวรรค์ ( Gluconacetobacter xylinus), ลูกแป้งทำสาโท (Aspergillus sp., Saccharomysis cerevisiae., Acetic acid bacteria ซึ่งเป็นการอยู่ร่วมกันของจุลินทรีย์) อะไรทำนองนี้น่ะครับ

    วันที่ 3 พ.ค. 2548 - 19:32:01
    โดย: malimas45@hotmail.com [IP: 203.185.133.6,10.226.73.81,]



    ความเห็นเพิ่มเติมที่ 20

    ตอนนี้ก็เลี้ยงอยู่เหมือนกัน แช่ในน้ำนม และต้องใช้พลาสติกเท่านั้น ดื่มน้ำนมที่ได้จากบัวหิมะ20วันเว้น10วัน ผิวดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดต้องเปลี่ยนน้ำนมทุก24ชม. และนมจะต้องเป็นนมโคแท้100% เราเลี้ยงกับนมไทยเดนมาร์คอะ บัวหิมะจะเพิ่มปริมาณขึ้นเรื่อยๆ ห้ามซื้อขาย เพราะจะเป็นบาปและหากเลี้ยงไม่ดีจนมันตายก็เป็นบาปเช่นกัน แต่คนที่เอามาให้จากจีนเขาบอกว่ามันเป็นสตว์ไม่ใช่พืชอะ หากไม่มีความรับผิดชอบและไม่มีเวลาอย่าเลี้ยงเลยบาปนะ

    วันที่ 26 พ.ค. 2548 - 02:46:56
    โดย: อูม cruel_a13@yahoo.com [IP: 203.113.77.132,,]




    ความเห็นเพิ่มเติมที่ 25

    บัวหิมะ น่าจะมี 3 ความหมาย คือ


    1. หมายถึง "จง หัว ฟู เป่า" หรือที่รู้จักในประเทศไทยเรา คือ "บัวหิมะ"
    เป็นผลิตภัณฑ์ นำเข้าจากประเทศจีน โรงงานอยู่ที่ปักกิ่ง เป็นครีม ที่ทำให้ผิวพรรณ นวลเนียน เปล่งปลั่ง สดใส ดูอ่อนกว่าวัย ใช้ในลักษณะบำรุง ดูแล และช่วยปรับสภาพผิว มีส่วนผสมต่างๆหลายตัว ที่สกัดจาก ธรรมชาติ และบางตัวมีราคาค่อนข้างแพง เช่น ผงไข่มุก โสม นิ่วในถุงน้ำดีวัว ชะมดเช็ด ว่านหางจระเข้ การบูร วาสลีน โดยเฉพาะโสม ต้องเป็นโสมป่า ซึ่งผงไข่มุกจะมีสรรพคุณ สามารถป้องกันแสงแดด โสม ช่วยในการหมุนเวียนของเลือดในบริเวณที่ทา ทำให้สามารถคืนสภาพผิวได้เร็ว และ ไม่มีสารสเตียรอยด์


    2. หมายถึง ต้นพืช บัวหิมะจากประเทศจีน (Snow lotus = Saussurea involucrata) เป็นต้นพืช หมายถึง บัวหิมะพันปี หรือ บัวหิมะหมื่นปี จะงอกงามอยู่ในบริเวณ ภูเขาสูง ที่มีอากาศเย็นจัด หรือ บริเวณที่ราบสูง โขดหินที่มีหิมะปกคลุมทั้งปี (ถ้าดูหนังจีน คงจำได้ว่าบางเรื่อง เมื่อถูกสารพิษ หรือโดนฤทธิ์กำลังภายใน จะต้องให้ไปหาบัวหิมะมาเป็นยารักษา ซึ่งจะต้องดั้นด้นไปหาด้วยความยากลำบาก) ดอกจะออกขาวโพลน เหมือนหิมะ เช่น บริเวณ เถียนชาน ที่ราบสูง ซินเจียง (Tianshan of Xinjiang plateau )

    ซึ่งจะเรียกว่า บัวหิมะซินเจียง ( Xinjiang Snow Lotus, with another name of " Xuehehua " ) และจะกระจาย เติบโตบริเวณ ภูเขาเถียนชาน , ภูเขาคุนลุน และ ภูเขาอัลไต บัวหิมะของประเทศจีน นี้ ส่วนมากจะเติบโตบริเวณที่มีระดับนำทะเล สูงตั้งแต่ 3000 - 4000 เมตร แม้ในฤดูร้อนภูเขาก็ยังมีหิมะปกคลุม

