ปริศนาสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย herobomzadk, 22 ตุลาคม 2008.

  1. herobomzadk

    herobomzadk สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    74
    ค่าพลัง:
    +1
    ต่อคับไม่มีไรทำอิอิ^^

    [​IMG]



    "เบอร์มิวด้า" Bermuda อยู่ในมหาสมุทรแอตแลนติก

    ข้อมูลวันนี้ต่างจากเดิม เพราะชี้ให้เห็นว่าจริงๆ แล้ว คำร่ำลือก็มีส่วนมากที่ทำให้สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้ากลายเป็นแดนปริศนามรณะ หรือทไวไลท์โซน



    [SIZE=+0]พื้นที่สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า ติดหมู่เกาะเบอร์มิวด้า เปอร์โตริโก และฟอร์ต โลเดอร์เดล รัฐฟลอริดา สหรัฐ มีตำนานเล่าขานตั้งแต่สมัยปี 1492 นักเดินเรือคนดังคริสโตเฟอร์ โคลัมบัส พบเห็นแสงวาบบนท้องฟ้าเหมือนเปลวไฟดวงใหญ่ ฟาดลงในมหาสมุทร ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ผู้ศึกษาในเวลาต่อมา สันนิษฐานว่า อาจเป็นดาวเคราะห์น้อย หรือรอยต่ออุณหภูมิที่ต่างกันระหว่างขั้วโลกเหนือและสนามแม่เหล็กเหนือ


    [​IMG]ต่อมามีเหตุการณ์สำคัญอีกเรื่อง ในปี ค.ศ.1892 มีผู้พบเรือ Mary Celeste ที่เคยเดินทางออกจากนิวยอร์ก มุ่งหน้าไปเจนัว ไม่มีลูกเรืออยู่บนเรือดังกล่าวเลย เมื่อสืบสวนแล้วพบว่าเรือชูชีพบนเรือก็หายไปด้วย น่าจะเป็นไปได้ว่าเรือลำนี้เจอพายุ แล้วจึงสละเรือหนีกัน ซึ่งสถานที่ที่เรือปรากฏนั้นไม่ใช่ในสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้าแต่อย่างใด แต่ไปเกยตื้นอยู่ที่ประเทศโปรตุเกส


    ตำนานลือลั่นต่อมาเกิดขึ้นเมือวันที่ 5 ธ.ค.1945 เมื่อเครื่องบินทิ้งระเบิด Avengers ของสหรัฐ ฝูงบินที่ 9 จำนวน 5 ลำ หายลึกลับไปในบริเวณดังกล่าว ระหว่างการฝึกซ้อม ส่วนเครื่องบินที่ออกค้นหา 6 ลำ ลูกเรือ 27 คน พานหายไร้ร่องรอยไปด้วย

    [​IMG]เรื่องนี้สืบดูแล้ว เชื่อว่าลูกเรือทั้งหมดของเที่ยวบิน 19 ไม่มีประสบการณ์ในการฝึก ยกนายร้อยชาร์ลส์ เทย์เลอร์ หัวหน้าทีม แต่วันนั้นนายร้อยเทย์เลอร์อาจไม่มีประสิทธิภาพพอที่จะควบคุมลูกทีม เพราะว่าเมาค้างมาจากวันก่อน จึงอาจคำนวณทิศทางตามอุปกรณ์ไม่ถูก และอาศัยประสบการณ์บินด้วยสายตาที่คุ้นเคยของตัวเอง เผอิญในวันนั้นมีพายุเข้า นายร้อยเทย์เลอร์ก็ไม่ยอมกดสัญญาณฉุกเฉินติดต่อกับทางฝั่ง พาลูกทีมบินผิดทิศไปทางตะวันตก


    ส่วนเรื่องทีมค้นหา Martin Mariner ที่หายไปนั้น จริงๆ แล้วเพราะประสบอุบัติเหตุตั้งแต่วินาทีที่ 23 เมื่อนำเครื่องทะยานขึ้น เนื่องจากถังแก๊สระเบิด ลูกเรือทั้งหมดจึงตายหมดลำ และไม่ได้ออกไปตามหาฝูงบินที่ 19 ซึ่งนายร้อยชาร์ลส์อาจพาบินไปจนตกในมหาสมุทร ซึ่งหากกระแทกแรงดิ่งลงไปหลายพันฟุต ซากเครื่องบินหรือเรือจะจมหายไปเลย และระดับความลึกของมหาสมุทรแอตแลนติกตรงนั้น ก็ลึกถึง 30,100 ฟุต


    เบอร์มิวด้ามาดังจริงๆ ในปี 1964 เมื่อนักเขียน วี.แกดดิส เขียนนิยายเกี่ยวกับเรื่องนี้ แน่นอนว่าต้องมีการใส่เรื่องราวเพิ่มเติมเข้าไปให้น่าตื่นเต้น จนร่ำลือกันไปต่างๆ นานา


