ปรกอุดมความสุขเหรียญนาคี ลป.จักร เขารังไก่ลพ.โอดลพ.แป๋ว

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Jumbo A, 17 สิงหาคม 2022.

  1. kiati_sak เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    7,321
    ค่าพลัง:
    +13,243
    เหรียญเจ้าแม่กวนอิมรุ่นเซ็งลี่ฮ้อปี ๒๕๓๖ หลวงพ่อเกษมเขมโก สุสานไตรรัตน์ ลำปาง
    จองครับ
     
  2. Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,457
    ค่าพลัง:
    +21,326


    หลวงพ่อเที่ยง เจ้าอาวาสวัดม่วงชุม อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี ท่านเป็นหลานของหลวงปู่เปลี่ยน วัดไชยชุมพลชนะสงคราม ( หลวงพ่อวัดใต้ ) ซึ่งท่านได้รับถ่ายทอดวิชามาจากหลวงพ่อวัดใต้โดยตรง เมื่อสมัยนั้นมีงานพิธีพุทธาภิเษกที่ไหน หลวงพ่อเที่ยงท่านจะได้รับนิมนต์ไปไม่เคยขาด เพราะเหตุนี้ท่านจึงได้เป็นสหธรรมิกกับหลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี เนื่องจากท่านจะได้เจอกันในงานพุทธาภิเษกอยู่เป็นประจำ
    หลวงพ่อเที่ยง ท่านจะขึ้นชื่อสุด ๆ ในเรื่องเหนียว ทั้งมีดทั้งปืน เล่ากันว่าของ ๆ ท่านเวลานำออกมาจากพิธี ก็ลองกันตรงนั้นเลย วัตถุมงคลของท่านจึงโด่งดังเป็นที่เล่าขานกันมาก เคยมีทหารใส่เหรียญของท่านไปขับเฮลิคอปเตอร์ แล้วเฮลิคอปเตอร์ตกทหารคนนั้นรอดตายมาได้ราวกับปาฏิหาริย์ วัตถุมงคลที่มีชื่อเสียงโด่งดังและผู้คนนิยมเล่นหามากที่สุดของท่าน ก็คือตะกรุดหนังเสือเพราะใช้ดีมีประสบการณ์ ในด้านคงกระพันชาตรีและเหนียวสุด ๆ หลวงพ่อเที่ยงท่านเคยไปฝากตัวเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง จ.นครปฐม ท่านจึงเป็นศิษย์พี่สำนักเดียวกับหลวงพ่อเต๋ คงทอง วัดสามง่าม ซึ่งท่านจะสนิทสนมกับหลวงพ่อเต๋ ( หลวงพ่อเต๋ท่านก็ทำตะกรุดหนังเสือเช่นเดียวกัน แต่จะแตกต่างกันที่ลายถักเชือก ) ตะกรุดของหลวงพ่อเที่ยงแท้ ๆ นั้นหายากมาก ๆ เพราะตามตำราของท่านต้องทำมาจากหนังเสือ ตะกรุดของท่านจึงมีน้อย วัตถุมงคลของหลวงพ่อเที่ยงนั้น เป็นที่นิยมกันในหมู่นักสะสม เพราะมีประสบการณ์เป็นที่ประจักษ์กันโดยทั่วไป โดยเฉพาะวัตถุมงคลที่เกี่ยวกับเสือ ทั้งตะกรุดหนังเสือ เหรียญรุ่นเสือเผ่น หลวงพ่อเที่ยงท่านได้ สร้างเหรียญรุ่นแรกเมื่อ ปีพ.ศ.2508
    การทำตะกรุดหนังผากเสือ หลวงพอเที่ยง วัดม่วงชุม อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี ท่านสร้างไว้มากพอสมควร วิธีการทำตะกรุดของหลวงพ่อนั้นเริ่มจากท่านออกธุดงค์เป็นเวลานานหลายสิบปี มีกะเหรี่ยงที่นับถือท่านเอาหนังหน้าผากเสือไฟและเสือโคร่งมาถวายกับท่านหลายผืน เมื่อท่านกลับมาอยู่วัดจึงตัดออกเป็นชิ้นเล็กๆขนาดมัดตะกรุดได้ โดยให้แยกหนังหน้าผากเสือไว้ส่วนหนึ่ง ส่วนหนังทั้งตัวเสือ หลวงพ่อลงอักขระคาถาแผ่นตะกรุดแล้วม้วนใช้เชือกมัดหัวท้ายตะกรุดจากนั้นทารักเป็นตัวจับยึดให้แน่นแล้วนำไ ปปลุกเสกเฉพาะวันอังคารกับวันเสาร์จนครบไตรมาส จึงนำไปแจกจ่ายญาติโยมที่ศรัทธาต่อไป
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับเ

    เหรียญชิ ตังเมเงินทองมั่งมี ลิงถวายแหวน ให้บูชา 350 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)

     
  3. Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,457
    ค่าพลัง:
    +21,326

    พระเครื่องที่ท่านพ่อลีเชิญพระอุปคุตเถระมาร่วมพิธีปลุกเสก
    พระเครื่องชุดนี้ถือว่าไม่ธรรมดา พิธีจัดสร้างโดย พระครูสังกิจโจ วัดเขาพระงาม(วัดสิริจันทรนิมิตวรวิหาร ) จังหวัดลพบุรี เนื้อดินผสมผง จัดสร้างเมื่อปี พ.ศ.2500 มีหลากหลายเนื้อและพิมพ์ทรงรูปแบบ เป็นพระในชุดที่เข้าร่วมในพิธีใหญ่ฉลอง 25ศตวรรษ โดยท่านพ่อลี ธัมมธโร จัดขึ้นที่วัดอโศกราม จังหวัดสมุทรปราการ อธิษฐานจิต 7 วัน 7 คืน โดยครูบาอาจารย์สายกรรมฐานของท่านอาจารย์ใหญ่มั่น ภูริทัตโต เหตุที่ว่าพระชุดนี้ทำไมถึงได้เข้าพิธีกึ่งพุทธกาลที่วัดอโศการาม คือ วัดเขาพระงามเป็นวัดในอุปถัมภ์ ของท่านพ่อลี ซึ่งมีความสัมพันธ์กันมาแต่ครั้งก่อน
    ท่านพ่อลี ธัมมธโร วัดอโศการาม จังหวัดสมุทรปราการ สร้างให้วัดเขาพระงาม(วัดสิริจันทรนิมิตวรวิหาร ) จังหวัดลพบุรี จัดสร้างเมื่อปี พ.ศ.2500 เป็นพระในชุดที่เข้าร่วมในพิธีใหญ่ฉลอง 25ศตวรรษ โดยท่านพ่อลี ธัมมธโร จัดขึ้นที่วัดอโศกราม ***เหตุที่ว่าพระชุดนี้ทำไมถึงได้เข้าพิธีกึ่งพุทธกาลที่วัดอโศการาม คือ วัดเขาพระงามเป็นวัดในอุปถัมภ์ ของท่านพ่อลี ท่านพ่อลีเคยไปจำพรรษาและร่วมสร้างพระพุทธรูปประดิษฐานประจำเขาพระงาม(พระพุทธปฏิภาคมัธยมพุทธกาล" หรือที่รู้จักกันในนาม "หลวงพ่อพระงาม")ขึ้น ซึ่งมีความสัมพันธ์กันมาแต่ครั้งก่อน พิธีพุทธาภิเศกฉลองสมโภชน์ 25ศตวรรษ ท่าน พ่อลีได้คัดฆราวาสชายและหญิงถือศีลแปด ห้ามออกจากประรำพิธีในขณะสร้างพระ จำนวน 17วัน โดยมีหลวงปู่บุญญฤทธิ์และหลวงปู่หลวง ผลัดกันคุมอยู่ในพิธี พระคณาจารย์สายป่ากรรมฐานหลายร้อยรูปได้ร่วมอฐิษฐานจิต โดยมีท่านพ่อลีเป็นประธานในพิธีครั้งนั้น พระชุดนี้ ท่านพ่อฯได้เชิญองค์พระอุปคุตมาร่วมพิธีปลุกเสกพ่นไฟเผาพระนอกจากนี้ องค์หลวงตาแอบไปปลุกเสกช่วงค่ำๆ วาระพุทธาภิเษก :เมื่อปี พ.ศ.2500 ณ วัดอโศการาม เป็นพิธีใหญ่อีกพิธีที่รวบรวมสายกรรมฐานของท่านอาจารย์ใหญ่มั่น มาชุมนุมกันร่วมอธิษฐานจิต พระโพธิจักรเป็นเวลา 7วัน7คืน รายนามพ่อแม่ครูอาจารย์ที่ร่วมอธิษฐาน 1. พระอาจารย์สิงห์ ขันตยาโม วัดป่าสาละวัน โคราช 2. หลวงพ่อลี วัดอโศการาม (ประธานในพิธี) 3. หลวงปู่ฝั้น วัดถ้ำขาม 4. หลวงปู่ตื้อ วัดอรัญญวิเวก 5. หลวงปู่กงมา วัดดอยฯ 6. หลวงปู่ชอบ วัดป่าสัมมานุสรณ์ 7. หลวงปู่เทสก์ วัดหินหมากเป้ง 8. หลวงปู่สาม วัดป่าไตรวิเวก 9. หลวงตามหาบัว วัดบ้านตาด 10. หลวงปู่หลุย วัดถ้ำผาบิ้ง 11. หลวงปู่สิม วัดถ้ำผาปล่อง 12. หลวงปู่หลอด วัดใหม่เสนา 13. ท่านพ่อเฟื่อง วัดธรรมสถิต 14. หลวงปู่เจี๊ยะ วัดภูริทัตฯ 15. หลวงปู่ขาว วัดถ้ำกลองเพล 16. เจ้าคุณแดง วัดป่าประชานิยม 17. หลวงปู่ดุลย์ วัดบูรพาราม 18. หลวงปู่อ่อน ญานสิริ 19. หลวงปู่แว่น วัดถ้ำพระสบาย 20. พระอาจารย์จวน วัดภูทอก 21. พระอาจารย์วัน วัดภูผาเหล็ก 22. หลวงปู่ถวิล จิณณธัมโม 23. หลวงปู่จันทร์ เขมปัตโต 24.หลวงปู่มหาปิ่น ชลิโต ฯลฯ ด้านพุทธคุณ พุทธคุณ สูงมาก มหาลาภมหาโภคทรัพย์, เจริญรุ่งเรือง, เสริมดวงชะตาราศรี, ป้องกันภัย เมตตามหานิยม มีคำนิยามว่า "ทองคำ หาง่ายกว่าพระของท่านพ่อลีคง จะไม่กล่าวเกินไปใน พ.ศ. นี้ครับ หลวงพ่อสังกิจโจ ท่าน เป็นลูกศิษย์หลวงพ่อสิริจันโทและหลวงพ่อภัทธราพุทโธ (อ่ำ)เป็นพระสายกรรมฐาน ท่านได้เดินธุดงค์มากับพระอาจารย์ทั้งสองจนมาพบถ้ำที่เขาพระงามจึงได้หยุด ปฏิบัติธรรมและได้รับมอบหมายจากพระอาจารย์ให้ทำนุบำรุง วัดเขาพระงามซึ่งเป็นวัดหลวงให้เจริญต่อไปโดย ปีพ.ศ.2469 ได้สร้างหลวงพ่อใหญ่ ซึ่งต่อมาคือพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่วัดเขาพระงาม ในคราวที่สร้างหลวงพ่อใหญ่ในปี พ.ศ.2469นั้นสร้างด้วยไม้ไผ่ โดย นายช่างที่ควบคุมงานครั้งนั้นคือ พระปลัดลี หรือหลวงพ่อลี วัดอโศการามนั่นเอง ซึ่งต่อมาหลวงพ่อใหญ่ได้ชำรุดทรุดโทรมลงจนต้อง ทำการปฏิสังขรณ์ใหม่ด้วยปูนจวบจนถึงปัจจุบัน สำหรับวัตถุมงคลทุกรุ่นในยุคหลวงพ่อสังกิจโจจะได้รับการปลุกเสกจาก หลวงพ่อภัทธราพุทโธ ( อ่ำ ) วัดมณีชลขัณฑ์และหลวงพ่อสังกิจโจ นอกจากนี้ยังได้รับการอธิฐานจิตจากพระคณาจารย์สายกรรมฐาน เช่นหลวงพ่อลี หลวงปู่ฝั้น อาจาโร ซึ่งมีสายสัมพันธ์ที่แนบแน่นจากสายพระอุบาลีคุณูปกรณ์ ( จันทร์ สิริจันโท ) อีกด้วย
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    สมเด็จหลวงพ่อพระงามให้บูชา 400 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

