ฝึกจิตอย่างไรไม่ให้ฝัน

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย สุทธินันท์, 11 มิถุนายน 2013.

  1. สุทธินันท์

    สุทธินันท์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    59
    ค่าพลัง:
    +362
    สวัสดีครับ

    กระผมมีเรื่องที่เป็นปัญหาเรื้อรังมานานมาก คือ ผมจะเป็นคนที่นอนหลับปุ๊ปก็จะฝันปั๊ป ประมาณว่าหลับจากโลกนี้ก็จะไปโผล่อีกโลกทันที เรื่องราวในความฝันก็มีมากมายหลากหลายจนไม่อยากจะจำ ปัญหานี้ทำให้ผมนอนมากแต่เวลาตื่นมาแล้วเหนื่อยอ่อนเพลีย ไม่สดชื่น มึนงง ไม่อยากทำอะไร เป็นแบบนี้มาเกือบสิบปีแล้วครับ ทั้งๆ ที่ผมเป็นคนที่นอนหลับง่ายครับ นอนแป๊ปเดียวหลับและฝันทันที โดยเฉพาะตอนกลางวัน แต่ในความฝันเหมือนใช้เวลานานมาก พอตื่นมาถามคนใกล้ตัวว่าหลับไปนานเท่าไหร่ เขาตกใจ ประมาณว่านั่นหลับแล้วเหรอ แต่ผมก็ยืนยันว่าหลับจริงๆ ฝันไปไหนต่อไหน ผมได้พยายามสวดมนต์ นั่งสมาธิ บางครั้งนั่งจนเกิดปิติ และจิตสงบลงเป็นสมาธิ ในขณะเวลากลางวันก็พยายามกำหนดสติ ดูลมหายใจ และภาวนา พุธโธ กำกับตลอด ความสงสัยของผมก็คือ จะเป็นไปได้ไหมที่ธรรมชาติของจิตมันชอบคิดและวิ่งออกไปข้างนอกตลอดเวลา แต่พอผมพยายามฝึกสติ แล้วเหมือนกักขังบังคับมันไว้ พอผมหลับปุ๊ป ก็ขาดสติ จิตเลยออกไปตอนผมหลับ ท่านผู้มีประสบการณ์หรือมีชาญ ช่วยแนะนำผมทีครับ ว่าจะแก้ไขปัญหานี้อย่างไรดี หรือแนวทางการปฏิบัติของผมผิด

    ขอขอบพระคุณทุกๆ คำแนะนำครับ
     
  2. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    การภาวนานั้น เราจะมุ่ง พิจารณา เฉพาะหน้า หรือ เหตุการณ์เฉพาะหน้า
    หรือ กล่าวอีกครั้งว่า เหตุการณ์ขณะจิต ปัจจุบัน

    ดังนั้น

    คุณนอนลงแล้วฝันไป ฝันไปอย่างไร ตื่นขึ้นมาแล้ว ก็ให้ พิจารณาจิตปัจจุบัน
    ที่วิ่งเข้าไป " คว้าอารมณ์ในอดีต ภาพฝัน ขึ้นมาตรึกซ้ำ "

    ยกสภาวะธรรม อาการจิต ไปคว้าภาพฝันมาตรึก ให้เห็นเป็น อาการจิตไป
    คว้าขันธ์5 ในอดีต

    ถ้าเราทันการเห็นจิตคว้าความฝันมาตรึก จิตก็จะหลุด แต่ ก็อาจจะไหลไป
    ในอนาคตอีก เช่น นึกถึงอาหารเช้า งานที่ค้าง คนที่จะคุยด้วยเรื่องความ
    ฝันครั้งนี้

    ถ้าทัน จิตที่ไหลไปในอนาคต ก็อาจจะหิวอารมณ์ ไม่ชอบใจความสงบที่
    กำลังกุมจิต เลยหางานทำ เช่น บริกรรม หรือ ภาวนา

    การเห็น สภาวะธรรม อาการของจิต ไคว่คว้า งาน มาทำ หาอารมณ์มาเสพ
    ก็เพื่อให้รู้สึกดี ได้รับรู้ว่า ตนยังอยู่กับโลก

    ตามเห็น ปัจจุบัน ขณะ ของจิตไปแบบนี้ ก็จะเข้าใจเรื่อง จิตตั้งมั่นในการรู้
    เห็นกายใจไปตามความเป็นจริง ด้วยความเป็นกลางต่อการเห็น ความแปร
    ปรวนไปในอดีตบ้าง อนาคตบ้าง ปัจจุบันบ้าง

