ผู้มีองค์กับผู้มีสัมผัสที่ 6 เหมือนกันหรือไม่

ผู้มีองค์หรือร่างทรงเวลาท่านลงทรงจะต้องการร่ายรำต่าง ๆ แต่ทำไมผู้ที่สัมผัสที่ 6 จึงไม่มีท่าทางแสดงออกให้เห็นเลย แต่ก็สามารถตอบคำถามหรือมีญาณที่สามารถรู้ใจผู้อื่นได้และสามารถทำนายทายทักผู้อื่นได้เช่นเดียวกัน อย่างนี้เรียกว่ามีองค์หรือไม่

 

ทำไมไม่ไปถามในกระทู้คนมีองค์ละจ๊ะ
เล่นฉายเดี่ยวอย่างนี้ ไม่รู้จะตอบในกระทู้ไหนดี
มาเจิมให้ก่อน ขอรอฟังผู้อื่นก่อนนะ มาเป็นกำลังใจครับ

 

ขอบพระคุณมากค่ะ เจิมให้แล้วขอพรด้วยน๊ะค่ะ

 

[FONT=&quot]สัมผัสที่หก[/FONT][FONT=&quot]([/FONT][FONT=&quot]Sixth Sense[/FONT][FONT=&quot])[/FONT] [FONT=&quot]หรือ อีเอสพี ([/FONT][FONT=&quot]ESP[/FONT][FONT=&quot]) เป็นความสามารถพิเศษเฉพาะบุคคลที่ยังไม่มีข้อพิสูจน์แน่ชัด แต่จะหมายถึง บุคคลที่สามมารถรับรู้ข้อมูลเหนือจากสัมผัสปกติทั้งห้า คือ การมองเห็น การได้ยิน การได้กลิ่น การรับรส และการสัมผัส ส่วนใหญ่ จะหมายถึงการ ติดต่อกับวิญญาณของคนตาย หรือ การรับรู้ข้อมูลอนาคต<o>

สัมผัสที่หกเป็นความสามารถส่วนบุคคลครับ สามารถรู้และเห็นได้เอง

ไม่ต้องสั่น ไม่ต้องทำพิธี ใครมีก็จะรู้ตัวเอง ไม่โอ้อวด และไม่แสดงอะไรให้คนอื่นเห็น

ถ้าใครมีแล้วใช้เป็น จะมีประโยชน์ต่อตัวเองมากๆ
</o>[/FONT]

 

- ไม่เหมือนกันค่ะ

คนมีองค์ หรือเรียกว่า สายเทพ หมายถึง ผู้ที่ใช้กายมนุษย์เป็นตัวสื่อ โดยเทวดา หรือเทพเจ้าองค์นั้น ๆ ใช้จิตบังคับเจ้าของร่างหรือกายเนื้ออีกที เพื่อการสงเคราะห์คน หรือการสร้างบุญต่าง ๆ ซึ่งเกิดจากกรรมที่เคยเนื่องกันมาระหว่างร่างทรง และเทพเจ้าองค์นั้น ๆ หรือเกิดจากความสมัครใจของร่างทรงเอง

การทรงเจ้านั้น มีหลายระดับ ตั้งแต่ ก่อนทรงจะต้องทำการบวงสรวง หรืออาจจะไม่ต้องบวงสรวงก็มี ถ้าเป็นเทพระดับสูง ๆ มักจะไม่ค่อยพบการร่ายรำ หรือแสดงอาการโลดโผนแต่อย่างใด

แต่บางครั้งเหมือนกัน ที่องค์เทพ หรือเทวดาองค์นั้น ๆ ไม่มา แต่เป็นการแอบแฝง ของพวกอสูรกาย ประเภทหนึ่งที่มีฤทธิ์ มาแอบแฝง แต่ร่างทรงอาจจะไม่รู้ตัว เนื่องจากมองไม่เห็น

เดิมทีเรียกว่า วิชาสางไสย หรือเรียกอีกอย่างว่า มโนมยิทธิโบราณ เป็นเทวตานุสติกรรมฐาน ประเภทหนึ่ง โดยผู้ฝึกจะต้องฝึกอาโลกสินจนชำนาญ และเกิดทิพจักขุญาน สามารถมองเห็น และติดต่อกับเทวดาได้

