จองครับ
ยอดขุนพล ลพ.เอีย วัดบ้านด่านเสก เสมาหลวงปู่สายดอนกระต่ายทอง
ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Jumbo A, 17 สิงหาคม 2022.
หน้า 15 ของ 102
-
สถิตย์ในดวงใจนิรันด์ -
ประมวลภาพเก่า ช่วงเดือน สิงหาคม ๒๕๒๖
วันมรณภาพหลวงปู่สงฆ์ จนฺทสโร
ครบ ๓๒ ปี ๒ สิงหาคม ๒๕๕๘
เมื่อย่างเข้าสู่วัยชรา สังขารมนุษย์จึงกลายเป็นสิ่งไม่จีรังยั่งยืน หลวงปู่สงฆ์ท่านได้เข้าพำนักอยู่ประจำที่วัดเจ้าฟ้าศาลาลอยนี้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๔๖๒ จนถึงวันอังคารที่ ๒ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๒๖ ตรงกับแรม ๙ ค่ำ เดือน ๘ ปีกุน ก่อนหน้านี้หนึ่งวันหลวงปู่ได้ให้คนไป ตามหลวงพ่อคงจากวัดวิสัย ซึ่งเป็นหลานชายของท่านให้มาพบ และกล่าวว่า เมื่อท่านสิ้นขอมอบบาตร, ไม้เท้า และย่ามให้แก่หลวงพ่อคงนำไปเก็บรักษาไว้ด้วย
วันอังคารที่ ๒ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๒๖ ตอนเช้าหลวงปู่ท่านยังรู้สึกตัว มีสายน้ำเกลือติดอยู่ที่แขนท่าน นอนสงบอยู่บนเตียงที่กุฏิ เวลาประมาณ ๑๐.๐๐ น. เศษๆ ลูกศิษย์ผู้ใกล้ชิดที่มาปรนนิบัติหลวงปู่ เห็นท่านนอนนิ่ง แต่ทว่าน้ำเกลือไหลเปรอะออกมาจึงได้ไปตามหมอมาดู ปรากฏว่าหลวงปู่ท่านได้จากไปอย่างสงบเสียแล้ว น้ำไม่ได้เข้าสู่ร่างกายเพราะลมหายของหลวงปู่หยุด น้ำเกลือจึงไหลล้นออกมาไม่อาจเข้าสู่ร่างกาย หลวงปู่จากไปอย่างสงบไม่ทราบเวลาที่แน่นอน เพราะท่านนอนนิ่งอยู่อย่างนั้นไม่กระวนกระวายจนผิดสังเกต บรรยากาศ ณ เวลานั้นช่างเงียบเชียบ แม้แต่สายลมยังหยุดนิ่ง ใบไม้ไม่ไหวติง ไม่มีแม้แต่เสียงนก เสียงการ้องเหมือนปกติเช่นเคย แสงแดดส่องประกายเหลืองจ้าผิดปกติจากทุกๆ วัน ทุกสรรพเสียงเงียบเชียบ มีเพียงแต่เสียงฆ้องกลองดังระงมไปทั่ว ซึ่งเป็นการบอกเหตุให้ชาวบ้านได้รับรู้ บ้างต่างก็พากันงุนงงเต็มไปด้วยความสงสัย สับสน มีบ้างที่รู้ถึงข่าวการอาพาธของหลวงปู่ก็เกิดความวิตกกังวลเป็นอย่างมาก ถึงลางบอกเหตุของการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่
ดั้งนั้น ทุกคนในบริเวณที่รัศมีเสียงฆ้องกลองสามารถดังถึง ก็รีบมาที่วัดเป็นการด่วน บางคนทิ้งจอบทิ้งเสียมไว้กลางทุ่งนาโดยมิได้นึกถึงสิ่งใด เพราะตอนนี้ทุกคนต่างต้องการมาให้ถึงวัดโดยเร็ว เมื่อมาถึงในบริเวณวัด พอทราบว่าหลวงปู่ท่านได้จากไปเสียแล้ว สร้างความอาลัยเศร้าโศกเสียใจเป็นยิ่งนัก บางคนถึงกับร้องไห้ฟูมฟาย บางคนน้ำตาไหลโดยไม่รู้ตัว ด้วยคิดว่าตอนนี้ที่พึ่งทางใจได้จากไปเสียแล้ว ต่อไปนี้จะพึ่งใครเพราะตอนสมัยหลวงปู่ท่านยังอยู่ ไม่ว่าจะเจ็บไข้ได้ป่วยหรือเดือดร้อนด้วยเรื่องอันใด ก็จะได้หลวงปู่เป็นที่พึ่งปัดเป่าทุกข์ร้อนต่างๆ ให้สิ้นไป ต่อจากนี้ไปจะหันหาไปพึ่งใครได้อีกเล่า ยิ่งทำให้บรรยากาศในบริเวณวัดวังเวงยิ่งขึ้นไปอีก เมื่อบรรดาศิษย์ทั้งหลายที่อยู่ไกลออกไปทราบข่าวคราว ต่างก็พากันมาที่วัดเจ้าฟ้าศาลาลอยอย่างเนืองแน่นจากทั่วทุกสารทิศ เพื่อกราบนมัสการสรีระและบำเพ็ญกุศลถวายแด่หลวงปู่สงฆ์
ตั้งแต่เช้าจรดค่ำคืน ที่วัดเจ้าฟ้าศาลาลอยจะเนืองแน่นไปด้วยผู้คน บ้างต้องจอดรถยนต์เดินกันเป็นระยะทาง ๒-๓ กิโลเมตร ในระหว่างงานมีเหตุอัศจรรย์เกิดขึ้น คือ หาใช่เพียงแต่ผู้คนไม่ที่มานมัสการสรีระของหลวงปู่ แม้แต่เต่าที่ท่านได้เคยเลี้ยงและได้ปล่อยไปแล้ว ยังกลับมาที่วัดเสมือนว่ามันจะทราบว่าหลวงปู่ได้ละสังขารแล้ว
ในวันที่เต่าปรากฏนั้นเกิดพายุหมุน เล่นเอาสังกะสีหลังคาโรงที่สร้างเอาไว้สำหรับรองรับคนที่มาฟังเทศน์ ฟังการสวดพระอภิธรรม กระจัดกระจาย สังกะสีปลิวว่อนแต่ไม่มีใครได้รับอันตรายแต่อย่างใด เต่าตัวนี้มีขนาดประมาณ ๑๕-๒๐ นิ้วเห็นจะได้ เมื่อมาถึงที่ศาลามีคนอุ้มเอาขึ้นไปวางไว้ตรงหน้าหีบศพของหลวงปู่ เมื่อวางเสร็จเต่าตัวนี้ก็ทำหัวผงกๆ จากนั้นก็นิ่ง มีคนเห็นเต่าน้ำตาไหลอาบแก้มทั้งสอง ข่าวนี้กระจายไปทั่วเมืองชุมพร คนก็เลยมาดูเต่ากันมากขึ้น สิ่งที่น่าประหลาด คือ เมื่อนำเต่าออกมาถ่ายรูปหรือจะนำออกมาวางในลักษณะใดก็ตาม พอวางเสร็จซักครู่เต่าก็จะหันหัวกลับไปที่หีบศพทุกครั้ง แล้วกลับไปนอนนิ่งใต้หีบศพของหลวงปู่
