ปัญหาเรื่องเทวดา ...โดยหลวงพ่อฤาษีลิงดำ

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=7 width=609 border=1><TBODY><TR><TD vAlign=top colSpan=2 height=17>

ปัญหาเรื่องเทวดา ​

​

​

</TD></TR><TR><TD vAlign=top width="50%" height=15>[FONT=Angsana New,Angsana New]ผู้ถาม [/FONT]
</TD><TD vAlign=top width="50%" height=15>คนที่ชอบบนกับพระภูมิ ท่านสามารถจะช่วยได้จริงหรือเปล่าค่ะ…?
</TD></TR><TR><TD vAlign=top width="50%" height=15>หลวงพ่อ
</TD><TD vAlign=top width="50%" height=15>ก็ไปถามท่านซิ ฉันไม่ใช่คนถูกบนนี่…
</TD></TR><TR><TD vAlign=top width="50%" height=15>ผู้ถาม
</TD><TD vAlign=top width="50%" height=15>บางครั้งคนที่ไปบนก็ได้รับความช่วยเหลือก็มีค่ะ แต่ยังไม่แน่ใจว่าท่านจะช่วยได้อย่างไร…?
</TD></TR><TR><TD vAlign=top width="50%" height=116>หลวงพ่อ
</TD><TD vAlign=top width="50%" height=116>ท่านจะช่วยได้ในสิ่งที่ไม่เกินวิสัย อย่าลืมนะคนกับเทวดานั้นไม่เหมือนกัน ถ้าสิ่งที่เกินวิสัยเขาก็หมดทางช่วยเหลือเหมือนกัน เคยถามหลวงพ่อปานว่า เขาบนหลวงพ่อเขาขอให้หลวงพ่อช่วยหลวงพ่อแย่ไหม…ท่านบอกว่าไม่หรอก บางทีเขาบนเกินวิสัยท่าน ท่านก็ให้คณะของท่านมาสงเคราะห์พระโพธิสัตว์ทั้งนั้น ท่านต้องการช่วยคนอยู่แล้ว ท่านมีหน้าที่ช่วยคน ท่านทำเพื่อพระโพธิญาณ ถ้าท่านช่วยไม่ไหว องค์อื่นทำงานแทนทันที คณะของพระโพธิสัตว์นี่บารมีเข้มข้นมาก พระภูมิเจ้าที่หรือเทวดา พวกท่านก็มีเยอะเหมือนกัน ความสามารถไม่เท่ากัน ความสามารถเขาดูกันที่มือ องค์ที่มีอานุภาพมาก มือขวาแดงช้าด แดงมาก มีฤทธิ์มาก แดงน้อยมีฤทธิ์น้อย ที่ไม่แดงเลยไม่มีฤทธิ์เลย
</TD></TR><TR><TD vAlign=top width="50%" height=15>ผู้ถาม
</TD><TD vAlign=top width="50%" height=15>(หัวเราะ) “เราจำเป็นต้องตั้งศาลพระภูมิไหมค่ะ…?
</TD></TR><TR><TD vAlign=top width="50%" height=124>หลวงพ่อ
</TD><TD vAlign=top width="50%" height=124>ก็สุดแท้แต่เรา เพราะว่าที่ต้องมีการยกศาลก็เป็นการยอมรับนับถือกัน เรื่องนี้บางคนเขาชอบสงสัย วันหนึ่งว่างๆ ถามท่านว่าทำไมจึงต้องตั้งศาล ท่านก็เลยบอกว่า ฉันจะเล่าประวัติให้ฟัง
สมัยดึกดำบรรพ์ชาวบ้านยังไม่มีอะไรเป็นที่ยึดเหนี่ยวใจ ไปอยู่ที่ไหนก็ตามก็คิดว่าผีสางเทวดาอาจช่วยเขาได้ เขาก็จุดธูปเทียนบูชา ทีนี้ไอ้ที่บูชาที่ไหนมันก็ไม่เหมาะ เขาก็ปักบนกระบอกไม้ ต่อมาภายหลังความสุขสบายมีขึ้น ความเคารพนับถือมีขึ้น อาจจะใช้เวลาหลายชั่วอายุคนก็ได้ ก็คิดว่าเทวดานี่ดีจริง ทีนี้ทำยังไง จะวางกับดินก็ไม่ได้ หาโต๊ะหาตั่งลำบาก ก็ตั้งเป็นศาลเพียงตา ๒ ชเวลาจะถวายอาหารเขาก็เอาไปวางบนนั้น ต่อมาภายหลังเขาเกิดสงสารเทวดา ก็เลยทำหลังคาให้ และต่อมาก็ทำเป็นเรือนมีหลังคา ต่อมาก็ประดิษฐ์เป็นเรือนไทย เวลานี้เป็นตึกแล้ว ั้น
</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=7 width=609 border=1><TBODY><TR><TD vAlign=top colSpan=2 height=138>ก็รวมความว่า ศาลก็คือที่บูชานั่นเอง พระภูมิไม่ได้ขึ้นศาล วิมานท่านมีอยู่แล้ว ทีนี้ศาลที่เราทำเป็นที่บูชา การบูชานี่เป็นการยอมรับนับถือซึ่งกันและกัน ก็เลยถามท่านว่า แล้วไปช่วยอะไรเขาได้บ้าง ก็ช่วยได้เท่าที่จะช่วยได้ ถ้าสิ่งใดที่จะช่วยได้ก็พยายามช่วย ถ้าสิ่งใดที่ช่วยไม่ได้ก็พยายามป้องกัน ถ้ากันไม่ได้มากก็กันน้อย แต่ว่ากำลังกันเขามากกว่า เอาเต็มที่ไม่ได้เอาสิบเปอร์เซ็นต์ก็ยังดี จนกระทั่งเขาไม่บูชา ทีนี้พอจะกันเขาได้ก็ไม่ได้เสียแล้ว เพราะไม่ได้ให้ช่วยได้ยังไงล่ะ เขาก็เฉย
ทีนี้ถ้าถามว่าควรตั้งศาลไหม ถ้าชอบก็ควร ถ้าไม่ชอบก็ไม่ต้องตั้ง แต่ถ้าเป็นฉัน ฉันตั้งนะ และฉันเคยแนะนำให้เขาตั้งศาลทางทิศเหนือกับทิศตะวันออกของบ้าน ถ้าตั้งทางทิศใต้กับทิศตะวันตก ทำมาหากินมาได้เท่าไร ก็ไม่เหลือ