    สามเหลี่ยมเบอร์มิวดา (Bermuda Triangle) เป็นบริเวณสมมติในมหาสมุทรแอตแลนติก มีเนื้อที่ประมาณ 1.2 ตร.กม. อยู่ระหว่างจุด 3 จุดที่ไม่เป็นรูปสามเหลี่ยมด้านเท่า ได้แก่ เปอร์โตริโก ปลายสุดของมลรัฐฟลอริดาในสหรัฐอเมริกา และเกาะเบอร์มิวดาซึ่งเป็นดินแดนในปกครองของสหราชอาณาจักร สามเหลี่ยมเบอร์มิวดาเป็นที่รู้จักทางสื่อมวลชนอย่างแพร่หลาย หลังจากที่ค้นพบว่าคุณสมบัติทางฟิสิกส์ต่างๆ ไม่เป็นไปตามกฎพื้นฐาน
    สามเหลี่ยมเบอร์มิวดา เริ่มเป็นที่รู้จักในปี พ.ศ. 2494 (ค.ศ. 1951) หลังจากที่มีเรือขนาดใหญ่หายสาบสูญภายในบริเวณสามเหลี่ยม รวมถึงเครื่องบินและเรือขนาดเล็กอื่นๆ จนได้รับขนานนามว่า "สามเหลี่ยมปีศาจ" (The Devil's Triangle)



    [​IMG]

    ที่มา

    ศัพท์คำว่า "สามเหลี่ยมเบอร์มิวดา" หรือ "Bermuda Triangle" นี้ มีที่มาจากบทความนิตยสารอาร์กอสซี่ เจ้าของบทความชื่อ Vincent H. Gaddis ได้นำเสนอเรื่องราวของเรือและเครื่องบินที่สาบสูญไปอย่างลึกลับโดยปราศจากคำอธิบายในนิตยสารดังกล่าว เมื่อปี ค.ศ. 1964 แต่ แกดดิส ไม่ได้เป็นคนแรกที่สังเกตเรื่องนี้ ก่อนหน้าในปี ค.ศ. 1952 นาย George X. Sands เสนอเรื่องทำนองนี้เช่นกันในนิตยสาร Fate เนื้อหากล่าวถึงปริมาณของเรือและเครื่องบินที่สาบสูญไปอย่างผิดปกติในบริเวณน่านน้ำดังกล่าว ซึ่งยอดสูญหายนี้มันมากเกินไปกว่าที่จะสันนิษฐานว่าเป็นอุบัติเหตุ
    ต่อมาถัดมาในปี ค.ศ. 1969 นายวอลเลซ สเปนเซอร์ ได้เขียนหนังสือว่าด้วยสามเหลี่ยมปริศนานี้โดยเฉพาะออกจำหน่ายในชื่อว่า "Limbo of the Lost" ถัดจากนั้นก็มีหนังสือออกจำหน่ายตามมาอีกมากมายเกี่ยวกับความลึกลับของสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา ซึ่งก็มียอดจำหน่ายดีแทบทุกเล่ม ที่มีชื่อเสียงเป็นพิเศษคือบทความที่มีชื่อว่า "The Devil's Triangle" ตีพิมพ์ในปี ค.ศ. 1974 ซึ่งเนื้อหาสำหรับเป็นที่ชื่นชอบความลึกลับเกี่ยวกับสามเหลี่ยเบอร์มิวดาเป็นอันมาก เป็นที่น่าสังเกตคือ หนังสือแทบทุกเล่มมุ่งประเด็นไปยังมุมมองที่ว่า เบื้องหลังของการสูญหายนี้ มาจากเทคโนโลยีของสิ่งทรงภูมิปัญญามากกว่าประเด็นอื่น เช่นมาจากมนุษย์ต่างดาว หรือมนุษย์ที่อาศัยอยู่ใต้มหาสมุทรบริเวณนั้น ต่างก็หาหลักฐานและทฤษฎีมาถกเถียงกันและบริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวดามีอาณาบริเวณที่กว้างมากจาก ฟลอริด้า-เปอร์โต ริโก-เกาะเบอร์มิวดา กินพื้นที่ประมาณ ห้าแสนตารางไมล์ เพราะฉะนั้นการจะค้นหาอะไรๆจากสามเหลี่ยมเบอร์มิวดาจึงไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็มีองค์กรของรัฐ เอกชน ต่างให้ความสนใจในการสำรวจ โดยหวังว่าจะเจอหลักฐานอะไรก็ตามที่นำมาใช้ไขปริศนาของดินแดนบริเวณนี้ได้ . และมีนักบินขี่เครื่องบินสามลำแล้วหายไปในสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา

    ทฤษฎี


    มีนักวิทยาศาสตร์ นักวิชาการ นักสมุทรวิทยา และอีกหลายอาชีพ ให้ความเห็นและทฤษฎีเกี่ยวกับสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา มาดังนี้
    1. ทฤษฎีที่ว่า อาจจะเป็นไปได้ที่บริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวดานั้น ตั้งอยู่ในจุดสมดุลของสนามแม่เหล็กไฟฟ้า กับพลังของสนามแห่งแรงโน้มถ่วงพอดี ซึ่งทำให้เกิดช่องว่างของอีกมิติหนึ่งในห้วงเวลาอวกาศ และเมื่อเรือหรือเครื่องบินแล่นเข้าสู่ช่องว่างแห่งนี้ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางมิติหายลับไปทันที แต่เนื่องจากว่าวิทยาการทางเทคนิคของเราในปัจจุบันนี้ยังไม่มีความรู้พอที่จะแก้ไขสถานการณ์อันนี้ได้ การหายสาบสูญของพวกเรา ก็เป็นไปในทำนอง เดินทางเดียว เท่านั้น คือเมื่อมิติถูกเปลี่ยนไปแล้ว ก็ไม่อาจจะทำให้กลับคืนสู่มิติเดิมได้ ส่วนสิ่งมีชีวิตปัญญาสูงจากนอกโลกที่มาจากจานบิน คงจะทราบและเข้าใจในกฎเกณฑ์อันนี้เป็นอย่างดีจึงได้ใช้ช่องว่างที่เกิดจากสมดุลอันนี้ เป็น ประตู ทางเข้าออกในการเปลี่ยนแปลงทางมิติเพื่อเข้าสู่โลก ด้วยเหตุจึงมีผู้พบเห็นจานบินบ่อยๆ (สามเหลี่ยมเบอร์มิวดาเป็นสถานที่ซึ่งมีผู้พบเห็นจานบินบ่อยที่สุดและมากที่สุดในโลก) และมันจะหายตัวไปแบบฉับพลัน ซึ่งตอนนั้นเองที่จานบินเปิดประตูมิติ เรือหรือเครื่องบินผ่านมาบริเวณนั้นพอดี ก็เลยแล่นเข้าสู่ประตูมิติ
    2. ทฤษฎีที่ว่า บริเวณใต้สามเหลี่ยมเบอร์มิวดานั้นเป็นจุดที่ อาณาจักรแอตแลนติสจมลง ซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่าชาวแอตแลนติสมีความเจริญรุ่งเรืองมาก ต้องมีพลังงานอะไรบางอย่างที่ชาวแอตแลนติสสร้างเอาไว้ ทำให้เรือและเครื่องบินบริเวณนั้นหายสาบสูญแบบไร้ร่องรอย
    3. ทฤษฎีที่ว่า บริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา เป็นเหมือนสถานีที่สิ่งมีชีวิตที่ทรงปัญญากว่ามาสร้างเอาไว้ เพราะหลายต่อหลายครั้งที่มีผู้คนพบเห็นแสงไฟจากใต้น้ำบ้าง จานบินใต้น้ำบ้างและก็มีผู้พบเห็นจานบินโผล่ขึ้นมาจากน้ำ ดำดิ่งลงไปในน้ำ ความเร็ว 150 นอตต่อชั่วโมงเท่ากับเฮลิคอปเตอร์ และในปัจจุบันก็ยังไม่มีเรือดำน้ำให้ทำความเร็วได้ขนาดนั้น บริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวดาเป็นจุดที่พบเห็นจานบินบ่อยและมากที่สุดในโลก เพราะบริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวดาเป็นจุดบอดของสนามแม่เหล็กจึงสามารถทำให้สามารถนำยานลงจอดซึ่งมีไม่กี่แห่งบนโลก
    4. ทฤษฎีที่ว่า มีสิ่งมีชีวิตที่มีภูมิปัญญาอยู่ใต้ท้องมหาสมุทร ตามหลักของชีววิทยา สิ่งมีชีวิตจะเริ่มต้นมาจากทะเลก่อน และเนื่องมากจากท้องทะเลมีอาณาเขตมากกว่าพื้นดินถึงสองเท่า มนุษย์ใต้มหาสมุทรเหล่านี้จึงมีเนื้อที่สำหรับ การแพร่ขยายพันธุ์มากกว่าเรา และจากเหตุที่พวกนี้ได้เกิดขึ้นก่อนมนุษย์เรา ดังนั้น การพัฒนาทางเทคนิคของพวก เขาก็คงล้ำหน้าไปกว่าเรามากทีเดียว เท่าที่ผ่านมาเป็นเวลานาน มนุษย์ใต้สมุทรเหล่านี้จะไม่ติดต่อเกี่ยวข้องอันใดกับพวกเรา ถือว่าต่างคนต่างอยู่ แต่จากความก้าวหน้าทางเทคนิคของพวกเราในปัจจุบัน อาจจะทำให้เกิดอันตรายต่อสภาพแวดล้อมของพวกเขาได้ พวกนี้จึงเปลี่ยน นโยบายที่ว่าต่างคนต่างอยู่ ออกมาสังเกตความเป็นไปของชาวเรา ที่อยู่บนพื้นโลกอย่างลับๆและเงียบสงบ ซึ่งบางทีบริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา อาจเป็นบริเวณที่สะดวกที่สุดที่พวกเขาจะออกมาสำรวจโลกเบื้องบน
    5. ทฤษฎีที่ว่า เป็นจุดที่มีแรงดึงดูดของโลกมากที่สุด เนื่องจากแรงดึงดูดของบริเวณนี้สูงกว่าบริเวณอื่น จะทำให้เครื่องบิน หรือเรือ จมลงทะเล
    6. ทฤษฎีที่ว่า เป็นบริเวณที่สนามแม่เหล็กมีความเข้มข้นสูงที่สุด ซึ่งจะทำให้เครื่องบิน หรือเรือที่ใช้เครื่องยนต์ โดนสนามแม่เหล็กทำให้เครื่องยนต์เสียหาย และจมลงในที่สุด
    7. ทฤษฏีที่ว่า เป็นบริเวณของประตูเวลาที่เกิดขึ้นโดยตัวเรายังคงอยู่ที่เดิมในขณะที่กาลเวลาเปลี่ยนแปลงไปหรือที่เรารู้จักมักคุ้นกันในนามของ ไทม์แมชชีน นั่นเอง ซึ่งหลังจากที่ประตูเวลาปิดตัวลง เมื่อนั้นเวลาก็จะคืนกลับสู่ความเป็นปัจจุบัน เราจึงไม่สามารถหาสถานที่แห่งนั้นได้พบ
    [​IMG]


