ผลการพิสูจน์บั้งไฟพญานาค 30 ต.ค. 55

การพิสูจน์บั้งไฟพญานาคที่พยายามกระจายข่าวไปหลายบอร์ดว่า ถ้าสามารถถ่ายภาพลูกไฟขึ้นจากน้ำได้ รับเงินรางวัล 10,000 บาทนั้น ก็มีเพียงสมาชิก pantip ห้องหว้ากอเท่านั้น เป็นคนไทยสังเกตุฝั่งไทย 4 คน และคนลาว(แท้)สังเกตุอยู่ฝั่งลาว 2 คน

ฝ่ายไทยแยกไปสองหมู่บ้าน ผมกับเพื่อนไป บ.ตาลชุม อ.รัตนวาปี
การพิสูจน์ที่ดี ยังคงเป็นการถ่ายรูปแบบเปิดหน้ากล้องนานๆ หรือ low speed shutter แต่คราวนี้ได้กล้องใหม่เปิดหน้ากล้องได้นาน 30 วินาที ได้ภาพเยอะ แต่ขอนำมาให้ชมเป็นตัวอย่างรูปที่น่าสนใจ ดังนี้

 

ผลงานจากเพื่อนคนไทยอีก 2 คนที่ไป บ.น้ำเป (พิกัด 18.163509,103.142138)
ในที่นี้มีอยู่คนหนึ่ง ที่มีเทคโนโลยีสามารถนำภาพนิ่งเหล่านั้นมารวมกันเป็นภาพเดียวได้ ทำให้ได้ภาพที่มีเส้นแสงมากมาย ขอนำมาโพสลงตามไฟล์ใหญ่ขนาดจริงให้ได้ศึกษากันละเอียดๆเลยนะครับ
และตรวจตราดูว่า มีลูกไฟสีแดงอมชมภูขึ้นจากน้ำบ้างมั้ย?

 

ผลงานจากเพื่อนฝั่งลาว
ก่อนไปได้ประชุมกันก่อน เพราะเรื่องมันมีอยู่ว่า ปีที่แล้ววันที่ 12 ต.ค. 54 ผมไปถ่ายรูปบั้งไฟพญานาคแบบเปิดหน้ากล้องนานๆที่ บ.ท่าม่วง อ.รัตนวาปี (พิกัด 18.21325,103.155608)
จึงไปหาใน google map ว่าหมู่บ้านลาวฝั่งตรงข้ามคือหมู่บ้านอะไร พบว่าคือหมู่บ้าน Ban Houay Sophay, Bolikhamsai, ປະເທດລາວ
อ่านว่า บ้านห้วยโสไพ (พิกัด 18.217224,103.146214) และนั่น จึงเป็นที่ๆผมนัดให้เพื่อนคนลาวไปดู ว่ามีอะไรเกิดขึ้นในหมู่บ้านนั้น? ส่วนผมตั้งใจว่าจะไม่ไปที่เดิม เพราะต้องหาข้อมูลที่ใหม่ๆไปเรื่อยๆ แต่ต้องมีคนไทยอยู่ฝั่งตรงข้ามเป็นอย่างน้อย ผมจึงเลี่ยงบาลีตัวเอง ด้วยการไปอีกหมู่บ้านที่ใกล้ๆกัน คือ บ.ตาลชุม (พิกัด 18.222315,103.152845) ได้รูปตามหัวข้อกระทู้ออกมา

​

ได้เรื่องราวพร้อมคำบอกเล่าดังต่อไปนี้

วันนี้พวกเราพากันไปพิสูจน์บั้งไฟพญานาคมา สถานที่ก็อยู่ฝั่งลาวเรานี่แหละ แต่ไม่ขอระบุสถานที่นะ เอาเป็นว่า อยู่ฝั่งเรา
ก็ไปกันตั้งแต่บ่าย ๒-๓ โมง เพื่อจะได้ไม่ต้องแย่งที่ใคร เพราะกลัวคนเยอะ ไปถึงแล้วก็ปรากฎว่าไม่ค่อยมีคน มีแต่ชาวบ้าน ก็เลยได้เลือกสถานที่ตามใจ แล้วก็นั่งรอจนถึงค่ำ
ฝั่งลาวเราไม่มีอะไรมาก เป็นงี้แหละ แต่ฝั่งไทยคนเยอะ เยอะพิลึกพิโล เยอะเอาจริงเอาจัง เขาก็ไปนั่งรอ นั่งจองสถานที่กันตั้งแต่กลางวันจนถึงค่ำ จนเดือนโผล่ดินขึ้นฟ้า