แต่ภายหลัง จิตมนุษย์หยาบขึ้น ประกอบกับผู้เป็นร่างทรงนั้น ๆ มีจิตผูกพันกับเทพเจ้านั้น ๆ ทำให้เทพเจ้าติดต่อมาเอง โดยการใช้จิตบังคับร่างมนุษย์

ส่วนผู้ที่มีญาณ หรือสัมผัสที่ 6 เกิดจากการฝึกจิตอย่างเชี่ยวชาญ จนเกิดทิพจักขุญาน ที่สามารถติดต่อกับเทวดา หรือวิญญาน หรือแม้แต่การล่วงรู้กรรมของผู้อื่น

บางท่านเกิดมาพร้อมกับความรู้พิเศษ นี้ ส่วนใหญ่มักเคยฝึกมาแต่อดีต ทำให้สามารถเห็นผี หรือเทวดาได้โดยไม่ต้องนั่งสมาธิ

ความแตกต่างของคนมีทรงเจ้า กับผู้มีญานหยั่งรู้หรือสัมผัสที่ 6 คือ

1. คนทรงเจ้า สามารถพูดภาษากูโบ๊ทได้ หรือที่เรียกว่า ภาษาเทพ แต่ผู้มีสัมผัสที่ 6 พูดไม่ได้ (ยกเว้น พระอรหันต์ปฏิสัมภิทาญาน)

2. คนทรงเจ้า ไม่เห็นรายละเอียดเป็นภาพ แต่ใช้สัมผัส หรือเสียงจากการสื่อของเทพเจ้า การมองเห็น มักเห็นแบบมัว ๆ

แต่คนที่ได้สัมผัสที่ 6 ที่เก่ง ๆ สามารถเห็นภาพพูดจาสื่อกับสิ่งที่มองไม่เห็นได้ ปัจจุบันมีหลายท่านที่ฝึกจิตในประเภทนี้ได้

ขออนุโมทนาบุญค่ะ

Numsai

-Happy Smile_

 

อยากทราบว่าทำไมถึงมีแต่คนเป็นร่างทรงของเทพองค์ใหญ่ๆๆอย่างพระพุทธเจ้าหลวง มีเป็นพันกว่าคนหรือเสด็จแม่พระศรีมหาอุมาเทวีมีมากมายท่านสื่อมาครบทุกคนเลยหรือคะจะร้ได้อย่างไรคะว่าจริงไหม

 

ขอบคุณมากน๊ะค่ะคุณNumsai ที่ให้ความรู้ที่ดีมากเลย แต่ทำไมคนเราถึงอยากเป็นร่างทรงเมื่อถูกทักว่ามีองค์ การสื่อกับพลังที่มองไม่เห็น แล้วไม่กลัวหรือว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมานั้น ใช่หรือไม่ใช่ แล้วเราจะแน่ใจได้อย่างไร ว่าท่านมาจริงเพราะเป็นเพียงกิริยาที่แสดงออก และภาษาที่พูดแต่แปลไม่ได้เพราะจริงแล้วสังขารก็เป็นมนุษย์

 