ความแปลกยังมีอีก จนกระทั่งถึงวันที่ ๑๔ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๒๖ จากจำนวนเต่า ๑ ตัวแรก กลายเป็น ๙ ตัว เพราะมีเต่าเพิ่มมาอีก บางตัวมาปรากฏอยู่หน้าลานวัด บางตัวชาวบ้านจับเอามาส่งที่วัด เพราะเขาเล่าว่าตอนขณะที่พวกเขาจะเดินทางมานมัสการหลวงปู่ เต่าได้ออกมาขวางหน้ารถ คล้ายกับว่าจะให้พามันมานมัสการหลวงปู่ด้วยนั่นเอง ที่เป็นอย่างนี้เพราะเหตุว่าเมื่อตอนหลวงปู่ยังอยู่นั้นหากชาวบ้านพบเต่าคลานอยู่หรือว่าจับได้ ก็จะนำมาถวายหลวงปู่ที่วัด ท่านก็จะเอาสีเขียนทาลงไป เขียนชื่อท่านบ้าง เขียนชื่อวัดบ้าง บางตัวก็จะมีอักขระขอม เป็นที่รู้กันว่านี่คือเต่าของหลวงปู่ เป็นเต่าพันธุ์เต่าหก มีลักษณะ ๖ ขา เป็นเต่าพันธุ์เฉพาะถิ่นในแถบเมืองชุมพรนี้ บางตัวหากจะยกต้องใช้ผู้ชายกำลังดีๆ ถึง ๔คนจึงจะยกได้
มีเรื่องแปลกอีกว่า หลวงปู่ไปเข้าฝันชายคนหนึ่งแถวบ้านสามแก้ว ว่าให้ไปช่วยลูกของท่านที่ตกบ่อด้วย ชายคนนั้นไปดูตามบ่อต่างๆ ก็พบเต่ากำลังตะเกียกตะกายจะขึ้นจากบ่อมาให้ได้ เขาก็ช่วยมาจากบ่อ พอดูที่กระดองเต่าก็เห็นอักษรเขียนว่า ว.ศ.ล. คือ เป็นตัวย่อของวัดเจ้าฟ้าศาลาลอยนั่นเอง ก็เลยนำมาที่วัด มีชาวบ้านที่ได้มานมัสการหลวงปู่ เมื่อมาพบเห็นเต่าก็นำไปตีเป็นตัวเลข นำไปแทงหวย ในงวดวันที่ ๑๖ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๒๖ ถูกกันเกือบทั้งเมืองชุมพร ข่าวเรื่องเต่าของหลวงปู่เป็นที่เกรียวกราวมากในจังหวัดชุมพร
หลวงปู่สงฆ์ท่านได้เข้าพำนักอยู่ประจำที่วัดเจ้าฟ้าศาลาลอยนี้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๔๖๒จนถึงวันอังคารที่ ๒ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๒๖ ตรงกับแรม ๙ ค่ำ เดือน ๘ ปีกุน เวลาประมาณ ๑๐.๐๐ น. เศษๆ หลวงปู่สงฆ์ได้มรณภาพลงอย่างสงบ สิริอายุได้ ๙๔ ปี ๓ เดือน ๒ วัน รวมเวลาที่ท่านพำนักอยู่ที่วัดเจ้าฟ้าศาลาลอยทั้งสิ้น ๖๔ ปี
ทางคณะสงฆ์และคณะศิษยานุศิษย์ได้จัดพิธีบำเพ็ญกุศลศพของ “หลวงปู่สงฆ์ จนฺทสโร” ตั้งแต่วันที่ ๒-๑๖ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๕๖ และได้ทำพิธีปิดศพในคืนวันที่ ๑๖ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๒๖ หลังจากนั้นทุกๆ คืนจะมีการสวดพระอภิธรรมโดยพระภิกษุสงฆ์ภายในวัด และโดยเฉพาะในวันอังคารซึ่งกับวันคล้ายวันเกิดและวันมรณภาพของหลวงปู่ท่าน จะมีการสวดพิเศษคือการสวดในบทอานัตลักขณสูตรและอาทิตปริยายสูตร สลับกันไปทุกๆ วันอังคารของแต่ละสัปดาห์ และจะมีการสวดครบรอบวันมรณภาพในแต่ละปี ซึ่งตรงกับวันที่ ๒ สิงหาคม ของทุกๆ ปี โดยจะมีการนิมนต์พระเถระชั้นผู้ใหญ่ในจังหวัดชุมพรมาสวดเป็นประจำทุกๆ ปี
ปัจจุบัน สรีระสังขารของหลวงปู่ได้ตั้งประดิษฐานอยู่บนศาลา ๑๐๐ ปี ศาลาธรรมสังเวช วัดเจ้าฟ้าศาลาลอย เพื่อให้คณะศิษยานุศิษย์และพุทธศาสนิกชนโดยทั่วไปได้กราบสักการบูชา แม้ท่านจะมรณภาพรูปกายแตกดับ แต่ท่านยังคงเป็นเทพเจ้าของชาวชุมพรตลอดไป
หลวงปู่สงฆ์ จนฺทสโร เป็นพระอริยสงฆ์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ มีจริยวัตรอันงดงาม ปฏิบัติธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด ตั้งแต่ต้นจนหลวงปู่มรณภาพ อย่างสม่ำเสมอเป็นประจำทุกวันโดยไม่ขาด ด้วยปฏิปทานี้จึงเป็นที่เคารพศรัทธาในบารมีของหลวงปู่ ซึ่งกิจวัตรของหลวงปู่เป็นกิจวัตรที่เคร่งครัดยากที่พระสงฆ์รูปอื่นจะปฏิบัติตามได้
ภาพถ่ายและข้อมูล จากแฟนเพจ หลวงปู่สงฆ์ จนทสโร
แอดมิน พงษ์พัดชา (รวบรวม เรียบเรียง)
>>แนะนำกลุ่มหน่อยครับ "สวัสดีชุมพร" กลุ่มใหม่ รวมของดีทุกอำเภอ แนะนำร้านขายอาหารดีๆ อร่อยๆ ที่ขึ้นชื้อ และรีวิว