    ซึ่งในประเทศจีน จะมีการนำ ดอกบัวหิมะนี้ (มีรสขมเล็กน้อย) มาทำเป็นยาด้านต่าง เช่น ป้องกันอาการไข้ ขับสารพิษ ลดอาการเจ็บปวด จากสาเหตุการเป็นโรครูมาตอยด์ บำรุงเลือด ฟื้นฟูสภาพไต และ เป็นยาอายุวัฒนะ ปรับความสมดุลย์ หยิน - หยาง ของร่างกาย โดยมีผลิตภัณฑ์ ทั้งที่ เป็นแบบบริสุทธิ์ 100 เปอร์เซนต์ หรือนำไปผสมกับตัวยาอื่นๆ ส่งขายทั่วโลก มากกว่าปีละ 5 ล้านดอก ปัจจุบันรัฐบาลจีนเข้าไปควบคุม การเก็บดอกบัวหิมะ

    3. หมายถึง ต้นพืช ขนาดเล็กตระกูล fungi (Snow lotus = Xue Lian ) มีลักษณะขาวๆ เหมือนเห็ดหูหนูขาว แต่เล็กจิ๋วมาก พระธิเบตจากเทือกเขา เถียน เป็นคนเผยแพร่ และมีศาสตรดาจารย์นายแพทย์ชาวโปแลนด์ นำไปเผยแพร่ในยุโรป เนื่องจากสามารถรักษามะเร็งได้จริง

    วันที่ 30 พ.ค. 2548 - 11:58:19
    โดย: นานา [IP: 203.151.140.113,203.113.37.11,]



    ความเห็นเพิ่มเติมที่ 93

    เท่าที่ศึกษามาบัวหิมะที่พูดถึงก็หมายถึง kefir grains นั่นเอง ส่วน kefir หมายถึงลักษณะของเครื่องดื่มประเภทนมที่ผ่านขบวนการหมักแบบหนึ่งคล้ายโยเกิต เพียงแต่มีความต่างกันตรงที่ชนิดของเชื้อจุลินทรีย์มีความหลากหลายกว่า


    ตอนนี้ผมกำลังรวบรวมข้อมูลทางวิชาการเรื่องนี้อยู่เพราะในไทยยังไม่ทราบว่ามีใครศึกษากันอย่างจริงจัง มีแต่เพียงแนะนำหรือบอกต่อกันตามความเชื่อเช่นตามวัดที่เขารักษาโรคทางสมุนไพร หรือไม่ก็ที่ได้ข่าวมานานคือมีคนทำเป็นฟาร์มแต่เพื่อทำเป็นผลิตภัณฑ์ภายนอกเช่นไปทำเป็นครีม ส่วนที่ผมกำลังวิจัยนี้ส่วนมากจะไปทางใช้ภายในมากกว่าเพื่อที่จะให้มีข้อมูลยืนยันทางการแพทย์มากขึ้น

    ปัจจุบันผมเลี้ยงอยู่ที่เชียงใหม่ ปกติเลี้ยงและทดลองทานเอง โดยใช้นมขาดมันเนยที่มีแคลเชียมสูง เพราะจะไม่ต้องมีปัญหาเรื่องไขมันส่วนเกินและเชื่อว่าแคลเชียมเป็นอาหารสำคัญของตัวเชื้อนี้ หากใครมีข้อมูลหรือความเห็นก็ติดต่อกันได้ครับ เพราะเจตนาจริงทางเป็นวิทยาทานแก่คนทั่วไป จะได้มีข้อมูลสนับสนุนตามที่เชื่อๆกันมากขึ้น

    วันที่ 7 ก.ย. 2548 - 11:14:02
    โดย: v_panjawan@hotmail.com [IP: 58.147.43.90,,]


    ความเห็นเพิ่มเติมที่ 153

    เลี้ยงมาได้ 1 อาทิตย์แล้วทั้งทานและทารู้สึกหน้าดีขึ้นมากเลย
    มีจำนวนพอสมควร ใครอยากได้จริง ๆ โทรมาที่ 01-6241831
    แต่ต้องมารับเองนะ

    วันที่ 15 พ.ย. 2548 - 12:10:27
    โดย: หน่อย/ [IP: 58.136.228.238,,]