​

พวกเราก็นั่งดู นั่งสังเกตไปเรื่อยๆ จนถึงเวลาหนึ่ง ได้ยินเสียงเฮ จากฝั่งไทย แล้วก็เสียง โฮ ดังต่อมา เพราะว่าเขาเห็นบั้งไฟพญานาคปรากฎขึ้น พวกเราก็มองหาดู แต่ก็ไม่เห็น แล้วก็เงียบไปอีกระยะหนึ่ง จากนั้นฝั่งไทยก็พากันร้องเฮโฮกันอีก เป็นแบบนี้ซ้ำไปซ้ำมาหลายครั้ง
ในขณะที่ทีมพวกเรากำลังสิ้นหวัง คิดว่าคงไม่มีโอกาสได้เห็นบั้งไฟศักดิสิทธิ์ (!?) แล้วก็ปรากฎว่ามีเสียงโฮดังขึ้นอีกจากฝั่งไทย!!! แล้วในวินาทีนั้นเอง เป็นวินาที่แรกที่ข้าพเจ้าได้เห็นบั้งไฟพญานาคลอยพ้นบริเวณขึ้นฟ้า!! สีของมันเป็นสีชมพูเข้ม อาจเข้าขั้นสีแดงเลยก็เป็นได้ มันเคลื่อนที่ไม่ไวนัก และไม่ช้านัก มันลอยขึ้นฟ้าแล้วก็ดับไป
นั่นเป็นวินาทีที่ตื่นเต้นมากสำหรับคณะของพวกเรา ซึ่งบางคนก็เห็น บางคนก็ไม่เห็น แต่สำหรับข้าพเจ้าที่เห็นนั้น แปลกใจมาก เพราะมันเป็นอย่างที่เขาเล่ากันมา
หลังจากบั้งไฟลูกนั้นแล้ว พวกเราก็นั่งตั้งหน้าตั้งตารอคอยต่อไป และพยายามดูไปที่ผิวน้ำแต่ก็ไม่ปรากฎเห็น ได้ยินแต่เสียงโฮ่จากฝั่งไทย ไม่รู้เขาร้องโฮ่อะไร เห็นมีแต่พากันยิงพุไฟ แล้วก็จุดประทัด และอันที่ปวดหัวที่สุดนั่นคือมีการลอยโคมไฟขึ้นฟ้า ทำให้สับสนว่าอันไหนเป็นบั้งไฟ อันไหนเป็นโคมไฟกันจริงๆ!!
หลังจากผ่านไปร่วมชั่วโมง พวกเราก็เห็นบั้งไฟพญานาคปรากฎขึ้นอีก แต่ครั้งนี้กลับอยู่เลียบแม่น้ำทางขวามือ ซึ่งข้าพเจ้าก็มีโอกาสได้เห็นอีกครั้ง!!
นั่งดูไปพอสมควร ปรากฎว่า เราก็ได้ยินเสียงปืนยิงดังขึ้นจากทางซ้ายมือ พอเหลียวไปเท่านั้นแหละเห็นบั้งไฟพญานาคลอยขึ้นฟ้า!!! แล้วก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นอีก แต่ไม่เห็นบั้งไฟขึ้น ส่วนฝั่งไทยนั้นหรือ? ก็โฮนั่นแหละครับพี่น้อง!!
พวกเรานั่งสังเกตอยู่พอสมควร จึงรู้กันว่า บั้งไฟพญานาคมันชอบจะขึ้นอยู่ทางเลียบแม่น้ำฟากขวามือ ก็เลยพากันไปดู มันเป็นต้นโพธิ์ หรือต้นไทร หรือต้นอะไรซักอย่าง ขนาดใหญ่ ปกคลุมทั่วบริเวณนั้น ลองสอบถามเด็กชาวบ้านก็บอกว่าเป็นเขตที่ผู้ใหญ่ไม่ให้เข้า เพราะมันอันตราย โดยเฉพาะในยามกลางคืน บางคนก็ว่าเป็นเขตดินของวัด บางคนก็ว่ามีศาลเจ้า หรือศาลอะไรต่างๆ อยู่ในนั้น ซึ่งขณะที่กำลังพูดคุยกันอยู่นั้นสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น!!!
มีลูกไฟลอยขึ้นมาจากในป่าแห่งนั้นที่พวกเรากำลังดูอยู่!! มันเป็นลูกไฟสีแดงลอยขึ้นมา ความไวมันเป็นแบบลูกไฟที่พวกเราเห็น และเข้าใจว่าเป็น "บั้งไฟพญานาค" ในตอนแรกนั่นเอง
เด็กน้อยแถวนั้นบอกว่า อยู่นี้เห็นตลอด บางคนเห็นถึง ๑๗ ลูกแล้ว พวกเราจึงตั้งหลักกันสังเกตการณ์อยู่นั้น ซึ่งก็สังเกตเห็นคนอยู่ในป่านั้น (ซึ่งป่านั้นเป็นแหล่งที่มีน้ำล้อมรอบ ไม่สามารถข้ามไปได้หากไม่มีเรือ) เขาก็เดินไปเดินมา แล้วก็เหลียวมาดูคณะของพวกเรา จากนั้นก็หายไปในป่า แล้วก็ออกมาอีก เป็นแบบนี้อยู่สองสามรอบ จากนั้นก็มีลูกไฟปรากฎออกมาจากในป่าอีก และแน่นอน... ฝั่งไทยก็ร้องโฮขึ้น...