ครับผมก็พอได้ยินเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน เค้าเรียกขานกันว่า แบ่งภาค แบ่งจิต กันครับ ตามเรื่องราวที่เคยได้ยินมาครับ กล่าวไว้ว่า บารมี ของ องค์ เทพ ที่เป็นทิพย์ ถ้าบารมี ของท่าน มาก ก็จะแผ่ จิต ญาณ บารมี ขององค์ ท่านแผ่กระจายไพศาล และคนที่มีคุณสมบัติ ก็จะสามารถรับรู้ถึงญาณนั้นได้ครับ แล้วการที่ถูกทักนั้น อาจจะเป็นจริงหรือไม่ก็ได้ ครับ ต้องกลับมาถาม คนที่โดนทักว่ามีความรู้สึกอย่างไร ด้วยความที่เป็นพุทธศาสนิกชนอยู่แล้วจากคนที่ไม่เคยถือศีล จะทำให้ความรู้สึกต่างๆนี้เกิดขึ้นคือ อยากถือศีลใหม อยากนับถือเทพใหม เป็นต้น แล้วการที่เป็นร่างนะครับ อยากบอกเลยนะครับว่าถ้าไม่จำเป็นต้องเป็นจริงๆ ในทางนี้หมายถึงว่า ( มีองค์ไม่จำเป็นต้องเป็นร่างนะครับ ท่านมาร่วมบุญกับเราครับ) ไม่แนะนำให้เป็นครับ เพราะ จะต้องมีการฝึกฝนจากองค์ เทพ การปฎิบัติต้องแน่น เน้นเรื่องการทำดี หากทำผิดแม้เพียงนิด ก็จะถูกลงโทษได้ครับ แต่อีกทางนึง ถ้าทำดีปฏิบัติดี ก็จะได้รับผลบุญ ให้ชีวิตและครอบครัว มีความสุข ความเจริญครับ
....ขออนุโมทนาบุญ กับทุกท่านครับ

 

ไม่สามารถควบคุมกิเลสของตัวเองได้ ก็เลยกลายเป็นร่างทรง

 

เป็นคำตอบที่คิดไปเองหรือเปล่าว่าคนที่เป็นร่างทรงเป็นคนมีกิเลส เท่าที่เห็นเป็นผู้ใฝ่ในธรรมก็ตั้งมากมาย และคำว่ากิเลสก็จะไม่ได้เป็นเฉพาะคนที่เป็นร่างทรงเท่านั้นมนุษย์ทุกคนก็ยังมีกิเลสกันอยู่ตราบใดที่ยังเวียนว่ายตายเกิดแต่จะทำให้กิเลสเบาบางกันอย่างไรจะดีกว่า

ขอบคุณมากน๊ะค่ะที่มีแง่คิดในเชิงของการควบคุมกิเลส ยังไงถ้าหากมีวิธีการที่ดีในการระงับซึ่งกิเลสได้ก็ลองนำมาเล่าสู่กันฟังดูน๊ะค่ะ

 

ใช่ครับเป็นกิเลส แต่เป็นกิเลสที่ต้องการช่วยผู้อื่น หกลายท่านที่ผมเห็นมิใช่
นึกอยากจะเป็น อยากจะมีก้อมีครับแต่ตรงข้ามชีวิตกลับพบแต่อุปสรรค ทั้งงาน ความรัก หรือเจ็บป่วยจนแทบเอาชีวิตไม่รอด หากเบื้องบนท่านไม่ลงมาช่วยเสริมบารมีร่างแล้วล่ะก้อคงจะแย่ละครับ

ตาบยังมิเข้านิพพานทุกรูปย่อมมีกิเลสครับหันมาปฎิบัติธรรมเองก็จะรู้ด้วยตนเอง ปัจจัตตัง เวทิตัพโพวิญญูหิติ
rabbit_scary

 

ในความคิดของดิฉันทุกคนก็สามารถรับสื่อกับท่านได้เพราะเรารับคงเป็นเพียงพลังหรืออณูเล็กที่มากจากท่านแต่จะสามารถรับได้ใกล้หรือไกลก็ขึ้นอยู่กับบุญบารมีของเรา อย่างไรก็ดีใช่หรือไม่ใช่จริงหรือไม่จริงไม่มีใครบอกได้หรอกทุกอย่างก็ต้องพิจารณาตัวบุคคลจะดีกว่า บุคคลนั้นเป็นคนดีมีศีลธรรมและที่สำคัญปฏิบัติธรรมแล้วกิเลสย่อมลดลงไปได้อย่างแน่นอน


อนุโมทนาค่ะ

 

กิเลสที่เกิดขึ้นเกิดของจากการปรุงแต่งของมนุษย์มากกว่าน๊ะค่ะ เรายังอยากจะนึกและอยากจะเป็น อยู่อย่างนี้แล้วท่านจะลงมาเสริมบารมีให้ร่างได้อย่างไรล่ะค่ะ ทุกอย่างอยู่ที่สติของผู้ปฏิบัติแล้วหล่ะ

