ผีปอบ

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย satan, 25 ธันวาคม 2006.

  1. satan

    satan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    5,015
    ค่าพลัง:
    +17,915
    (verygood) ผีปอบ


    ผีปอบ หลายๆ คนคงเคยเห็นในหนังเรื่องผีปอบมาแล้ว ซึ่งในหนังทำรูปร่างผีปอบได้น่ากลัวมาก.. แต่ความจริงแล้ว ผีปอบ ไม่น่าจะมีรูปร่างน่ากลัวขนาดนั้น

    ผีปอบ ตามที่ข้าพเจ้าได้ยินได้ฟังมา มีความเป็นมาดังนี้...

    คนสมัยก่อน มักเรียนคาถาอาคม ผู้ชายก็เรียนอาคม ผู้หญิงบางคนก็เรียนอาคม ผู้ชาย โดยมากจะเป็นคาถาอาคมแบบอยู่ยงคงกระพันบ้าง แบบหมอผีบ้าง... ผู้หญิง มักจะเรียนอาคมแบบคนเข้าทรง หรือไม่ก็ถือผี เช่น ลำผีฟ้า เป็นต้น

    การเรียนอาคมทุกอย่าง ต้องมีของคะลำ (หัวข้อต้องห้าม หรือที่ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด) เช่น ห้ามให้คนตบหัว ห้ามลอดผ้าถุง ห้ามลอดใต้ถุนบ้าน ห้ามรับเงินเกินค่าครู ห้ามโกหก ห้าม...ฯลฯ... ซึ่งครูอาจารย์ผู้สอนวิชาอาคมให้ ก็จะบอกกำชับว่า ต้องคะลำอะไรบ้าง... หากผิดข้อห้าม ความขลังอาจจะหายไป หรือเกิดอาการของขึ้น หรือเกิดความเสื่อมอะไรบางอย่าง เป็นต้น

    การที่ต้องปฏิบัติตามข้อห้ามต่างๆ ก็เพื่อให้จิตผู้เรียนอาคม อยู่เหนืออาคม หรือสามารถบังคับอาคมได้ ถ้าเลี้ยงผีไว้ ก็มีอำนาจเหนือผี

    แต่ในทางกลับกัน ถ้าผิดข้อห้าม ผลที่ไม่ดีก็มักจะเกิดขึ้น เพราะเราทำไม่ถูกต้องก่อน จิตเราก็จะอ่อนลง บังคับอาคมไว้ไม่ได้ ถ้าผู้ที่เลี้ยงผี ก็คุมผีไว้ไม่ได้

    ผู้ชายที่เรียนอาคม โดยมาก ผลของการผิดข้อห้าม อาจจะทำให้คาถาเสื่อม ไม่ขลัง ของขึ้น หรือไม่ก็กลายเป็นสัตว์ เช่นเสือเป็นต้น ถ้าผู้เลี้ยงผี ก็อาจถูกผีแก้แค้น

    สำหรับผู้หญิง เนื่องจากมักไม่ได้เรียนอาคมแบบเดียวกับผู้ชาย พอผิดข้อห้าม ผลจึงแตกต่างจากผู้ชาย... ผู้หญิงแถวอีสาน หากเรียนอาคม โดยมากจะเป็นแบบเข้าทรง หรือไม่ก็เรียนลำผีฟ้า ซึ่งเป็นพิธีเพื่อรักษาคนเจ็บป่วยอีกแนวทางหนึ่ง

    ข้อห้ามของคนลำผีฟ้า คืออะไรบ้าง ข้าพเจ้าไม่ทราบ เนื่องจากเป็นศาสตร์ลึกลับ... ทว่า ก่อนลำทุกครั้ง ต้องมีการไหว้ครู แต่งขันบวงสรวง (แต่งคายอ้อ) ซึ่งก็จะมีเงินใส่ลงไปด้วย จำนวนเงินจำกัดตามที่ครูอาจารย์บอก เช่น หนึ่งสลึง เป็นต้น....

    ผู้หญิง หากผิดข้อห้าม โดยมาก มักจะกลายเป็นปอบ

    (ผู้ชายเป็นปอบ มิใคร่จะได้ยินนัก แต่ก็เคยได้ยินบ้างเหมือนกัน ซึ่งหากผู้ชายเป็นปอบ ว่ากันว่า ปราบยากกว่าปอบผู้หญิง เพราะของมันแรง อาคมมันแรงกว่า)

    อะไรคือปอบ กลายเป็นปอบ คืออะไร?