​

หลังจากนั้น หนึ่งในทีมงานที่ไปกับคณะของพวกเราเดินมาหา แต่ระหว่างทางปรากฎว่าพบกับใครก็ไม่รู้จัก เดินสวนทางมาแล้วบอกว่า "ระวังตัวให้ดี" แล้วก็เดินผ่านไป
พวกเรารู้แบบนั้นก็ไม่สบายใจ คิดว่าน่าจะมีอะไรแล้วล่ะ แต่ก็ยังอดรออยู่ต่อไป ซึ่งก็ไม่เห็นอะไรอีกเลย ฝั่งไทยก็เลิกโฮ ฝั่งลาวก็เงียบ เราก็งง จากนั้นก็เห็นคนพายเรือไปยังที่ป่านั้น แล้วก็มีคนในป่าเดินไปหาเรือแล้วก็หายไป
ยืนรออยู่นานพอสมควร แล้วก็คุยกันไปเรื่อยๆ ขณะที่กำลังคุยกันนั้นเอง เสียงปืนก็ดังขึ้นจำนวน ๑๐ ลูกติดต่อกัน พวกข้าพเจ้าเห็นลูกไฟสีแดงที่เรียกและเชื่อกันว่ามันคือ "บั้งไฟพญานาค" ลอยมาจากทางหลังของพวกเรา และเสียงนั้นก็เช่นกัน มันดังมาจากหลังของพวกเรา!!! มีคนยิงปืนอยู่ทางหลังเรานี้เอง พอได้สติแล้ว ข้าพเจ้าก็เรียกให้สหายที่ไปด้วยกันรีบออกจากที่นั้นทันที เพราะไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้นต่อไป เมื่อคนที่ยิงบั้งไฟพญานาคนั้น อยู่ใกล้ขนาดนี้ ซึ่งก็แน่นอน สิ้นเสียงปืนลูกที่ ๑๐ แล้ว เสียงโฮจากฝั่งไทยก็ดังขึ้นตามมา
ถ้าเปรียบเป็นการแสดง นี้คงเป็นการแสดงที่เรียกได้ว่า The Best Performance!

ชมคลิ๊ปและฟังเสียงเอานะ

<iframe width="853" height="480" src="http://www.youtube.com/embed/lGhvF7X_4GM?rel=0" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>​

อีกภาพนิ่งจากฝั่งลาว
รูปนี้สังเกตให้ดีๆ จะเห็นว่ามีจุดกำเนิดบั้งไฟในภาพด้วยละ นี่ละมั้งที่เป็นเหตุผลว่าทำไมไม่เห็นมีบั้งไฟที่ว่าขึ้นจากฝั่งไทย หรือผิวน้ำเลย

​

อีกภาพจากฝั่งลาว
ก่อนอื่น ต้องขอบอกว่า ทีมผมไม่ได้มีเจตนาจะทำลายความเชื่อ หรือหนทางทำมาหากินอะไรก็แล้วแต่ที่มีมาแต่เก่าก่อนนะครับ เราแค่ต้องการพิสูจน์ว่า มีคนยิงขึ้นมาจากฝั่งลาวจริงไหมเท่านั้น นอกนั้นไม่สนใจ
และการพิสูจน์ก็จบลงไปแล้ว แต่ผมยังคงเชื่อว่ามันอาจจะมีที่ ที่ลูกไฟเหล่านี้ไม่ได้ออกมาจากปลายกระบอกปืนอยู่อีก แต่จะเป็นที่ใด อย่างไร และเมื่อไหร่นั้น คงต้องรอปีหน้า

ป.ล. ตอนแรกก็สงสัยอยู่ว่าถ้ามันขึ้นมาจากคนยิงในป่าจริง แล้วที่เราเห็นมันขึ้นอยู่ในน่านน้ำมันมาจากไหน ผมพยายามคิดอยู่นาน แต่ก็คิดไม่ออก จนกระทั่งมาเจอรูปที่คนในทีม ถ่ายได้...

​

จาก รูปภาพของ Thanavorakit Kounthawatphinyo | Facebook

 

ตกลงปีหน้าจะไปพิสูจน์ที่ไหนครับ บ้านน้ำเปอีกรึเปล่า

 

ความเห็นจากคนในพื้นที่ เป็นเจ้าหน้าที่ผู้จัดรายงานสดทางสถานีวิทยุย่อยตรงนั้น ณ บ.ตาลชุม 30 ต.ค. 55 ภายหลังได้ชมปรากฎการณ์พร้อมผมไปแล้ว

<iframe width="853" height="480" src="http://www.youtube.com/embed/0zFiskO6hG8?rel=0" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>​

สถานีแห่งนี้มีการประกาศด้วยครับ ว่าลูกนั้นเป็นพลุจากฝั่งลาว ลูกนี้บั้งไฟของจริง เพื่อไม่ให้นักท่องเที่ยวเข้าใจผิด
แต่ลูกจริงที่เค้าว่าเนียะ กล้องของผมก็เห็นว่ามันขึ้นจากฝั่งลาวเหมือนกันหละครับ