    ความเห็นเพิ่มเติมที่ 135

    ตอนนี้เราเลี้ยงบัวหิมะอยู่ ถ้าใครต้องการก็อีเมล์มาบอกได้ แต่ต้องมารับด้วยตัวเองน่ะ เพราะไม่สามารถไปส่งให้ได้ ลืมบอกไปบ้านเราอยู่แถวปิ่นเกล้าน่ะจ๊ะ

    วันที่ 31 ต.ค. 2548 - 18:14:12
    โดย: mod_ants@hotmail.com [IP: 203.118.110.118,,]



    ความเห็นเพิ่มเติมที่ 157

    อยู่กรุงเทพครับ มีบัวหิมะมากพอที่จะแบ่งปันได้ อยากได้ติดต่อมาที่ 01-3782647 มารับเองนะครับ

    วันที่ 17 พ.ย. 2548 - 14:42:15
    โดย: บัฟ [IP: 203.172.200.210,,]



    ความเห็นเพิ่มเติมที่ 158

    เลี้ยง Kefir อยู่ใครเลี้ยงบ้างช่วยบอกด้วยแล้วเป็นอย่างไรบ้าง ตอนนี้ได้ Kefir มาถ้าใครอยากได้มีพอแบ่งให้บ้างแต่ต้องเลี้ยงให้ดีนะ การดื่มโยเกริตKefir ควรดื่มมากน้อยแค่ไหนถึงจะดีต่อสุขภาพตอนนี้ใช้ทาหน้าอยู่หน้าขาวขึ้นเล็กน้อยแต่ดูนิ่มขึ้นเคยอ่านWebมีกระทู้ของเภสัชกรที่ว่ากำลังทดลองเกี่ยวกับการรักษาโรคไม่ติดต่อเช่น มะเร็ง ความดันโลหิตสูง ฯลฯ


    แต่เคยกระทู้ไปไม่ได้รับคำตอบ เพราะไม่มี Email เลยอยากมีความรู้บ้างจะได้ช่วยเบ่งบันความรู้และKefir ให้คนอื่นบ้าง เป็นการทำบุญอย่างหนึ่ง มีพี่ที่อยู่อเมริกาบอกว่าคนไทยที่นั้นเลี้ยงกันเยอะมาก ใช้ทาหน้า และ กินด้วย พี่กลับจากอเมริกาเอามาให้แต่ที่อเมริกาเลี้ยงได้ดีตัวใหญ่พอมาเลี้ยงตัวไม่ใหญ่ขึ้นมีแต่การแบ่งตัว เวลาเลี้ยงล้างนำ้สะอาด 2 น้ำ ใช้นมพลาสเจอร์ไรด์เลี้ยง ใครมีความรู้ช่วยบอกผ่านทาง Web นี้ด้วยค่ะ ให้เบอร์โทรไว้ถ้าอยากได้Kefir แต่อยู่สระบุรี

    วันที่ 17 พ.ย. 2548 - 22:45:04
    โดย: น้องบัว [IP: 203.113.41.42,,]



    ความเห็นเพิ่มเติมที่ 159

    คนที่อยู่เชียงใหม่ ถ้าอยากได้บัวหิมะ แบ่งให้ฟรีค่ะ มีพอสมควรค่ะ ไม่มาก ไม่น้อย
    วิธีเลี้ยงก็ตามนั้นล่ะค่ะ ถ้าสนใจจริงๆ อยากได้มากๆ
    ติดต่อได้ที่ 01-7160101 นะคะ


    วันที่ 19 พ.ย. 2548 - 00:13:34
    โดย: eaffy [IP: 203.113.16.250,,]



    ความเห็นเพิ่มเติมที่ 165

    12/10/48 เอาบัวหิมะมาจากเพื่อน
    กว่าจะกิน(ทำใจ)ก็วันที่ 15/10/48
    แต่เก็นเค้าบอก ๆ กันมาว่า ต้องกิน 20 วันเว้น 10วัน
    เลยหยุดไปกช่วยหนึ่ง ไปหาข้อมูลมาใหม่บอกว่ากินได้ทุกวัน
    ทีนี้เลยกินทุกวันเลยตั่งแต่วันที่ 6/11/48 จนทุก ๆ วันนี้ ก็ดีนะ ไม่ค่อยมีสิว (คิดไปเองเปล่าไม่รู้) ทาก่อนนอน ตอนท้องว่าง
    ทุกวันเลย ช่วยระบบขับถ่ายดีมาก ๆ (แต่ไม่ใช่ท้องเสียนะ)