    พอผิดข้อห้าม จิตของคนนั้นจะอ่อนแอลง ไม่กล้าแกร่ง ไม่เข้มแข็ง หรือเรียกว่าจิตเสื่อม เพราะตนเองรู้อยู่ว่าผิด เมื่อจิตอ่อนแอลง ก็ไม่สามารถจะควบคุมอาคมที่ตนเองมีอยู่ได้ ตนเองจึงถูกอาคมนั้นย้อนกลับเข้าตัว และอยู่ใต้อำนาจของอาคม

    คนที่ถูกอาคมย้อนเข้าตัว นั่นแหละ เขาเรียกว่าคนเป็นปอบ เพราะเป็นที่อาศัยของปอบ

    ตัว อาคม เขาเรียกว่า ผีปอบ

    ผีปอบ ก็คือจิตที่เสื่อมอันมีอาคมหรือมนต์ดำครอบงำไว้

    ผีปอบ ทำอะไรๆ ไม่ได้ หากปราศจากร่างกายหยาบ... ดังนั้น ผีปอบจึงต้องการร่างกาย เป็นที่สิงสู่ เป็นที่อยู่อาศัย

    ผีปอบ จริงๆ แล้วก็คือจิต (หรือดวงวิญญาณ) นั่นแหละ คนที่เรียนวิชาอาคมแบบหมอผีอาจจะมองเห็นได้ คนที่มีตาทิพย์อาจจะมองเห็นได้ แต่คนธรรมดามองไม่เห็น คนธรรมดามองเห็นเพียงคนที่เป็นปอบ หรือคนที่ปอบอาศัยสิงร่างอยู่เท่านั้น

    เวลาผีปอบ (จิต) ไปเข้าคนอื่น คนที่เป็นปอบ จะไม่รู้ตัวเลยว่าปอบตัวเอง (มนต์ดำของตัวเอง) ไปเข้าใคร

    แต่ตัวปอบที่ไปเข้าคนอื่น เวลาถูกถามว่า เป็นใคร มาจากไหน ก็จะบอกว่า ตัวเองเป็นใคร อยู่บ้านไหน ซึ่งเป็นคำตอบอย่างท้าทาย เพราะเข้าใจว่า ไม่มีใครปราบได้

    จากนั้น ข่าวว่าคนนั้น คนนี้ เป็นปอบ ก็จะกระจายไปจนเข้าถึงหูของคนที่เป็นปอบ... คนที่เป็นปอบ(ซึ่งไม่รู้อีโหน่อีเหน่ด้วย) ก็จะเกิดความอาย อายชาวบ้านคนอื่น อายเพื่อนบ้านด้วยกัน...

    จากความอายนั้น ทำให้เมื่อตัวปอบ ไปเข้าคนอื่นๆ ต่อมา พอถูกถามว่า เป็นใครมาจากไหน ก็เลยไม่ตอบบ้าง ตอบว่ามาจากบ้านอื่นบ้าง ซึ่งก็คือการโกหก นั่นเอง จนมีคำพูดว่า
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 25 ธันวาคม 2006
  2. satan

    satan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    5,015
    ค่าพลัง:
    +17,915
    เขาสิเนรุและทวีปทั้ง๔ (มนุสสโลก)

    (verygood) เขาสิเนรุและทวีปทั้ง๔ (มนุสสโลก)



    มนุสสโลก ที่ข้าพเจ้ากล่าวถึงในที่นี้ มิได้หมายถึงเพียงแค่โลก หรือดาวโลก ซึ่งเป็นดาวเคราะห์ดวงหนึ่ง เท่านั้น แต่หมายถึง แดนอันเป็นขอบเขตแห่งมนุษย์ หรือแดนที่ธรรมชาติ (อันผ่านการปรับสมดุลย์แล้ว) สร้างไว้เพื่อมนุษย์ ขอบเขตแห่งแดนนี้ นั่นแล คือแดนมนุสสโลก