แนะนำแหล่งท่องเทียว และภาพถ่ายสวยๆ ที่พัก รีสอทร์ โรงแรม สังคมบ้านเรา ข่าวสารดีๆ ที่อัปเดท ภาพถ่ายฮาๆ จากทางบ้าง และอื่นๆ อีกมากมาย สาระล้วนๆ โพสต์ทุกโพสต์ในกลุ่มเราคัดกรองเป็นอย่างดี เชิญเข้าร่วมในกลุ่ม เป็นพี่น้อง ครอบครัว หลังคาบ้านเดียวกันกับเราได้เลย "กลุ่มนี้ไม่มีของขาย และโฆษณาให้รำคาญตา รำคาญใจ"
คลิก https://www.facebook.com/groups/sawaddeechumphon/
วัตถุมงคลต่างๆ ที่หลวงปู่สงฆ์จัดสร้างนั้น มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในการบูรณปฏิสังขรณ์และสร้างเสนาสนะต่างๆ ในวัด และเพื่อประโยชน์แก่พระบวรพุทธศาสนาทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น พระเครื่อง เครื่องราง ลูกอม ยาฉุนหรือยาเส้น ซึ่งล้วนมีความศักดิ์สิทธิ์และมีพุทธานุภาพมากมายเป็นที่ปรากฏ ทั้ง เมตตามหานิยม โชคลาภ แคล้วคลาดปลอดภัย และมหาอุด นอกจากนี้ยังเป็นที่ร่ำลือกันว่าหลวงพ่อสงฆ์มีวาจาสิทธิ์ยิ่งนัก แม้น้ำล้างก้นบาตรของท่าน หรือน้ำปลา ถ้าท่านบอกว่าเป็น “ยา” ก็จะเป็นยารักษาโรคแก่ผู้เลื่อมใสศรัทธาโดยทั่วหน้า แต่ท่านไม่เคยทำรูปของตนเองเลย จะมีก็แต่ลูกศิษย์ลูกหาที่จัดสร้างแล้วนำไปให้ท่านปลุกเสกเดี่ยว กระนั้น ท่านก็ได้อนุญาตให้ลูกศิษย์จัดสร้างพระเครื่องรูปท่านอยู่หลายรุ่นเหมือนกัน ทั้งพระรูปหล่อและเหรียญรูปเหมือน หลวงพ่อสงฆ์ มรณภาพด้วยโรคชราเมื่อวันที่ 2 สิงหาคม พ.ศ.2526 ท่านครองวัดเจ้าฟ้าศาลาลอยอยู่ถึง 64 ปี เผยแผ่สืบสานพระบวรพุทธศาสนา ช่วยเหลือผู้คนและสรรพสัตว์ทั้งหลาย การจากไปของท่านสร้างความเศร้าโศกแก่ชาวบ้านและศิษยานุศิษย์ แม้กระทั่งสรรพสัตว์ที่ท่านเคยดูแล โดยเล่ากันว่า ... ตอนที่หลวงพ่อสงฆ์มรณภาพ ท่ามกลางสายตาชาวบ้านนับพันที่มาอาบน้ำศพหลวงพ่อ พวกเต่าได้คลานขึ้นศาลาและเข้าไปนอนใต้ที่ตั้งโลงศพของหลวงพ่อ พวกมันร้องไห้ทุกตัว น้ำตาไหลจนเห็นได้ชัด ... แสดงให้เห็นถึงความมีเมตตาบารมีอย่างสูงส่ง ปัจจุบัน สรีระของหลวงพ่อสงฆ์ ยังคงประดิษฐาน ณ โลงแก้ว ใน ศาลาธรรมสังเวช เพื่อให้พุทธศาสนิกชนและศิษยานุศิษย์ได้กราบสักการบูชาด้วยความเลื่อมใสศรัทธาสืบไปตราบนานเท่านานครับผม
ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
เหรียญหลวงพ่อสงฆ์เจ้าฟ้าศาลาลอยปี 2518 ออกวัดสำเภาทองให้บูชา 180 บาทค่าจัดส่ง 30 บาทระบบ flash หรือ j&t หรือ kerry(ปิดรายการ)
-
ศึกษาพุทธาคมจากพระเกจิชื่อดัง คือ หลวงพ่อรุ่ง วัดหนองสีนวล อ.ตาคลี, หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ อ.ตาคลี, หลวงพ่อพรหม วัดช่องแค อ.ตาคลี และหลวงพ่อเชน วัดสิงห์ อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี
นอกจากนี้ ยังมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับหลวงพ่อรุ่ง และหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ สองพระเกจิอาจารย์ชื่อดังของอำเภอตาคลี ในฐานะที่เป็นหลานที่ใกล้ชิด โดยโยมพ่อคือ นายชิต แป้นโต เป็นน้องชายแท้ๆ ของหลวงพ่อรุ่ง และแม่ของนายชิต เป็นพี่สาวแม่ของหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ
ด้านการศึกษาด้านพุทธาคม เมื่อกลับจากการเป็นครูสอนนักธรรมที่วัดดอนยานนาวาแล้ว ท่านได้มาอยู่กับหลวงพ่อรุ่ง ที่วัดหนองสีนวล ซึ่งในระยะนี้เองที่ได้ศึกษาวิทยาคมต่างๆ จากหลวงพ่อรุ่ง
ส่วนหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ ท่านมาที่วัดหนองสีนวลอยู่เป็นประจำ จึงได้ศึกษาวิชาต่างๆ จากหลวงพ่อเดิมอีกทางหนึ่งด้วย
ทั้งนี้ จากคำบอกเล่ายังมีอาจารย์อยู่อีก 2 รูปคือ หลวงพ่อพรหม วัดช่องแค อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ ในช่วงปี พ.ศ.2500 เป็นต้นมา ท่านมักไปเยี่ยมหลวงพ่อพรหมเป็นประจำ
พระอาจารย์อีกรูปคือ หลวงพ่อเชน วัดสิงห์ ต.ทับยา อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี
ด้านวิปัสสนากัมมัฏฐาน หลวงพ่อโอด เป็นผู้ที่เชี่ยวชาญทางด้านการปฏิบัติมาก ท่านศึกษามาจากหลวงพ่อรุ่ง ต่อมาท่านได้ไปศึกษาต่อที่สำนักวิปัสสนาวัดมหาธาตุ กรุงเทพฯ