ตัวอย่างความเห็นจากสื่อมวลชน

จังหวัดหนองคายได้รวบรวมสถิติการเกิดบั้งไฟพญานาคในคืนวันที่ 30 ตุลาคม 2555 มีบั้งไฟพญานาคเกิดขึ้นใน 2 อำเภอ คือ อ.โพนพิสัย ที่บ้านหนองกุ้ง ต.กุดบง 67 ลูก และวัดไทย ต.จุมพล 4 ลูก อ.รัตนวาปีมีบั้งไฟพญานาคเกิดขึ้นที่บ้านน้ำเป 112 ลูก, บ้านท่าม่วง 100 ลูก, บ้านตาลชุม 101 ลูก และบ้านหนองแก้ว 55 ลูก รวมปีนี้มีบั้งไฟพญานาค 439 ลูก จำนวนนักท่องเที่ยวประมาณ 325,100 คน
รวม “บั้งไฟพญานาค” โผล่ปีนี้ 439 ลูก นักท่องเที่ยวปักหลักรอชมคืนที่ 2

 

ผลงานปีที่แล้วของผม บ.ท่าม่วง อ.รัตนวาปี 12 ต.ค. 55 ภาพถ่ายบั้งไฟพญานาคเมื่อเปิดหน้ากล้องนานๆ

 

ไปถ่ายพลุซะไกล เพื่อไรวะ ไปลอยเรือดูที่กลางลำน้ำดูซิ
แต่ถ้าถ่ายพลุละก็ เนี่ยเลย 5 ธันวาคมนี้ สวยค่อดๆ ใก้ลๆ เองนะ ถ่ายมั่วเปิดหน้ากล้องนาน
ระวังม่านชัดเตอร์ค้าง กล้องบางตัวเปิดม่านชัดเตอร์ได้นาน แต่บางตัวเจ้งเลย หุ...หุ

 

สรุปว่า 12 ต.ค. 54 บ.ท่าม่วง และ 30 ต.ค. 55 บ.ตาลชุม, บ.น้ำเป บั้งไฟพญานาคขึ้นจากฝั่งลาวทั้งหมด
ส่วนหมู่บ้านอื่นๆ วันอื่นๆ ปีอื่นๆ นอกเหนือจากที่ผมกล่าวมา จะขึ้นจากน้ำจริงๆ หรือขึ้นจากฝั่งลาวเหมือนกัน ก็สุดแต่จะคาดคิดกันแล้วหละครับ

คำกล่าวที่ว่า เห็นขึ้นตรงหน้าเบยยย จะเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ก็โปรดใช้วิจารณญาณในการฟังต่อไป

 

เปิดเฟช พิสูจน์บั้งไฟพญานาค ขณะนี้อยู่ในระหว่างก่อสร้างรวบรวมข้อมูลครับ พิสูจน์บั้งไฟพญานาค | Facebook

 

งานนี้ ลาวเก่ง กว่า ....

 

เราเคยเห็นขึ้นตรงหน้าตอนเย็นๆยังไม่มืดสองลูก ไม่สงสัยอีกเลยว่าขึ้นจากไหน แต่จะมาจากอะไรก็ยังไม่กระจ่างใจนัก มีแต่ต้องปฏิบัติต่อไป เพื่อความสิ้นสงสัยในชาตินี้

 

ผมเคยเห็นตั้งแต่ยังเป็นเด็ก ของจริงขึ้นจากแม่น้ำโขงตรงหน้าก็มี ชึ้นจากปลักควายที่มีน้ำขังอยู่ข้างทางขากลับบ้านก็เคยเห็น ฉะนั้นอย่าเพื่งตัดสินอะไร ผมเองก็ยังไม่อยากเชื่อ ใช้วิจารณญาณเอาครับ

 

ดิฉันว่าเมืองไทยเรานี้มีอะไรที่แปลกเยอะไม่น้อย ไม่ทราบว่าบ้องไฟพญานาคนี้เกี่ยวข้องอย่างไรกับศาสนาพุทธ ท่านใดทราบช่วยสงเคราะห์เล่าให้ฟังหน่อย ตอนนี้ชักชักจะตะหงิดๆเริ่มเชื่อเรื่องที่่ว่าพุทธศาสนาอุบัติขึ้นในเมืองไทย อาจมีข้อเท็จจริงบางอย่างว่านี้อาจเกี่ยวเนื่องกันกับเรื่องลึกลับต่างๆ เช่นบั้งไฟพญานาค

 

เชื่อว่ามีจริง เพราะเคยเห็นที่วัดหินหมากเป้ง หลวงปู่เทสน์ เกจิเมืองไทยยังเชื่อเลย หากมีคนทำคงใช้ทุนมหาศาล ตลอดลำน้ำโขง ชาวบ้านธรรมดาคงไม่มีใครมีปัญญาทำหรอก
แล้วไม่ใช่พึ่งมี เขามีมานานแล้วจ้า

 

ในเมื่อคุณสมภพเชื่อมั่นว่าที่เหล่านั้นไม่มีบั้งไฟของจริงเลย แถมคนไปดูก็แยกแยะของจริงไม่เป็น แล้วจะยังไปพิสูจน์ที่เดิมอีกเพราะอะไรครับ