    ขอบเขตมนุสสโลก กว้างขวาง กว้างใหญ่ สุดสายตาธรรมดาจะมองเห็นได้ อันประกอบด้วยจักรวาลมากมาย จากดาวโลกของเราไป กระทั่งดาวดวงที่อยู่รอบนอกสุดแห่งจักรวาลอื่น นักวิทยาศาสตร์อาจยังสำรวจไม่พบ และที่สำรวจพบแล้ว ก็มีระยะทางคำนวณแล้วหลายล้านปีแสง ซึ่งก็ไกลมากทีเดียว หากนับจากดาวดวงรอบนอกสุดแห่งจักรวาลอื่นออกไป ในรัศมีการดึงดูดของมัน นั่นแล คือขอบเขตแห่งมนุสสโลก... ซึ่งจักรวาลอื่นๆ บางจักรวาล ก็มีมนุษย์อาศัยอยู่เช่นกัน... ลองเงยหน้าขึ้นมองดวงดาวบนท้องฟ้า แล้วจินตนาการเอาว่า ดาวที่เรามองเห็นนั้น อยู่ไกลแค่ไหน... นั่นแหละ เทวโลก อยู่ไกลกว่านั้นไปอีก....

    ย่อเข้ามาในจักรวาลที่เราอาศัยอยู่ อันเป็นจักรวาลขนาดเล็ก กระนั้นก็ตาม ก็มีมนุษย์อาศัยอยู่มากมาย นอกจากมนุษย์ที่เรามองเห็นกันอยู่นี้แล้ว ยังมีมนุษย์เหล่าอื่นอีก ที่เรามองไม่เห็น เป็นมนุษย์เหมือนกัน อยู่ในจักรวาลเดียวกัน แต่มองไม่เห็น เพราะอยู่คนละมิติ

    หากจะมองภูมิศาสตร์มนุสสโลก แห่งจักรวาลนี้แล้ว.... จักรวาลของเรานี้ มีเขาสิเนรุ เป็นแกนกลาง และสรรพวัตถุแห่งจักรวาลนี้ ก็วิ่งวนหมุนรอบเขาสิเนรุ

    เขาสิเนรุ เป็นภูเขาสูงใหญ่ มีมวลมากพอจะดึงดูดหลายๆสิ่ง หลายๆมิติ ให้หมุนวนรอบได้ เขาสิเนรุ มิได้อยู่ในมิติของเราก็จริง แต่อำนาจแห่งแรงโน้มถ่วง ก็ส่งมาถึงมิติของเราได้

    ถัดจากเขาสิเนรุออกมา มีเทือกเขาแวดล้อมอีก ๗ เทือกเขา เรียกว่า สัตตบริภัณฑ์ คือ



    ๑. อัสสกัณณะ
    ๒. วิเนตกะ
    ๓.เนมินธร
    ๔.ยุคันธร
    ๕.อิสินธร
    ๖.กรวีกะ
    ๗.สุทัสสนะ


    และระหว่างเขาสิเนรุกับเขาอัสสกัณณะ รวมถึงระหว่างเทือกเขาแต่ละเทือก มีมหาสมุทรคั่นอยู่ รวมแล้ว ๗ มหาสมุทร เรียกว่า สีทันดรมหาสมุทร หรือมหาสมุทรสีทันดร แปลว่ามหาสมุทรที่อยู่ในระหว่าง ซึ่งมีน้ำสุขุมละเอียดยิ่งนัก ถึงกับทำให้ทุกๆ สิ่งแม้เบาที่สุด เมื่อตกลงก็จมทันที คำว่า สีทะ แปลว่า ทำให้ทุกๆ สิ่งจมลง บวกกับคำว่า อันตระ แปลว่า ระหว่าง หมายถึงคั่นอยู่ระหว่าง จึงรวมเรียกว่า สีทันตระ ไทยเราเรียกว่า สีทันดร... การจะข้ามทะเลสีทันดรไปได้ ต้องอาศัยการบินข้าม เหาะข้าม เท่านั้น ไม่สามารถข้ามได้ด้วยเรือ เพราะไม่มีอะไรลอยอยู่บนน้ำทะเลสีทันดรได้

    มหาสมุทรสีทันดร เปรียบเสมือนกำแพงแห่งมิติ กำแพงแห่งกาลเวลา การข้ามผ่านสีทันดร ต้องได้อาศัยฤทธิ์ทางใจ ผู้ที่จะข้ามผ่านไปได้ ต้องเป็นผู้มีฤทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ สัตว์กึ่งเทพ หรือเทพก็ตาม.... หรือไม่ก็ต้องอาศัยของวิเศษ เช่นจักรรัตนะ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม คนธรรมดา ก็สามารถจะข้ามผ่านสีทันดรได้ ด้วยวิธีพิเศษ ที่เรียกว่า
     
  3. NiNe

    NiNe เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มกราคม 2005
    โพสต์:
    4,780
    ค่าพลัง:
    +7,482
    ผีฟ้า เขาเล่ากันว่าสวยนิ !!!
     