     
  4. Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,457
    ค่าพลัง:
    +21,326


    หลวงปู่ทวดเปิดโลกวัดป่าดาราภิรมย์ ข้อมูลบอกว่าหลวงตาม้าและครูบาอาจารย์สายกรรมฐานปลุกเสกอธิษฐานจิต ๒ เหรียญ คู่
    ให้บูชา 300 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ


     
  5. Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,457
    ค่าพลัง:
    +21,326

    หลวงปู่สั่งไว้ว่า“ถ้าจะนึกถึงกูให้จุดธูป ๕ ดอกถ้าจะบนให้จุดธูป ๙ ดอก แค่มึงนึกถึงกู เรียก “ปู่” ก็จะสำเร็จ รูปของกู ของๆกูไม่ต้องเสกไม่ต้องทำก็สำเร็จแล้ว”
    #คาถาบูชาหลวงปู่เมฆ
    ว่า นะโม 3จบ
    อิติ สุคะโต อะระหัง เมโฆ สัจจาสะโภ นามะเต ประสิทธิเม
    เอหิ อะโห นะโมพุทธายะ พุทธะสังมิ นะชาลีติ อุอากะสะ มิเตพาหุหะติ อะหังวันทามิ สัพพะทา สัพพะลาภัง ประสิทธิเม
    ***ประวัติ***
    ท่านมีนามเดิมว่า เมฆ สิทธิราชา เกิดเมื่อ วันที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ.2449 ซึ่งตรงกับในรัชสมัยรัชกาลที่ 5 พื้นแพเป็นชาวกรุงเทพ แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี เป็นบุตรของ นายคล้อย และ นางบุญ สิทธิราชา เมื่อ อายุครบ 15 ปี ซึ่งตรงกับ พ.ศ.2464 ได้บรรพชาเป็นสามเณร ที่วัดทัศนารุณสุนทริการาม หรือ วัดตะพาน ซึ่งอยู่ ถนนราชปรารถ ดินแดง แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร โดยมีหลวงพ่อนิตย์เจ้าอาวาสในสมัยนั้น เป็นพระอุปัชชาย์ และ ได้อุปสมบทต่อเป็นพระภิกษุ ที่วัดตะพาน เรื่อยมา
    ท่านได้ศึกษาสมถวิปัสสนากัมมัฎฐาน ตลอดจนพุทธาคม ต่าง ๆ รวมไปถึงการศึกษาตำรายาแผนโบราณ จากหลวงพ่อนิตย์ วัดตะพาน และ ยังได้ศึกษาเกี่ยวกับตำรายาต่างๆ จากหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค อยุธยา ซึ่งหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค ได้เชิญ หลวงปู่เมฆ ไปร่วมปลุกเสก วัตถุมงคล บ่อยครั้ง
    ล่วงเลยมา กระทั่ง อายุ 25 ปี ซึ่งตรงกับ พ.ศ.2474 ซึ่งอุปสมบท ครบ 10 พรรษา ท่านจึงได้สึกออกมา และ มีครอบครัว แต่ท่านก็ยังไม่ได้ละทิ้งวิชาต่างๆที่ได้ร่ำเรียนมา ได้ศึกษาเพิ่มเติมทั้งทางด้านพุทธาคมต่างๆ และ ศึกษาเกี่ยวกับยาแผนโบราณเพิ่มเติม โดยออกเดินทางไปทั่วทุกสารทิศ ทั้งใน และ ประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งท่านได้สนใจในวิชา การทำสีผึ้ง และ วิชาการทำปลัดขิกเป็นพิเศษ ซึ่งโดยในการทำวัตถุมงคลของท่านแต่ละครั้ง จะอาราธนาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่นับถือเป็นครูบาอาจารย์ด้วยทุกครั้ง ได้แก่ พ่อท่านขลิก และ หลวงพ่อเหลือ แห่งวัดสาวชะโงก หลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบ หลวงพ่อลี วัดอโศการาม หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า สมเด็จโต วัดระฆัง หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค หลวงพ่อนิตย์ วัดตะพาน สมเด็จในกรมหลวงชุมพร จึงสำเร็จ
    หลวงปู่เมฆ ท่านคอยรักษาช่วยเหลือชาวบ้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องคุณไสย หรือ การรักษาโรคต่างๆจากตำรายาแผนโบราณที่ได้ร่ำเรียนมา แถวบริเวณซอยรางน้ำ แขวงถนนพญาไทย เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร (อนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิ) ซึ่งเป็นที่รู้จักดีในนาม /หมอเมฆ/ จนมีชื่อเสียงโด่งดังไปถึง ฝั่งพระโขนง
    เมื่อหลวงปู่เมฆ อายุได้ 63 ปี ซึ่งตรงกับวันที่10 มกราคม พ.ศ.2513 หลวงปู่เมฆ ได้ทำการอุปสมบท เป็นพระภิกษุ อีกครั้ง ที่วัด นังคัลจันตรี หรือ วัดคลอง 7 ต.ลำลูกกา อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี โดยมี พระครูพิทักษ์ธัญสาร(หลวงพ่อตุ๋ย)วัดนังคัลจันตรี เป็นพรุะอุปัชฌาย์ หลวงพ่อชิด วัดแจ้งลำหิน เป็นพระกรรมวาจาจารย์ (คู่สวด)พระครูสุวรรณพัฒนกิจ (หลวงพ่อทอง สัจจวโร) วัดลำกะดาน เป็น พระอนุสาวนาจารย์(คู่สวด) โดยมี ขุนพุ่ม ค้ำประกันในการบวชให้ แล้วมาจำพรรษาที่วัดลำกะดาน โดยได้รับฉายาว่า สัจจาสโภ
    หลวงปู่เมฆ สัจจาสโภ ท่าน ได้ถึงแก่มรณะภาพ เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2534 เวลา 06.45 น.รวมศิริอายุ ได้ 85 ปี ปัจจุบัน สังขารหลวงปู่เมฆบรรขุอยู่ในโลงแก้ว ที่วัดลำกะดาน จนถึงปัจจุบัน
    ในอดีต หลวงปู่เมฆ วัดลำกะดาน ได้สร้างปลัดขิก โดยสร้างจากไม้เขยตาย ซึ่งมีสรรพคุณ ในตัว คือ รักษาพิษงู อาการอื่น ๆ เช่น อาการปวดท้องประจำเดือน และ รักษาพิษแมลงกัดต่อย ซึ่งเป็นภูมิปัญญาโดยผสมผสานระหว่างพืชสมุนไพร กับ เครื่องรางของขลัง ของหลวงปู่เมฆ ทำให้พกพาไปไหนได้สะดวก ซึ่งจะทำให้รักษาได้ทันท่วงที เพราะมีปลัดขิกหลวงปู่เมฆ ติดตัวไปตลอดเวลา
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    พระผงรูปเหมือนหลวงปู่เมฆวัดลำกระดานปิดทองเดิมจากวัดให้บูชา 300 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

     
  6. Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,457
    ค่าพลัง:
    +21,326