    เมื่อ ตามพิจารณาเรื่อยๆ ก็จะเข้าใจการเห็น " กิจของจิต "

    พอเห็นกิจของจิต ตรงนี้ก็ขึ้นกับว่า เคยอธิษฐานนิพพาน ไหม

    ถ้ามุ่งตรงต่อธรรม คุณก็จะรู้วิธีกำหนดรู้ทุกข

    ตามด้วย แสวงหา อุบายนำออก

    ต้องมีความใคร่จะออกจากทุกข์ ที่เป็นเรื่อง ทุกขสัจจ

    ไม่ใช่แค่ ตั้งเป้าจะออกจาก ทุกข์แบบโลกๆ เช่น เป็นคนช่างฝัน เป็นคนช่างคิด
    เป็นคนช่างฤทธิ์ ฯลฯ

    เป้ามันเล็กไป ทำให้ชกผิดที่ ผิดกาล
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 มิถุนายน 2013
  3. tsukino2012

    tsukino2012 หยุดจึงพบ สงบจึงเกิด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    1,311
    ค่าพลัง:
    +3,090
    ถ้าฝันบ่อยขนาดนั้น เวลาหลับฝันก็พยายามระลึกรู้ว่าตัวเองฝันให้ได้

    พยายามควบคุมความฝัน อย่างมีสติ นั่งสมาธิในความฝันไปเลยก็ได้

    หรือไม่ก็กำหนดความฝัน ไปเที่ยวสวรรค์นรกมันซะเลย

    หรือกลุ่มใจเรื่องอะไรอยู่ ก็ลองฝันว่าไปเจอพุทธองค์แล้วลองถามดู

    ท่านจะเทศน์มาว่าอย่างไร ตื่นมาก็ลองเอาไปปฎิบัติ


    ต้องจำไว้ว่า ความฝันก็คือความฝันไม่ใช่ความจริง

    พุทธองค์ที่เกิดจากจินตนาการของจิตเราก็ไม่ใช่ท่านจริงๆ

    แต่คำชี้แนะในฝันนั้น เกิดจากจิตใต้สำนึกของเรา

    เป็นจิตเดิมแท้ที่ท่องในวัฎฎะมานาน ย่อมมีปัญญา มีประสบการณ์มาก

    ถ้าควบคุมความฝันได้บ่อยๆ อีกหน่อยก็จะมีสภาวะหลับ แต่จิตไม่หลับ

    ระลึกรู้ตัวตลอดคืน
     
  4. sweetlemonclub

    sweetlemonclub Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +26
    ถ้ารู้ทันว่าฝัน มันก็ไม่ฝันแล้วหล่ะครับ

    ตอบไม่ค่อยตรงอ้อมค้อมไปนิดนะอิอิ

    ผมไม่ต้องรู้ทันฝันหรอกครับ มันฝันว่าไงก็ช่างมัน
    ขณะไม่มีสติก็ปล่อยมันฝันไป รู้ทันใจดีกว่าไม่ว่าตื่นหรือฝัน
    เช่นถ้าในฝันมี ภรรยาคนอื่นมายั้วยวนคุณก็สนอง
    แบบนี้ก็เลวเต็มทีหล่ะ :mad:เพราะจิตตั้งไว้ผิดแม้ศีลยังไม่รักษา
    ไม่ว่าตื่นหรือฝัน ศีลแน่น รู้ทันจิตก็พอครับ แม้ไม่ทันหมดเพราะไม่ใช่พระอรหันต์
    แต่ก็ควรให้ทันตรงรู้ว่าเรารักษาศีล แยกดีชั่วแม้ตื่นหรือหลับไม่ยอมชั่วคือละเมิดศีล
    ส่วนมันฝันว่าไงก็เรื่องความฝันครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 มิถุนายน 2013
  5. ลูกแม่ปลีก

    ลูกแม่ปลีก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 เมษายน 2012
    โพสต์:
    61
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +465
    [​IMG]

    อรรถกถา ขุททกนิกาย มหานิทเทส อัฏฐกวัคคิกะ
    ๑๔. ตุวฏกสุตตนิทเทส

    ผู้ฝันย่อมฝันด้วยเหตุ ๔ ประการ คือ
    ธาตุโขภะ ธาตุกำเริบ ๑
    อนุภูตปุพพะ เคยเสพมาก่อน ๑
    เทวโตปสังหาระ เทวดาดลใจ ๑
    ปุพพนิมิต ลางบอกเหตุ ๑.