  4. satan

    satan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    5,015
    ค่าพลัง:
    +17,915
    ครับปอบผีฟ้า จะสวยมากๆครับ ทางเจียงใหม่น่ะมี
     
  5. satan

    satan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    5,015
    ค่าพลัง:
    +17,915
    ในปีใหม่นี้ขอให้ทุกๆท่านมีดวงตาเห็นธรรม / ธรรมใดที่พระพุทธองค์ทรงรู้แจ้งเห็นจริงแล้วนั้น ขอธรรมนั้นท่านทั้งหลายจงเห็นเช่นเดียวกัน
     
  6. aonwit01

    aonwit01 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    681
    ค่าพลัง:
    +1,025
    ไสยเวทย์ย้อนเข้าตัว น่าสงสารปอบจัง อุตส่าห์ฝึกตั้งนาน
     
  7. satan

    satan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    5,015
    ค่าพลัง:
    +17,915
    มันก็เป็นเช่นนี้แล บ้านผมเรียกว่า ผีกะ
     
  8. NuJanBaBor

    NuJanBaBor เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    440
    ค่าพลัง:
    +1,861
    จำได้น่ะ ตอนสมัยเด็กๆดูหนังที่มีผีปอบอ่ะ

    วิ่งหนีผีปอบ เข้าไปอยู่ในตุ่มทุกทีเลย

    ลงไปได้ไงตั้งหลายคน

    บางคนก็ตัวใหญ่กว่าโอ่งอยู่และ
     
  9. satan

    satan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    5,015
    ค่าพลัง:
    +17,915
    จริงด้วยครับ บ้านผีปอบ ที่มีปอบหยิบ / มันก็มาจากเค้าโครงเรื่องจริงๆของพวกนักศึกษาที่ออกไปตามชนบทล่ะครับ พวกผมสมัยเป็นนักศึกษ่ก็ออกไปชนบท ก็เจอคล้ายๆกันครับ แต่ไม่ไช่ผีปอบหรอก ผีเจ้าที่ครับ / แต่เหตุการณ์นั้นก็ไม่ต่างจากบ้านผีปอบเท่าไหร่ครับ ไปห้องน้ำที 10 คนเยยครับ
     
  10. NuJanBaBor

    NuJanBaBor เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    440
    ค่าพลัง:
    +1,861
    เวลาวิ่งหนีผีหลายๆคน คงจะสนุกตื่นเต้นน่าดู