ผมแนะนำให้หาที่ใหม่ เก็บข้อมูลจากผู้ที่อ้างว่าเคยเห็นของจริง หรือที่ๆคิดว่าไม่มีคนลาวยิงปืน เช่น หนองหาน คำชะโนด แต่ถ้าจะไปน้ำโขงผมก็แนะนำที่วัดอาฮง ไม่ทราบว่าคิดเห็นอย่างไรบ้าง

ส่วนผมจะไปวัดอาฮงอยู่แล้วเพราะถือโอกาสไปทำบุญวันออกพรรษาด้วยเลย (ส่วนคำชะโนด หนองหานไม่เคยไปก็เลยเลือกอาฮงก่อนเพราะเคยไปครั้งหนึ่ง ดูแล้วมีสถานที่พร้อมสำหรับการชมและการไปพักค้างคืน อาหารก็ฟรีเพราะเป็นโรงทาน) เหตุผลอื่นๆที่เลือกก็เพราะ
- ดูจากเว็บแนะนำบอกว่าเป็นที่แรกที่มีคนพบบั้งไฟพญานาค
- เป็นสะดือน้ำโขง และเชื่อว่าเป็นเมืองหลวงของเมืองบาดาล
- ลักษณะบั้งไฟต่างจากที่อื่นคือเป็นสีเขียว (จะได้แยกกับลูกกระสุนส่องแสงได้)
- แม่น้ำโขงก็โค้งด้วย สามารถตั้งกล้องให้เห็นทั้งฝั่งไทย แม่น้ำ และฝั่งลาว
- รู้สึกจะมีเกาะกลางแม่น้ำด้วย
- มีพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบซึ่งได้ยินว่าหลวงพ่อจะไปเข้าพรรษาที่วัดนั้นในปีหน้า ผมเชื่อว่าท่านสามารถตอบข้อสงสัยของพวกเราได้ (ทั้งทางโลกทางธรรม มีความเชี่ยวชาญทั้งด้านบาลี และรอบรู้วิทยาการต่างๆเพราะอยู่อเมริกามากว่า 30 ปี)
แต่ถ้ายังคิดว่าจะไปถ่ายที่บ้านน้ำเปเพื่อทำให้คนที่บ้านน้ำเปเห็นว่าบั้งไฟที่เขาคิดว่าเป็นบั้งไฟพญานาคคือกระสุนส่องแสงจากลาวทั้งหมดก็ไม่เป็นไร ถือว่าแยกย้ายกันไปปฏิบัติภาระกิจในการพิสูจน์

ผมแค่เสนอเพราะอยากให้คุณได้ไปเห็นของจริงกับตาตัวเอง เพราะที่ผ่านมาคุณไม่เคยเห็นของจริงเลยคิดว่ามีแต่ของปลอม ซึ่งถ้าได้เห็นของจริงสักครั้งก็น่าจะตอบปัญหาอะไรได้หลายๆอย่าง ยังไงก็ลองนำไปพิจารณาดู

ปล. ฝากถึงผู้ที่เคยเห็นของจริง ไม่ว่าท่านอยู่ที่ไหนกรุณาเก็บภาพบั้งไฟของจริงมาด้วย เพราะการกล่าวอ้างด้วยคำพูดย่อมเชื่อถือได้น้อย ผมเข้าใจว่าของจริงนั้นมันยากที่จะถ่ายเพราะคาดเดาไม่ได้ว่าจะเกิดที่ตรงไหน เกิดเมื่อไหร่ ถ้าไม่ได้ตั้งกล้องแช่ก็คงเป็นเรื่องยาก แต่ยังไงก็ลองพยายามหาทางช่วยกันพิสูจน์คนละไม้คนละมือ อาจไม่สำเร็จในปีหน้าแต่ก็คงได้พบปัญหาอุปสรรคนำมาวิเคราะห์แก้ไขพัฒนาวิธีการพิสูจน์ในปีต่อๆไป อย่างน้อยก็ได้รู้ว่าของจริงยังมีอีกหรือไม่ มีที่ไหนบ้าง ขึ้นเยอะแค่ไหน ลักษณะลูกไฟที่พบแต่ละที่แตกต่างกันอย่างไร