</TD></TR><TR><TD vAlign=top width="50%" height=29>ผู้ถาม

</TD><TD vAlign=top width="50%" height=29>ผมก็ตั้งครับหลวงพ่อ ผมบูชาทั้งพระภูมิทั้งผีบ้านผีเรือน เวลาถวายข้าวพระภูมิ ผมจะมีข้าวตอกให้ผีบ้านผีเรือนด้วย ทีนี้ถ้าผมจะเชิญพระภูมิเจ้าที่ และผีบ้านผีเรือนพร้อมกันเลยได้ไหมครับ…?

</TD></TR><TR><TD vAlign=top width="50%" height=15>หลวงพ่อ

</TD><TD vAlign=top width="50%" height=15>ว่าได้เลย ทีเดียวพร้อมกัน ผีบ้านหรือผีเรือนก็หมายถึง ภูมิเทวดา ผีอื่นเข้ามายุ่งไม่ได้

</TD></TR><TR><TD vAlign=top width="50%" height=15>ผู้ถาม

</TD><TD vAlign=top width="50%" height=15>ทีนี้ของถวายเราเอาไว้ในห้องพระได้ไหมครับ…?

</TD></TR><TR><TD vAlign=top width="50%" height=30>หลวงพ่อ

</TD><TD vAlign=top width="50%" height=30>ได้…วางกับพื้นหรือวางกับโต๊ะอีกโต๊ะหนึ่งก็ได้ เทวดาก็เหมือนพระ ถ้าวางไว้คนละโต๊ะไม่เป็นไร ไม่ถือว่าเป็นอาสนะเดียวกัน

</TD></TR><TR><TD vAlign=top width="50%" height=15>ผู้ถาม

</TD><TD vAlign=top width="50%" height=15>แล้วอย่างถวายพวงมาลัยพระ แต่ไม่ต้องจุดธูปเทียน นี่จะได้ไหมคะ…?

</TD></TR><TR><TD vAlign=top width="50%" height=83>หลวงพ่อ

</TD><TD vAlign=top width="50%" height=83>ได้…ฉันนี่ฝ่ายขี้เกียจจุดธูปเทียน ฉันใช้เทียนไฟฟ้า เวลาบูชาก็กดสวิทต์แชะเป็นแสงสวยดีกว่า สว่างกว่าใช่ไหม…
คือว่าการบูชาด้วยเทียนเป็นการบูชาแสงสว่างหรือเป็นการบูชาด้วยประทีปโคมไฟ ถ้าไฟฟ้าก็สว่างกว่าเทียนธรรมดา แล้วไม่มีอันตรายจากไฟด้วย มีประโยชน์กว่าเยอะ แต่ถ้าเราหาอะไรไม่ได้ก็เอาธูปน้อยๆ เทียนน้อยๆ เป็นแสงสว่างนั่นแหละดี

</TD></TR><TR><TD vAlign=top width="50%" height=29>ผู้ถาม

</TD><TD vAlign=top width="50%" height=29>ผมเคยฟังเทปที่คุณพรนุชท่องสวรรค์ บอกว่าวิมานของภูมิเทวดาสูงจากพื้นดินสักคืบหนึ่ง ทีนี้เวลาที่ขับรถผ่านไปก็ดี หรือขี้เยี่ยวก็ดี อย่างนี้ไม่ถูกเขาหรือครับ…?