    อ้างอิง

    http://www.google.co.th

    http://www.artsmen.net/content/show.php?Category=mythboard&No=1806

    http://th.wikipedia.org





    [/SIZE]
     
  2. มนตรา_นาคี

    มนตรา_นาคี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    211
    ค่าพลัง:
    +179
    ง่าส์..น่ากลัว
     
  3. O๐.AnGle.๐O

    O๐.AnGle.๐O เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    974
    ค่าพลัง:
    +861
    [​IMG]


    หนัง มี 3 ภาค ครับ

    ดู แล้ว ก็ งงๆ

    หา ดู นะ ครับ แต่ ไม่ค่อยได้อะไรหรอก ครับ

    ต้อง อ่านหนังสือ
     
  4. wong3210

    wong3210 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    553
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +3,392
    ดีมากครับ เมื่อวานกำลังหาข้อมูล และ Clip Youtube พอดีเลย



    [MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.427592/[/MUSIC]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • The X-Files.mp3
      ขนาดไฟล์:
      3.1 MB
      เปิดดู:
      8,631
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 22 ตุลาคม 2008
  5. godman

    godman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,006
    ค่าพลัง:
    +2,254
    หะๆ!อยากหาเวลาไปเดินเล่นที่นั่นจัง
     
  6. พิสูตร

    พิสูตร Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    453
    ค่าพลัง:
    +67
    ต้องค้นหาความจริง
     
  7. herobomzadk

    herobomzadk สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    74
    ค่าพลัง:
    +1
    เด๋วผมว่างๆเด๋วหาข้อมูลมาให้น่ะคับ

    แต่ผมขอฝากนี้ด้วยน่ะคับ
    http://palungjit.org/showthread.php?t=154486
     
  8. Nexu

    Nexu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    664
    ค่าพลัง:
    +130
    -*- อ่านมากระทู้สุดท้าย กำลังนึกเรื่อง X-File อยู่ๆเพลงดังขึ้นมา = = นึกว่าหลอนไปเองซะแล้ว แอบเอามาเปิด ก็มะบอก
     
  9. noobita001

    noobita001 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +40
    ก็นะอีกไม่นานคงพิสูจน์กันได้ ^^
     
  10. herobomzadk

    herobomzadk สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    74
    ค่าพลัง:
    +1
    ต่อนะคับ



    [​IMG]

    จับผิดสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า
    <?XML:NAMESPACE PREFIX = O /><O:p></O:p>​
    <O:p></O:p>

    กล่าวขวัญถึงกันมากเหลือเกิน สำหรับสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า เชื่อว่าเราๆท่านๆคงคุ้นเคยชื่อนี้กันทุกคนนะครับ <O:p></O:p>
    ผมเลยเอาประวัติย่อๆ ของมันก่อนที่จะเข้าสู่เนื้อหาหลักก่อนน่ะครับ<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>

    อาณาบริเวณของสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า <O:p></O:p>
    [​IMG]
    สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้าเป็นการลากเส้นสมมุติ เพื่อกำหนดอาณาบริเวณในน่านน้ำในมหาสมุทรแอตแลนติค โดยการลากเส้นจากฟลอริด้า สหรัฐอเมริกา สู่เกาะเบอร์มิวด้า สู่เปอร์โตริโก แล้วก็วกกลับมาที่ฟลอริด้าอีกทีนึงเป็นรูปสามเหลี่ยมพอดี และไอ้เจ้าบริเวณที่ว่านี้แหละครับ ที่ถือเป็นปริศนาแห่งศตวรรษที่ 20 โดยแท้ <O:p></O:p>
    อาณาบริเวณนี้กินกว้างจากฟลอริด้า-เปอร์โต ริโก-เกาะเบอร์มิวด้า มันกินพื้นที่ตั้งห้าแสนตารางไมล์ เพราะฉะนั้นการจะค้นหาอะไรๆจากสามเหลี่ยมเอบอร์มิวด้าจึงไม่ใช่เรื่องง่าย ถึงกระนั้น ทั้งองค์กรของรัฐ เอกชน ต่างก็ควานหากันอย่างสุดเหวี่ยง เผื่อจะเจอเงื่อนงำอะไรที่นำมาใช้ไขปริศนาของดินแดนมรณะนี้ได้ <O:p></O:p>
    <O:p></O:p>