ปล.2 ผมเห็นคุณสมภพตั้งกระทู้ลักษณะนี้หลายกระทู้ หลายเวบ เพื่อจะประกาศให้คนรู้ว่าบั้งไฟพญานาคไม่มีจริง เป็นการเข้าใจผิดเรื่องกระสุนส่องแสง ซึ่งผมเห็นด้วยว่ามีการเข้าใจผิดกันจริงๆ ยอมรับว่าที่คุณถ่ายมาเป็นกระสุนส่องแสง (แม้จะบอกได้ไม่เต็มปากว่าเป็นกระสุนส่องแสงทั้งหมดไม่มีของจริงเลยเพราะวิธีการของคุณสมภพยังมีช่องโหว่อยู่ก็ตาม) แต่ก็ไม่เพียงพอที่จะไปสรุปว่าไม่เคยมีบั้งไฟของจริงเลย ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันเป็นกระสุนส่องแสงทั้งหมด เพราะเขาเห็นกันมามากกว่าร้อยปี ก่อนจะมีการผลิตกระสุนส่องแสงด้วยซ้ำ หรืออย่างที่หลายคนบอกว่าไม่ได้เกิดที่แม่น้ำโขงอย่างเดียว ในห้วยหนองคลองบึงหรือแม้แต่รอยเท้าควายที่มีน้ำขังก็เกิด ซึ่งคุณอาจคิดว่านี่เป็นเพียงเสียงลือเสียงเล่าอ้างอันเลื่อนลอยไม่มีหลักฐาน แต่สำหรับคนอื่นเขาไม่ได้คิดแบบคุณ เขายังเชื่อคำพูดของคนเหล่านั้น และการพิสูจน์ของคุณก็ไม่อาจโต้แย้งความเชื่อเหล่านั้นได้ เพียงแค่ทำให้คนตระหนักว่าบั้งไฟที่เขาเห็นอาจเป็นเพียงกระสุนส่องแสงแค่นั้น ไม่เพียงพอที่จะบอกว่าบั้งไฟพญานาคไม่มีจริง ซึ่งถ้าคุณพอใจเพียงแค่นี้ก็ไม่เป็นไร เรื่องการตามหาบั้งไฟของจริงไว้เป็นหน้าที่ของพวกผมเอง (ยังไงก็เปิดใจไว้บ้าง อย่าคิดเพียงว่าคำพูดของคนเชื่อถือไม่ได้ ตาคนเชื่อถือไม่ได้ จะเชื่อเพียงแค่ภาพจากกล้องเท่านั้น เพราะจะทำให้เกิดอคติขึ้นและมองผู้อื่นอย่างดูถูกดูแคลนไปเสียหมด นี่คือสิ่งที่ผมรู้สึกจากการที่ติดตามกระทู้คุณมา)

 

คนทำต้องรวยมาก

ขนาดจ้างคนมาทำตลอดแนวแม่น้ำโขง

เพื่อให้คนได้ดู

ดูแล้วก็เก็บตังค์ เพื่อเอาไปต่อทุน ทำอีกปีหน้า และต้องระวังโดนจับได้ด้วย

 

เอาเป็นว่าจากที่ไปอ่านใน pantip มา ผมสรุปประเด็นไว้ให้ชาวพลังจิตเลยละกัน
(ถ้าอยากอ่านโดยละเอียดให้เข้าไปอ่านใน pantip ซึ่งมีหลายกระทู้มากๆ)

- ผมแบ่งสมมติฐานไว้ 3 กลุ่ม
1. บั้งไฟพญานาคเกิดจากพญานาคพ่นลูกไฟเป็นพุทธบูชาในวันออกพรรษาที่พระพุทธเจ้าเสด็จลงจากชั้นดาวดึงส์ภายหลังโปรดพุทธมารดา
ปัญหาคือ - ยังขาดหลักฐานทางวัตถุและทางวิทยาศาสตร์ที่จะอธิบายได้ว่าพญานาคมีจริง
- ทำไมจึงไม่มีบันทึกในพระไตรปิฎกหรือพงศาวดาร
- ทำไมก่อนหน้านี้เรียกบั้งไฟผี ไม่ได้เรียกบั้งไฟพญานาคแต่แรก
- ทำไมจึงมีเฉพาะแม่น้ำโขงที่หนองคาย พญานาคที่อินเดียไม่พ่นบั้งไฟเหรอ

2. บั้งไฟพญานาคเกิดจากก๊าซชีวภาพในตะกอนน้ำโขง เมื่อถึงวันออกพรรษาเป็นช่วงที่แรงโน้มถ่วงเหมาะสมที่จะให้ก๊าซลอยตัวขึ้นมาทำปฏิกิริยากับออซิเจนเกิดเป็นลูกไฟ โดยมีการเก็บตะกอนไปและพบว่ามีก๊าซที่ติดไฟอยู่จริง
ปัญหาคือ - ไม่มีใครไปจุดไฟในสถานที่จริง
- ไม่สามารถทำให้เกิดลูกไฟแบบบั้งไฟพญานาคได้ในสถานที่จริง