</TD></TR><TR><TD vAlign=top width="50%" height=15>หลวงพ่อ

</TD><TD vAlign=top width="50%" height=15>วิมานเขาเป็นวิมานทิพย์ขยับได้ พอขี้จะถูกขยับปั๊บ

</TD></TR><TR><TD vAlign=top width="50%" height=15>ผู้ถาม

</TD><TD vAlign=top width="50%" height=15>อ้อ…หลบได้ด้วย

</TD></TR><TR><TD vAlign=top width="50%" height=29>หลวงพ่อ

</TD><TD vAlign=top width="50%" height=29>ไม่ถูก อย่างเขาพระสุเมรุ สูงมากจากพื้นดินไปถึงดาวดึงส์ และดาวดึงส์นั้นอยู่บนยอดเขาพระสุเมรุ เครื่องบินยังไม่เคยชนเลย ไม่มีอะไรชนได้หรอก เพราะสภาพเป็นทิพย์

</TD></TR><TR><TD vAlign=top width="50%" height=15>ผู้ถาม

</TD><TD vAlign=top width="50%" height=15>เป็นอันว่า ขี้เยี่ยวตรงไหนไม่ต้องกลัวไปโดนนะครับ…?

</TD></TR><TR><TD vAlign=top width="50%" height=15>หลวงพ่อ

</TD><TD vAlign=top width="50%" height=15>ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องห่วง เอาอย่างนี้ดีกว่า เพื่อความมั่นใจเวลาจะถ่ายอุจจาระปัสสาวะ ก็ยกมือ

</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=7 width=609 border=1><TBODY><TR><TD vAlign=top colSpan=2 height=14>ไหว้ [FONT=Cordia New,Cordia New]“[/FONT][FONT=Angsana New,Angsana New]เจ้าประคู้น หลบหน่อยเถิด มันจำเป็นจริงๆ [/FONT]

</TD></TR><TR><TD vAlign=top width="50%" height=14>ผู้ถาม

</TD><TD vAlign=top width="50%" height=14>[FONT=Angsana New,Angsana New]([/FONT][FONT=Angsana New,Angsana New]หัวเราะ[/FONT][FONT=Angsana New,Angsana New]) [/FONT]

</TD></TR><TR><TD vAlign=top width="50%" height=15>[FONT=Angsana New,Angsana New]หลวงพ่อ [/FONT]

</TD><TD vAlign=top width="50%" height=15>ไม่เป็นไรหรอกนะ สภาพท่านเป็นทิพย์ ไม่มีอะไรกระทบท่านได้

</TD></TR><TR><TD vAlign=top width="50%" height=15>ผู้ถาม

</TD><TD vAlign=top width="50%" height=15>หลวงพ่อค่ะ บ้านทุกหลังมีพระภูมิเจ้าที่อยู่ไหมค่ะ[FONT=Cordia New,Cordia New]…[/FONT][FONT=Angsana New,Angsana New]? [/FONT]

</TD></TR><TR><TD vAlign=top width="50%" height=245>[FONT=Angsana New,Angsana New]หลวงพ่อ [/FONT]

</TD><TD vAlign=top width="50%" height=245>เขาคงไม่อยู่นะ พระภูมิองค์หนึ่งรักษาเขตเป็นกิโลๆ องค์เดียวกันนี่นะ เคยถามเขาว่า คนที่คุณรักษาในเขตกรุงเทพเป็นกิโลนี่คนมันมากเหลือเกิน มีเป็นล้าน แล้วคุณจะรู้ได้ยังไงว่าเขาทำดีทำชั่ว ต่างกรรมต่างวาระ คุณรู้ได้ยังไง เขาบอกว่าอารมณ์จิตผมเป็นทิพย์ครับ คือไม่ต้องไปถามดูหรอก มันขึ้นเอง คือว่าบัญชีมันขึ้นเลย มันจะบอกเลยว่าใครทำอะไร เขาบอกว่า เขามีหน้าที่รับทราบคนที่ทำความดีความชั่ว เมื่อถึงเวลาวันโกน วันกลางเดือนหรือวันสิ้นเดือน จะมีเทวดาชั้นจาตุมหาราชมารับบัญชี และก็จะไปส่งให้เทวดาที่เป็นมหาอำมาตย์ใหญ่ เทวดาผู้ใหญ่ก็เสนอท้าวมหาราชๆ ท่านก็แบ่งบัญชีเป็น ๒ บัญชี ใครทำบาปกันไว้ประเภทของบาป ใครทำบุญกันไว้ประเภทของบุญ ประเภทบาปก็ให้เทวดา ๔ องค์ ที่เรียกว่าเทวทูตนำไปส่งสำนักพระยายม ตัวท่านท้าวมหาราชเอง พอเวลาวันพระก็นำไปส่งที่ประชุมของเทวดาบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เมื่อเทวดามาประชุมกันที่เทวสภาหรือศาลาสุธรรมา บรรดาเทวดาทั้งหลายเหล่านั้นเมื่อทราบว่าคนทำบุญมากก็ดีใจ แต่หน้าที่ที่จะนำเอาบัญชีนั้นไปกราบทูลให้พระอินทร์ทรงทราบ คือ [FONT=Angsana New,Angsana New]ท่านปัญจสิกขเทพบุตร [/FONT]มีหน้าที่เป็นเลขาพระอินทร์ เมื่อพระอินทร์ทรงทราบแล้วก็ประกาศนามคนที่ทำบุญเหล่านั้นให้มวลหมู่เทวดาที่มาประชุมกันทราบ ถ้าระหว่างวันพระไหนมีคนทำบุญมาก บัญชีบุญบัญชีกุศลมาก บรรดาเทวดาทั้งหลายก็ดีใจ กล่าวกันว่าต่อแต่นี้ไปพวกบรรดาเทพนิกายมากแล้ว เพราะอาศัยความดีดีใจปลื้มใจที่มีพวกมาก ท่านก็พากันฟ้อนรำทั้งเทวดาและนางฟ้า ความจริงสวยจริงๆนะ แต่วันพระไหนถ้าบังเอิญคนทำบุญน้อย บรรดาเทวดาทั้งหลายได้ทราบจากบัญชีของท้าวมหาราชก็สลดใจ วันนั้นไม่มีการฟ้อนรำ นั่งสลดใจเศร้าสร้อยไปตามๆกัน

