ปฏาจาราเถรี ผู้เสียสติ(เป็นบ้า) เพราะ ความวิปโยคในชีวิต

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย rinnn, 28 พฤศจิกายน 2006.

  1. rinnn

    rinnn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    7,666
    ค่าพลัง:
    +24,027
    พระปฏาจาราเถรี เป็นบุตรีเศรษฐี เมืองสาวัตถี เป็นที่หวงแหนของบิดามารดา
    เกิดความรักใคร่กับคนรับใช้ในบ้าน นางจึงหนีตามคนรักไปอยู่ชนบท อันห่างไกล

    จนกระทั่งในตั้งท้องจะคลอดลูก จึงนึกถึงบิดามารดาคิกกลับไปคลอดลูกท่ามกล่างบิดามารดาญาติพี่น้อง
    จึงขอร้องสามีให้พาไป แต่สามีกลัวความผิดที่เคยกระทำจึงไม่ยอมพาไป

    นางจึงแอบสามี เดินทางกลับโดยลำพัง แต่ก็มาคลอดระหว่างทาง สามีตามมาทัน
    จึงกลับไปกับสามี ไม่ได้เดินทางหาบิดามารดา

    พอท้องลูกคนที่สอง นางก็พาลูกน้อยอุ้มท้องหนีกลับอีก คลอดลูกระหว่างทาง สามีก็ตามมาทัน
    บังเอิญเกิดพายุฝน สามีไปหากิ่งไม้จะมามุงทำเพิงหลบฝน เคราะห์ร้ายถูกงูกัดตาย

    นางรู้เหตุ ก็ทนทุกข์ตลอดคืนจนใกล้สว่าง ก็อุ้มลูกคนที่สอง จูงมือลูกคนโต กลับเมืองสาวัตถี
    พบกระแสน้ำไหลขวางอยู่ จึงวางลูกคนที่สองไว้ที่ฝั่ง อุ้มลูกคนแรกข้ามลำธารไป พอถึงอีกฝั่งก็วางลูกให้คอย

    นางข้ามกลับไปเพื่อเอาลูกคนที่สอง พอถึงกลางลำธารก็มีเยี่ยวตัวหนึ่ง ถลามาโฉบลง
    จะมาคว้าลูกที่แรกเกิด นางโบกมือ ส่งเสียงดังลั่น แต่เยี่ยวก็โฉบคว้าลูกน้อยไปต่อหน้าต่อตา

    ลูกคนแรกที่อยู่อีกฝั่งเห็น เห็นแม่โบกมือร้องเรียกเสียงดัง จึงเดินข้ามน้ำไปหา
    ถูกกระแสน้ำพัดจมหานไปอีกคน นางร้องไห้ คร่ำครวญต่อความสูญเสียทั้งสามี และบุตรทั้งสอง ร่ำไห้คร่ำครวญเดินทางกลับเมืองสาวัตถีไปตลอดทาง

    พอกลับเข้าเมืองสาวัตถี พบว่าคืนวานเกิดพายุฝนกระหน่ำ
    คฤหาสน์ตระกูลตนถูกฟ้าผ่าเผาวอด ไฟไหม้ครอกคนในตระกูลตายหมด ไม่มีใครรอดเลยสักคน

    เท่านั้นแหละ สติที่ยังพอมีเหลืออยู่บ้างก็ขาดผึงทันที ล้มลงหมดสติ
    ฟื้นมาอีกทีก็กลายเป็นคนเสียสติ เดินวนเวียนพร่ำเพ้อ ผ้าผ่อนหลุดลุ่ย
    เดินเรื่อยเปื่อยจนผ้าผ่อนหลุดหา กลายเป็นคนบ้า ชาวบ้านไล่ตะเพิก

    จนวันหนึ่ง เดินสะเปะสะปะเปลือยกาย บ้างหัวเราะ บ้างร้องไห้ เข้าไปยังเชตวันมหาวิหาร
    ขณะที่พระพุทธเจ้าอยู่ เดินเข้ามาท่ามกลาง ผู้คนที่ขับไล่ให้นางหนีไป

    พระพุทธเจ้าตรัสให้พวกเขาอนุญาตให้นางเขามา แล้วตรัสเตือนสติว่า
    “น้องหญิง จงกลับได้สติเถิด”
    กระแสพระดำรัสของพระพุทธเจ้าเรียกสติสัมปชัญญะนางกลับมา

    พอได้สติ เห็นตนเปลือยกายท่ามกลางหมู่ชน ทรุดนั่งลงกับพื้นด้วยความอาย บุรุษหนึ่งได้โยนผ้า
    ให้นางนุ่งคลุมกาย นางก้มกราบพระพุทธเจ้าแล้ว ร่ำไห้เล่าถึงความวิปโยคของชีวิตตนตน จนเสียสติ

    พระพุทธองค์ตรัสว่า
    ”อย่าเศร้าโศกเลย สามี ลูกทั้งสอง บิดามารดา พี่ชายก็ตายไปแล้ว
    ถึงเธอจะร้องไห้จนน้ำตาท่วมตัว ก็ไม่ช่วยให้คนตายฟื้นมาได้
    น้ำตาของผู้ร้องไห้เพราะรักวิปโยคในสังสารวัฏนี้ยาวนานนัก
    หากวัดแล้วมากกว่าน้ำในมหาสมุทรทั้งสี่อีก เธออย่าได้มัวประมาทเลย
    จงทำที่พึ่งให้ตนเองเถิด เพื่อจะได้ไม่จ้องเสียน้ำตาอีกต่อไป”

    เมื่อฟังพระดำรัสของพระพุทธเจ้า จิตใจนางคลายความเศร้าโศก ขอบวช ได้ชื่อว่า ปฏาจาราเถรี

    เมื่อบวชแล้ว วันหนึ่ง พระปฏาจาราเถรีเทน้ำจากหม้อดินล้างเท้า เห็นน้ำซึมหายไปในดิน
    พอเถใหม่ก็ไหลไปไกลกว่าเดิมแล้วซึมหายไปอีก
    เทเป็นครั้งที่สาม น้ำก็ไหลไปไกลกว่าครั้งก่อนแล้วซึมหายไปในดินอีก

    นางได้คิดว่า ชีวิตคนเราเหมือนน้ำที่เทออกจากหม้อ
    บางคนตายแต่เด็ก
    บางคนมีชีิวิตถึงวัยกลางคนก็ตาย
    บางคนก็อยู่นานจนชราแล้วตาย

    พระพุทธองค์กมา็ปรากฏกายเฉพาะหน้าเธอ แล้วตรัสว่า
    "ปฏาจารา เธอคิดถูกแล้ว ผู้มีชีวิตอยู่เพียงวันเดียว เห็นการเกิด-ดับแห่งเบญจขันธ์
    ประเสริฐกว่ากา์รมีชีวิตอยู่ร้อยปีของผู้ไม่เห็นสัจจะธรรมข้อนี้"

    จบเทศนาคาถาสั้นๆ พระปฏาจาราเถรี ก็บรรลุอรหัต พร้อมปฏิปทา

    (จาก ทำไมต้องฝึกเจริญสติ ในเมื่อสติมีกันทุกคนอยู่แล้ว (ยกเว้นคนบ้า))

    ที่มาค่ะ..http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y4915664/
    html
     

แชร์หน้านี้

Loading...