ระหว่าง พ.ศ.2500 เปิดสำนักสอน วิปัสสนากัมมัฏฐานที่วัดจันเสน
หลวงพ่อโอดเป็นพระที่มีเมตตาสูงยิ่งวันหนึ่งๆท่านจะนั่งคอยรับแขกอยู่ทั้งวันใครมีเรื่องทุกข์ร้อนใจไปหาท่านท่านก็จะให้คำแนะนำที่ดีโดยไม่เลือกชั้นวรรณะไม่ว่าจะยากดีมีจนท่านมรณภาพ
ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
พระผงสมเด็จรุ่นนี้ เป็นพระผงที่รวบรวมมวลสาร ต่างๆ อย่างมากมาย เช่น ผงเก่าๆ ชานหมากอันศักดิ์สิทธิ์ ผงธูป เกษา น้ำมนต์ และ ผงพุทธคุณต่างๆ...หลวงพ่อโอดอธิษฐานจิตเดี่ยว ทุกเช้าค่ำ ในกุฏิ ให้อย่างเต็มที่ 1 ไตรมาส . ให้บูชา 180 บาทค่าจัดส่ง 30 บาทระบบ flash หรือ j&t หรือ kerry(ปิดรายการ)
-
เหรียญหลวงพ่อสงฆ์
วัดเจ้าฟ้าศาลาลอยปี 2518
ออกวัดสำเภาทอง
ขอจองค่ะ -
-
ศึกษาพุทธาคมจากพระเกจิชื่อดัง คือ หลวงพ่อรุ่ง วัดหนองสีนวล อ.ตาคลี, หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ อ.ตาคลี, หลวงพ่อพรหม วัดช่องแค อ.ตาคลี และหลวงพ่อเชน วัดสิงห์ อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี
นอกจากนี้ ยังมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับหลวงพ่อรุ่ง และหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ สองพระเกจิอาจารย์ชื่อดังของอำเภอตาคลี ในฐานะที่เป็นหลานที่ใกล้ชิด โดยโยมพ่อคือ นายชิต แป้นโต เป็นน้องชายแท้ๆ ของหลวงพ่อรุ่ง และแม่ของนายชิต เป็นพี่สาวแม่ของหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ
ด้านการศึกษาด้านพุทธาคม เมื่อกลับจากการเป็นครูสอนนักธรรมที่วัดดอนยานนาวาแล้ว ท่านได้มาอยู่กับหลวงพ่อรุ่ง ที่วัดหนองสีนวล ซึ่งในระยะนี้เองที่ได้ศึกษาวิทยาคมต่างๆ จากหลวงพ่อรุ่ง
ส่วนหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ ท่านมาที่วัดหนองสีนวลอยู่เป็นประจำ จึงได้ศึกษาวิชาต่างๆ จากหลวงพ่อเดิมอีกทางหนึ่งด้วย
ทั้งนี้ จากคำบอกเล่ายังมีอาจารย์อยู่อีก 2 รูปคือ หลวงพ่อพรหม วัดช่องแค อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ ในช่วงปี พ.ศ.2500 เป็นต้นมา ท่านมักไปเยี่ยมหลวงพ่อพรหมเป็นประจำ
พระอาจารย์อีกรูปคือ หลวงพ่อเชน วัดสิงห์ ต.ทับยา อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี
ด้านวิปัสสนากัมมัฏฐาน หลวงพ่อโอด เป็นผู้ที่เชี่ยวชาญทางด้านการปฏิบัติมาก ท่านศึกษามาจากหลวงพ่อรุ่ง ต่อมาท่านได้ไปศึกษาต่อที่สำนักวิปัสสนาวัดมหาธาตุ กรุงเทพฯ
ระหว่าง พ.ศ.2500 เปิดสำนักสอน วิปัสสนากัมมัฏฐานที่วัดจันเสน
หลวงพ่อโอดเป็นพระที่มีเมตตาสูงยิ่งวันหนึ่งๆท่านจะนั่งคอยรับแขกอยู่ทั้งวันใครมีเรื่องทุกข์ร้อนใจไปหาท่านท่านก็จะให้คำแนะนำที่ดีโดยไม่เลือกชั้นวรรณะไม่ว่าจะยากดีมีจนท่านมรณภาพ
ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
พระสมเด็จหลังยันต์นะหลวงพ่อโอดวัดจันเสนปี 2531 ให้บูชา 200 บาทค่าจัดส่ง 30 บาทระบบ flash หรือ j&t หรือเคอรี่(ปิดรายการ)
-
เหรียญหลวงพ่อโอดวัดจันเสนปี 25 ออกวัดห้วยลำใย ให้บูชา 130 บาทค่าจัดส่ง 30 บาทระบบ flash หรือ j&t หรือเคอรี่(ปิดรายการ)
-
เหรียญเสมาหลวงปู่ครูบาตั๋น-หลังครูบาอิน
ครูบาตั๋น ปัญโญ สำนักสงฆ์ม่อนปู่อิ่น จ.เชียงใหม่
หลวงปู่ครูบาตั๋น ท่านเป็นพระปฎิบัติอยู่ตามป่าเขาและนิยมออกธุดงค์และยังเป็นอาจารย์พระกรรมฐาน (มหานิกาย) ของพระครูขันตยาภรณ์ หรือหลวงปู่ครูบาคำขันติโก สำนักสุสานไตรลักษณ์ ซึ่งเป็นครูบาอาจารย์ที่เน้นเรื่องการปฏิบัติกรรมฐานเป็นที่เคารพนับถือของชาวเชียงใหม่และใกล้เคียง
ด้วยความที่ท่านเป็นพระรักสงบ จึงไปปฎิบัติธรรมบนสำนักสงฆ์ม่อนปู่อิ่น โดยไม่รับตำแหน่งใดๆ จนถึงปัจจุบัน นอกจากนี้หลวงปู่ครูบาหม่อนตั๋นยังได้สร้างพระเครื่องและเครื่องรางของขลังให้กับประชาชนได้เก็บเป็นเครื่องบูชาไว้หลายรุ่น พระเครื่องหลากหลายอย่าง ซึ่งคุณงามความดีของท่านที่ได้สร้างไว้ให้กับพระพุทธศาสนา และช่วยเหลือประชาชนทำให้มีลูกศิษย์ทั้งในเชียงใหม่และจังหวัดอื่นๆ จำนวนมาก