    กสิณไฟเหนือฟ้า
    พระครูสิริธัชสมาจารย์(หลวงปู่บุญตา วิสุทธสีโล) วัดคลองเกตุ อ.โคกสำโรง จ.ลพบุรี
    มีนามเดิมว่า บุญตา นามสกุล พาซื่อ โยมบิดาชื่อ นายอุด โยมมารดาชื่อ นางทุม พาซื่อ
    เกิดที่บ้านโนนสะคาม จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2449
    ท่านมีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน 4 ท่าน คือ
    1. นายอ้วน พาซื่อ
    2. นายรุณ พาซื่อ
    3. นางลา พาซื่อ
    4. หลวงปู่บุญตา วิสุทธสีโล
    เมื่ออายุได้ 3 ขวบ บิดาย้ายถิ่นฐานไปอยู่บ้านพระเสาร์ อ.มหาชนะชัย จ.ยโสธร
    ชีวิตในวัยเยาว์อายุ 12 ปี ได้ศึกษาภาษาไทย ณ วัดพระเสาร์ จนถึงชั้น ป. 3 จึงออกมาช่วยบิดามารดาทำนา
    จนกระทั่งอายุ 16 ปี บิดามารดาพาย้ายถิ่นฐานไปอยู่บ้านจาน อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์
    และได้ย้ายไปอยู่บ้านหนองมะนาว ต.ขอนแก่น อ.สำโรงทาบ จ.สุรินทร์
    จนอายุได้ 23 ปี มารดาก็เสียชีวิต ท่านจึงได้บวชหน้าไฟเพื่อทดแทนคุณมารดา
    ท่านอุปสมบทเมื่อวันที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2472 ที่วัดหนองม้า ต.หนองฮะ อ.ศรีขรภูมิ จ.สุรินทร์
    โดยมีพระอธิการกลัด เจ้าอาวาสวัดสะเม็ด เป็นพระอุปัชฌาย์
    พระอาจารย์กา วัดสะเม็ด เป็นพระกรรมวาจา
    พระอธิการเผือ วัดบ้านเครือ เป็นพระอนุสาวนาจารย์
    ท่านได้รับฉายาว่า "วิสุทธสีโล" แปลว่า "ผู้มีศีลอันบริสุทธิ์"
    เมื่อบวชแล้วได้จำพรรษาอยู่กับพระอาจารย์กลัด พระอุปัชฌาย์ในวัดสะเม็ด
    ได้เริ่มเรียนการปฏิบัติกัมมัฏฐานอย่างจริงจังกับผู้เป็นอุปัชฌาย์
    พร้อมกับเรียนพระปริยัติธรรมควบคู่ไปด้วยและก็สอบได้นักธรรมชั้นตรีในพรรษาแรก
    เมื่อจิตใจพึงพอใจอยู่กับความสงบประกอบกับหลวงปู่ท่านได้สมาธิแล้ว
    ก็ทำให้เกิดความเบื่อหน่ายที่จะต้องอยู่กับสิ่งแวดล้อมแห่งผู้คน
    จึงขออนุญาตพระอาจารย์กลัดแสวงหาครูบาอาจารย์สอนวิชา
    โดยไปจำพรรษาที่วัดกลาง จังหวัดบุรีรัมย์
    เพราะทราบว่ามีครูบาอาจารย์ดีในวัดหลายองค์
    ท่านจึงได้ศึกษาวิชาต่างๆ หลายแขนงทั้งทางด้านปฏิบัติธรรม ด้านคาถาอาคม
    ไสยศาสตร์ แต่เนื่องจากวิชาอาคมต่างๆ ส่วนใหญ่เป็นภาษาขอมท่านจึงคิดที่หาที่เรียนภาษาขอม
    จึงเดินทางไปยังวัดเขื่องใน จังหวัดอุบลราชธานี
    เรียนภาษาบาลีและอักขระขอม ใช้เวลาเรียนอยู่ 4 ปีเต็มจนแตกฉานในภาษาบาลีและอักขระขอม
    จบแล้วจึงไปจำพรรษาที่วัดพระเสาร์เป็นเวลา 3 พรรษา
    และท่านก็ปรารถนาจะกราบนมัสการพระธาตุพนม ซึ่งไม่เคยไปมาก่อน
    ท่านจึงออกเดินทางธุดงค์ไปยังวัดพระธาตุพนม ค่ำไหนก็ปักกลดที่นั่น
    ทำการสำรวจจิตใจด้วยตนเอง ทบทวนด้วยเรื่องของสังขารอยู่ในป่าทึบ
    จนกระทั่งถึงวัดพระธาตุพนม และอยู่ที่วัดพระธาตุพนม 7 วัน
    จากนั้นออกธุดงค์ต่อไปทางจังหวัดเชียงใหม่ไปพักอยู่วัดอุโมงค์
    เป็นวัดที่พระชาวศรีลังกามาสอนธรรมะ
    ท่านอยู่ที่นั่น 15 วัน ก็ธุดงค์ต่อไปทั่วภาคเหนือและภาคอิสาน
    ปี พ.ศ. 2474 หลวงปู่เดินธุดงค์อยู่เชียงใหม่
    ท่านทราบว่าเจ้าคุณอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจนฺโท) แสดงธรรมอยู่ที่วัดเจดีย์หลวง
    ท่านดีใจมากที่จะได้พบพระสุปฏิปันโน
    และท่านก็ได้รับความเมตตาชี้แนะแนวทางธรรม
    หลังจากนั้นท่านจึงธุดงค์ไปวัดป่าสาลวัน จ.นครราชสีมา
    ไปฝากตัวเป็นศิษย์หลวงพ่อเสาร์ กันตสีโล
    ซึ่งหลวงพ่อเสาร์ ท่านเชี่ยวชาญเรื่องปัฏฐวีกสิณ เตโชกสิณ อาโปกสิณ และวาโยกสิณ
    หลวงพ่อเสาร์ท่านได้เมตตาสอนปัฏฐวีกสิณให้
    โดยนำดินมาปั้นเป็นก้อนกลมๆ ขนาดเท่าหม้อใหญ่และขนาดขันน้ำ โดยมองให้เห็นอยู่อย่างนั้น
    แล้วลืมตามาเพ่งใหม่คือ การเพ่งดินเป็นอารมณ์ และในการฝึกนั้นจะมีพระมหาปิ่น ปญฺญาธโร
    และพระอาจารย์สิงห์ ขันตคยาโม เป็นผู้เข้มงวดในการฝึก
    จนกระทั่งหลวงปู่บุญตา เข้าถึงปฐวีกสิณอย่างรวดเร็วกว่าศิษย์ท่านอื่นๆ
    จากนั้นท่านจึงกราบลาหลวงพ่อเสาร์ และพระมหาปิ่น ธุดงค์มาทางจังหวัดลพบุรี
    และมาพักอยู่วัดพรหมมาสตร์ มาอยู่กับหลวงพ่อพุทธวรญาณได้ศึกษาธรรมะอยู่ 1 พรรษา
    จากนั้นจึงเดินทางเข้าไปกรุงเทพฯ ไปอยู่วัดมหาธาตุ
    พร้อมกับปฏิบัติธรรมกัมมัฏฐานกับพระเทพสิทธิมุนี ภาวนายุบหนอ พองหนอ
    เพ่งสติให้เป็นมหาสติปัฏฐาน ปฏิบัติได้ 2 เดือนเศษก็มีความชำนาญและช่ำชองอย่างรวดเร็ว
    ออกจากวัดมหาธาตุ ย้อนกลับไปยังจังหวัดนครสวรรค์
    ได้ฝากตัวเป็นศิษย์หลวงพ่อเดิม พุทธสโร แห่งวัดหนองโพ ได้ศึกษาวิชากับหลวงพ่อเดิมหลายอย่าง
    เช่น การสร้างมีดหมอเทพศาสตราตามตำรับเดิมแท้ ฯลฯ
    และท่านได้ไปเรียนวิชากับหลวงพ่อทองวัดเขากบ ซึ่งท่านมีชื่อเสียงในการเล่นแร่แปรธาตุ
    จากนั้นได้เข้าศึกษาพระธรรมที่วัดศรีษะเมือง หรือวัดนครสวรรค์ ซึ่งมีชื่อเสียงทางปริยัติธรรม
    หลวงปู่บุญตาจึงได้ศึกษาจนสำเร็จนักธรรมชั้นโทและนักธรรมชั้นเอก
    ท่านอยู่ที่ในนครสวรรค์ 4 พรรษา จากนั้นก็กลับมาลพบุรี มาจำพรรษาอยู่ที่วัดหนองบัว ต.คลองเกตุ
    อ.โคกสำโรง จ.ลพบุรี และได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาส ในปี 2483
    ท่านอยู่ที่วัดหนองบัว 3 พรรษา จากนั้นจึงกลับไปเยี่ยมภูมิลำเนาเกิด โดยไปจำพรรษาที่วัดพระเสาร์
    เป็นเวลา 3 พรรษา จากนั้นก็กลับมาเป็นเจ้าอาวาสวัดหนองบัวอีกครั้งหนึ่ง
    ในการอยู่วัดหนองบัวท่านก็ได้โน้มน้าวจิตใจของญาติโยมเข้าวัดปฏิบัติธรรม
    ควบคู่ไปกลับการสอนปริยัติธรรมให้กับพระภิกษุสามเณร
    รวมทั้งเป็นที่พึ่งของญาติโยมในภาวะเจ็บไข้ท่านก็ใช้พลังอำนาจทางจิตทำการรักษา
    รวมทั้งผู้ที่ถูกคุณไสยมนต์ดำ หลวงปู่สยบมาแล้วทั้งนั้น
    ชื่อเสียงด้านการสอนธรรมะและปฏิบัติธรรมของหลวงปู่ ทำให้ผู้ใหญ่ระดับสูงในอำเภอโคกสำโรง
    อาราธนานิมนต์ไปยังอารามแห่งใหม่
    ท่านอยู่วัดหนองบัวครั้งหลัง 3 พรรษา ปี 2492 ก็ได้รับคำสั่งให้ไปปกครองวัดสิงห์คูยาง
    ซึ่งอยู่ใจกลางชุมชนตลาดอำเภอโคกสำโรง ท่านพัฒนาวัดสิงห์คูยาง จนก้าวหน้า
    และได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งพระครูสังฆรักษ์บุญตา พระฐานานุกรมของพระกิตติญาณมุนี
    (พระพุทธวรญาณ) เจ้าคณะจังหวัดลพบุรี รวมระยะเวลาปกครองวัดสิงห์คูยาง 23 พรรษา
    ขณะที่ท่านพำนักอยู่วัดสิงห์คูยางนั้นท่านเดินทางสู่วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์
    เพื่อขอรับการฝึกปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐานตามแนวทางของพระธรรมธีราชมุนี (โชดกญาณสิทธิ ป.ธ.9)
    ในรุ่นที่ 3 และได้รับการยกย่องจากพระเดชพระคุณ พระพิมลปัญญาว่า เป็นพระวิปัสสนาจารย์ชั้นเยี่ยม
    เพราะเข้าสมาธิได้เป็นที่ 1 สามารถทำให้ร่างกายไม่ไหวติงนานนับ ถึง 1 วัน 1 คืน
    ถึงขั้นมีผู้ทดสอบยกร่างของท่านจากที่เดิมไปที่แห่งใหม่ โดยที่ท่านั่งของท่านยังคงเดิมไม่ไหวติง
    เพราะหลวงปู่ท่านเข้าถึงสภาวะจิตขั้นสูงแล้ว
    วัดคลองเกตุ ต.คลองเกตุ อ.โคกสำโรง ถึงยุคเสื่อมโทรมร้างเจ้าอาวาส
    ชาวบ้านตำบลคลองเกตุได้พร้อมใจกันไปขอร้องท่านผู้ใหญ่ในอำเภอ
    ขออาราธนานิมนต์ไปปกครองวัดคลองเกตุไปเป็นหลักของชาวบ้านคลองเกตุ
    เพราะความศรัทธาที่มีต่อท่านตั้งแต่ครั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดหนองบัว ซึ่งอยู่ในตำบลเดียวกัน
    คณะสงฆ์ผู้ใหญ่ได้สอบถามหลวงปู่ หลวงปู่ก็ตอบตกลงเพราะว่าวัดสิงห์คูยางเจริญแล้ว
    และอยู่กลางอำเภอ และเห็นว่าวัดคลองเกตุเงียบสงบ
    เหมาะแก่การเจริญภาวนา ปฏิบัติธรรม ท่านจึงตอบตกลงทันที
    วันที่ 25 มกราคม 2514 ขบวนชาวบ้านคลองเกตุ ได้จัดขบวนไปรับหลวงปู่ถึงวัดสิงห์คูยาง
    เพื่อไปดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดคลองเกตุ ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา
    หลวงปู่ท่านก็ได้ไปบริหารจัดการและพัฒนาจนเจริญก้าวหน้าจนเป็นวัดคลองเกตุในปัจจุบัน
    หลวงปู่บุญตาท่านมีความช่ำชองในการเพ่งกสิณไฟเป็นพิเศษ
    ถึงขนาดที่กำหนดจิตเสกพระให้แก่ผู้ศรัทธาเพียงชั่วอึดใจ
    พระที่ท่านเสกให้ถึงกับร้อนจัดขึ้นทันที
    และที่น่าอัศจรรย์คือมีผู้ห้อยพระของท่านถูกฟ้าผ่า แต่รอดตายได้อย่างปาฏิหารย์
    วัตถุมงคลของท่านทุกรุ่น ประสบการณ์เพียบ....เรื่องแคล้วคลาด ปลอดภัย โชคลาภ
    มีพูดคุยปากต่อปากของลูกศิษย์ของท่านไม่ขาดปากตลอดจนถึงปัจจุบันนี้
    และวัตถุมงคลของท่านไม่มีวางให้เห็นตามแผงพระทั่วไป เพราะลูกศิษย์เห็นจะเก็บไว้หมด
    นานๆ ทีจึงจะเห็นวัตถุมงคลของท่านออกมาให้เห็นตามตลาดพระบ้าง
    กสิณไฟเหนือฟ้า วาจาสิทธิ์
    ลูกศิษย์ของหลวงพ่อบุญตา ทั้งใกล้และไกลได้ประจักษ์ถึงคุณวิเศษของท่านคือ วาจาสิทธิ์
    ถ้อยคำที่ท่านพูดออกไปนั้นมักเป็นความจริงเสมอ จนได้รับการยกย่องว่า หลวงปู่บุญตาวาจาสิทธิ์
    หลวงปู่ท่านเป็นพระกัมมัฏฐานที่มีจิตใจสะอาดมองโลกในงแง่ดีเสมอ
    กายวาจาและจิตใจของท่านบริสุทธิ์จริงไม่มีการพลั้งเผลอขาดสติ
    จิตใจแน่วแน่อยู่ในพุทธคุณ วาจาที่กล่าวออกมาจึงบังเกิดความศักดิ์สิทธิ์
    เป็นที่รู้กันไม่ว่าหลวงปู่จะพูดอะไรก็เป็นไปอย่างนั้น จะทักใครให้อยู่ดีมีความสุข
    คนนั้นก็จะเป็นไปตามที่หลวงปู่พูด คนเกเรข่มเหงไม่ว่าผู้เฒ่าผู้เฒ่าผู้แก่ระรานเขาไปทั่ว
    เมื่อหลวงปู่ทราบก็จะสั่งสอนให้กลับเนื้อกลับตัวเสียใหม่
    ให้ปฏิบัติแต่ในสิ่งที่ดีงามก่อนจะสาย หากคนนั้นรับปากแล้วไม่กระทำตามหรือดูหมิ่น
    ในคำสอนของหลวงปู่ก็จะต้องได้รับความวิบัติจนถึงหายนะไปในที่สุดดังที่ประจักษ์กันมาแล้ว
    คำพูดของท่านที่ลูกศิษย์ได้ยินเสมอคือ ช่างเขาเถอะ
    หลวงปู่ท่านเป็นผู้ที่ให้เสมอ ผู้ใดขออะไร ท่านก็มีแต่ให้ ท่านมักพูดน้อย
    วาจาไพเราะ ผิวพรรณผ่องใสงดงาม ผู้ที่เข้ามากราบท่าน พบท่านแล้วจะเกิดความเลื่อมใสเป็นอย่างยิ่ง
    สิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของท่านก็คือ การเพิ่มพลังกำลังใจให้แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยาก
    หรือที่ภาษาของชาวบ้านเรียกว่า ต่ออายุหรือต่อชะตา
    ชาวบ้านใกล้ไกลจะมาให้ท่านสงเคราะห์อยู่อย่างสม่ำเสมอ คนป่วยที่ว่าไม่น่ารอด
    ไปหาหมอไหนๆ ก็ส่ายหน้า แต่ถ้ามากราบนิมนต์ให้ท่านทำหรือแนะนำให้ไปปฏิบัติ
    ก็จะหายจากอาการที่เป็นอยู่ และจะดีขึ้นในวันต่อมา เป็นความมหัศจรรย์จริงๆ
    หลวงปู่ท่านจะอบรมสั่งสอนให้ศิษย์เป็นคนดีหนีทุกข์ยากได้สำเร็จ
    ดั่งคำพูดของท่านว่า "อาตมาเป็นพระภิกษุสงฆ์ บวชแล้วได้อาศัยอาหารของชาวบ้าน
    เลี้ยงตัวตนจึงนับด้วยพระคุณ ดุจทองคำอันมีค่า
    แต่ยังด้อยกว่าข้าวเพียงหนึ่งคำที่ฉันผ่านลำคอ
    ดังนั้น แม้เวลาใดขณะใดญาติโยมมาหา อาตมาก็ต้องต้อนรับขับสู้ด้วยจิตที่มีเมตตายินดี"
    หลวงปู่ท่านได้เมตตาอบรมความคิดคติธรรมคำพรประสิทธิ์แด่ลูกศิษย์ ดังนี้
    1. ให้ทำความสงบทางจิตใจ
    2. ให้ขยันหมั่นเพียร
    3. อย่าเกียจคร้านให้สร้างเนื้อสร้างตัวโดยเร็ว
    4. ให้ทำตัวเป็นคนดี จะได้หลุดพ้นความยากจนและความทุกข์
    5. มีให้เกินใช้ มีมากใช้น้อย
    6. ได้ให้เกินเสีย คือทำงานมีเงินควรเก็บไว้แต่เวลาใช้ก็อย่าใช้มากให้ประหยัด
    7. คบเพื่อนที่ดี เพื่อนที่แนะนำไปในทางที่ดี
    8. สวดมนต์ภาวนา สร้างกุศลเพื่อหลุดพ้นภพชาติ
    ขอให้ญาติโยมทุกคนหมั่นเจริญภาวนาหาเหตุผลแยกแยะความดีความชั่ว
    ดูให้ออกมองให้เห็นและหมั่นทำความดีรักษาศีล เจริญธรรม
    ชีวิตที่อับเฉาของญาติโยมก็จะดีขึ้นมีความสุขขึ้น
    เพราะพระธรรมย่อมนำความสุขสงบความร่มเย็นมาให้
    สมัยก่อนมีลูกศิษย์ได้ถามหลวงปู่บุญตาว่า ทำไมฟ้าจึงผ่าคนแล้วไม่ตายครับ
    หลวงปู่ตอบว่า ฟ้าคงจะทดลองบุญบารมีเขากระมัง
    ลูกศิษย์ท่านนั้นก็ถามว่า ทดลองบารมีใครหรือครับ
    หลวงปู่ตอบกลับไปว่า ลองสวดมนต์บ่อยๆ นั่งกัมมัฏฐานเรื่อยๆ นะ เดี๋ยวก็จะรู้เอง
    ลูกศิษย์คนนั้นก็ได้แต่รับปากว่า...ครับ...หลวงปู่...
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    สมเด็จปรกโพธิ์เสก ๒๓ พรรษาและรูปหล่อมหาอุตย์เสาร์๕ หลวงปู่บุญตา
    ๒ องค์ ให้บูชา 350 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  7. Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,457
    ค่าพลัง:
    +21,326