    ที่มาของชื่อ
    <O:p></O:p>
    ศัพท์คำว่า "สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า" หรือ "Bermuda Triangle" นี้ มีที่มาจากบทความของ ชื่อ Vincent H. Gaddis แห่งนิตยสารอาร์กอสซี่ครับ เขานำเสนอเรื่องราวของเรือและเครื่องบินที่สาบสูญไปอย่างลึกลับโดยปราศจากคำอธิบายในนิตยสารดังกล่าว เมื่อปี 1964 ทว่า แกดดิสมิได้เป็นคนแรกหรอกครับที่สังเกตเรื่องนี้ เมื่อหลายปีก่อน (1952) ก็มีคนเสนอเรื่องทำนองนี้เช่นกันในนิตยสาร Fate เนื้อหากล่าวถึงปริมาณของเรือและเครื่องบินที่สาบสูญไปอย่างผิดปกติในบริเวณน่านน้ำดังกล่าว ซึ่งยอดสูญหายนี้มันมากเกินไปที่จะใช้คำว่าอุบัติเหตุมาอธิบาย คนเขียนบทความเค้าชื่อ George X. Sands <O:p></O:p>
    ถัดมาในปี 1969 นายวอลเลซ สเปนเซอร์ ได้เขียนหนังสือว่าด้วยสามเหลี่ยมปริศนานี้โดยเฉพาะออกจำหน่ายในชื่อว่า "Limbo of the Lost" ถัดจากนั้นก็มีหนังสือออกจำหน่ายตามมาอีกมากมายเกี่ยวกับความลับดำมืดของสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า ก็ขายดิบขายดีแทบทุกเล่มครับ ที่มีชื่อเสียงเป็นพิเศษคือบทความที่มีชื่อว่า "The Devil's Triangle" ตีพิมพ์ในปี 1974 ครับ เป็นที่น่าสังเกตคือ แทบทุกเล่มมุ่งประเด็นไปยังมุมมองที่ว่า เบื้องหลังของการสูญหายนี้ มาจากเทคโนโลยีของสิ่งทรงภูมิปัญญามากกว่าประเด็นอื่น ส่วนจะมาจากมนุษย์ต่างดาว หรือมนุษย์ที่อาศัยอยู่ใต้มหาสมุทรบริเวณนั้น ต่างคนก็หาหลักฐานงัดทฤษฎีมาโต้กันสุดฤทธิ์ สนุกกันใหญ่ทั้งคนอ่านคนเขียน <O:p></O:p>
    แต่จนถึงบัดนี้ก็ยังไม่มีคำอธิบายใดที่น่าพอใจร้อยเปอร์เซ็นต์เลยครับ.. <O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    ทฤษฎีที่นำมาใช้อธิบายปรากฏการณ์ต่างๆของสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้าก็มีแตกต่างกันไป บางคนก็โทษว่าเป็นฝีมือของวิญญาณ หรือ สัตว์ลึกลับไปโน่นเลย เนื่องจากไม่สามารถหาเหตุผลมาอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นได้ การที่เครื่องบินและเรือเดินสมุทรเกิดหายไปอย่างฉับพลันในบริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า โดยปราศจากร่องรอยอยู่เสมอนั้น จึงเป็นเรื่องที่ท้าทายความสามารถของมนุษย์ที่สุด ในการที่จะแก้ปมปริศนาตรงนี้ นักวิชาการต่างเสนอทฤษฎีต่างๆกันไป บ้างก็ว่าเกิดจากสภาพอากาศที่แปรปรวน บ้างก็ว่าเกิดจากความผิดปกติของสนามแม่เหล็กไฟฟ้า บ้างก็ว่าเกิดจากอำนาจของสิ่งบินลึกลับ หรือ UFOs บางคนว่าเกิดจากแหล่งพลังงานลึกลับใต้มหาสมุทร รวมไปถึงทฤษฎีการแตกหักของโครงสร้างทางธรณีวิทยาใต้มหาสมุทร เป็นเวลาเนิ่นนานนับสิบๆปีแล้วครับ ที่ผู้คนวิพากษ์ถกเถียงกันเรื่องสามเหลี่ยมเจ้ากรรมนี้ คำร่ำลือเกี่ยวกับความน่าสะพรึงกลัวของมันขจรขจายไปทั่วโลก ในฐานะของดินแดนมรณะที่จะดูดกลืนชีวิตและทรัพย์สินของผู้ที่สัญจรผ่านบริเวณนั้น <O:p></O:p>