3. บั้งไฟพญานาคเกิดจากฝีมือมนุษย์
จากคลิปรายการของ iTV ไปสัมภาษณ์หัวหน้าทหารที่ลาว บอกว่าคนลาวยิงกระสุนส่องแสงกันมานานหลายสิบปีตั้งแต่เขายังเด็กแล้ว ยิงกันเป็นประเพณีเพื่อฉลองวันออกพรรษา (ไม่ได้ยิงในเทศกาลอื่นๆ) ทำกันทุกหมู่บ้าน
มีการไปพิสูจน์โดยตั้งกล้องเปิดหน้าจอทิ้งไว้ที่รัตนวาปีและน้ำเป(ซึ่งอ้างว่ามีบั้งไฟพญานาคมากสุด) พบว่าบั้งไฟพญานาค(ที่คนไทยส่งเสียงเฮเวลาเห็น)ไม่ได้ขึ้นจากน้ำ แต่ขึ้นมาจากฝั่งลาว(ดังรูปที่คุณสมภพนำมาให้ดู) โดยพิสูจน์มา 2 ปีก็ยังไม่เห็นบั้งไฟที่ขึ้นจากน้ำเลย และลักษณะก็เหมือนกระสุนส่องแสง จึงสรุปว่าบั้งไฟพญานาคนั้นจริงๆแล้วเป็นกระสุนส่องแสงที่คนลาวยิงในวันออกพรรษา
ปัญหาคือ - กลุ่มคนที่ไปพิสูจน์ไม่เคยเห็นบั้งไฟของจริง (และเต็มไปด้วยอคติว่าไม่มีของจริง)
- กระสุนส่องแสงผลิตเมื่อประมาณ 50 ปีก่อน แล้วก่อนหน้านั้นคนลาวเฉลิมฉลองกันยังไง บั้งไฟพญานาคที่เขาเห้นกันมากว่าร้อยปีจะอธิบายอย่างไร
- ในคลิป iTV ไปสัมภาษณ์ชาวบ้าน บอกว่าบั้งไฟพญานาคในสมัยก่อนต่างกับปัจจุบัน ไม่ได้เยอะแบบในปัจจุบัน ขึ้นทีก็ไม่สูงนักแค่ยอดต้นตาล ต่างกับปัจจุบันที่ขึ้นไปหลายสิบเมตร (แสดงว่ามีบั้งไฟ 2 ลักษณะ แบบที่คนเห็นในสมัยก่อนกับสมัยปัจจุบัน จึงเป็นไปได้ว่าอาจมีบั้งไฟของจริงอยู่ แต่ปัจจุบันคนเข้าใจผิดว่ากระสุนส่องแสงคือบั้งไฟพญานาค)
- อธิบายที่คนเห็นตามห้วยหนองคลองบึงในฝั่งไทยที่ไม่มีคนลาวมายิงไม่ได้
- ถ้าเป็นการกระทำตามประเพณี ทำไมช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาจึงมีบั้งไฟพญานาคเพิ่มขึ้นมากเป็น 2-3 เท่า ทั้งที่ก็น่าจะเท่าๆเดิม
- เรื่องราวเกิดมาเป็น 100 ปี ไม่มีคนไทยรู้เลยเหรอว่าเป็นประเพณียิงกระสุนส่องแสงของคนลาว เพราะที่ฝั่งลาวรู้กันทุกหมู่บ้านตลอดแนวน้ำโขง แต่คนไทยฝั่งตรงข้ามไม่รู้เรื่องเลย ทั้งที่ในคลิป iTV คนไทยที่ข้ามไปฝั่งลาวแล้วไปร่วมยิงด้วยก็มี ไม่ได้กลับมาบอกคนไทยบ้างเลยเหรอ
- ถ้ากระสุนส่องแสงหาง่ายยิ่งกว่าพลุในประเทศลาว ทำไมเทศกาลอื่นๆจึงไม่นำมาใช้กัน
- มีการจ้างวาน หรือต้องการให้เกิดการเข้าใจผิดเพื่อเหตุผลทางธุรกิจหรือไม่ (ซึ่งการไปสัมภาษณ์คงไม่ใช่อยู่ดีๆเดินเข้าไปถามแล้วจะได้ข้อมูล ต้องอาศัยการสร้างความสัมพันธ์ก่อน)

สรุป - ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าบั้งไฟพญานาคของแท้ไม่มี(ถ้าเชื่อตามคำบอกเล่าของผู้ที่เคยเห็นของจริง) และยังไม่สามารถสรุปได้เช่นกันว่ามีบั้งไฟพญานาคของแท้(เพราะไม่มีพยานหลักฐานทางวิทยาศาสตร์นอกเหนือจากคำบอกเล่า)
- อาจเป็นความเข้าใจผิด(หรือต้องการให้เกิดความเข้าใจผิด)ของนักท่องเที่ยวหรือชาวบ้านในปัจจุบัน ที่พอเห็นกระสุนส่องแสงลักษณะคล้ายบั้งไฟพญานาคตามที่เล่าต่อๆกัน จึงคิดไปว่ากระสุนส่องแสงที่เห็นคือบั้งไฟพญานาค แล้วสร้างความเข้าใจผิดต่อๆกันมา
ดังนั้น ผมจึงอยากเชิญชวนผู้ที่เคยเห็นบั้งไฟของแท้ หรือเชื่อว่าของแท้มีอยู่ (คนที่เชื่อตามสมมติฐานข้อ 1 และ 2) ให้ช่วยกันเก็บหลักฐานไม่ว่าจะเป็นภาพถ่าย/วิดีโอ ที่พิสูจน์ได้ว่าบั้งไฟของแท้มีจริง ไม่ได้เกิดจากกระสุนส่องแสงเพียงอย่างเดียว เพราะถ้าหมดยุคของคนที่เคยเห็นบั้งไฟของจริงแล้วก็จะไม่มีใครมายืนยันได้ว่าของแท้มีจริง ลักษณะต่างจากกระสุนส่องแสงอย่างไร ถ้ายังเพิกเฉยไม่คิดจะทำอะไรคนรุ่นหลังก็จะคิดเพียงว่าบั้งไฟพญานาคไม่มีจริง คำเล่าลือเรื่องบั้งไฟที่แท้เกิดจากความเข้าใจผิดของคนไทยที่เห็นกระสุนส่องแสงแล้วไปทึกทักว่าเป็นลูกไฟผี (เพราะแม้แต่ในวิกิก็เป็นเพียงภาพของปลอม หรือคลิปใน youtube ก็มีแต่คลิปกระสุนส่องแสงที่คนเข้าใจผิดว่าเป็นบั้งไฟ) การที่จะมาบอกว่าเคยเห็นของจริง ของจริงมีอยู่ ลักษณะก็ต่างจากกระสุนส่องแสง ด้วยคำพูดเพียงอย่างเดียวคงไม่พอในยุคที่หลักฐานสำคัญกว่าคำพูด(เพราะเมื่อคนเรามีศีลธรรมลดลง ความเชื่อใจไว้ใจกันก็ย่อมลดลงเป็นธรรมดา)