    แต่ถ้าคนเดียวก็ฉี่ราดแน่เลย^^
     
  11. satan

    satan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    5,015
    ค่าพลัง:
    +17,915
    แบบว่าตอนนั้นยังเรียน ปี 4 อยู่ / พอดีเรียนเอกภาษาไทย ต้องหัดเป้นนักเขียนสารคดี / อาจารย์ก็พาไปปล่อยที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ไม่ค่อย เ จ ริ ญ / เท่าไร วันแรกมาถึงตอนเย็นแล้ว มืดๆ / ก็ต่างคนต่างหิวข้าวกัน / จึงไม่ได้บอกล่าวเจ้าที่เจ้าทาง...ก็ทะเลาะกันและกินข้าวเลย คืนแรกไม่เป็นไร มีแค่เสียงดังสนั่นห้อง นายหน่อยหัวสิงโต จึงลุกขึ้นมาดูเสียงไรหว่า...ที่แท้...เสียงอาจารย์กรนสนั่นเรยครับ 5555/ คืนที่สองอาจารย์ยังอยู่กับเรา...ยังไม่มีไรเกิดขึ้น/ พอคืนที่ 3 อาจารย์ไม่อยู่ ตกเย็นพวกเราก็หาข้าวปลามากินกัน นายหน่อยหัวสิงโต นายหนึ่งสกินเฮด นายแอมหัวเกรียน ซื้อปลานิลไปเผาแกล้มเหล้า และก็เมาจนหลับที่ศาลามืดๆ ส่วนคนอื่นๆอีก 40 คนนอนห้องพระข้างบนอาคาร / ตอนนั้นพวกเราก็นอนปนกันทั้งชายหญิงเพราะเป็นเพื่อนซี้กันทั้งนั้น / ก่อนนอนยัยแอ๊บเปิลก็บอกผมว่า โหน่ง แกอย่านอนห่างฉันนะ ฉันกลัวผี/ ผมก็บอกว่า เออตรูไม่นอนห่างแกหรอก เพราะตรูก็กลัวเฟ้ย / < แบบว่าตอนนั้นยังกลัวผีอยุ่ > ดังนั้นพอนอนไปถึง 24.00 น.ผมก็ได้ยินเสียงร้องให้เย้นๆมาจากข้างๆผม มันก็มืดๆนึกว่าผีหลอกซะแร้ว/ที่แท้ผมเปปิดไฟดู ยัยแอ๊บเปิล นอนร้องให้อยุ่ด้วยความหนาวสั่น < เพราะนายหน่อยหัวสิงโต เมาเหล้าแล้วนอนยศาลาไม่เอาผ้าห่มตัวเองไป แต่พอเมาแล้วหลับสักพักเกิดหนาวขึ้นมา ก็มาคว้าเอาผ้าห่มยัยแอ๊บเปิลไป ยัยนี่ก็กึ่งหลับกึ่งตื่น ไม่รุ้ว่าผ้าห่มตัวเองหายไปไหนอีก / เวรกรรมล่ะครับ เพราะผมดันนอนอยู่ติดกับมันซะนี่ จำเป็นต้องหาผ้าห่มให้มันนอน / พอดีผมได้ยินเสียงครางฮือๆๆออกมาจากศาลา ผมก็ยังไม่กล้าไปดูคนเดียว เลยพาไอ้พลไปด้วย / ไอ้พลก็ถามผมว่า เอ้ยโหน่งแกพาตรูมาทำไมฟะ หนาวก็หนาวคนอื่นหลับหมดแล้ว / ผมจึงบอกว่าก็พาแกมาตามหาผ้าห่มให้ยัยแอ๊บเปิลไง / แกลองไปดูซิเสียงไรฟะ ไอ้พลก็เดินนำผมไป นายสามคนนั้นเอาเต็นท์อาจารย์มานอนที่นี่เอง 3 คนเรย / ผมกับได้พลเลยพากันดึงผ้าห่มของยัยแอ๊บเปิลมาจาหพวกนั้น และเอาไปส่ให้ยัยแอ๊บเปิล / ผมกะลังจะหลับสักงีบ / ได้ริวอ๊วกอีกกละ มันอ๊วกตั้ง 2 ชั่วดมงยังไม่สร่างเมาเรย / ผมก็จำเป็นต้องอยู่เป็นเพื่อนไอ้ริวที่ระเบียง / แต่ไปๆมาๆมันลงไปนอนอยู่ข้างล่างตรงทางเดินเท้าเฉยเลย / กว่ามันจะสร่างเมาก็ปาเข้าไปตี 4 แล้วครับ / จึงได้หลับพักผ่อน /