    ใครสนใจ ติดต่อได้ เราอยู่ กทม. ท่าพระ วงเวียนใหญ่ ต้องมารับเองนะ เอากระบอกน้ำ หรือแก้วเล็ก ๆ มาด้วย
    ช้อนชา(ทุกอย่างห้ามเป็นโลหะ ใช้ได้แต่พลาสติกเท่านั้น)
    อยากได้โทรมา 06-505-1681 แอน
    (อย่าโทรมารบกวนนะ ขอร้อง)
    ด่วน !! ของมีจำนานจำกัด...ฟรีค่ะ ...*-*
    เมื่อวานนี้ก็มีพี่เค้ามาขอไปบ้างแล้ว
    แต่ยังพอมีเหลืออีกเยอะ ยังไงติดต่อมาแล้วกันนะ *-*


    วันที่ 24 พ.ย. 2548 - 11:23:58
    โดย: แอน annny2005@hotmail.com [IP: 202.29.54.190,,]



    ความเห็นเพิ่มเติมที่ 169

    เลี้ยงบัวหิมะอยู่ค่ะ ใครสนใจอยากจะเลี้ยงจริงฯ ติดต่อได้ที่เบอร์ 02 2042880 (อนงค์) เป็นเบอร์ที่ทำงานอยู่สุขุมวิท ซอย26 ติดต่อเวลาราชการนะค่ะ และต้องมารับเองนะค่ะ ส่งทางไปรษณีย์ไม่ได้ ลักษณะของบัวหิมะตัวจะสีขาวเหมือนนมที่เราใช้เลี้ยง มันเป็นเหมือนเชื้อจุลินทรีย์ ตัวเป็นใยสั้นฯ บ้างก็ตัวเหมือนเม็ดวุ้น ตอนที่เราได้มาเลี้ยงได้มาประมาณช้อนชา แต่พอเราเลี้ยงไปนานฯมันก็ขยายตัวมากขึ้น เราได้แบ่งให้เพื่อนฯไปหลายคนแล้วค่ะ

    วันที่ 26 พ.ย. 2548 - 23:04:56
    โดย: อนงค์ [IP: 202.139.223.18,,]



    ความเห็นเพิ่มเติมที่ 137

    ตอนนี้เลี้ยงอยู่ค่ะ จำนวนมันก้อเพิ่มมากขึ้นบ้างแล้ว เปรี้ยวมากเลยค่ะ หลังๆมานี้เปรี้ยวเกือบเหมือนรสยาคูลล์เลย (ปกติทานยาคูลล์ทุกวัน)

    สนใจอยากได้จริงๆจะแบ่งให้ฟรีค่ะ แต่จำนวนคงยังไม่มาก คงต้องรบกวนมาเอาเองนะค่ะ


    วันที่ 1 พ.ย. 2548 - 00:14:03
    โดย: preeyaps@hotmail.com [IP: 203.151.140.121,203.113.36.6,]





    * ที่มาข้อมูลและภาพประกอบ
    http://www.seasonaldeals.com/sejla/kefir/kefir.htm
    http://users.chariot.net.au/~dna/kefirpage.html
    http://www.vcharkarn.com/include/vca...d=30332&page=1


    * ที่มาข้อมูลความคิดเห็นเพิ่มเติม
    http://www.vcharkarn.com/include/vca...d=30332&page=4
     
  4. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,131
    ขอขอบคุณสาระddครับ

    คุณน้าของผมก็ทานเป็นประจำ ตอนแรกไม่รู้จักเลยอะไรหว่า บัวหิมะ งงงง ไม่สนใจ จนมาเจอข้อความดีดีกระทู้นี้แหละครับ ต้องไปขอแบ่งจากคุณน้าแล้ว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 7 พฤศจิกายน 2007
  5. Chin_Jung

    Chin_Jung Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    41
    ค่าพลัง:
    +39
    ใครมี ขอแบ่งบ้างนะ เพราะแต่ก่อนเคยเลี้ยงอยู่แต่นานมาแล้ว อยากเอามาเลี้ยงอีก ใครมี เราขอแบ่งบ้างนะงับ
     
  6. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    152
    ค่าพลัง:
    +147,900
    เฮียปอ ไม่ลองทานมั่งอะครับ จะได้หล่อขึ้น ๆ ไง
     
  7. naf06

    naf06 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    577
    ค่าพลัง:
    +2,227
    [​IMG]
     

แชร์หน้านี้

Loading...