    แต่ทฤษฏีที่ร้ายที่สุดคือมันเป็นเรื่องโกหก<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>

    จับผิด<O:p></O:p>

    เรื่องของเรื่องคือหนังสือชื่อว่า The Bermuda Triangle ของชาร์ลส เบอร์ลิซ ซึ่งตีพิมพ์ในช่วงปี 1950 เป็นตัวจุดชนวนนำชื่อของสามเหลี่ยมเบอร์มิวดาโด่งดังไปทั่วโลก มีการนำเรื่องในหนังสือแนะนำผ่านสื่อต่างๆทั้งโทรทัศน์และนิตยสาร ทั้งยังมีการนำมาทำเป็นภาพยนตร์อีกด้วย ....แต่ในภายหลัง เมื่อนักวิจัยได้ทำการตรวจสอบเรื่องที่เขียนอยู่ในหนังสือก็พบว่าหนังสือเล่มดังกล่าวเขียนขึ้นโดยประกอบด้วยความเท็จ การบิดเบือนและการประโคมเรื่องเป็นจำนวนมากจนยากที่จะเรียกได้ว่าเป็นข้อเท็จจริง<O:p></O:p>
    และนี่เป็นส่วนหนึ่งเกี่ยวกับคดีและข้อค้านเกี่ยวกับสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>

    คดีเรือแมรี่เซเลสเต้<O:p></O:p>
    [​IMG]
    คดีของแมรี่เซเลสเต้เป็นคดีที่เรืออยู่แต่คนไม่อยู่นี้แหละครับ มีร่องรอยข้าวของเครื่องใช้อยู่พร้อมเพียง แต่มีการจับผิดว่าเกิดเหตุดันอยู่ที่อ่าวโปรตุเกสซึ่งอยู่ห่างจากสามเหลี่ยมเบอร์มิวดามากกว่า 3000 กิโลเมตรเลยทีเดียว<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>

    คดีเรือเฟรย่า<O:p></O:p>
    ตุลาคมปี 1902 เรือเฟรย่าออกเดินทางจากแมนซานีโจ้ ประเทศคิวบา เพื่อไปยังพุนดาอานาเลส ประเทศชิลี ภายหลังถูกพบอับปางที่มาซาโทรัน โดยที่ลูกเรือทั้งหมดหายตัวไป แต่ในความจริงแล้ว เรือเฟรย่าออกจากท่าแมนซานีโจ้ ประเทศเม็กซิโกต่างหากล่ะ และแล่นเรืออยู่ในฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิค ซึ่งระหว่างเดินเรือได้พบกับแผ่นดินไหวใต้ทะเลในเขตน่านน้ำของเม็กซิโก จึงมีความเป็นไปได้ว่าอาจเจอคลื่นยักษ์มาซัดเอาลูกเรือไปก็เป็นได้มากกว่า<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>

    คดีเครื่องบินอังกฤษหายสาปสูญ
    <O:p></O:p>
    [​IMG]
    กุมภาพันธ์ปี 1953 เครื่องบินโดยสารของอังกฤษซึ่งบรรทุกพลทหารจำนวน 39 คนหายสาปสูญไม่พบร่องรอย แต่จากการตรวจสอบ จุดที่เครื่องบินดังกล่าวหายไปอยู่ห่างไปทางเหนือจากสามเหลี่ยมเบอร์มิวดาถึง 1400 กิโลเมตร มีสภาพอากาศขณะที่หายไปก็มีฝนหนักและลมแรงไม่แปลกที่เครื่องบินจะตก<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>

    คดีเรือดำน้ำสกอร์เปี้ยน<O:p></O:p>
    พฤษภาคมปี 1968 เรือดำน้ำพลังงานปรมาณูสกอร์เปี้ยนพร้อมลูกเรือ 99 คนอัปปางลงในน่านน้ำทางตะวันตกเฉียงใต้ของหมู่เกาะอาโซเลส มีการสำรวจแล้วแต่ไม่สามารถค้นพบซากเรือ แต่.......ในความจริงนั้น 5 เดือนให้หลังจากการอัปปาง เรือสำรวจก้นสมุทรไมเซอร์พบซากเรือสกอร์เปี้ยนที่ก้นทะเลซึ่งอยู่ห่างจากหมู่เกาะอาโซเลสไปทางตะวันตกเฉียงใต้เป็นระยะทางประมาณ 640 กิโลเมตรในสภาพถูกทำลายยับเยิน การตรวจสอบพบว่าถูกยิงด้วยมิสไซล์ และน่านน้ำตะวันตกเฉียงใต้ของหมู่เกาะอาโซเลสก็อยู่ห่างจากสามเหลี่ยมเบอร์มิวดาถึง 1000 กิโลเมตร<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>