    เหรียญหลวงปู่ฉาบวัดคลองจันทร์หลังพญาฉัตรทันต์
    ผ้ายันต์ข้าง กับเหรียญพระพิฆเณศ
    หลวงปู่ฉาบ วัดคลองจันทน์
    เกจิอาจารย์อายุเกือบร้อยปี ผู้สร้างยันต์ข้างจนขลัง
    โดย…รักษ์ มีแสง
    “โจรงัดบ้าน กวาดทรัพย์สินเกลี้ยง”
    พาดหัวข่าวแบบนี้มีให้เห็นบ่อย ๆ
    ลำพังชาวบ้านอย่างเราจะพึ่งแต่เจ้าหน้าที่ตำรวจเห็นจะไม่ไหว แต่เรื่องนี้น่าเห็นใจอยู่เพราะอัตรากำลังมีไม่พอต่ออัตราพลเมือง
    หลวงปู่ฉาบท่านทราบถึงข้อนี้ดี โดยเฉพาะตามท้องถิ่นบ้านไกล ต้องอาศัยการดูแลตนเองเป็นใหญ่ ท่านจึงสร้างผ้ายันต์ช้างหรือพญาฉัตรทันต์ เพื่อหวังให้เป็นยามเฝ้าบ้านหรือเป็นมหาอำนาจให้ผู้ประสงค์ร้ายยำเกรง
    ช่างเป็นเหตุบังเอิญจริงๆ เพื่อนผมคนหนึ่งได้พบท่านโดยไม่ได้ตั้งใจ รถคู่ชีพควบวกวนไปมาบนถนนลูกรังเล็ก ๆ เล่นเอาใจหายใจคว่ำ เพราะเส้นทางดังกล่าวแทบไม่พบบ้านเรือนผู้คน สองข้างถนนเต็มไปด้วยป่าหญ้า บางตอนของถนนคือหลุมที่เกิดจากฝน ซึ่งล้วนเป็นองค์ประกอบที่ถนนกันดารจะพึงมีเมื่อสมัย 6-7 ปีที่ผ่านมา
    สุดท้ายได้พลัดหลงเข้าสู่ตำบลห้วยงู ความตั้งใจที่จะเดินทางไปหาเกจิอาจารย์รูปหนึ่งสายหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ ที่ มีชื่อเสียงทางด้านมีดหมอก็เขวออกไปนอกเส้นทาง ถามชาวบ้านละแวกตำบลห้วยงู ก็ไม่ปรากฏว่ามีใครรู้จักเกจิฯ รูปนั้น คงบอกเป็นเสียงเดียวว่าในตำบลนี้มีหลวงปู่ฉาบอยู่องค์เดียวเท่านั้น หลวงพ่อหลวงปู่อื่นไม่มี จึงตัดสินใจมุ่งไปกราบหลวงปู่ฉาบแทน
    พระครูเกษมชัยคุณ คือนามสมณศักดิ์ ส่วนฉายาคือ เขมจิตโต ปัจจุบันหลงปู่ฉาบ มีอายุได้ 94 ปี บวชมาแต่ พ.ศ. 2470 เรียวิชาอาคมมาจากอาจารย์หลายองค์หลายสำนัก เช่น วิชาฝังเข็มเรียนมาจากหลวงปู่อินทร์ วิชาน้ำมันเรียนมาจากหลวงปู่ดำ วัดโคกหม้อ นครสวรรค์ ฯลฯ
    ครั้นพบหลวงปู่ฉาบแล้ว เพื่อนของผมมีศรัทธาฝากตัวเป็นศิษย์มาแต่นั้น
    เมื่อปี 2518 หลวงปู่ฉาบได้สร้างผ้ายันต์ข้างเป็นครั้งแรกและก็หมดไปแล้วอย่างรวดเร็ว พร้อมประสบการณ์อันมากมายที่ผู้ได้รับผ้ายันต์ข้างต่างกล่าวขวัญถึง โดยเฉพาะเรื่องการเฝ้าบ้าน ค้าขาย และอยู่ยงคงกระพัน ทุกคนที่ยังไม่ได้รับผ้ายันต์ต่างร่ำร้องหาอยู่ไม่คลาย
    เสาร์ 5 ปี 2536 คือการอุบัติของผ้ายันต์ รุ่น 2 โดยรักษารูปแบบเดิมของผ้ายันต์รุ่นแรก และมีสองสีคือ แดงกับขาว ซึ่งไม่ว่าผู้ใดเห็นผ้ายันต์แล้วมักชื่นชอบ เพราะดูราวกับว่าช้างจะมีชีวิตชีวา มีวิญญาณ และหากใครได้บูชาถวายกล้วย น้ำ สัปดาห์ละครั้งตามตำราช้างก็แทบจะมีชีวิตขึ้นมาจริง ๆ
    หลวงปู่ฉาบจึงมักกล่าวในยามประสิทธิผ้ายันต์แก่ใคร ๆ
    “ถ้าได้ยินเสียงร้องของช้างอยู่ในบ้าน ก็อย่าตกใจ”
    เพื่อนผมคนนี้เจอเหตุการณ์แปลกๆ เกี่ยวกับผ้ายันต์คราวที่ได้รับมาใหม่ ๆ โดยได้กลิ่นมูลช้าง อบอวลอยู่ในบ้านหลายวัน อดแปลกใจไม่ได้ว่ากลิ่นมูลช้างมาจากที่ใด ครั้นไปตรวจดูที่หิ้งพระก็ได้กลิ่นโชยเข้าจมูกเป็นระยะ ด้วยความสงสัยจึงเปิดถุงห่อผ้ายันต์ดูพบว่ากลิ่นนั้นออกมาจากผ้ายันต์นี่เอง จากวันนั้นเป็นต้นมา ผ้ายันต์ได้นำไปใส่กรอบขึ้นหิ้งบูชาแทนที่จะเก็บไว้ในถุงพลาสติกอย่างเดิม
    อีกรายหนึ่ง ชื่อ นายยอด มีกลอง บ้านอยู่หลังวัดดอนตูม ราชบุรี เล่าว่าต้องตื่นขึ้นมากลางดึกเพราะได้ยินเสียงช้างร้องหลายครั้ง นายยอดบอกว่าได้ปลุกภรรยาให้ตื่นขึ้นมาฟังด้วยกัน ภรรยาจึงเป็นพยานร่วมเหตุการณ์อีกคนหนึ่ง
    นายทิพย์ บ้านอยู่บึงกระจับ ราชบุรี ปัจจุบันทำงานในอู่ต่อรถบัสขนาดใหญ่แห่งหนึ่งในอำเภอบ้านโป่ง ได้รับผ้ายันต์มาคราวเดียวกันกับนายยอด ได้เล่าว่า ได้ให้ผ้ายันต์แก่พ่อตาไปผืนหนึ่ง ซึ่งพ่อตานายทิพย์เป็นคนมีเพื่อมาก มักชุมนุมกันตั้งวงเหล้าตอนเย็นทุกวัน และก็เช่นเคยในเย็นวันหนึ่ง วงเหล้าเอิกเกริกด้วยเพื่อนฝูงมากันมาก ฝนก็ตกลงมาห่าใหญ่ วงเหล้ายิ่งออกรสเรื่อย ๆ จนในที่สุดเหล้าก็เป็นเหตุให้คนดื่มเกิดมีปากเสียงกัน บรรยากาศเคร่งเครียดจนต้องหาวิธียุบวงลงในที่สุด
    พ่อตานายทิพย์ ซึ่งมีเรื่องกับคนข้างบ้านที่มานั่งดื่มด้วยกันก็เข้านอน ก่อนนอนก็กราบผ้ายันต์ช้างเสียหน่อย ตกดึกไม่รู้เวลาอะไรฝนก็ยังตกหนักไม่หยุด พ่อตานายทิพย์รู้สึกตัวตื่นขึ้นได้ยินเสียงเดินหนัก ๆ บนบ้านด้วยความกลัวก็คิดไปว่าท่านจะเป็นช้างหลวงพ่อฉาบเสียกระมัง จึงหลับตาตลอดไม่ยอมลืมตา คงเปิดแต่หูจับสังเกตเสียงนั้นทุกระยะ ซึ่งเสียงเดินหนัก ๆ ก็มาหยุดที่หัวนอน พร้อมกับได้ยินเสียงแชะ แชะ เหมือนกับเสียงปืนไม่มีกระสุน ใจก็หวั่นอยู่แต่เรื่องช้างเพราะลูกเขยได้เกริ่นให้ทราบมาก่อนเสียงอะไรจะ ดังยังไงก็ไม่ลืมตาจนเสียงทุกเสียงเงียบหายไปและผลอยหลับต่อไปจนแจ้ง
    ตื่นขึ้นมาตอนเช้าพ่อตานายทิพย์ก็ตกใจที่เห็นรอยเท้าคน เต็มหัวนอน ขนก็ลุกชันทันที รู้ว่าเมื่อคืนถูกลอบยิงเข้าแล้ว
    อาจารย์วัดบ้านเชี่ยน ชัยนาท เคยบอกว่าผ้ายันต์ช้างหลวงปู่ฉาบกันปืนได้ นี่เห็นจะจริงดังท่านพูด
    ผมไม่แน่ใจว่าที่วัดจะยังมีผ้ายันต์ช้างเหลืออยู่หรือไม่ หากต้องการติดต่อกับทางวัดให้ลองสอบถามไปตามที่อยู่นี้
    วัดคลองจันทน์ ต.ห้วยงู อ.หันคา จ.ชัยนาท
    ที่วัดท่านยังมีเหลือแน่นอนคือ เหรียญพิฆเนศหลังยันต์ช้าง ซึ่งวัดจำหน่ายเหรียญละ 50 บาท มีดหมอ เล่มละ 500 บาท พระปิดตายันต์ยุ่ง องค์ละ 100 บาท พระพุทธลีลา องค์ละ 100 บาท
    6349370416489100001
    ใครจะคิดเห็นอย่างไรกับหลวงปู่ฉาบก็ตามเชื่อได้สนิทใจว่าท่านไม่ใช่พระโปรโมทก็แล้วกัน
    กองสอดแนม รักษ์ มีแสง ได้สอดแนมหลวงปู่ฉาบมาแต่เพียงเท่านี้
    มีที่จะต้องขยายความสักเล็กน้อยว่าเหรียญพิฆเนศนั้นหลวงปู่ฉาบได้กล่าวว่ามี คุณขลังเช่นเดียวกับผ้ายันต์ช้างทุกประการ ถ้าหากว่าผ้ายันต์หมดลงไปแล้ว เหรียญพิฆเณศใช้แทนได้ ดูเหมือนจะเป็นเหรียญพิฆเนศรุ่นแรกของหลวงปู่ฉาบอีกด้วย
    ขอให้ได้รับเหรียญพิฆเณศโดยไม่มีอุปสรรคทุก ๆ คน
    เอาใจช่วยได้แค่นี้แหละครับ….
    ตีพิมพ์ครั้งแรกใน นิตยสารศักดิ์สิทธิ์ ประมาณปี 2537-2538
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    มีไม่กี่องค์ในที่สำเร็จวิชาและทำผ้ายันต์พญาฉัตรทันต์ เหรียญรุ่นนี้ ของท่าน ก็หลังพญาฉัตรทันต์ ให้บูชา 270 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)