หลวงปู่ตั๋น เคยพูดไว้ว่า
"หลวงปู่ครูบาอิน (วัดฟ้าหลั่ง) ท่านน่ะแนวหน้านะ แต่เราแนวลึก"
ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
มองหาประวัติท่านหลวงปู่ครูบาอินครูบาตั๋นอ่านก่อนนะครับในพลังจิตมีเขียนเล่าไว้พอสมควร
เหรียญครูบาอินหลังครูบาตั๋นให้บูชา 130 บาทค่าจัดส่ง 30 บาทระบบ flash หรือ j&t หรือเคอรี่(ปิดรายการ)
-
เหรียญครูบาอินวัดฟ้าหลั่ง พระบูชา 100 บาทค่าจัดส่ง 30 บาทระบบ flash หรือ j&t หรือเคอรี่
-
หลวงปู่ขาว พุทธรักขิโต วัดป่าคูณคำวิปัสสนา
◎ ปาฏิหารย์ หลวงปู่ขาว พุทธรักขิโต
ปาฏิหารย์ด้านต่าง ๆ ของหลวงปู่ขาว ซึ่งได้รับการเปิดเผยจากลูกศิษย์ใกล้ชิด (อาจารย์พิทักษ์) เช่น การล่วงรู้ลางหน้าต่าง ๆ เช่นเวลาจะมีใครไปหาท่าน ๆ จะบอกให้ลูกศิษย์หรือพระเณรจัดเตรียมส่งของไว้ต้อนรับและบอก ว่าคนนั้น คนนี้จะมาหาท่านซึ่งเมื่อถึงเวลาก็มีผู้มาหาตามที่ท่านบอกทุกอย่างโดยไม่มีการนัดหมายมาก่อน
“มีอยู่ครั้งหนึ่งมีพระชรามาจากประเทศลาวตั้งใจจะมาสนทนาธรรมกับท่าน แต่เมื่อเข้าไปในกุฏิหลวงปู่ต่อหน้าหลวงปู่แล้ว กลับลุกขึ้นวิ่ง หนีออกจากกุฏดังกล่าว โดยไม่ทราบสาเหตุ ซึ่งต่อมาภายหลังได้สอบถามกับพระรูปนั้นจึงทราบว่าที่ท่าน ลูกขึ้นวิ่งหนี เนื่องจากเห็นงูใหญ่ ๒ ตัว เลื้อยออก มาจากใต้ธรรมมาส ซึ่งทําจากกระดูกช้างที่หลวงปู่ขาวนั่งอยู่ และตรงจะเข้าทําร้ายจึงเกิดความตกใจและวิ่งหนี ดังกล่าว โดยขณะนั้นมีชาวบ้านนั่งอยู่ หลายคน แต่ไม่มีผู้ใดมองเห็นงูที่ว่าแต่อย่างใด”
สิ่งที่น่าอัศจรรย์อีกเรื่องหนึ่งก็คือ เมื่อครั้งที่หลวงปู่ขาวเดินทางไปที่ประเทศลาว โดยตั้งใจจะไปเมืองๆ หนึ่งท่านได้เดินไปตามถนนตามธรรมดา ปรากฎว่ามีรถปิกอัพวิ่งมา โดยในรถคันนั้นจะมีพระภิกษุชรานั่งมาด้าย ๓ รูป ท่านจึงโบกขออาศัยรถไปด้วย เมื่อท่านขึ้นรถเรียบร้อยก็ออก เดินทางต่อไป แต่ไปได้ไม่ไกล เครื่องรถเกิดดับ ซึ่งหลังจากคนขับรถลงไปตราจสอบดูแล้วทราบว่าน้ำมันหมด และขณะนั้นได้มีเสียงกระซิบบอก ให้หลวงปู่ขาวลงไปใช้ไม้เท้าเคาะที่ถังน้ำมันรถ ๓ ครั้ง ซึ่งหลังจากท่านลงไปเคาะแล้วรถสตาร์ทติด และวิ่งจนถึงจุดหมายทั้งที่อยู่ห่างหลายสิบกิโลเมตร สร้างความฉงนจากพระชรา ๓ รูปเป็นอย่างมาก จึงมีการฝากตัวเป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่ขาว และเดินทางมาหาอยู่ไม่ขาด”
“อีกครั้งหนึ่งเร็ว ๆ นี้ เป็นช่วงการหาเสียง เลือกตั้งของ ส.ส.ทั่วประเทศ ตนได้นิมนต์หลวงปู่ขาว ไปฉันเพลที่บ้านของตนซึ่งในวันนั้นตนได้เชิญญาติ คือ นางมาลีรัตน์ แก้วก่า ผู้สมัครหญิงคนหนึ่งของสกลนคร ไปนมัสการหลวงปู่แต่ไม่ได้บอกให้หลวงปู่ทาบก่อนว่าเป็นผู้สมัคร ส.ส. ครั้นถึงเวลาญาติของตนก็เดินทางไปถึง เมื่อหลวงปู่ขาวมองเห็นจึงได้ทักว่าอีน้อยคนนี้มึงเอาที่ ๓ ก็พอนะ ซึ่งหลังจากการเลือกตั้งผ่านพ้นไป ปรากฏว่านางมาลีรัตน์ แก้วก่า ได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส.สกลนคร สมใจ และได้คะแนนมาเป็นอันดับ ๓ ตรงกับที่หลวงปู่ขาวทํานายไว้ สร้าง ความศรัทธาแก่ชาวบ้านจนมีการเหมารถกันมาหาหลวงปู่และชมวัตถุโบราณวันละกว่า ๕๐๐ คน
อาจารย์พิทักษ์ เปิดเผยอีกว่า ในช่วงนี้หลวงปู่กําลังให้ช่างวาดรูปเจ้าเกรียงไกร เจ้าเมืองลาวในอดีตคือตัวท่านหลวงปู่ขาวในชาตินี้ ขณะนี้ใกล้จะ เสร็จแล้ว ซึ่งหลวงปู่บอกว่าช่างวาดได้เหมือนมาก ส่วนรูปปั้นนั้นหลวงปู่ขาวจะให้ตนเป็นผู้สร้าง เนื่องจากเห็นว่าตนมีความสะอาดซื่อสัตย์ ซึ่งตนก็จะพยายาม ทําให้ได้เช่นกัน