    คราวนี้คืนที่สี อาจารย์ก็ยังไม่มา เพราะติดสอบรุ่นน้อง / พอพวกเราสำรวจหมุ่บ้านเสร้จก็พากันฉลองกันอีกละ / คราวนี้ผม< นายโหน่งหัวเข็ม> กับนายหนึ่งสกกินเฮด ก็พากันไปยกเอาลังใส่ข้าวและกับมาให้เพื่อนๆ โรงอาหารไม่มีไฟฟ้าครับ มืดๆ / ผมกับนายหนึ่งก็พากันยกลังอาหาร< คือลังที่เขาใช้ใส่น้ำแข็งไงครับ > / มาที่เพื่อนที่กินเหล้ากันก่อน / นายตู่หรือ มหาตู่หัวหน้าห้องของพวกเราซึ่งเป็นผู้มีตาทิพย์ ก็ตะโกนบอกผมว่า/ เอ้ยไอ้โหน่ง แกไปสองคน แล้วแกพาใครมาด้วยฟะ ตูไม่เคยเห็น/ ผมก็นึกว่า ทั่นมหาตู่พูดเล่น ผมเลยบอกว่า ถ้างั้นขอเชิญกินข้าวด้วยกันเลย / มหาตู่ทำหน้าไม่พอใจล่ะครับ / ผมยังไม่รุ้ / ก็เอาข้าวปลาอาหารไปส่งให้พวกขั้เมาที่ศาลา /และก็เอาขึ้นไปให้พวกที่อยู่บนอาคาร และมหาตู่ก็บอกว่าพาใครมาฟะ ผมก็บอกว่าตูชวนเขามากินข้าว / และผมก็เชิญสิ่งที่ผมเองก็มองไมไหนให้กินข้าว/พวกนั้นกลัวกันใหญ่เลย / แต่ผมก็คิดว่าแค่แกล้งนิดหน่อยกลัวทำไมฟะ / แต่อาหารที่พวกเราเอามากินนั้น มันหมดไปปอย่างรวดเรเวยังไงไม่รู้ครับ / ผมและเพื่อนๆส่วนนึงที่ยังไม่อิ่มก็พากันไปกินปปลาเผากัน / นั่งกินปลาได้สักพัก / ยัยจินนี่แฟนของนายโดโด้ก็ล้มพับหมดสติไปทันที / ทุกคนก็ตกใจล่ะครับ พาขึ้นห้องนอน พอขึ้นห้องแล้ว เริ่มตาขวางล่ะคับ / ยัยบุ๋มบิ๋มก็เลยถามว่า แกเป็นใคร มาทำไรที่ร่างเพือนฉัน / ผีที่เข้าจินนี่อยู่ก็พูดออกมาว่า พวกแกลบหลู่ข้า...มาถึงก็ทะเลาะกันแล้ว ยังไม่พอฉี่รดที่อยู่ข้าด้วย และยังไม่เอาอาหารให้ข้าอีก / บุ๋มบิ๋มก็ถามต่อไปว่า แล้วแกเป็นใคร ผีตนนั้นจึงบอกว่า ข้าคือเจ้าที่ของโรงเรียนนี้ พวกเจ้าลบหลุ่ข้า / ได้ยินดังนั้นทุกคนจึงลงควมเห็นว่า จะหหาอะไรมาให้กินและออกๆไปซะ แตมันดึกแล้ว ไม่มีไรกิน นอกจากขนมปัง ยังบุ่มบิ๋มก็ยื่นหนปังให้ แต่เขาปฏิเสธ เพราะไม่รุ้จักหนมปัง และเหล่ากฌหมดแล้ว จึงจะไม่ออกจากร่างนี้จนกว่าจะมีเหล้าไหไก่คู่มาให้ก่อน / เมื่อตกกลงกันไม่ได้ เพื่อนๆจึงลงความเห็นว่าเราควรจะสวดมนต์นะ โดยจะให้มหาริวเป็นคนนำสวดก่อน แต่เนื่องจากว่า มหาริวหลังจากสึกออกาก็เกี่ยวข้องกับนารีจนวิชาเสื่อมและก็ลืมวิชาหมดแล้ว บวกกับความตกใจจึงลืมบทสวดไปหมด / คนแรกเจ๊งไม่เป็นท่า / ผีเจ้าที่งี้ยิ้มแงเรยครับ / เขาคงนึกในใจ มหาไรฟะ ลืมคาถาจนหมด /ดังนั้นจึงต้องพึ่งพามหาตู่แล้ว ฝ่ายมหหาตู่ก็เนื่องจากยังตกใจอยุ่เช่นกัน ก็สวดผิดสวดถูกอยู่นั่นแหละ / จนผีเจ้าท่ไม่กลัวเลยครับ ขนาดห้องพระแท้ๆ / เมื่อทำไงก็ไม่ยอมออก ก็ตกลงกันใหม่ว่าไม่อกก็ไม่ออก