     
  8. Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,457
    ค่าพลัง:
    +21,326

    ประวัติ หลวงปู่ พระครูแป๋ว (พระครูปัญญาวิมล) ที่ปรึกษาเจ้าคณะตำบล เป็น พระอุปัชฌาย์ อายุ ๘๕ปี บวชตั้งแต่ อายุ ๒๐ ปี พ.ศ. ๒๔๙๖ กับพระราชสิงหมุนี พระครูรัตนาธาร(หลวงพ่อเยื้อน)
    พรรษาแรก "หลวงพ่อแป๋ว" อยู่กับหลวงพ่อเชน วัดสิงห์ ร่ำเรียนวิชา ทำตะกรุด ต่อมา ไปเรียนกับหลวงพ่อกวย สักหนุมาน แผลงฤทธิ์ สักธนูมือ สักมงกุฎพระเจ้า (หลังเหรียญรุ่นแรก) ป้อนน้ำมันงาให้ท่านรูปเดียว ตั้งแต่ปี 2498 หลวงพ่อกวยเอ่ยปากยอมรับว่า "อื้อใช้ได้ใช้ได้ทำเหมือนหลวงพ่อแล้วนี่" ปกติหลวงพ่อกวยไม่ยอมรับใครง่ายๆ
    ต่อมาไปหา "หลวงพ่อทอง วัดพระปรางค์" ศิษย์ "หลวงพ่อศรี วัดพระปรางค์" เรียกหลวงพ่อทองว่า "พ่อ" ปี 2513
    ปี 2517 หลวงพ่อกวยมาเสกพระให้ถึงโบสถ์วัดดาวเรือง หลวงพ่อกวยบอกว่า "ให้พระครูทำบ่อยๆ ทำทุกวันทั้งยืนเดินนั่งนอนกรรมฐานอย่าทิ้ง เมื่ออายุ 70 ปีขึ้นไป ทำได้ขลังเหมือนข้าฯ ” ถึงวันนั้น พระครูแป๋วไม่เป็นสองรองใคร
    เหรียญรุ่นแรก หลวงปู่แป๋ว วัดดาวเรือง
    ยุคสมัยนี้จะหาพระดี พระที่ทำของขลังอย่างพระครูแป๋วเป็นไม่มี
    1.ในสาย หลวงพ่อศรีวัดพระปรางค์ ที่เป็นอาจารย์ของหลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง เป็นอาจารย์ของหลวงพ่อกวย วัดบ้านแค เป็นอาจารย์ของหลวงพ่อทอง วัดพระปรางค์ หลวงพ่อแป๋วองค์นี้ ท่านสืบวิชาผ่านทางหลวงพ่อทอง วัดพระปรางค์ วิชาตำรับโบราณ
    2.ในสาย หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า หลวงพ่อแป๋วองค์นี้ก็ได้มา ผ่านทางหลวงพ่อกวย วัดบ้านแค
    3.ในสาย หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน หลวงพ่อแป๋วองค์นี้ก็ได้มา ผ่านทางหลวงพ่อเชน วัดสิงห์
    4.ในสายหลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา มนต์จินดามณี หลวงพ่อแป๋วองค์นี้ก็ได้มา ผ่านทางหลวงพ่อกวย วัดบ้านแค
    5.ในสายหลวงพ่อเฒ่า วัดค้างคาว ยันต์ค่ายกล หลวงพ่อแป๋วองค์นี้ก็ได้มา ผ่านทางหลวงพ่อกวย วัดบ้านแค
    6.ในสายหลวงพ่อเดิม วัดหนอิงโพธิ์ สารพัดวิชา หลวงพ่อแป๋วองค์นี้ก็ได้มา ผ่านทางหลวงพ่อกวย วัดบ้านแค
    คนเมืองสิงห์รู้ดีว่า พระของพระครูแป๋ววัดดาวเรือง มีปาฏิหาริย์แค่ไหน “หลวงพ่อแป๋ว ออกเหรียญ รุ่นแรก ตั้งแต่ ปี ๒๕๒๖ เดี๋ยวนี้ ครึ่งหมื่น” “หลวงพ่อแป๋ว ทำตะกรุด คงกะพัน แคล้วคลาดชั้น ๑ ของเมืองสิงห์” “หลวงพ่อแป๋ว ทำผ้าขอด ๙ ขอด กันได้แม้กระทั้ง เทวดา เกเร ผีใจร้าย” “หลวงพ่อแป๋ว ทำแหวนพิรอด หัวตะกร้อ กันเขี้ยวงา งูอ้าปากไม่ขึ้น หมากัดไม่เข้า ตะขาบกัดไม่บวม ปลิงแกะลื่น” “หลวงพ่อแป๋ว ทำผ้ายันต์ กันไฟ ตอนไฟไม่โบสถ์ มีคนเห็นยันต์เป็นเส้นสีแดง คลุมวัด แต่กฎของกรรม ฝืนไม่ได้ เทวดา มาช่วยสร้างโบสถ์ เสร็จไม่ถึง 2 ปี” ประวัติ หลวงพ่อแป๋ว พระครูปัญญาวิมล เป็น เจ้าคณะตำบล เป็น พระอุปัชฌาย์ อายุ ๗๗ ปี บวชตั้งแต่ อายุ ๒๐ ปี พ.ศ. ๒๔๙๖ กับพระราชสิงหมุนี พระครูรัตนาธาร(หลวงพ่อเยื้อน) และ พระมหาจำลอง เป็นพระอนุสาวนาจารย์


    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ


    รูปหล่อแหลวงพ่อแป๋ววัดดาวเรือง
    ให้บูชา 220 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

     
  9. Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,457
    ค่าพลัง:
    +21,326


    ประวัติ หลวงพ่อโอด
    หลวงพ่อโอด ท่านมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับหลวงพ่อรุ่ง แห่งวัดหนองสีนวล และหลวงพ่อเดิม แห่งวัดหนองโพ สองพระเกจิอาจารย์ชื่อดังของอำเภอตาคลี ในฐานะที่เป็นหลานที่ใกล้ชิด กล่าวคือ โยมพ่อของหลวงพ่อโอด คือ นายชิต แป้นโต เป็นน้องชายแท้ๆ ของหลวงพ่อรุ่ง วัดหนองสีนวล และแม่ของนายชิต แป้นโตและ หลวงพ่อรุ่ง ก็เป็นพี่สาวโยมแม่ของหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ ดังนั้นหลวงพ่อโอดท่าน จึงเรียก หลวงพ่อรุ่ง และหลวงพ่อเดิมว่า "หลวงลุง" เมื่อท่านกลับจากการเป็น ครูสอนนักธรรมที่วัดดอนยานนาว่าแล้ว ได้มาอยู่กับหลวงพ่อรุ่ง ที่วัดหนองสีนวล ซึ่งในระยะนี้เองที่ท่านได้ศึกษาวิชาอาคมต่างๆ จากหลวงพ่อรุ่ง โดยศึกษาคู่กับหลวงพ่อสด วัดหางน้ำสาคร (พระครูวิจิตชัยการ) หลวงพ่อรุ่งได้เขี่ยวเข็ญ และพร่ำสอนท่านเป็นอย่างดี ซึ่งท่านได้เล่าให้ผู้เขียนฟังว่า ท่านเองได้ค่อยจะสนใจเรียน เท่าใดนัก แม้หลวงพ่อรุ่ง จะแสดงคุณวิเศษทางวิชาที่สอนให้ท่านดู ท่านก็ไม่ค่อยจะสนใจ จนหลวงพ่อรุ่งถึงกับเอ่ยปากต่อว่าท่านว่า ท่านเป็นพระหัวสมัยใหม่ สักวันหนึ่งจะต้องนึก ถึงตัวท่านอยู่ศึกษาวิชากับหลวงพ่อรุ่ง จนกระทั่งหลวงพ่อรุ่งมรณภาพ ในปี พ.ศ. ๒๔๘๙ ท่านก็ได้รักษาการเจ้าอาวาสวัดหนองสีนวลต่อจากหลวงพ่อรุ่ง และในปีนี้เองชาวบ้าน หนองสีนวล ชื่อนายอ๊อด ถูกลอบยิงด้วยปืนลูกซอง กระสุนฝังในทั้งเก้าเม็ด จะไปรักษา ที่ไหนก็ไม่ได้ เพราะเป็นยุคปลายสงคราม ญาติๆ ของนายอ๊อด จึงได้นำร่างที่บาดเจ็บของ นายอ๊อดมาไว้ที่ศาลาวัดหนองสีนวล แล้วนิมนต์ท่านให้ทำการรักษาด้วยความจำเป็น ท่านจึงต้องรักษาให้ตามที่เขาขอร้อง โดยก่อนที่จะลงมือรักษาท่านได้จุดธูปอธิษฐาน ต่อหลวงพ่อรุ่งว่า "หากหลวงลุงต้องการใช้วิชานี้คงอยู่สืบไป ก็ขอให้ทำการรักษานายอ๊อด ให้หาย หากรักษาหายจะเริ่มเรียน วิชาที่สอนให้ทั้งหมด" เสร็จแล้วท่านจึงทำน้ำมนต์ ตามที่ได้เรียนมา แล้วนำไปให้นายอ๊อดดื่มและพรมตามบาดแผลที่ถูกปืน หลังจากนั้นท่าน จึงได้เข้าจำวัดจนเช้ามืด ท่านได้ยินเสียงเรียกว่า หลวงน้า หลวงน้าผมไม่ตายแล้ว ท่านจึงลุกออกมาดู ปรากฏว่าเป็นนายอ๊อด ที่ท่านได้รักษานั่นเองผลออกมาว่าลูกปืนที่ฝัง อยู่ในตัวนายอ๊อดทั้ง ๙ เม็ดไหลออกมาทั้งหมด และบาดแผลก็สมานกันดี เลือดหยุดไหล เป็นที่ประจักษ์แก่สายตาท่าน ดังนั้นท่านจึงหันมาศึกษาวิชาของหลวงพ่อรุ่ง ทั้งหมดอย่างจริงจัง ส่วนหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ ระยะที่ท่านอยู่หนองสีนวล ท่านได้ไปมาหาสู่กับ หลวงพ่อเดิมเป็นประจำ และหลวงพ่อเดิม ท่านก็มาหนองสีนวลอยู่เป็นประจำซึ่งท่านก็ได้ ศึกษาวิชาต่างๆ จากหลวงพ่อเดิม ทั้งที่วัดหนองโพและที่วัดหนองสีนวลต่อมาในปี พ.ศ. ๒๔๙๓ ท่านได้มาเป็นเจ้าอาวาสวัดจันเสน หลวงพ่อเดิมท่านก็ได้ให้ทายกยิ้ม ทายกใหญ่วัดหนองโพ นำตำราต่างๆ ของหลวงพ่อเดิม ขึ้นรถไฟมาให้ท่านได้ศึกษา ที่วัดจันเสนอยู่เป็นประจำ จนกระทั่งหลวงพ่อเดิมมรณภาพในปี พ.ศ. ๒๔๙๔ จึงนับได้ว่า หลวงพ่อโอดท่านเป็นทั้งหลาน และเป็นทั้งศิษย์ ของสองพระเกจิอาจารย์ ที่โด่งดังและเกรียงไกรที่สุดของอำเภอตาคลีในยุคนั้น แต่ มิใช่ว่าจะมีอาจารย์ที่ท่าน ได้ศึกษาทางพุทธาคม เพียงแต่หลวงพ่อรุ่ง และหลวงพ่อเดิม เท่านั้นก็ไม่ ที่ผู้เขียนรู้จากคำบอกของท่านเองยังมีอยู่อีก ๒ องค์คือ - หลวงพ่อพรหม วัดช่องแคอำเภอ ตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ ยุค พ.ศ. ๒๕๐๐ เป็นต้นมา ท่านไปหาหลวงพ่อพรหมบ่อยๆ มาก ท่านบอกว่าท่านไปเรียนวิชากับหลวงพ่อพรหม แต่ท่านไม่ได้บอกว่าไปเรียนวิชาอะไร แต่ที่รู้ๆ หลวงพ่อพรหมรักใคร่ในตัวหลวงพ่อโอดมาก ถึงกับยอมมาปลุกเสกวัตถุมงคลให้ที่พระอุโบสถวัดจันเสน ซึ่งหลวงพ่อพรหมท่านไม่เคยยอมไปปลุกเสกนอกวัดช่องแคเลย - หลวงพ่อเชน วัดสิงห์ ตำบล ทับยา อำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี ท่านไปอยู่เรียนกับหลวงพ่อเขน ที่วัดสิงห์เลย ท่านบอกว่า ท่านไปเรียนวิชาทำตะกรุด ซึ่งหลวงพ่อเชน ท่านเก่งมากในเรื่องการทำตะกรุดโทน ดังนั้นจึงพอสรุปได้ว่า พระอาจารย์ที่หลวงพ่อโอด ท่านได้ศึกษาเล่าเรียนไสยเวท พุทธาคม มีอยู่ ๔ รูปคือ ๑. หลวงพ่อรุ่ง วัดหนองสีนวล อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ ๒. หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ ๓. หลวงพ่อพรหม วัดช่องแค อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ ๔. หลวงพ่อเชน วัดสิงห์ ตำบลทับยา อำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี



    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างตรงครับ


    เหรียญหลวงพ่อโอดวัดจันเสนออกวัดโคกกร่าง รุ่น บูชา 250 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
     
  10. ktv เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    1,147
    ค่าพลัง:
    +1,153
    จองครับ
     
  11. Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,457
    ค่าพลัง:
    +21,326


    วลีทอง หลวงปู่จักร " เหรียญนาคีนี้ดีนะ เป็นเหรียญที่ฉันร่วมปลุกเสกกับพญานาค
    ท่านบอกกับฉันว่า ให้ใส่คำว่า 'นาคี' ในเหรียญด้วย เพื่อเป็นการร่วมกันสร้างบารมีเพราะฉันเคย เกี่ยวเนื่องกับพญานาคราชมาหลายภพ หลายชาติแล้ว "
    เหรียญนาคี รุ่นแรกหลวงปู่จักร วัดถ้ำเขารังไก่ จัดสร้างปี 2528สมัยที่หลวงปู่ท่านธุดงค์มาถึงวัดถ้ำเขารังไก้ใหม่ๆ ท่านต้องการสร้างถาวรวัตถุจึงสร้างเหรียญรุ่นแรกออกมาให้บูชาหาเงินสร้างวัดเนื่องจากหลวงปู่ยังไม่เป็นที่รู้จัก ทำให้เหรียญรุนแรก มีใช้เฉพาะคนในพื้นที่
    ประสบการณ์จากเหรียญรุ่นแรก ที่ดังในพื้นที่คือ มีชาวบ้านในพื้นที่ที่ศรัทธาในตัวหลวงปู่นิมนต์ให้จำวัดที่ ถ้ำเขารังไก่เพื่อโปรดญาติโยมเพราะที่นี่แห้งแล้งกันดานมาก หลงปู่ท่านชอบ สมถะ เงียบ สงบเหมาะแก่การปฏิบัติพระกรรมฐาน ท่านจึงอยู่ที่ถ้ำเขารังไก่ก่อนที่ท่านจะสร้างเหรียญนาคี รุ่นแรก ท่านเข้าไปฝึกกรรมฐานในถ้ำเขารังไก่มีพญานาคในถ้ำมาหาท่าน และบอกให้ท่านอยู่ที่นี่ เพื่อโปรดญาติโยม
    ต่อไปภายหน้าจะมีลูกหลานของท่านมาทำบุญกันมากมายพญานาคได้มอบแร่นาคราชให้หลวงปู่เพื่อสร้างเหรียญนาคีเพื่อให้หลวงปู่ได้สร้างเหรียญรุ่นแรก ออกมาให้ชาวบ้านได้บูชา เพื่อหารายได้สร้างวัดหลวงปู่จึงอยู่ที่วัดเขารังไก่ ไม่ได้ธุดงค์ไปไหนอีก ก็เป็นจริงดังพญานาคราชได้กล่าวเอาไว้
    ต่อมาไม่นาน หลวงปู่ท่านก็ดังมากเป็นที่รู้จักพระเครื่องของหลวงปู่ที่สร้างปลุกเสกประจำคาถาอาคมลงไปต่างมีประสบการณ์เรียกว่สเกรียวกราวไปทั่ว ใครบูชาไปต่างก็เฮงกันถ้วนหน้า
    จนพระเครื่องหลวงปู่หมดไปจากวัดในเวลาอันรวดเร็ว
    ทุกวันนี้ที่วัดหลวงปู่มีผู้คนไปกราบใหว้ ขอพรหลวงปู่กันมากครับ
    " หลวงปู่จักร" แห่งวัดถ้ำเขารังไก่ จ.ชัยนาท ท่านเกิดในตระกูลหนังใหญ่ "ศุภนคร"
    สกุลพระราชทานจากพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 6 รับครอบครูสาย "ขุนบางมอญศุภนคร"สายครูหลวงตั้งแต่อายุ 5 ขวบพอโตเป็นทหาร รบสงครามเวียตนามและอีกหลายสมรภูมิเพื่อนท่านตายหมดท่านรอดอยู่คนเดียว จนได้รับพระราชทานเหรียญกล้าหาญท่านใช้ชีวิตทางโลกจนเบื่อจึงออกบวชและเดินธุดงค์ ได้ไปร่ำเรียนวิชามาเยอะอาทิเรียนวิชากับหลวงพ่อทัต วัดวังพระนอน, หลวงพ่อเชน วัดสิงห์, พระครูชั้น วัดวิหารขาว,
    อาจารย์ฟ้อน ดีสว่าง, หลวงพ่อเอีย วัดบ้านด่าน, หลวงพ่อจาด วัดบางกระเบา,
    หลวงพ่อเต๋ คงทอง, หลวงพ่อเหลือ วัดสาวชะโงก เป็นต้น
    หลวงปู่จักร ได้มาจำพรรษาอยู่ที่วัดถ้ำเขารังไก่ และได้สร้างพระไว้รอบเขาที่ผ่านมามีพ่อค้าหิน มาวางระเบิดรอบเขา เพราะเขารังไก่เป็นเขาหินอ่อนนายทุนต้องการหิน ตอนนั้นมีเหตุประหลาด ระเบิดทุกลูกด้านไม่ได้หินไป สร้างความประหลาดใจให้กับคนงานและชาวบ้านในละแวกนั้นเป็นอย่างมาก
    ปัจจุบันหลวงปู่จักรมรณภาพแล้ว ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    เหรียญนาคี หลวงปู่จักรให้บูชา 270 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ


     
  12. Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,457
    ค่าพลัง:
    +21,326