สําหรับประวัติหลวงปู่ขาวนี้ อาจารย์พิทักษ์เปิดเผยว่า เมื่อครั้งที่ตน เป็นครูอยู่ที่ ร.ร.บ้านกลาง ต.กุดไห เด็กชายขาว ได้เป็นลูกศิษย์ของคนคนหนึ่ง ซึ่งขณะที่เรียนหนังสือนั้น ด.ช.ขาวเรียนหนังสืออ่อนมาก อ่านหนังสือก็แทบไม่ ออกเขียนหนังสือก็ไม่ได้ แต่ต่อมาเมื่อตนมาพบอีกทีเมื่อเป็นพระแล้วกลับอ่าน ออกเขียนได้คล่อง ซึ่งหลวงปู่เคยเล่าให้ฟังว่าได้นอนหลับและนิมิตว่าได้พบโยคีชราตนหนึ่ง และโยคตนนั้นได้ถามหลวงปู่ว่าอยากอ่านหนังสือได้เขียน หนังสือได้หรือไม่ ซึ่งหลวงปู่ก็ตอบว่าอยาก โยคีตนนั้นจึงได้เข้ามาเป่าที่ กระหม่อมหลวงปู่ ๓ ครั้ง หลังจากตื่นขึ้นจึงอ่านออกเขียนได้ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
อย่างไรก็ตามวัตถุโบราณทุกชิ้นยังไม่ได้รับการตรวจสอบเพื่อขึ้นบัญชี จากกรมศิลปากร แต่อย่างไร ซึ่งหลวงปู่ขาวกล่าวว่า หากทางเจ้าหน้าที่ ต้องการจะมาดูเพื่อตรวจสอบก็ไม่ขัดข้อง
ประวัติ วัดป่าคูณคําฯ แต่เดิมประมาณปี พ.ศ.๒๔๙๒ พระอาจารย์ทองคํา ได้ธุดงค์ผ่านมาเพื่อปฏิบัติธรรม บริเวณที่เป็นวัดขณะนี้เป็นที่ดินสงวน แต่ เมื่อพระอาจารย์ทองคําปฏิบัติธรรมได้ ๑ เดือนชาวบ้านจึงช่วยกันสร้างกุฏิเพื่อให้อาจารย์ทองคําจําพรรษา หลังจากช่วงเข้าพรรษาผ่านไปพระอาจารย์ทองคํา จึงเดินธุดงค์ไปที่อื่นสถานที่แห่งนั้นจึงเป็นที่รกร้างต่อ
หลวงปู่ขาว พุทธรักขิโต วัดป่าคูณคำวิปัสสนา
◎ ปาฏิหารย์ หลวงปู่ขาว พุทธรักขิโต
ปาฏิหารย์ด้านต่าง ๆ ของหลวงปู่ขาว ซึ่งได้รับการเปิดเผยจากลูกศิษย์ใกล้ชิด (อาจารย์พิทักษ์) เช่น การล่วงรู้ลางหน้าต่าง ๆ เช่นเวลาจะมีใครไปหาท่าน ๆ จะบอกให้ลูกศิษย์หรือพระเณรจัดเตรียมส่งของไว้ต้อนรับและบอก ว่าคนนั้น คนนี้จะมาหาท่านซึ่งเมื่อถึงเวลาก็มีผู้มาหาตามที่ท่านบอกทุกอย่างโดยไม่มีการนัดหมายมาก่อน
“มีอยู่ครั้งหนึ่งมีพระชรามาจากประเทศลาวตั้งใจจะมาสนทนาธรรมกับท่าน แต่เมื่อเข้าไปในกุฏิหลวงปู่ต่อหน้าหลวงปู่แล้ว กลับลุกขึ้นวิ่ง หนีออกจากกุฏดังกล่าว โดยไม่ทราบสาเหตุ ซึ่งต่อมาภายหลังได้สอบถามกับพระรูปนั้นจึงทราบว่าที่ท่าน ลูกขึ้นวิ่งหนี เนื่องจากเห็นงูใหญ่ ๒ ตัว เลื้อยออก มาจากใต้ธรรมมาส ซึ่งทําจากกระดูกช้างที่หลวงปู่ขาวนั่งอยู่ และตรงจะเข้าทําร้ายจึงเกิดความตกใจและวิ่งหนี ดังกล่าว โดยขณะนั้นมีชาวบ้านนั่งอยู่ หลายคน แต่ไม่มีผู้ใดมองเห็นงูที่ว่าแต่อย่างใด”
“สิ่งที่น่าอัศจรรย์อีกเรื่องหนึ่งก็คือ เมื่อครั้งที่หลวงปู่ขาวเดินทางไปที่ประเทศลาว โดยตั้งใจจะไปเมืองๆ หนึ่งท่านได้เดินไปตามถนนตามธรรมดา ปรากฎว่ามีรถปิกอัพวิ่งมา โดยในรถคันนั้นจะมีพระภิกษุชรานั่งมาด้าย ๓ รูป ท่านจึงโบกขออาศัยรถไปด้วย เมื่อท่านขึ้นรถเรียบร้อยก็ออก เดินทางต่อไป แต่ไปได้ไม่ไกล เครื่องรถเกิดดับ ซึ่งหลังจากคนขับรถลงไปตราจสอบดูแล้วทราบว่าน้ำมันหมด และขณะนั้นได้มีเสียงกระซิบบอก ให้หลวงปู่ขาวลงไปใช้ไม้เท้าเคาะที่ถังน้ำมันรถ ๓ ครั้ง ซึ่งหลังจากท่านลงไปเคาะแล้วรถสตาร์ทติด และวิ่งจนถึงจุดหมายทั้งที่อยู่ห่างหลายสิบกิโลเมตร สร้างความฉงนจากพระชรา ๓ รูปเป็นอย่างมาก จึงมีการฝากตัวเป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่ขาว และเดินทางมาหาอยู่ไม่ขาด”
“อีกครั้งหนึ่งเร็ว ๆ นี้ เป็นช่วงการหาเสียง เลือกตั้งของ ส.ส.ทั่วประเทศ ตนได้นิมนต์หลวงปู่ขาว ไปฉันเพลที่บ้านของตนซึ่งในวันนั้นตนได้เชิญญาติ คือ นางมาลีรัตน์ แก้วก่า ผู้สมัครหญิงคนหนึ่งของสกลนคร ไปนมัสการหลวงปู่แต่ไม่ได้บอกให้หลวงปู่ทาบก่อนว่าเป็นผู้สมัคร ส.ส. ครั้นถึงเวลาญาติของตนก็เดินทางไปถึง เมื่อหลวงปู่ขาวมองเห็นจึงได้ทักว่าอีน้อยคนนี้มึงเอาที่ ๓ ก็พอนะ ซึ่งหลังจากการเลือกตั้งผ่านพ้นไป ปรากฏว่านางมาลีรัตน์ แก้วก่า ได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส.สกลนคร สมใจ และได้คะแนนมาเป็นอันดับ ๓ ตรงกับที่หลวงปู่ขาวทํานายไว้ สร้าง ความศรัทธาแก่ชาวบ้านจนมีการเหมารถกันมาหาหลวงปู่และชมวัตถุโบราณวันละกว่า ๕๐๐ คน
อาจารย์พิทักษ์ เปิดเผยอีกว่า ในช่วงนี้หลวงปู่กําลังให้ช่างวาดรูปเจ้าเกรียงไกร เจ้าเมืองลาวในอดีตคือตัวท่านหลวงปู่ขาวในชาตินี้ ขณะนี้ใกล้จะ เสร็จแล้ว ซึ่งหลวงปู่บอกว่าช่างวาดได้เหมือนมาก ส่วนรูปปั้นนั้นหลวงปู่ขาวจะให้ตนเป็นผู้สร้าง เนื่องจากเห็นว่าตนมีความสะอาดซื่อสัตย์ ซึ่งตนก็จะพยายาม ทําให้ได้เช่นกัน