</TD></TR><TR><TD vAlign=top width="50%" height=14>ผู้ถาม

</TD><TD vAlign=top width="50%" height=14>ความจริงเราบูชาเทวดาก็ดีเหมือนกันนะครับ

</TD></TR><TR><TD vAlign=top width="50%" height=87>[FONT=Angsana New,Angsana New]หลวงพ่อ [/FONT]

</TD><TD vAlign=top width="50%" height=87>เขาเป็นเทวดา เราบูชาได้ อย่าลืมว่าเขาเป็นเทวดาแล้ว เรายังไม่เป็นเทวดา เราจะถือว่าเราดีกว่าเขาไม่ได้ ถึงแม้ว่าท่านจะเป็นภูมิเทวดา ท่านก็เป็นเทวดาแล้ว เรายังไม่เป็นเทวดา ยังเอาแน่ไม่ได้ ใช่ไหม[FONT=Cordia New,Cordia New]…[/FONT]เวลาที่เราบูชาเทวดาในวิสุทธิมรรคท่านเรียกว่า [FONT=Angsana New,Angsana New]เทวตานุสสติกรรมฐาน [/FONT]นึกถึงความดีของเทวดา คือเขาจะเป็นเทวดาได้ด้วยคุฯธรรม ๒ ประการคือ หิริ กับ โอตตัปปะ เรื่องชั่วนี่เขาไม่ทำ เขาจึงเป็นเทวดาได้ เราก็ใช้แบบนั้น และเขาก็ดีจริงๆ ถ้ามีอะไรขัดข้องที่จะต้องทำ ถ้าไม่เกินวิสัย เขาจะมาบอกเลย ท่านจะมาบอกก่อนเสมอ

</TD></TR><TR><TD vAlign=top width="50%" height=15>ผู้ถาม

</TD><TD vAlign=top width="50%" height=15>หลวงพ่อค่ะ ภูมิเทวดานี่จะอยู่ถึงศาสนาพระศรีอาริย์ไหมคะ[FONT=Cordia New,Cordia New]…[/FONT][FONT=Angsana New,Angsana New]? [/FONT]

</TD></TR><TR><TD vAlign=top width="50%" height=15>[FONT=Angsana New,Angsana New]หลวงพ่อ [/FONT]

</TD><TD vAlign=top width="50%" height=15>ถ้าเทวดาองค์นั้นไม่จุติก็อยู่ถึง

</TD></TR><TR><TD vAlign=top width="50%" height=14>ผู้ถาม

</TD><TD vAlign=top width="50%" height=14>[FONT=Angsana New,Angsana New]([/FONT][FONT=Angsana New,Angsana New]หัวเราะ[/FONT][FONT=Angsana New,Angsana New]) [/FONT]

</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=7 width=609 border=1><TBODY><TR><TD vAlign=top width="50%" height=43>หลวงพ่อ

</TD><TD vAlign=top width="50%" height=43>ภูมิเทวดาก็มีอายุเท่ากับอากาศเทวดา คือจาตุมหาราช แต่ว่าจะเอาแน่อะไรกับท่านละ เทวดามี ๒ ประเภท เทวดาขยัน กับเทวดาขี้เกียจ คือว่าเทวดาขยันนี่ ถ้าเป็นพระโพธิสัตว์ ก็ขยันจุติมาบำเพ็ญบารมีเพิ่ม ถ้าเทวดาขี้เกียจก็ปล่อยเต็มหุ่ย หมดอายุเมื่อไรจุติเมื่อนั้น

</TD></TR><TR><TD vAlign=top width="50%" height=14>ผู้ถาม

</TD><TD vAlign=top width="50%" height=14>อายุของภูมิเทวดาเท่าไรคะ?