    เหรียญหลวงพ่อรักษ์วัดน้อยแสงจันทร์พระรามพระลักษณ์ รุ่นพิเศษ ๒๕๑๙
    พระครูสุธรรมธาดา หรือหลวงพ่อรักษ์ ฐิตธรรมโม อดีตเจ้าอาวาสวัดน้อยแสงจันทร์ อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม ฉบับนี้ขอแนะนำเหรียญดังที่ปลุกเสกเดี่ยวโดยเกจิอาจารย์ผู้ถูกจัดลำดับหนึ่งในร้อยแปดเกจิขลังเมื่อครั้ง ๔๐-๕๐ ปีที่แล้ว ท่านเป็นอดีตเจ้าอาวาสรูปที่ ๔ ของวัดน้อยแสงจันทร์ ซึ่งถือว่าเป็นวัดเก่าแก่ที่สร้างมาตั้งแต่ครั้งรัชกาลที่ ๕ (พ.ศ.๒๔๔๔) ในครั้งนั้นได้มีคหบดี ๔ ราย บริจาคที่ให้สร้างวัด คือ นายน้อย นางแสง นายจันทร์ และนายเหม็น วัดนี้จึงได้รับการตั้งชื่อตามผู้บริจาคที่ดิน เพียงแต่รายที่ ๔ ซึ่งมีนามว่านายเหม็นนั้น เจ้าตัวเห็นว่าชื่ออาจจะไม่เป็นมงคลนัก จึงให้ใช้ชื่อเพียง ๓ รายว่า “น้อยแสงจันทร์” เป็นชื่อวัด
    คนแม่กลองนับถือหลวงพ่อรักษ์ วัดน้อยแสงจันทร์กันมากๆ เพื่อเผยแพร่เกียรติคุณท่าน พระเกจิย่านแม่กลองและมหาชัย ถ้าไม่เก่งจริง คงไม่มีใครเขานับถือกันหรอกครับ ท่านเป็นพระยุคเดียวกับหลวงพ่อสุด วัดกาหลง แต่คนละจังหวัด เอาเป็นว่าจะหาพระที่หวังพึ่งพระพุทธคุณจริงๆ เหรียญรุ่นแรกหลวงพ่อรักษ์ แห่งวัดน้อยแสงจันทร์เหรียญนี้ ใส่แล้วไม่ต้องห่วง นานๆจะมีซักเหรียญครับ เหรียญหลวงพ่อรักษ์ วัดน้อยแสงจันทร์ยุคแรกๆ มักมีรูปโยมพ่อ โยมแม่ หรือคนที่ท่านนับถือ หรือพระอุปัชชาย์อยู่ในเหรียญเสมอ เพราะท่านเป็นพระที่มีความกตัญญูสูงมากครับ
    ครูบาอาจารย์ที่ถือเป็นองค์หลักของท่านเลย คือ หลวงพ่อช้าง วัดเขียนเขต ต.บึงยี่โถ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี แต่จะได้เรียนกับหลวงพ่อเปลื้องด้วยหรือไม่นั้นไม่มีหลักฐานยืนยัน นอกจากนี้ท่านยังได้ชื่อว่ามีความกตัญญูเป็นเลิศ เลี้ยงดูบิดามารดาจนสิ้นอายุขัย ที่วัดศิษย์สายหลวงพ่อคง ท่านก็ว่าหลวงพ่อรักษ์ เก่งเอาการ วัตถุมงคลของท่านมีประสบการณ์เรื่องป้องกันภัยจากอุบัติเหตุทางรถยนต์สูงมาก ประเภทรถคว่ำพังยับแต่คนที่แขวนพระของท่านไม่เป็นอะไร ที่ว่าประสบการณ์ด้านนี้มีเยอะก็เพราะว่าแถบแม่กลองจะมีการขนส่งผลไม้ ของทะเล ฯลฯ
    หลวงพ่อรักษ์ท่านมีสมณศักดิ์ที่พระครูสุธรรมธาดา ท่านเป็นพระอุปัชฌาย์ทำการบรรพชาอุปสมบทกุลบุตรทั้งใกล้ไกลนับไม่ถ้วน เป็นที่เคารพรักเทิดทูนบูชาของลูกศิษย์โดยเฉพาะชาวจังหวัดสมุทรสงครามและจังหวัดใกล้เคียง รวมไปถึงจังหวัดปทุมธานี ที่องค์อาจารย์ผู้ประสิทธิ์ประสาทพระเวทย์วิทยาคมให้แก่หลวงพ่อรักษ์ คือ หลวงพ่อช้างวัดเขียนเขต หลังจากได้รับการประสิทธิ์ประสาทวิชาจากหลวงพ่อช้างอย่างหมดสิ้น ปี ๒๔๙๔ ท่านก็ได้รับตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดน้อยแสงจันทร์ อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม และท่ายังได้ศึกษาพระเวทย์อาคมกับท่านพ่อบัณฑูรย์สิงห์ ฆารวาสผู้กระเดื่องนามที่มีเกจิอาจารย์ยุคเก่าเป็นลูกศิษย์ของท่านมากมาย
    หลวงพ่อรักษ์แห่งวัดน้อยแสงจันทร์องค์นี้จัดเป็นเกจิขลังอาจารย์ดังผู้มี “ดี” อย่างแท้จริง ท่านจะปลุกเสกวัตถุมงคลทุกรุ่นด้วยตัวท่านเองเพียงลำพัง ไม่มีการจัดพิธีพุทธาภิเษกแต่อย่างใด แม้ท่านจะจากไปในปี ๒๕๓๘ ด้วยวัย ๘๖ ปี แต่ลูกศิษย์ลูกหาของท่านยังเหนียวแน่น ในจำนวนวัตถุมงคลของท่านหลายรุ่นหลายแบบทั้งเนื้อผง รูปหล่อ และเหรียญ หลายรุ่นหลายวาระ ตั้งแต่เหรียญรุ่นแรก ปี ๒๕๐๖ ด้านหลังเป็นพระพุทธชินราชเนื้ออัลปาก้า อันเป็นที่นิยมและแสวงหาด้วยสูงประสบการณ์อย่างครบถ้วนทั้งแคล้วคลาดคงกระพัน
    หลวงพ่อรักษ์ท่านเป็นบุตรผู้มีกตัญญูกตเวทิตาต่อบุพการีอย่างยิ่ง โยมพ่อโยมแม่ของท่านจึงได้รับการปั้นรูปเอาไว้ในที่บูชาและอัญเชิญประดับหลังเหรียญของท่านเพื่อเป็นมงคลแก่ผู้บูชา เหรียญทุกรุ่นของท่านมีประสบการณ์อย่างเล่าขานกันไม่รู้จบ ไม่เพียงแคล้วคลาดคงกระพันที่เชื่อขนมกินได้ตามสำนวนโบราณที่เล่าขานกันมาว่าทั้งเหนียวและแคล้วคลาดแบบแมลงวันไม่ได้กินเลือด จึงจัดเป็นเหรียญดีเหรียญเด่นเหรียญเก่าที่มีค่านิยมและยังพอแสวงหากันได้
    โอกาสถัดไปจะเอาประวัติและรายละเอียดเรื่องราวพร้อมทั้งประวัติการสร้างวัตถุมงคลทุกรุ่นมานำเสนอให้ละเอียด โดยเฉพาะพระเนื้อผงพิมพ์สมเด็จสะดุ้งกลับของท่านนั้นเป็นที่แสวงหากันอย่างยิ่ง ว่ากันว่าพุทธคุณดุจเดียวกับหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้วทีเดียวครับ
    อมตะสังขารหลวงพ่อรักษ์
    หลวงพ่อรักษ์ ฐิตธมฺโม เป็นบุตรของปู่ยิ้ม ย่าเหม (มีรูปปั้นอยู่บนกุฏิขลังมากมีคนบนบานสำเร็จมามากรายแล้ว) เกิดที่คลองบางตะบูน เดือนเจ็ด วันพุธ ปีจอ ในวัยเด็กเป็นเด็กวัดอยู่วัดสวนแก้ว อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม ภายหลังย้ายมาอยู่ใกล้วัดน้อยแสงจันทร์ เคยตามอาไปอยู่ที่ปทุมธานีใกล้วัดเทียนถวาย แล้วย้ายไปที่ อ.ธัญบุรี เรียนหนังสืออยู่ที่นั่นจนอายุครบอุปสมบทวันที่ ๒๒ ก.ค.๒๔๗๔ มีพระครูธีญญเขตรเขมากรเป็นพระอุปัชฌาย์
    ต่อมาพระประทุมวรนายกเมตตาส่งให้ไปเป็นเจ้าอาวาสวัดพวงแก้ว ต.บึงบอน อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี ที่วัดนี้ท่านสอบได้นักธรรมโท และไปต่อนักธรรมเอกที่วัดเขียนเขต (เชียงเขต) โดยท่านสอบได้คะแนนดีกว่ารูปอื่นๆ
    ท่านเรียนกรรมฐานกับหลวงพ่อช้างที่วัดเขียนเขต และเรียนกรรมฐานเพิ่มเติมจากท่านพ่อบัณฑูรสิงห์ (เจิม คุณาบุตร)ที่วัดเกตมวดีศรีวราราม ต.บางโทรัด อ.สมุทรสาครเมื่อท่านกลับมาอยู่ที่วัดน้อยแสงจันทร์เพื่อโปรดโยมมารดาที่ชราภาพ ในขณะนั้นหลวงพ่อพูนเป็นเจ้าอาวาสอยู่ เมื่อหลวงพ่อพูนมรณภาพท่านก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสต่อ เพราะท่านมีคุณสมบัติเหมาะสมด้วยอายุพรรษากาล
    ในสมัยที่ท่านมีชีวิตอยู่นั้นท่านจะเน้นงานเผยแผ่พุทธศาสนาอย่างยิ่ง มีการฝึกอบรมพระภิกษุสามฌรรทุกกึ่งเดือน ทำวัตรเช้า-เย็น รวมทั้งมีการอบรมศีลธรรมแก่เด็กวัด และนักเรียนโรงเรียนของรัฐ ประชาชนตามหลักเบญจศีลเบญจธรรม พ.ศ.๒๕๑๖ ท่านได้ช่วยสอนประชาชนในจังหวัดสมุทรสงครามและจังหวัดใกล้เคียงให้รู้จัก "หลักการนั่งกรรมฐาน"
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    ให้บูชา 270 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)
     
  13. Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,457
    ค่าพลัง:
    +21,326

    พระผงนาคปรกอุดมความสุข ลป.คำพันธุ์ วัดธาตุมหาชัย จ.นครพนม ปี 2540 สภาพสวยมากๆ พร้อมกล่องเดิมครับ น่าบูชาครับรุ่นนี้ ได้นำผงที่อธิฐานจิตจาก ท่านเจ้าคุณนรฯ วัดเทพศิรินทราวาส , ผงของหลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี , ผงของหลวงปู่สิม พุทธาจาโร วัดถ้ำผาปล่อง , ผงห้ารอบหลวงพ่อเกษม เขมโก และ ผงดอกไม้ชนิดต่างๆ และปฐวีธาตุหลวงปู่คำพันธุ์ นำมาผสมครับ
    ขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ กันนิวเคลียร์
    ให้บูชา 220 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
     
  14. Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,457
    ค่าพลัง:
    +21,326

    พระพุทธนฤมิตรโชค (กวางเล็ก) หลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน ออกที่ศูนย์เวฬุวัน สาขาวัดอัมพวัน
    ศูนย์ปฎิบัติธรรมสวนเวฬุวัน สาขาวัดอัมพวัน
    หลวงพ่อจรัญได้ดำริจัดสร้างศูนย์ปฎิบัติธรรมสวนเวฬุวันขึ้นในปี 2536 พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระธรรมสิงหบุราจารย์ ได้สร้างศูนย์ปฏิบัติธรรมสวนเวฬุวัน จังหวัดขอนแก่น ไว้เพื่อเป็นสาขาของ วัดอัมพวัน จังหวัดสิงห์บุรี โดยท่านได้แสดงเจตนารมณ์ของท่านไว้อย่างชัดเจน โดยการสร้างศูนย์ปฏิบัติธรรมสวนเวฬุวันแห่งนี้ไว้เพื่อพัฒนาจิตให้กับประชาชนและเยาวชนของชาติ และเพื่อที่จะคืนของดี (สติปัฎฐาน4) ที่ได้มาจาก อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น ให้กับชาวจังหวัดขอนแก่น และชาวภาคอิสาน ซึ่งพระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านได้เล่าถึงประวัติและเจตนารมณ์ของท่านไว้ดังนี้.
    อาตมาเคยมาได้ของดีที่จังหวัดขอนแก่นนี่ ท่านทั้งหลายทราบดี จึงพยายามตั้งใจอยู่ตลอด จนชีวิตจะหาไม่ เราต้องตายไปหนึ่งครั้งแล้ว เรารอดตายมาได้ ถ้าไม่มาที่นี่แล้ว เราต้องตายที่เมืองพม่า มันดาเลย์ เมืองหงสาวดี ที่หลวงพ่อดำพาเราไปเดินธุดงค์ ต้องตายแน่ อันนี้ทำให้เรามั่นใจ ซึ้งใจ คือหลวงพ่อดำ องค์ที่ให้กรรมฐานพระเจ้ากรุงธนบุรี พี่น้องทุกคนอาจยังไม่ทราบ ว่าเราต้องสร้างศูนย์ปฏิบัติธรรมสวนเวฬุวัน
    เรื่องเชื่อมโยงมาจากหลวงพ่อเดิมพูดมาหลายครั้ง แต่ต้องย้ำอีกหนให้ท่านทราบ พี่น้องทุกคนอย่าคิดว่ารู้ไว้ใช่ว่าใส่บ่าแบกหาม อย่าเข้าใจผิดไม่ได้ผล คนไม่ได้คิดจะไม่มีสติปัญญา จะไร้เหตุผล เมื่อเรากลับมาจากมันดาเร เมืองหงสาวดี แล้วก็มาเจอเครื่องบินจะตกที่ยุโรปเราก็รอดตายมาได้เพราะเหตุใด รอดจากคอหักตาย รถชนตายเพราะเหตุใด เมื่อคิดได้เช่นนี้แล้ว ก็คิดได้ว่า หลวงพ่อดำเนี่ย บางคนก็บอกว่าเป็นหลวงพ่อโลกอุดร หลวงพ่อถ้ำวัวแดง เนี่ยไม่ใช่ทั้งนั้น ท่านทั้งหลายอย่าลืม ที่น้ำพอง ท่านพาอาตมาไปได้รับของดีมาจากขอนแก่นหลากหลาย เชื่อมโยงมาจากหลวงพ่อเดิมอีกที หลังจากที่เราคอหักแล้ว เราก็คิดว่าเราตายไปแล้ว เรายังไม่เคยสนองพระเดชพระคุณหลวงพ่อดำ ให้เป็นชิ้นเป็นอัน เป็นหลักเป็นฐานแต่ประการใด จากที่ท่านให้คติธรรมเตือนใจว่า โปรดทำตามพระพุทธเจ้า ว่าสร้างคนดีกว่าสร้างวัตถุ สร้างคนให้มีความรู้ สร้างคนให้มีความดี มีสติปัญญา เราก็คิดอยู่ตลอดเวลาว่า ทำอย่างไรเราถึงจะสนองพระเดชพระคุณหลวงพ่อดำได้ " นี่เป็นคำปรารภของหลวงพ่อ มาโดยสังเวปครับ.
    พระเครื่องรุ่นนี้จัดสร้างในวาระศูนย์ปฎิบัติธรรมสวนเวฬุวัน ครบรอบ10ปี ครับ เจตนาคนสร้างดี เข้าพิธีแล้ว ก่อนจะนำมาแจกให้กับญาติโยมที่มาทำบุญที่เสวนวฬุวัน และพระรุ่นนี้มีส่วนผสมของมวลสารหลายชนิด เช่น มวลสาของพระพิมพ์สมาธิและประทานพร ที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน ,ดินจากสังเวชนียสถานจากประเทศอินเดีย และมวลสารศักดิ์ต่างกว่า30ชนิดครับ
    ขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    ให้บูชา 270 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

     
  15. Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,457
    ค่าพลัง:
    +21,326
    วันนี้ จัดส่ง


    ขอบคุณครับ
     
  16. Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,457
    ค่าพลัง:
    +21,326