สําหรับประวัติหลวงปู่ขาวนี้ อาจารย์พิทักษ์เปิดเผยว่า เมื่อครั้งที่ตน เป็นครูอยู่ที่ ร.ร.บ้านกลาง ต.กุดไห เด็กชายขาว ได้เป็นลูกศิษย์ของคนคนหนึ่ง ซึ่งขณะที่เรียนหนังสือนั้น ด.ช.ขาวเรียนหนังสืออ่อนมาก อ่านหนังสือก็แทบไม่ ออกเขียนหนังสือก็ไม่ได้ แต่ต่อมาเมื่อตนมาพบอีกทีเมื่อเป็นพระแล้วกลับอ่าน ออกเขียนได้คล่อง ซึ่งหลวงปู่เคยเล่าให้ฟังว่าได้นอนหลับและนิมิตว่าได้พบโยคีชราตนหนึ่ง และโยคตนนั้นได้ถามหลวงปู่ว่าอยากอ่านหนังสือได้เขียน หนังสือได้หรือไม่ ซึ่งหลวงปู่ก็ตอบว่าอยาก โยคีตนนั้นจึงได้เข้ามาเป่าที่ กระหม่อมหลวงปู่ ๓ ครั้ง หลังจากตื่นขึ้นจึงอ่านออกเขียนได้ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
อย่างไรก็ตามวัตถุโบราณทุกชิ้นยังไม่ได้รับการตรวจสอบเพื่อขึ้นบัญชี จากกรมศิลปากร แต่อย่างไร ซึ่งหลวงปู่ขาวกล่าวว่า หากทางเจ้าหน้าที่ ต้องการจะมาดูเพื่อตรวจสอบก็ไม่ขัดข้อง
ประวัติ วัดป่าคูณคําฯ แต่เดิมประมาณปี พ.ศ.๒๔๙๒ พระอาจารย์ทองคํา ได้ธุดงค์ผ่านมาเพื่อปฏิบัติธรรม บริเวณที่เป็นวัดขณะนี้เป็นที่ดินสงวน แต่ เมื่อพระอาจารย์ทองคําปฏิบัติธรรมได้ ๑ เดือนชาวบ้านจึงช่วยกันสร้างกุฏิเพื่อให้อาจารย์ทองคําจําพรรษา หลังจากช่วงเข้าพรรษาผ่านไปพระอาจารย์ทองคํา จึงเดินธุดงค์ไปที่อื่นสถานที่แห่งนั้นจึงเป็นที่รกร้างต่อไป
ต่อมาปี พ.ศ.๒๔๙๘ หลวงพ่อผัน ได้มาพักปฏิบัติธรรมประมาณ ๔-๕ เดือน แล้วก็ธุดงค์ต่อไป แต่ก็ยังมีพระธุดงค์อีกหลายรูปผ่านมาปฏิบัติธรรม ซึ่งก็ยัง ไม่มีพระรูปใดอยู่ตลอด
ในปี พ.ศ.๒๕๒๖ หลวงพ่อซ้อนได้มาปฏิบัติธรรมที่นี่ แต่เนื่องด้วยยังเป็นเณร จึงอยู่ได้ไม่นาน บริเวณนี้จึงต้องรกร้างอีกครั้ง
จนถึงปี พ.ศ.๒๕๒๘ หลวงพ่อเบี้ยว ฐานวิโร (อดีตประธานสงฆ์) ได้พิจารณาพื้นที่แห่งนี้ว่ามี ความสงบวิเวก เหมาะแก่การปฏิบัติธรรม จึงได้ชักชวนญาติโยมหลายคนมาช่วยกันตั้งเป็นสํานักสงฆ์ขึ้น สร้างกุฏิ ขยายออกไป ตรงกับวันที่ ๑๕ ตุลาคม ๒๕๒๘ และได้ปฏิบัติธรรม ณ ที่นี่ตลอดมา
จนกระทั่ง เมื่อ พ.ศ. ๒๕๓๓ หลวงปู่ขาว หรือ พระอธิการสุพัตร์ พุทธรักขิโต ภายหลังจากธุดงค์ได้เดินทางกลับมายังบ้านเกิดของท่านและ ได้พิจารณาร่วมกับชาวบ้านกลางแล้วเห็นสมควร ที่จะพัฒนาสํานักสงฆ์แห่งนี้เพื่อเป็นวัดสืบต่อไป ต่อมาได้มีมติความเห็นชอบของคณะกรรมการมหา เถรสมาคมและกรมการศาสนาในสมัยนั้น (ปัจจุบัน กรมการศาสนาได้เปลี่ยนเป็นสํานักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ) ได้อนุญาตให้สํานักสงฆ์ป่าคูณคําวิปัสสนา ยกลําดับฐานะขึ้นเป็นวัดในวันที่ ๒๗ มกราคม พ.ศ.๒๕๔๘
วัดป่าคูณคำวิปัสสนาแห่งนี้ถือเป็นวัดป่าที่มีความร่มรื่นด้วยต้นไม้น้อยใหญ่มากมายอุดมสมบูรณ์อย่างยิ่ง
กุฏิของหลวงปู่ขาว อยู่ลึกเข้าไปในป่าใต้ร่มเงาไม้ใหญ่ ทางเดินเล็กๆ เทหล่อด้วยคอนกรีตลดเลี้ยว เลาะไปตามใต้โคนไม้
เมื่อวันที่ ๑๘ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๔๗ หลวงปู่ขาว พุทธรักขิโต ท่านก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดป่าคูณคำวิปัสสนา สืบต่อมากระทั่งปัจจุบัน
หลวงปู่ใหญ่ หลวงปู่เทพโลกอุดร
◎ หลวงปู่ขาว ท่านไดเเล่าให้ทราบเกี่ยวกับเรื่องหลวงปู่เทพโลกอุดร
หลวงปู่ขาว พุทธรักขิตโต ท่านได้เมตตาเล่าถึงความสัมพันธ์ที่ตัวท่านได้รับจากหลวงปู่เทพโลกอุดรให้ได้รับทราบว่า
“เรายอมจริงๆ ยอมรับท่านทุกอย่างยอมเป็นทาสรับใช้ท่านยอมสิโรราบ เพราะเราเคยเห็นสิ่งต่างๆ หลายอย่างจากท่านแต่ถ้าเราจะมายกให้เห็นเป็นหลักฐานขึ้นมาอ้างอิงเช่นคนอื่นๆ นั้นจนปัญญา เพราะไม่มีตัวตนในตอนที่ได้อยู่กับท่านด้วยกายเนื้อตลอด ๗ วัน แต่สำหรับทุกๆ วันพระท่านจะมาสอนประจำทางสมาธิจะอยู่ในทุกวันพระท่านก็จะมาสอนให้โอวาท อย่างงานล่าสุดที่ท่านให้บูรณะพระธาตุคูณคำ ในวัดมีอะไรจะปรึกษาท่านตลอดอย่างปรึกษาท่าน “ลูกจะสร้าง สิ่งนี้จะสำเร็จไหม”
ท่านหลวงปู่บรมครูจะบอกให้ทราบ..