</TD></TR><TR><TD vAlign=top width="50%" height=29>หลวงพ่อ

</TD><TD vAlign=top width="50%" height=29>ภูมิเทวดามีอายุ ๕๐๐ ปีทิพย์ ๕๐ ปี ของเราเป็น ๑ วันของเขา ก็ลองคิดซิ อีกล้านปีพระศรีอาริย์จึงจะตรัส

</TD></TR><TR><TD vAlign=top width="50%" height=15>ผู้ถาม

</TD><TD vAlign=top width="50%" height=15>ภูมิเทวดาเป็นพวกเดียวกับรุกขเทวดา หรือเปล่าคะ…?

</TD></TR><TR><TD vAlign=top width="50%" height=29>หลวงพ่อ

</TD><TD vAlign=top width="50%" height=29>ก็เหมือนกัน แต่รุกขเทวดาอยู่สูงกว่าหน่อย อยู่บนต้นไม้ ถ้าต้นไม้พังวิมานก็พังก็ต้องเดินดินเหมือนกันคือลอยไม่ได้

</TD></TR><TR><TD vAlign=top width="50%" height=44>ผู้ถาม

</TD><TD vAlign=top width="50%" height=44>ค่ะ ทีนี้มีอีกอย่างนะคะที่หนูสงสัย คือเวลาที่หนูสวดมนต์บูชาพระแล้วก็อุทิศส่วนกุศลไปยังสัตว์โลกทั้งหลาย แต่มีเพื่อนคนหนึ่งมาบอกว่า ให้อุทิศส่วนกุศลแก่ท้าวเวสสุวัณด้วย เพื่อให้ท่านเป็นพยาน ท้าวเวสสุวัณคือใครคะ…

</TD></TR><TR><TD vAlign=top width="50%" height=286>หลวงพ่อ

</TD><TD vAlign=top width="50%" height=286>ท้าวเวสสุวัณ ก็คือเท้ามหาราชองค์หนึ่ง มี ๔ องค์ด้วยกัน คือ ท้าวธตรฐ ท้าววิรุฬหก ท้าววิรูปักษ์ และท้าวเวสสุวัณ
ถ้าเทวดาชั้นจาตุมหาราช เขาจะมีสองแบบนะ ยามปกติเขาจะอยู่ในฐานะทหารของพระอินทร์ เขาจะมีรูปร่างเหมือนคนนี่ล่ะ แต่ว่าเป็นคนละแบบ ท่าทางจะไม่สวยนัก แต่ถ้าเขาเข้าเครื่องทรงธรรมดาจะคล้ายพรหมหมด สวยมาก เพราะพวกนี้ก่อนตายเขาได้ฌาน แต่ว่าไม่ได้ถึงฌาน ๔ ได้แค่ฌาน ๑, ๒, ๓ และก่อนจะตายไม่ได้เข้าฌานตาย เขาจึงไปเป็นพรหมไม่ได้ จึงต้องพักแค่จาตุมหาราช พอไปชั้นนี้ฌานก็ทรงตัวตามเดิม แต่ก็ยังเป็นพรหมไม่ได้ ต้องทำงานตามเวลาก่อน เมื่อหมดวาระก็ไปเป็นพรหมตามกำลังของฌาน เวลาเขาแต่งเครื่องทรงเทวดานี่ รูปร่างเพรียวหมด มีสภาพเหมือนกับพรหม เพราะเขาไปจากฌาน
เวลาอยู่ปกติเขาจะมีรูปร่างไม่เหมือนกัน อย่างลูกศิษย์ท้าวธตรฐนี่ มีรูปร่างเพรียวๆ สวยสะโอดสะองหน่อยๆ
ถ้าลูกศิษย์ท้าววิรุฬหก เขาเรียกกุมภัณฑ์ อ้วนต่ำ
ถ้าลูกศิษย์ท้าววิรูปักษ์ บอกลักษณะยาก ก็เหมือนกับคนเรานี่ อ้วนๆ ล่ำๆ แต่สูง
ถ้าลูกศิษย์ท้าวเวสสุวัณนี่ ผมหยักโศก ท่าทางทะมัดทะแมงแข็งแรงมาก
แต่เทวดา ๔ ทิศนี่ มีพระท่านหนึ่ง จ.อยุธยาบอกว่า เทวดา ๔ ทิศนี่ มีเกเรจริงๆ อยู่ ๒ ทิศ คือลูกศิษย์ท้าวเวสสุวัณ กับลูกศิษย์ท้าววิรุฬหก แต่ความจริงเขาเข้มแข็งเอาเหมือนกัน ถามว่าเกเรเพราะอะไร แกก็ไม่บอกให้ฟัง มีวันหนึ่งเขาสร้างศาลาหลังใหญ่ เขาจะยกเสาขึ้นไปท่านก็จัดการบวงสรวง ฉันก็ไปในงานนั้นด้วย แต่มีเหล้าอยู่แก้ว ถามว่าทำไมต้องมีเหล้า เขาบอกว่าตำรา