    ในความฝัน ๔ ประการนั้น
    ผู้มีธาตุกำเริบ เพราะดีเป็นต้นกำเริบ ชื่อว่าฝันโดยธาตุกำเริบ.
    ผู้ฝันโดยเคยเสพมาก่อนแล้ว ย่อมเห็นอารมณ์ที่เคยเสพมาแล้วในกาลก่อน.
    ฝันโดยเทวดาดลใจ ย่อมเห็นอารมณ์ทั้งหลายด้วยอานุภาพของเทวดาทั้งหลาย.
    ฝันโดยบอกเหตุล่วงหน้า ย่อมฝันเห็นลางบอกเหตุล่วงหน้าแห่งสิ่งที่เป็นประโยชน์ หรือสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์
    อันประสงค์จะให้เกิดด้วยอำนาจบุญและบาป.


    ในความฝันเหล่านั้น ฝันโดยธาตุกำเริบและโดยที่เคยเสพมาก่อนแล้ว ไม่เป็นจริง.
    ฝันโดยเทวดาดลใจ จริงบ้างไม่จริงบ้าง. เพราะเทวดาโกรธ ประสงค์จะให้ถึงความพินาศโดยอุบาย ก็แสดงทำให้วิปริต.
    ฝันโดยบอกเหตุล่วงหน้า จริงโดยส่วนเดียว.


    [​IMG]

    พระอเสขะไม่ฝัน
    ประเภทแห่งความฝัน ย่อมมีโดยประเภทแห่งความเกี่ยวข้องกันของมูลเหตุ ๔ อย่างเหล่านี้
    ปุถุชน ผู้เป็นเสกขะย่อมฝัน ๔ อย่างนี้ เพราะยังละความวิปลาสไม่ได้.
    พระอเสกขะไม่ฝัน เพราะละวิปลาสได้แล้ว.


    เมื่อฝันหลับฝันหรือตื่นฝัน หรือไม่หลับไม่ตื่น.
    ในข้อนี้ผิว่าหลับฝัน ผิดทางอภิธรรมโดยแท้ เพราะว่าฝันด้วยจิตเข้าสู่ภวังค์ (ไม่รู้สึกตัว)
    ความฝันนั้นไม่มีอารมณ์มีรูปนิมิตเป็นต้น หรือไม่สัมปยุตด้วยกิเลสมีราคะเป็นต้น.

    ลิงหลับแล้วฝันอย่างไร
    อนึ่ง เมื่อฝันจิตเช่นนี้ย่อมเกิดขึ้น เมื่อเป็นเช่นนั้น ตื่นฝันจึงผิดทางวินัย เพราะว่าตื่นฝัน ย่อมฝันด้วยจิตเป็นอัพโพหาริก (มีเหมือนไม่มี) ชื่อว่าไม่เป็นอาบัติในเพราะทำการละเมิดด้วยจิตเป็นอัพโพหาริกไม่มี เมื่อผู้ฝันทำการละเมิด ไม่เป็นอาบัติโดยส่วนเดียวเท่านั้น ดังนั้นไม่หลับไม่ตื่นฝัน ใครๆ ก็ไม่ฝัน เมื่อเป็นอย่างนี้ ความฝันก็ไม่มี ไม่ฝันก็ไม่มี. เพราะเหตุไร. เพราะฝันเช่นเดียวกับลิงหลับ.

    ดังที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ว่า มหาบพิตร ฝันย่อมเห็นเช่นกับลิงหลับแล.
    บทว่า กปิมิทฺธปเรโต คือ ประกอบแล้วด้วยการนอนหลับของลิง. การหลับใดเปลี่ยนไปเร็ว เพราะเจือด้วยจิตเป็นกุศลเป็นต้นบ่อยๆ การออกจากภวังคจิตบ่อยๆ ย่อมมีในความเป็นไปของการหลับใด ย่อมฝันประกอบด้วยการหลับนั้น เหมือนการหลับของลิงเปลี่ยนแปลงไปได้เร็วฉะนั้น. ด้วยเหตุนั้น ความฝันนี้จึงเป็นกุศลบ้าง อกุศลบ้าง อัพยากฤตบ้าง.

    ในความฝันนั้นพึงทราบว่า ความฝันของบุคคลผู้กระทำการไหว้พระเจดีย์ การฟังธรรมและแสดงธรรมเป็นต้นเป็นกุศล ความฝันของบุคคลผู้กระทำปาณาติบาตเป็นต้นเป็นอกุศล ความฝันนอกเหนือจากสองอย่างนั้นเป็นอัพยากฤต ในขณะที่อารมณ์นั้นเป็นอาวัชชนะ. ความฝันนั้นไม่สามารถฉุดรั้งปฏิสนธิได้ เพราะมีกำลังน้อย แต่กุศลอกุศลอื่นค้ำจุน ย่อมให้วิบากได้ในเพราะยังเป็นไปอยู่.