    คดีเรือเอเลนออสติน
    <O:p></O:p>
    ปี 1881 ระหว่างที่เรือเอเลนออสตินสัญชาติอังกฤษกำลังแล่นเรืออยู่ในบริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา ได้พบกับเรือสคูเนอร์ (เรือที่มี 2 เสากระโดง) ลอยลำอยู่โดยไม่มีลูกเรือ กัปตันจึงแบ่งลูกเรือ 2-3 คนขึ้นเรือลำดังกล่าวเพื่อนำเรือเข้าเทียบท่าเซนต์จอห์นด้วยกัน หากระหว่างนั้นก็พบกับพายุฝนและหมอกจนพลัดหลงจากกัน เมื่อพายุสงบและพบเรือสคูเนอร์อีกครั้ง ลูกเรือที่อยู่บนเรือก็หายสาปสูญไปอีกเสียแล้วกัปตันเรือเอเลนออสตินจึงแบ่งลูกเรือขึ้นเรือลำดังกล่าวอีกครั้ง หากระหว่างทางก้พบกับพายุฝนอีก และคราวนี้ พวกเขาก็ไม่ได้พบเรือลำนั้นอีกเลย <O:p></O:p>
    แต่มีการตรวจสอบย้อนหลังถึงที่มาของคดีนี้ หากนอกจากที่บันทึกอยู่ในหนังสือ"เรื่องเล่าของนักฝัน"ของลูเพิร์ต กูลด์ซึ่งตีพิมพ์ในปี 1944 แล้ว ก็ไม่ปรากฏว่ามีเรื่องนี้บันทึกอยู่ในเอกสารหรือหนังสือพิมพ์ใดๆเลย จึงมีความเป็นไปได้สูงว่านี่เป็นเรื่องที่กูลด์แต่งขึ้นเอง และในหนังสือของกูลด์ เรือสกูเนอร์หายไปเพียงครั้งเดียว แต่เมื่อมีการแปลและตีพิมพ์หลายครั้งก็ถูกเพิ่มกลายมาเป็น 2 ครั้ง<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>

    คดีกองเครื่องบินรบที่ 19 หายสาปสูญ<O:p></O:p>
    [​IMG]
    เป็นคดีที่มีชื่อเสียงที่สุดของสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา <O:p></O:p>
    วันที่ 5 ธันวาคม 1945 เครื่องบินจู่โจมแอดเวนเชอร์จำนวน 5 ลำบินออกจากฐานทัพกองทัพอากาศในฟลอริด้าเพื่อลาดตระเวณพื้นที่ฝั่งทะเลทางตะวันออกของสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา เครื่องบินทั้ง 5 ลำถูกตรวจเช็คก่อนออกตัวอย่างละเอียดว่าไม่มีปัญหาใดๆ ทั้งนักบินต่างก็มีประสบการณ์ในระดับผู้เชี่ยวชาญ สภาพอากาศในวันนั้นแจ่มใส และมีกำหนดการว่าการลาดตระเวณจะเสร็จสิ้นใน 2 ชั่วโมง 1 ชั่วโมงครึ่งหลังจากนั้นในเวลา 15.45น. นักบินแจ้งมาว่ากองเครื่องบินหลงจากคอสที่กำหนดไว้ และพวกเขามองไม่เห็นแผ่นดิน ศูนย์บังคับการออกคำสั่งให้นักบินหันหัวเครื่องไปทางทิศตะวันตก หากนักบินก็ตอบว่าพวกเขาไม่สามารถรู้ได้ว่าทิศไหนคือทิศตะวันตก ผู้บังคับการสันนิษฐานว่าอุปกรณ์นำทางอาจจะเสียหาย นักบินจึงหาเส้นทางบินไม่เจอ แต่หากในเวลานี้ ถ้าบินหันหัวไปตามดวงอาทิตย์ก็จะพบฝั่งในเวลาไม่ช้า แต่จากคำพูดของนักบินแล้ว ฟังราวกับว่าพวกเขามองไม่เห็นกระทั่งดวงอาทิตย์ในไม่ช้า การติดต่อจากนักบินก็ขาดตอนไป ศูนย์จึงส่งเครื่องบินมาร์ตินมารีเนอร์ไปเพื่อค้นหาและช่วยเหลือ แต่เครื่องบินช่วยเหลือก็หายสาปสูญไปเช่นกัน<O:p></O:p>
    แต่เรื่องข้างบนกล่าวว่า นักบินทั้ง 5 คนเป็นผู้มีประสบการณ์ก็จริง แต่ในความเป็นจริงนั้น นอกจากชารล์ส แครอล เทย์เลอร์ซึ่งเป็นหัวหน้ากองบินและผู้ช่วยอีกคนแล้ว นักบินอีก 3 คนยังเป็นเพียงนักเรียนฝึกหัดการบินอยู่ หนำซ้ำตัวเทย์เลอร์เองก็เพิ่งจะย้ายมายังฟลอริด้าเพียง 2 อาทิตย์ก่อนที่เหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นจึงยังไม่มีความชำนาญด้านเส้นทางบินนักในด้านสภาพอากาศนั้น จริงอยู่ที่ขณะที่ออกเครื่องไป ท้องฟ้ายังแจ่มใสและมองเห็นพระอาทิตย์ได้อย่างชัดเจน แต่หลังจากนั้นสภาพอากาศก็แย่ลงอย่างกะทันหันและในตอนค่ำก็มีลมแรงถึง 16 เมตร<O:p></O:p>
    เป็นความจริงที่อุปกรณ์การนำทางเสียหาย หากโดยการตรวจสอบภายหลัง เทย์เล่อร์บินอยู่ในเส้นทางการบินที่ถูกต้องแล้วอยู่แล้ว แต่เนื่องจากสับสนกับเข็มทิศที่พัง พวกเขาจึงเข้าใจผิดว่าตนเองหลุดออกมานอกเส้นทาง และมีการหันหัวเปลี่ยนทิศทางหลายครั้งจนเกิดอาการสับสนทิศขึ้นมาจริงๆพวกเขาบินเปะปะไปมาอย่างไม่รู้เหนือใต้เป็นเวลากว่า 4 ชั่วโมงก่อนที่น้ำมันจะหมดและต้องลงจอดบนทะเลด้วยความเร็ว 130 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ไม่ต้องสงสัยว่าตัวเลขนี้มีความหมายเดียวกับคำว่าตายนั่นเอง<O:p></O:p>
    ส่วนเครื่องบินมาร์ตินมารีเนอร์นั้น เป็นที่รู้จักกันดีว่าไม่ได้มาตราฐานและมีน้ำมันรั่วบ่อยๆ ซึ่งถ้านักบินเผลอจุดบุหรี่สูบเมื่อไหร่ก็จะเกิดการระเบิดได้ง่ายๆ ซึ่งในความจริงนั้น กล่าวว่ามีผู้เห็นการระเบิดกลางอากาศใรทิศทางที่มาร์ตินมารีเนอร์บินไปหลังจากออกจากฐานไปได้ไม่นานนัก<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    <O:p>อ้างอิง</O:p>
    <O:p>http://my.dek-d.com/Writer/story/vie...485&chapter=67</O:p>
     