</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=7 width=609 border=1><TBODY><TR><TD vAlign=top colSpan=2 height=182>เขามีอย่างนี้ ก็บอกว่า ตายล่ะ[FONT=Cordia New,Cordia New]…[/FONT]ที่ท่านบอกว่าเทวดา ๒ ทิศเกเร ก็ท่านทำอย่างนี้ก็เกเรซิ เขาก็ถามว่าทำไม ก็บอกว่าแกเลี้ยงเหล้าก็เมา วันนี้เมาหมด ก็จริงๆ เสาขึ้นเสาเมา ขื่อขึ้นขื่อเมา เมาหมดทุกอย่าง นี่เป็นอย่างนี้
ทีนี้เวลาอุทิศส่วนกุศลแล้วบอกให้ท่านเป็นพยานอันนี้ดี เมื่อก่อนฉันนึกว่าเขาพูดเล่น คิดว่าเขาพูดเพ้อ ฝากเทวดาให้เป็นพยานว่าก็ว่าไม่น่าเชื่อ ต่อมาพอมีประสบการณ์จริงจังจึงเชื่อ เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงมีหลายคน พวกที่บอกฝากนี่นะ เวลาที่แกตายบางทีกำลังใจแกอ่อน คือสมถวิปัสสนานี่แกไม่เอาเอาแต่ทำบุญธรรมดา เวลาจะตายจิตก็เฝือ ก็ต้องลงไปที่สำนักพยายมก่อน เวลาไปอยู่สำนักพระยายม เวลาท่านสอบสวนกรรมบางอย่างมันปกปิด ถามเรื่องบุญมันนึกไม่ออก ถ้าเขานึกถึงบุญไม่ออก ก็มีความจำเป็นอย่างยิ่งจะต้องปล่อยให้ลงนรก หากถาม ๓ เที่ยวนึกไม่ออก ท่านก็จะได้ประกาศว่า เขาเคยบอกฉันไว้ว่า เวลาเขาทำบุญให้ฉันเป้นพยาน แล้วท่านก็ประกาศกุศลนั้น ก็ได้ไปสวรรค์ อันนี้ดีนะ แต่ว่าหาว่าท่านเล่นพรรคเล่นพวกไม่ได้นะท่านไม่ได้จำกัด

</TD></TR><TR><TD vAlign=top width="50%" height=15>ผู้ถาม

</TD><TD vAlign=top width="50%" height=15>แล้วพระยายมล่ะคะ[FONT=Cordia New,Cordia New]…[/FONT][FONT=Angsana New,Angsana New]? [/FONT]

</TD></TR><TR><TD vAlign=top width="50%" height=72>[FONT=Angsana New,Angsana New]หลวงพ่อ [/FONT]

</TD><TD vAlign=top width="50%" height=72>พระยายมนี่เป็นตำแหน่ง ความจริงท่านเป็นพรหมและสำนักพระยายมก็อยู่ในเขตของจาตุมหาราช ไม่ใช่เขตนรก เวลาเราไปที่สำนักพระยายม เราจะเห็นมีวิมานสวยสดงดงาม แล้วก็เป็นทุ่งโล่งเตียน มีสวนดอกไม้สวยสดงดงาม เวลาจะมองดูนรกต้องมองไปทางทิศตะวันออกไกลมาก จะเห็นแสงเพลิงมันสว่างพุ่งขึ้นบนอากาศ เป็นลานกว้างมาก ทีนี้โดยมากคนเข้าใจว่าพระยายมเป็นพวกของนรก ความจริงท่านไปนั่งกันมิให้ลงนรกนะ

</TD></TR><TR><TD vAlign=top width="50%" height=15>ผู้ถาม

</TD><TD vAlign=top width="50%" height=15>ยังงั้นให้ท่านพระยายมเป็นพยานองค์เดียวก็ได้ใช่ไหมคะ[FONT=Cordia New,Cordia New]…[/FONT][FONT=Angsana New,Angsana New]? [/FONT]

</TD></TR><TR><TD vAlign=top width="50%" height=15>[FONT=Angsana New,Angsana New]หลวงพ่อ [/FONT]

</TD><TD vAlign=top width="50%" height=15>องค์นั้นองค์เดียวพอ เพราะถ้าท่านไม่กั้นละก็[FONT=Angsana New,Angsana New]..[/FONT]ป๋อง[FONT=Cordia New,Cordia New]… [/FONT]

</TD></TR><TR><TD vAlign=top width="50%" height=15>ผู้ถาม

</TD><TD vAlign=top width="50%" height=15>หลวงพ่อลงไปเที่ยงคงร้อนมากซิคะ[FONT=Cordia New,Cordia New]…[/FONT][FONT=Angsana New,Angsana New]? [/FONT]

</TD></TR><TR><TD vAlign=top width="50%" height=145>[FONT=Angsana New,Angsana New]หลวงพ่อ [/FONT]