 

ทำไมไม่ไปสอบถามคนลาว ที่อยู่แถบนั้น. เรื่องนี้เกิดขึ้นมานานแล้ว. น่าจะรู้กันทั้งบ้านทั้งเมือง ว่า เกิดจากการยิงปืนหรือเปล่า โดยส่วนตัวคิดว่าน่าจะมีทั้งของจริงและปลอม. น่าเสียดายคนที่ไปสังเดตุการณ์ที่เมืองลาว น่าจะหาข้อมูลมากกว่านี้ ทำไมต้องรอถึงปีหน้า. ถามคนลาวก็ได้เรื่ิองแล้ว... ???

 

บั้งไฟพญานาค คือ ดวงแก้ว หรือ ลูกแก้วพญานาค ที่พญานาคเหล่าพญานาคเข้าศีล 3 เดือน จนครบ ดวงไฟที่พุ่งขึ้นจากลำน้ำโขงเป็นการแสดงฤทธิ์ของพญานาคเข้าศีลจนครบ3เดือนเพื่อถวายเป็นพุทธบูชา(เป็นบุญประเพณีของเค้า(พญานาค) สืบมาแต่พระพุทธองค์เสด็จมาโปรดเวนัยสัตว์ที่สุวรรณภูมิอยู่เนืองๆสมัยมีพระชนย์อายุอยู่(บ้านเรานี้แหละ) ยังมีจารึกไว้ที่หนองคาย ก่อนจะได้มาเรียกว่าเมืองหนองคายเสียอีก) เหมือนบังไฟขอฝนนี้แหละ พอไฟดับก็ตกลงสู่พื้นดิน แต่ลูกแก้วจะตกลงสู่แม่น้ำโขงคืน ถ้าเอ่ย ถึงชื่อนี้คงรู้จักกันดี คุณแม่จันทา ฤกษ์ยาม (บุคคที่หลวงพ่อพุธ วัดป่าสาลวัน ให้การยอมรับว่าเป้นผู้ผลิตลูกแก้ว คือหมายถึงเชิญเอาแก้วพญานาคมาเมื่อไรก็ได้ เรียกมาเมื่อไรก็ได้ ท่านนี้ละครับเมื่อหลายปีก่อน เป็นผู้ขัยข้อสงสัยว่าคืออะไร ท่านพาคณะลูกศิษย์ไป เที่ยววันที่มีบั้งไฟพญานาคขึ้น วันออกพรรษา ที่ริมฝั่งไทย ท่ามกลางสายตาของลูกศิษย์ทั้งหมดเป็นพยาน ท่านอธิษฐาน เอาลูกไฟที่พุ่งจากลำน้ำโขงนี้แหละครับ มาอยู่ในมือเลย เป็นดวงแก้วสีใส ใหญ่กว่าลูกกอฟหน่อย มาอยู่ในมือ ร้อนๆเลย แต่ร้อนพอทนได้ครับ ลูกนั่นทุกวันนี้ตกอยู่ที่ครูท่านนึง ที่เป็นลูกศิษย์ท่าน อยู่ที่อุบลราชธานี (ขอทุกท่านโปรกใช้วิจารญาณในการฟังนะครับ แต่อันนี้เป็นเหตุการณ์จริง มีพยานวัตถุ พยานบุคคล ยืนยันได้ครับ) ด้วยความเคารพครับ
เป็นวิทยาทาน บูชาพ่อแม่ครูบาอาจารย์ สายหลวงปู่ใหญ่มั่น ภูริทัตโต มีแม่จันทา ฤกษ์ยาม เป็นที่สุดครับ

 

ขออนุญาติ บอกบุญนะครับ ณ ตอนนี้ที่ วัดป่าภูริทัต (วัดที่คุณแม่จันทา พำนักอยู่)
กำลังสร้างหอระฆังวัด เรียนเชิญทุกท่านที่มีจิตศรัทธา ทั่วทุกสารทิศ มาร่วมทำบุญกันนะครับ
ขออุนโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ สาธุ ด้วยนคะรับ