    อ้างอิง
    ที่มา http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=29.0&i=699&p=3
    อ่าน เนื้อความในพระไตรปิฎก ตุวฏกสุตตนิทเทสที่ ๑๔
    พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๙ ,พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒๑ , ขุททกนิกาย มหานิทเทส
    http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=29&A=7639&Z=9093
    ขอขอบคุณภาพจากเว็บ rmutphysics,2.bp.blogspot,thaimtb


    อ้างอิง : http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=4334.0
    http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=4334.0
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 มิถุนายน 2013
  6. ลูกแม่ปลีก

    ลูกแม่ปลีก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 เมษายน 2012
    โพสต์:
    61
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +465

    แนะนำให้ไปสอบถามครูอาจารย์ครับ ศิษย์ต้องมีครู ครูคือกัลยาณมิตรของเรา
    การที่จะไม่ฝันเลย ต้องเป็นอริยบุคคลระดับอรหันต์ (ตามอรรถกถา)
    จากประสบการณ์ หากเจริญสติมากๆ ผมจะนอนไม่หลับ จิตจะตื่นตลอดทั้งคืน เวลาฝันก็จะรู้ตัว แล้วจะหยุดฝัน


    อีกอย่างหากเราไปนอนในสถานที่มีการปฏิบัติธรรมอยู่เป็นประจำ
    เราจะไม่ฝัน หรือไม่ก็ฝันน้อยครับ นี่เป็นประสบการณ์โดยตรงของผม
    ขอคุยเป็นเพื่อนเท่านี้ครับ
     
  7. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
  8. solardust

    solardust เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    250
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +1,773
    ขอแจมนะครับ
    ตามที่เข้าใจนะครับ คือเหตุแห่งการฝันเนี่ยมันมีหลายสาเหตุนะครับ
    เพราะธาตุกำเริบ (ธาตุโขภะ)
    เพราะเคยเป็นมาก่อน (อนุภูปุพพะ)
    เพราะเทวดาดลใจ (เทพสังหรณ์)
    เพราะบุรพนิมิต

    บางอย่างแก้ได้เช่น อนุภูปุพพะ
    บางอย่างคงต้องยอม คือที่เหลืออีกสามข้อ

    ทีนี้การแก้การฝันเรื่อยเปื่อยนะครับ
    ต้องแบ่งเป็น 2 ส่วน
    1.หลับแล้วไม่ฝัน
    1.1.คุมเรื่องอาหารการกิน กินแต่พอดี ดูแลสุขภาพให้ดี ไม่ป่วยกระเสาะกระแสะ
    1.2.ในการทำสมาธิ ให้ยกเรื่องที่เก็บไว้ในใจ มาเทียบเข้าหลักไตรลักษณ์ บ่อยจนมันวางลง วางลง วางลง ไม่เป็นกังวลกับเรื่องต่างๆอีก วิธีนี้ให้ทำคู่กันไปกับการฝึกสมาธิตามปรกตินะครับ

    คือ ให้้เข้าสมาธิจนใจสงบตามกำลังที่ทำได้ แล้วถอยอารมณ์ออกมา นึกถึงเรื่องที่ทำให้เรากังวล แล้วจับมันเทียบเข้ากับไตรลักษณ์ จนใจยอมวางมันลง ไม่อยากยุ่งกับมันอีก

    2.ไม่ต้องหลับ
    อันนี้ประสบการณ์ตรงนะครับ
    ในการฝึกสมาธิ จะมีหมวดรวมมิตรหมวดหนึ่ง ชื่อว่าสติปัฏฐาน 4
    สติปัฏฐาน 4 แต่ละหมวด จะแบ่ง เป็น 3 ส่วน คือ ให้ฝึกสมาธิ ให้ฝึกสติ และปิดท้ายด้วยให้ทำวิปัสนา

    ส่วนที่จะแก้เรื่องฝันนะครับ ให้ฝึกสติ โดยให้มีสติต่อเนื่องกันไปไม่ขาดสาย
    หมายถึง 24 ช.ม. ต่อวันนะครับ
    หมายความว่าแมัแต่ตอนจะนอนก็ให้เอาสติตามดู จนกระทั่งสติมันขาด แล้วฟุึบหลับไป