</TD><TD vAlign=top width="50%" height=145>ใช่[FONT=Cordia New,Cordia New]…[/FONT]ร้อนกว่าไฟธรรมดาหลายแสนเท่า มันร้อนกว่าไฟที่เราใช้อยู่นี่นะ แต่ถ้าเราลงไปเที่ยวไม่ร้อน แต่ว่าผู้ลงไปเที่ยว เขาห้ามลงขุมนรกลงได้แต่ขอบๆ ลงไปในขุมเขาไม่ได้นะ มีเจ้าหน้าที่เขาคอยกันอยู่ ถ้าลงขุมไฟเขาดับ ถ้าเราจะไปเที่ยวนรก เราจะไปตามลำพัง มันก็ไม่ได้เกิดประโยชน์ เราต้องไปสำนักพระยายมก่อนแล้วไปขอคนจากสำนักพระยายมคนหนึ่ง เราจะไปขุมไหนเขาจะพาไป ถ้าเราไปคนเดียว ถ้าเราเจอสัตว์นรกสักคนหนึ่ง เราเห็นเราก็รู้เลยว่าใครเป็นใคร ถ้าเราต้องการจะเรียกขึ้นมาพูดเขาไม่ให้ขึ้นมาหรอก ถ้าหากไปพูดกับนายนิริยบาลขอให้คนนั้นขึ้นมา เขาจะไม่พูดกับเรา ต้องให้คนจากสำนักพระยายมไปบอก คนที่ได้ก็คือเทวดา ถ้าเทวดาองค์นั้นท่านไปกับเรา เราต้องการจะคุยกับคนนี้ เขาก็บอกนายนิริยบาลให้เอาคนนั้นขึ้นมา พอเขาบอกเขาเรียกขึ้นมา เครื่องพันธนาการก็หลุด ไอ้หอกดาบที่ติดตัวเขาก็หลุด ไฟที่ไหม้ท่วมตัวเขาก็ดับ พอขึ้นมาก็เป็นรูปเดิม ถ้าเราถามประวัติเดิม เขาจะบอกตามความเป็นจริงหมด มันมี

</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=7 width=609 border=1><TBODY><TR><TD vAlign=top colSpan=2 height=14>เมืองโกหกอยู่เมืองเดียว คือเมืองมนุษย์ เมืองผีนี่ไม่มีการโกหก

</TD></TR><TR><TD vAlign=top width="50%" height=15>ผู้ถาม

</TD><TD vAlign=top width="50%" height=15>หลวงพ่อคะ กาลเวลาของโลกทิพย์กับโลกมนุษย์มันตรงกันไหมคะ[FONT=Cordia New,Cordia New]…[/FONT][FONT=Angsana New,Angsana New]? [/FONT]

</TD></TR><TR><TD vAlign=top width="50%" height=43>[FONT=Angsana New,Angsana New]หลวงพ่อ [/FONT]

</TD><TD vAlign=top width="50%" height=43>ตรงกันพอดี ของเรา ๑๐๐ ปี ตรงกับดาวดึงส์ ๑ วันพอดี ของเรา ๕๐ ปี ตรงกับจาตุมหาราช ๑ วันพอดี ของเรา ๒๐๐ ปี ตรงกับยามา ๑ วันพอดี แต่ว่าของเรา ๙ ล้านปี ตรงกับสัญชีพนรก ๑ วันพอดี ตรงกัน

</TD></TR><TR><TD vAlign=top width="50%" height=15>ผู้ถาม

</TD><TD vAlign=top width="50%" height=15>หลวงพ่อครับ แล้วอย่างพวกอสูรนี่เป็นพวกยักษ์หรือว่าเทวดาครับ[FONT=Cordia New,Cordia New]…[/FONT][FONT=Angsana New,Angsana New]? [/FONT]

</TD></TR><TR><TD vAlign=top width="50%" height=359>[FONT=Angsana New,Angsana New]หลวงพ่อ [/FONT]