    พระสมเด็จ หลวงปู่เกลี้ยง วัดศรีธาตุ(โนนแกด) รุ่นมหามงคล 99 ปี ศรีสะเกษ
    หลวง ปู่เกลี้ยง ท่านเป็นพระสงฆ์ที่ดำรงตนแบบสมถะ ไม่ยึดติดในลาภยศสรรเสริญ มักจะสั่งสอนญาติโยมด้วยข้อธรรมชี้นำแนวทางแห่งการสร้างความดี เพื่อใช้การดำเนินชีวิต ด้วยคุณงามความดีได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ที่ “พระครูโกวิทพัฒโนดม” พร้อมตาลปัตรพัดยศ เมื่อ วันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๓๔ และเนื่องในโอกาสพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา วันที่ ๕ ธ.ค. ๕๒ มหาเถรสมาคมมีมติให้เลื่อนชั้นจากตำแหน่งพระครูเจ้าอาวาสวัดราษฎร์ชั้นเอก เป็นเทียบผู้ช่วยเจ้าอาวาสพระอารามหลวงชั้นเอก เนื่องจากหลวงปู่เกลี้ยงมีอายุมากถึง ๑๐๓ ปีแล้ว จึงได้นำพระบัญชาตราตั้งมาถวายแก่หลวงปู่เกลี้ยงที่วัด
    หลวงปู่ เกลี้ยง ไม่เคยหยุดนิ่งในการช่วยเหลืองานพระศาสนา และงานเพื่อส่วนรวมของประชาชน โดยเฉพาะงานบูรณะพัฒนาวัดโนนแกด ได้สร้างสรรค์และนำความเจริญมาสู่วัดจนเห็นการเปลี่ยนแปลงได้ชัดเจน อีกทั้งยังให้ความเมตตาช่วยเหลือวัดวาอารามต่าง ๆ ใน จ.ศรีสะเกษอย่างเต็มที่ และที่ผู้คนยอมรับนับถืออย่างมากก็คือ การสงเคราะห์ด้านการรักษาพยาบาลแก่ผู้ประสบเคราะห์ชะตากรรมต่าง ๆ ด้วยตำรับยาแพทย์แผนโบราณ อีกทั้งเป็นพระที่สำเร็จอภิญญาญาณ สามารถทำนายทายทักเหตุการณ์ล่วงหน้าได้ และมีวาจาสิทธิ์ พูดคำไหนเป็นคำนั้น โดยลูกศิษย์หลาย ๆ คนได้พบเจอประสบการณ์ความมหัศจรรย์ในตัวหลวงปู่เกลี้ยง
    วัตถุ มงคลของท่านนั้น ท่านอนุญาตให้คณะศิษย์จัดสร้างในโอกาสสำคัญต่าง ๆ โดยรุ่นแรกเป็นเหรียญรูปเหมือน สร้างเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๙ มีหลายรูปแบบ ทั้งเนื้อโลหะ และเนื้อผง เครื่องรางของขลัง มีประสบการณ์แบบครบเครื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเมตตาค้าขาย เรื่องแคล้วคลาด คงกระพัน ก็ช่วยให้ผู้ที่พกพาบูชา ติดตัวรอดพ้นอันตรายมาอย่างน่าอัศจรรย์
    ขอบคุณข้อมูลจากเดลินิวส์ครับ
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    พระสมเด็จมหามงคล 99 บูชา 200 บาท(ราคาออกทำบุญที่วัด)ค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

     
  17. Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,457
    ค่าพลัง:
    +21,326


    พระผงรูปเหมือนหลวงปู่ผาดวัดบ้านกรวดเจาิญพร

    "ย้อนรอยเกจิดัง"
    ประจำวันอาทิตย์ที่ 14 พ.ค. 2566
    "หลวงปู่ผาด"อดีตเกจิดังวัดบ้านกรวด
    นักบุญแห่งอีสานใต้/สายอาคมเขมร
    "พ่อคูณ"ยกย่อง"ของท่านดี-ศิษย์นิยม"
    "ย้อนรอยเกจิดัง"อาทิตย์นี้ขอนำเสนอประวัติ "หลวงปู่ผาด ฐิติปัญโญ" หรือ "พระครูวิบูลย์ปัญญาวัฒน์" อดีตพระเกจิอาจารย์ชื่อดังแห่งวัดบ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ มีความเชี่ยวชาญวิทยาคมเป็นที่เลื่องลือ ได้รับสมญานามว่า "นักบุญแห่งอีสานใต้" แม้แต่หลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ยังให้การยกย่องว่าท่านเก่ง วัตถุมงคลมีความศักดิ์สิทธิ์เข้มขลังไม่แพ้ท่าน
    ชาติภูมิท่านเป็นชาวบ้านดู่ ตำบลปราสาท อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ วันเดือนปีเกิดจริงของหลวงปู่ผาดคือวันที่ 3 พฤษภาคม 2452 แต่วันเกิดตามใบเกิดคือวันศุกร์ที่ 10 พฤศจิกายน 2454 เพราะโยมบิดามารดาหลวงปู่แจ้งเกิดช้า2ปี บิดาชื่อนายเอี้ยง มารดาชื่อนางเตียบ นามสกุล"ดิบประโคน" มีพี่น้อง 4 คน ท่านเป็นคนที่ 3 ครอบครัวมีอาชีพทำนา
    ชีวิตในวัยเด็กค่อนข้างลำบาก ต้องช่วยเหลือครอบครัวทำงาน แต่ยังมีเวลาที่จะศึกษาเล่าเรียนที่โรงเรียนประชาบาล จนจบชั้น ป.4 จากนั้นได้บรรพชาเป็นสามเณรเมื่อปี พ.ศ. 2470 ที่วัดบ้านพลับ ต.ทุ่งมน อ.ปราสาท จังหวัดสุรินทร์ บวชได้ 2 พรรษาก็สิกขาไปช่วยบิดามารดาทำไร่ทำนา
    ต่อมาปี พ.ศ. 2476 ขณะมีอายุ 22 ปี ได้อุปสมบทที่วัดบ้านกรวด ได้ปฏิบัติกิจแห่งสงฆ์โดยครบถ้วน ศึกษาเล่าเรียนพระปริยัติธรรมด้วยความตั้งใจ ขณะศึกษาธรรม ท่านได้มีโอกาสศึกษาวิชาการแพทย์แผนโบราณควบคู่ไปด้วย จนมีความรู้ความชำนาญการใช้สมุนไพรรักษาโรคภัยไข้เจ็บ
    หันมาศึกษาวิชาแพทย์แผนโบราณเพิ่มเติม และเรียนวิทยาคมควบคู่กันไป ท่านได้ศึกษาสรรพวิชาจากในตำราทั้งหมด จนมีความรู้ในวิทยาคมเป็นอย่างดี ด้วยความเป็นพระหนุ่มไฟแรง ท่านได้ออกจาริกไปยังที่ต่างๆ เพื่อศึกษาหาความรู้ทั้งด้านวิทยาคม วิชาแพทย์แผนโบราณ ในครั้งนั้น ได้ไปศึกษวิทยาคมที่กัมพูชา จังหวัดอุดรมีชัย ถึง 3 ปี ก่อนจะจาริกไปศึกษาหาความรู้จากครูบาอาจารย์ต่างๆ ที่นครวัด นานกว่า 8 ปี จนมีความรู้ในวิทยาคมสายเขมร
    เมื่อได้เวลาอันเหมาะสม ท่านจึงเดินทางกลับบ้านเกิด อาศัยจำพรรษาในวัดบ้านกรวดเป็นเพียงพระลูกวัดธรรมดา กระทั่งท่านเริ่มมีอายุมากขึ้น ท่านได้รับการถวายที่ดินจากชาวบ้าน เกิดความคิดริเริ่มในการพัฒนาบูรณะจากพื้นดินที่ว่างเปล่า ให้กลายเป็นศาสนสถาน คือ วัดตาอี, วัดบ้านปราสาท และวัดบ้านบึงเก่า
    ในกาลต่อมา หลวงปู่หริ่ง เจ้าอาวาสวัดบ้าน กรวดมรณภาพ ชาวอำเภอบ้านกรวดได้นิมนต์ให้รับตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสสืบต่อ แม้ตอนแรกจะปฏิเสธแต่ในที่สุดท่านก็ทนแรงศรัทธาของญาติโยม ไม่ได้จึงยอมรับและดำรงอยู่มาจนถึงปัจจุบันในที่สุด
    วัดบ้านกรวด ถือเป็นวัดเก่าแก่ประจำอำเภอบ้านกรวด สร้างขึ้นในยุคปลายสมัยรัชกาลที่ 5 ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2469 มีพระพุทธรูปศิลาศักดิ์สิทธิ์ เป็นพระประธานในพระอุโบสถ
    มีเรื่องเล่าขานกันว่า ครั้งหนึ่งมีคณะศรัทธาจากชาวบ้านกรวดนั้นเดินทางไปกราบนมัสการ "หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ" เทพเจ้าแห่งด่านขุนทด พระเกจิชื่อดังแห่งวัดบ้านไร่ จ.นครราชสีมา
    หลวงพ่อคูณ ถามว่า "พวกเอ็งมาจากไหนกัน" คณะศรัทธาบอกว่ามาจากบ้านกรวด หลวงพ่อคูณตอบกลับไปว่า "มึงจะมากราบ มาเอาของกูทำไม มึงไปไหว้หลวงพ่อใหญ่วัดบ้านกรวดโน่น ของท่านศักดิ์สิทธิ์ พวกมึงไม่จำเป็นต้องมาใช้ของกูเลย ของดีอยู่กับตัว ยังไม่รู้ค่าอีก"
    ทั้งนี้ หลวงปู่ผาดเคยร่วมพิธีนั่งปรกอธิษฐานจิตวัตถุมงคลร่วมกับหลวงพ่อคูณ เช่น
    ในปี 2552 และพระเกจิอาจารย์ระดับประเทศอีกหลายท่าน ณ วัดปทุมธาราม (หนองบัว) ต.หนองบัว อ.วัดสิงห์ จ.ชัยนาท
    หลวงปู่ผาด สร้างคุณูปการแก่วัดบ้านกรวดและวัดสาขาทั้ง 3 แห่ง เป็นอันมาก เช่น ตั้งสำนักอบรมวิปัสสนากัมมัฏฐาน งานด้านการสงเคราะห์ญาติโยม งานสาธารณูปโภค การก่อสร้างถาวร วัตถุของวัด อาทิ สร้างพระอุโบสถ อุปถัมภ์โรงเรียน ศาลาการเปรียญ สร้างศาลาบำเพ็ญกุศล
    ด้านเครื่องรางหรือวัตถุมงคลที่ท่านสร้าง เป็นที่เสาะแสวงหาของบรรดานักนิยมสะสมพระเครื่อง อาทิ พระยอดขุนพลปฐมโพธิญาณ, พระกริ่งรุ่นแรกของหลวงปู่ผาด, พระผงรูปเหมือนหลวงปู่ผาด, พญาครุฑ และอื่นๆ
    หลวงปู่ผาด เป็นพระที่รักสันโดษ ไม่ยึดติดในลาภยศสรรเสริญ ท่านได้ปฏิเสธ ในการสร้าง วัตถุมงคลมาโดยตลอด แต่บรรดาศิษยานุศิษย์ได้รบเร้าท่านว่า มีผู้เลื่อมใสศรัทธาในตัวหลวงปู่อยากจะได้พระเครื่อง วัตถุมงคลของหลวงปู่ผาดไว้บูชา เพื่อเป็นสิริมงคล เป็นขวัญและกำลังใจในการดำเนินชีวิต หลวงปู่จึงอนุญาตให้จัดสร้าง วัตถุมงคลออกมาหลายรุ่นหลายรูปแบบ
    ด้วยหลวงปู่ท่านเป็นพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เป็นเนื้อนาบุญของพุทธศาสนา โดยแท้ ทุกลมหายใจเข้าออกท่านกำหนดจิตด้วยกรรมฐานมีสติอยู่เสมอ วัตถุมงคลและเครื่องรางที่ผ่านการอธิษฐานจิตจากท่านจึงทรงความศักดิ์สิทธิ์ มีพุทธคุณเด่น เมตตามหานิยมดีเยี่ยม มีชื่อเสียงโด่งดังไปไกลทั่วประเทศ
    ถึงแม้วัตถุมงคลของหลวงปู่ผาดมีพุทธคุณเข้ม แต่ท่านไม่เคยอวดโอ่ มีแต่พร่ำสอนให้ญาติโยมเสมอว่า ".. อย่าดำรงชีวิตด้วยความประมาท อย่ายึดมั่นถือมั่นเกิด แก่ เจ็บ ตาย ไม่มีใครหนีพ้น ขณะยังมีชีวิตขอให้ทุกคนหมั่นประกอบแต่กรรมดี ละเว้นทำชั่ว เพราะอายุคนนั้นสั้นนัก ถึงไม่แก่ไม่เฒ่าก็ตายได้เช่นกัน จงอย่าประมาท
    หลวงปู่ผาดมรณภาพลงเมื่อช่วงเวลา 11.58 น. ของวันที่ 5 มกราคม 2558 ด้วยสิริอายุที่มากถึง 105 ปี 8 เดือน 2 วัน พรรษา 85 พรรษา
    #ฉัตรสยาม
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    หลวงปู่ผาดวัดบ้านกรวดพระผงรูปเหมือนรุ่น เจริญพร เนื้อสีขาวและดำให้จีวรหลวงปู่ด้วยครับ ให้บูชาคู่๒องค์ 200 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

     

แชร์หน้านี้