  11. AddWassana

    AddWassana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    11,698
    ค่าพลัง:
    +21,186
    คงเป็นเรื่องลึกลับและน่ากลัวต่อไป...
     
  12. Baby_par

    Baby_par เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2007
    โพสต์:
    2,743
    ค่าพลัง:
    +3,265
    โอ น่าลอง อิอิ
     
  13. Mr.Kim

    Mr.Kim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2007
    โพสต์:
    3,036
    ค่าพลัง:
    +7,028
    อาจจะเป็นศูนย์กลางสนามแม่เหล็กโลกก็ได้ครับ
     
  14. WaRiZ

    WaRiZ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +19
    เรื่องราวน่าสนใจดีค่ะ

    ใต้สมุทรจะมีสิ่งมีชีวิตที่ฉลาดและเทคโนฯล้ำหน้ากว่ามนุษย์จิงรึป่าวน๊า

    o_O
     
  15. Add-on

    Add-on Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กันยายน 2008
    โพสต์:
    383
    ค่าพลัง:
    +64
    ใต้น้ำไม่ค่อยมีสิ่งที่สามารถใช้เป็นอุปกรณ์ได้ดี แถมยิ่งลึกแรงกดดันยิ่งมาก

    สิ่งมีชีวิตที่อยู่ใต้น้ำไม่น่าจะมีวิทยาการคล้ายๆมนุษย์ เพราะสภาพแวดล้อมไม่อำนวย
     
  16. คนไชยา

    คนไชยา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    303
    ค่าพลัง:
    +171
    บนโลกใบกลมๆใบนี้

    ยังมีสิ่งที่มนุษย์โลกยังไม่รู้ยังไม่เห็นอีกเยอะ

    พระพุทธองค์เท่านั้นที่รู้แจ้งเห็นจริง
     
  17. TkJeng[2]

    TkJeng[2] สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2008
    โพสต์:
    39
    ค่าพลัง:
    +10
    ส่วนตัวผมจะเชื่อใน ทฤษฎีที่ว่า เป็นประตูมิติซึ่งโลกเราเชื่อต่อกับอีกดาวดวงอื่นที่มีสิ่งมีชีวิตที่เรียกกันว่า มนุษย์ต่างดาว
     
  18. น้องแป้ง

    น้องแป้ง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2008
    โพสต์:
    30
    ค่าพลัง:
    +14
    ปริศนาสามเหลียม

    เปิดมาตกใจมากมีเสียง
    คิดว่าแม่เหล็กมาดูดเราแล้ว
     
  19. PunYa_LoveLy

    PunYa_LoveLy Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    86
    ค่าพลัง:
    +50
    เป็นเรื่องที่น่าสนใจไม่รู้จบเลยคะ
     
  20. herobomzadk

    herobomzadk สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    74
    ค่าพลัง:
    +1
    คับๆ

    อิอิ[​IMG]
     

แชร์หน้านี้

Loading...