แต่ห้ามอาลวาด / เวลาพวกเรานอนจะต้องเปิดไฟให้สว่าง / ยัยนึกกับยัยแก้ว เป็นคู่บัดดี้กัน สองคนนี้กลัวผีมากๆ เลยนัดกันไว้ว่าคืนนี้จะนอนกอดกันสองคน / แต่บังเอิญสองคนนี้นอนติดกับยัยจินนี่ที่ถูกผีเข้า / ยัยแก้วนอนติดกับยัยจินนีพอดี / ยัยแก้วกำลังจะกอดกันับยัยนึก / ทันใดนั้นยัยจินนี่ก็เอาแขนมากอดยัยแก้วเอาไว้ ยัยแก้วก็กลัวจึงไม่ไกล้าขยับตัวเลยครับ นอนแข้งทื่ออย่างนั้นแหละ / ส่วนผมนั้นกลัวจนไม่หลับเหมือนทุกๆคนนั่นล่ะครับ / คราวนี้ยัยจินนี่ผีเข้ก็ลุกขึ้นมายืนและบอกว่าปิดไปเหอะไม่ชอบแสงสว่าง และบังเอิ๊ญ บังเอิญ สวิตไปปิดเปิดมันอยู่ครงหัวนอนผมพอดี /ผีบอกให้ปิดไฟ ผมก็ปิด เพื่อนบอกให้เปิดผมก็เปิด สลับกันแบบนี้ผมนับได้ ครั้ง / งานนี้มีนส์ตึ๊บเลยครับ ผมก็นึกในใจ ตกลงพวกมรึงจะเอาไงกันแน่ฟะ จะปิดรึจะเปิด / สุดท้ายมาก็จำเป็นต้องปิดเกือบหมด เหลือแค่ดวงเล็กๆดวงเดียว / แต่แม้ว่าทุกคนจะบอกว่าหลับ /แต่จริงๆแล่วไม่มีใครหลับกันสักคนครับ/มุดผ้าห่มแล้วแอบดูยัยจินนี่ผีเข้าครับ / ที่ทุกคนเห็นก็คือ ยัยจินนี่ลุกนั่งก่นและหันไปมอองคนนั้นทีคนนี้ที ผมก็กลัวเลยมุดดูอยู่ใต้ผ้าห่ม / และสักพักยัยจินนี่ก็ยืนขึ้นและแสยะยิ้มยาก่งน่ากลัวและเยือกเย็นเลยล่ะครับ / ทุกคนที่เหฌนพากันนอนไม่หลับทั้ง กว่าคนนั่นล่ะครับ / จนถึงเช้าพวกเราจึงไปซื้อเหล้าหนึงไก่หนึ่งคู่ มาถวายเจ้าที่และขอขมา/ ยัยจินนี่ตื่นมาตอนเช้า งงเลยครับ พวกแกมองฉันแปลกๆทำไม ยัยหมอนจึงบอกว่า เมื่อคืนแกโดนผีเจ้าที่เข้าสิง ไม่มีใครหลับเลยเพราะผีมันสิงแกทั้งคืน / ยัยจินนีไม่เชื่ออีกว่าตัวโดนผีเข้า / ยัยหมอนจึงบอกว่า ตรงที่พวกแกเอาของมาเช่นเจ้าที่นี่แหหละฉันฉี่ตอนมาวันแรกเพราะมันเป็นพุ่มไม้และฉันหาห้องน้ำไม่เจอ / ที่แท้ที่เจ้าที่บอกกว่าลบหลู่ก็เพราะยัยสายสรนี่เอง / และคนที่ปากเสีย เป็นพาหะนำผีมากินข้าวด้วยก้คือผมนี่เอง / เอามาเล่ให้อาออจารย์ฟัง อาจารย์หัวเราะเลยครับ / หาว่าโม้ / แต่ 43 คน ดวงตา 43 คู่เห้นแบบนั้นพร้อมกัน /เรือ่งราวก็จบลงด้วยประการฉะนี้แล
    ------------------------
    มันยังกับหนังบ้านผีปอบอ่ะครับ เวลาจะไปห้องน้ำกันต้องไปทีละ 10 คนครับ * ไม่มีใครกล้าไปคนเดียวเลยครับ เพราะโรงเรียนนี้คือป่าช้าเก่านั่นเอง
     
  12. satan

    satan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    5,015
    ค่าพลัง:
    +17,915
    กดทีเดียวได้สองอัน แสดงว่าจะเจอใครบางคนน่ะครับ ที่เค้าจะเกื้อหนุนคุณ
     

แชร์หน้านี้

Loading...