</TD><TD vAlign=top width="50%" height=359>อสูรเป็นเทวดาพวกหนึ่ง [FONT=Angsana New,Angsana New]อสูร [/FONT]เขาแปลว่า [FONT=Angsana New,Angsana New]ไม่กล้า ยักษ์ [/FONT]เขาแปลว่า [FONT=Angsana New,Angsana New]บุคคลที่ควรบูชา [/FONT]ถ้าแปลอีกคำหนึ่งให้ตรงศัพท์ เขาแปลว่า [FONT=Angsana New,Angsana New]เทวดา [/FONT]แต่เราไปตีความหมายเขาผิด ถ้ายักษ์ละก็รูปร่างน่ากลัว แต่ไอ้ยักษ์ที่น่ากลัวก็มียักเดียวคือ [FONT=Cordia New,Cordia New]“[/FONT][FONT=Angsana New,Angsana New]ยักยอก[/FONT][FONT=Cordia New,Cordia New]” [/FONT]ยักนี้มันไม่มีเขี้ยว มีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส เผลอเมื่อไรเป็นเอาหมดเลย
คนที่จะเป็นอสูรได้เพราะทำบุญผสมโทสะ หมายความว่าเวลาจะทำบุญมีคนมาพูดนิดๆ หน่อยๆ มันเกิดโมโห พอจะรับศีลก็มีคนมาสะกิดแขนอีกแล้ว ก็โมโห ฉะนั้นหน้าก็ยุ่งไปนิด หน้าเขาสวยน้อยกว่าเทวดานิดเดียว และเขาก็มีวิมานเหมือนกัน
และอีกประการหนึ่งคำว่า [FONT=Angsana New,Angsana New]กามาวจร [/FONT]ซึ่งแปลว่า [FONT=Angsana New,Angsana New]อารมณ์ที่เที่ยวไปในความใคร่ [/FONT]คำว่าใคร่ตัวนี้ อย่านึกว่าเทวดาเขาใคร่เหมือนคนนะ ถ้าเทวดามีความใคร่เท่าคนเขาไม่เรียกเทวดา เขาเรียกว่าคน [FONT=Angsana New,Angsana New]เทว [/FONT]แปลว่า [FONT=Angsana New,Angsana New]ประเสริฐ [/FONT]
ทีนี้ความใคร่ของผู้ประเสริฐนั้นหมายความถึงมีความเนื่องถึงกัน โดยมีความรู้สึกว่า คนนี้เป็นสามี คนนั้นเป็นภรรยา คนนี้เป็นลูก คนนั้นเป็นบริวาร ก็มีเท่านั้น ยังมีความห่วงใยกันอยู่ในฐานะที่เคยมีความสัมพันธ์กันมา ก็ยังมีความกังวลเรื่องความประพฤติว่าเขาจะทำดีหรือทำชั่ว จะต้องพลัดลงไปในอบายภูมิหรือเปล่า ฉะนั้นเทวดาพวกที่มีผัวเมียก็เหมือนกับคนที่รักษาอุโยสถ คนที่เขารักษาอุโบสถ เขาก็เว้นจากกามารมณ์เหมือนกัน เทวดาจึงไม่มีการเสพกาม
การเกิดของเทวดาถ้าจะเกิดเป็นลูก พอตายจากมนุษย์ปั๊บก็ไปเกิดบนตักของเทวดาองค์ใดองค์หนึ่ง ถ้าเป็นผู้ชายเขาเรียกว่าเทพบุตร ถ้าเป็นผู้หญิงเรียกว่า เทพธิดา เป็นหนุ่มสาวเท่านั้นจนกว่าจะจุติ
ถ้าหากว่าไปเกิดในที่นอนของใคร หมายถึงว่าเป็นคู่ครองขององค์นั้น บรรดาบริวารทั้งหลายเป็นพันเป็นหมื่นไม่มีการเลื่อนฐานะไม่มีการยกอันดับเหมือนเมืองมนุษย์นะ
ถ้าหากว่าจะเกิดเป็นบริวาร ถ้าเกิดในวิมารของใครตั้งแต่รั้ววิมานเข้าไป ก็เป็นขององค์นั้น แต่ถ้าเกิดกึ่งกลางจาก วิมานไหนก็ตามสี่หลังวัดไปเท่ากัน แต่ว่าหันหน้าไปวิมานไหน ก็เป็นบริวารของวิมานนั้นของเทวดาองค์นั้น

</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=7 width=533 border=1><TBODY><TR><TD vAlign=top height=72>ทีนี้ความรู้สึกของพรหม ซึ่งแปลว่า เป็นผู้ประเสริฐที่ไม่เรียกว่า กามาวจรก็เพราะว่าความใคร่ไม่มี เพราะพรหมอยู่ผู้เดียว ขึ้นชื่อว่าสามี ภรรยา บุตรธิดาไม่มี คำว่าบริวารนั้นหมายถึงพวกพ้อง ต่างคนต่างอยู่วิมานคนละหลัง ฉะนั้นอารมณ์เนื่องถึงกันในฐานะต่างๆ จึงไม่มีในพรหม พรหมเขาอยู่ด้วยอำนาจของธรรมปีติเฉยๆ คำว่าเฉยๆ ถ้าท่านจะคุยกันก็คุยด้วยธรรมปีติ ดังนั้นพวกพรหมจึงมีอารมณ์สงบกว่าเทวดา ไม่มีกังวลอย่างเทวดา จิตเขาเลยเบากว่าเทวดา

</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

อนุโมนาครับ

 

สุดยอดเลย ขอบคุณครับ ^A^

 

สาธุ สาธุ ขอโมทนา
ขอเชิญร่วมเจ้าภาพทอดกฐินสามัคคี ปี 2552 ณ วัดย่านยาว จ.พิษณุโลก<!-- google_ad_section_end -->

 

ชอบมากเลยครับ....เรื่องนี้
ถ้ามีอีก รบกวนนำมาโพสอีกน่ะครับ
ขอบคุณครับ

 

อ่านแล้วได้ความรู้เยอะมาก ค่ะ ขอบคุณมาก ๆๆนะคะ
อนุโมทนาบุญด้วยคนนะคะ สาธุ สาธุ สาธุ

 

อนุโมทนา แล้ว เกิดปิติยินดี กับ เทวดา เทพบุตร เทพธิดา ทั้ง หลาย