ขอบคุณมากค่ะที่ชี้แนะแนวทางในการปฏิบัติธรรมน๊ะค่ะ อย่างไรก็ดีถ้ามีธรรมดี ๆ ก็เล่าสู่กันฟังบ้างน๊ะค่ะเป็นแนวทางของการดำเนินชีวิตค่ะ

 

ผมเห็นด้วยนะครับ ถ้าจิตเรามั่นคง เราจะไม่เป็นร่างทรงของใคร

 

ขอถามผู้รู้แนะนำหน่อยค่ะ สัมผัสที่ 6 เมื่อเกิดแล้วสามารถเสื่อมได้หรือไม่ค่ะ แล้วเราจะทำอย่างไรให้คงอยู่ได้ตลอดไป

 

สงสัยว่าทำไมร่างทรงมาคุยกันเป็นภาษาเทพโช้งเช้ง
เทพถ้าจะคุยกันเหตุใดไม่คุยกันที่บนสวรรค์ล่ะ
มารำทำไมข้างล่างไม่เห็นจะน่าดูเลย

 

เทพลงมาสิงร่างเพราะอะไร....ที่ลงมาคุยก็เพราะเหตุนั้นล่ะค่ะ.......

 

ก็ต้องฝึกและนำมาใช้บ่อยๆครับ โดยสัมผัสที่หกนั้นมีหลายแบบ

1.ติดต่อ สื่อสาร เห็น ได้ยิน วิญญาณ
2.มองเห็นอนาคต
3.ลางสังหรณ์แม่นยำ
4.เดจาวู

ลองดู ว่าคุณเป็นในลักษณะไหน จากนั้นลองหาหนังสือประเภทเหล่านี้มาอ่านเสริมเป็นความรู้ที่ถูกต้องต่อไป

 

ขอความรู้ค่ะว่า คนเป็นร่างทรง หรือมีเทพมาใช้ขันธ์5 นั้นสามารถเข้าถึงนิพพานได้หรือไม่ค่ะ

 

ร่างกายนี้ไม่ใช่ของเรา...แต่มนุษย์ส่วนใหญ่คิดว่าเป็นของเรา...เราควบคุมมันได้มันจึงเป็นของเรา...วันหนึ่งมีจิตอีกดวงแทรกซ้อนเข้ามา...เพื่อใช้ร่างร่วมกับเรา...บังคับร่างเราได้เหมือนที่เราทำ...แล้วเราที่แท้จริงเป็นอะไร...
นั่นแสดงว่าแท้จริงเราก็เป็นดวงจิตดวงหนึ่งที่แทรกซึมเข้ามาอยู่ในกายนี้...แล้วมาทึกทักว่ามันเป็นเรา...และหลงว่าเป็นเรามานานแสนนาน...ตายไปเราก็ยังห่วงหากายนี้ว่าเป็นเราจนต้องเวียนว่ายกลับมาเกิดเป็นกายนี้อีก...
การประทับทรงจิตนี้เดิมทีมีมานานแสนนานแล้ว...แต่อดีตจะพบเจอน้อยมากเพราะการสื่อสารยังไม่ก้าวไกลครอบคลุมทั่วโลกเช่นยุคปัจจุบัน...คนบางกลุ่มจึงไม่เคยพบเจอเลย...
หากแต่การประทับจิตนี้ปัจจุบันแพร่หลายกันมาก...เนื่องจากเป็นยุครอยต่อพระพุทธศาสนา...
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายทุกพระองค์พร้อมใจกันลงมาเพื่อโปรดหมู่มวลมนุษย์...ตามกำลังศรัทธาของมนุษย์...และบางท่านก็ถูกแบ่งพระญาณมาจุติเพื่อปูทางรอยอริยะ...เพื่อเป็นหลักให้พระพุทธศาสนาต่อไป....
หากจะถามว่าผู้มีองค์กับผู้มีสัมผัสที่หกเหมือนกันหรือไม่นั้นตอบได้หลายรูปแบบ...หากแต่ว่าคำตอบนั้นหาทำให้เราหลุดพ้นจากกายนี้ได้...เราควรหาทางหลุดพ้นจากกายที่ทุกข์นี้มากกว่า...