ลูกเอ๋ย ถ้าถามว่าการสร้างในพระพุทธศาสนานี่มันดีไหม? มันดี แต่ก็อย่างมงายแต่ให้สร้างเพราะสละความตระหนี่ สร้างเพื่อให้เป็นพุทธบูชา ถ้าจะสร้างก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าการสร้างวัตถุเพื่อให้เกิดอิทธิฤทธิ์ต่างๆ นั้นมันผิดกับหลักธรรมคำสอนน่ะ พระพุทธเจ้าซึ่งเป็นพระบรมศาสดาของเราท่านไม่ได้สอนในเรื่องฤทธิ์เรื่องเดช ท่านไม่ได้สอนให้ทำในเรื่องวัตถุมงคล แต่ถ้าเราทำ ก็ทำได้ แต่ว่าเราอย่าไปยึดติดกับมันเราทำไว้เพื่อประดับตาโลกแต่สิ่งนี้มิใช่แก่นของพระธรรม แต่พ่อก็ไม่ห้ามแต่ก็อย่าไปหลงงมงาย จนถอนตัวไม่ขึ้น วัตถุมงคลนั้นมันดีตรงกำลังใจ สมมติเรามีความท้อแท้ แต่จิตเรามีความเชื่อว่าสิ่งทั้งหลายมันช่วยได้นั่นแหละคือตัวศรัทธา ความเชื่อมันเกิดเป็นฤทธิ์กระตุ้นจิตใจเขาให้ได้เกิดผลเมื่อผลที่มันเกิดขึ้นที่จิตใจเขาได้รับผลดังที่ใจเขาจึงเกิดความเชื่อ ศรัทธานับถือมีฤทธิ์มีเดช ศักดิ์สิทธิ์จริงๆ แท้ที่จริงแล้วมันเกิดจากจิตของเขามันไม่ได้เกิดจากวัตถุนั้นถ้าทำด้วยความเชื่อศรัทธามัน จึงจะเกิดเป็นฤทธิ์เป็นผล”
หลวงปู่ขาว จึงได้กราบเรียนท่านหลวงปู่เทพโลกอุดร “แล้ววัตถุมงคลที่พ่อสร้างไว้ล่ะมีไหม”
ท่านบอกให้ทราบ.. “ตั้งแต่พ่อบวชมาในสมัยครั้งท่านหลวงพ่อมหากัสสปะเถระ เป็นพระอาจารย์สอนกรรมฐาน ท่านไม่เคยสอนเรื่องการสร้างวัตถุมงคล ท่านสอนเรื่องการปฏิบัติอย่างเดียวเน้นหนักมีแต่เรื่องธรรมะล้วนๆ เน้นการปฏิบัติล้วนๆ ไม่ได้สอนในเรื่องวัตถุมงคลแต่ที่เขาเล่าลือ กันว่าเป็นพระกรุหลวงพ่อแตกที่นั่นที่นี่สิ่งที่เขาพูดเขาอุปโลกน์ขึ้นมาเองพ่อไม่ได้ทำขึ้น แต่ที่ทำจริงๆคือกรุวังหน้า ๘๔,๐๐๐ องค์นั้น พ่อทำไว้จริงๆ ทุกสิ่งทุกอย่างน่ะลูกเราจะทำอะไรก็ช่างขอให้ใจเรามีความศรัทธาเต็มร้อยเชื่อเต็มร้อย เมื่อเรามีความเชื่อศรัทธาเต็ม
ร้อยความสำเร็จนั้นไม่ได้อยู่ที่วัตถุมงคล แต่สำเร็จที่ใจเราเมื่อใจเราสำเร็จแล้ว ทุกอย่างมันต้องสำเร็จ เพราะทุกอย่างมันเกิดที่เหตุ เกิดขึ้นที่ใจ ถ้าเรามีความเชื่อขอให้เราตั้งจิตอธิษฐานขอบารมีธรรมที่เราได้บำเพ็ญมาทุกภพทุกชาติบารมีธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านเป็นพระบรมครูแต่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสากลโลกนี้ เราขอแผ่บิณฑบาตเอากับเทวดาองค์นั้นกับเทวดาองค์นี้จงไปหาข้าทาส
บริวารที่เคยสร้างบารมีธรรมในพระพุทธศาสนาถ้าจะสร้างนั่น สร้างนี่ให้บอกวัตถุประสงค์เขาและขอบารมีเขาขอแผ่เมตตาบิณฑบาตให้ไปสะกิดจิตใจข้าทาสบริวารเนื้อนาบุญสาวกของพระพุทธเจ้า นั่นแหละใครมีศรัทธาก็ขอให้มารวมบารมีธรรมอธิษฐานเอา
ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
พระนางพญาปืนหลับวัตถุมงคลยุคแรกๆของหลวงปู่ขาวให้บูชา 300 บาทค่าจัดส่ง 30 บาทระบบ flash หรือj&tหรือเคอรี่(ปิดรายการ)
-
ผ้ายันต์มหาลาโภหลวงพ่อเกษมเขมโกปี 2534 ให้บูชา 100 บาทค่าจัดส่ง 30 บาทระบบ flash หรือ j&t หรือ kerry(ปิดรายการ)
-
ผ้ายันต์แขวนหน้ารถหน้าร้านหลวงพ่อแพวัดพิกุลทองให้บูชา 100 บาทค่าจัดส่ง 30 บาทระบบ flash หรือ j&t หรือเคอรี่
-
-
-
-
-
-
พระผงสมเด็จรุ่นนี้ เป็นพระผงที่รวบรวมมวลสาร ต่างๆ อย่างมากมาย เช่น ผงเก่าๆ ชานหมากอันศักดิ์สิทธิ์ ผงธูป เกษา น้ำมนต์ และ ผงพุทธคุณต่างๆ...หลวงพ่อโอดอธิษฐานจิตเดี่ยว ทุกเช้าค่ำ ในกุฏิ ให้อย่างเต็มที่ 1 ไตรมาส . องค์ที่๒ ให้บูชา 200 บาทค่าจัดส่ง 30 บาทระบบ flash หรือ j&t หรือ kerry
-
หลวงปู่ตั๋น เคยพูดไว้ว่า
"หลวงปู่ครูบาอิน (วัดฟ้าหลั่ง) ท่านน่ะแนวหน้านะ แต่เราแนวลึก"
ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
มองหาประวัติท่านหลวงปู่ครูบาอินครูบาตั๋นอ่านก่อนนะครับในพลังจิตมีเขียนเล่าไว้พอสมควร
เหรียญที่๒
เหรียญครูบาอินหลังครูบาตั๋นให้บูชา 130 บาทค่าจัดส่ง 30 บาทระบบ flash หรือ j&t หรือเคอรี่
หน้า 15 ของ 102