    แต่ละวัน ดูกายบ้าง ดูอารมณ์บ้าง ช่วงเข้าสมาธิก็ดูจิตบ้าง อย่าให้ขาดตอน

    ผลช่วงเริ่มต้นหลังจากที่ทำจนเป็นนิสัยแล้ว แต่หลุดบ่อยๆ ไม่ต่อเนื่องทั้งวัน ที่เกี่ยวกับความฝันก็คือ จะสามารถบังคับตัวเองในความฝันได้ (ใช้เวลาประมาณ 1 อาทิตย์)

    ผลช่วงกลางหลังจากที่ทำต่อเนื่องได้แล้ว คือ ไม่ฝัน ไม่ฝันเลยจริงๆ เนื่องจาก ตอนที่เราหลับอยู่ไม่ว่าจะนอนกรน นอนน้ำลายไหล นอนอยู่ท่าไหน ถ้าสติไม่ขาดตอน เราจะรู้สึกตัวอยู่ตลอด (หมายความว่า ร่างกายมันหลับตามปรกติของมัน แต่ว่าใจมันจะตื่นอยู่ตลอด ถ้าสติไม่ขาดช่วงไปซะก่อนนะครับ) ตื่นมาก็สดชื่น ไม่มีอาการอ่อนเพลีย (ใช้เวลาอีกประมาณ 1 อาทิตย์)

    อันนี้ไม่เกี่ยวกับเรื่องฝันแล้วนะครับ แต่บอกเผื่อไว้เผื่อคุณเอาไปลองเล่นดู
    หลังจากช่วงนี้ไปแล้ว ถ้ายังทำต่อเนื่องนะครับ ภายในอาทิตย์ที่ 3 จะเริ่มเห็นปฏิสัมพันธุ์ ของ กาย เวทนา จิต และ โลกภายนอก เหมือนภาพสโล เป็นพักๆ

    ขอให้ตื่นอย่างเป็นสุขนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 มิถุนายน 2013
  9. rungdao

    rungdao เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    2,019
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +10,733

    ค่ะ บางที บททดสอบนั้นก็มาทางความฝันได้เหมือนกัน ตอนนตื่นน่ะผ่านอยู่นะคะ แต่ตอนฝันนั้นทดสอบจิตเต็มๆเลย แสดงว่าเราเองก็ยังไม่แน่นพอ ...

    ส่วนปัญหาของ จขกท ไม่ทราบเลยค่ะ
     
  10. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,440
    ค่าพลัง:
    +35,474
    นอกจากให้ฝึกเจริญสติในชีวิตประจำวันให้ได้ต่อเนื่องแล้ว.จนมีกำลังสติมากพอที่จะสามารถที่จะหยุดเหตุในความฝันได้ทุกกรณี.
    และตื่นมาแล้วจะไม่รู้สึกเหนื่อยน้อยลงหรือไม่เหนื่อยขึ้นอยู่กับว่าระลึกได้ช้าหรือเร็วในฝัน
    ที่แปรผันตามกำลังสติที่สร้าง...
    และไม่ต้องเก็บความฝันที่ผ่านมาแล้วมาคิดไม่ว่าจะดีหรือไม่ดีและในกรณีใดๆ
    ทั้งสิ้นในช่วงนี้ไม่งั้นจะเป็นการสร้างกำลังให้จิตตรงจุดนี้แบบเราไม่รู้ตัว.

    ถ้าฝึึกเจริญสติไปซักพักอาจนอนหลับยากให้แก้ด้วยการปล่อย
    ใจให้สบายๆภาวนาไปเรื่อยๆไม่ต้องระลึกนึกถึงคำภาวนาที่ขาดเพราะ
    จะทำให้สติกลับมาอีกแบบคาดไม่ถึงจะทำให้นอนไม่หลับได้.และช่วงนี้อาจมีคิด
    เรื่องสองเรื่องช่างมัน.ถ้าหลับอีกจะมีกำลังในการนึก.ให้คิดว่า
    แค่ฝันก็จะหลับไปได้เองอัตโนมัติโดยที่ไม่ฝันอีก
    และตื่นมาก็ไม่เหนื่อย...และต่อไปถ้ากำลังสติมีมากขึ้น.ยังไงก็ต้องฝันถ้าเป็นฝันจากเทพเทวดา
    ท่านทำให้ฝัน.และเราจะสามารถแยกว่าที่เราฝันเกิดจากอะไรได้ด้วย
    ตัวเองในอนาคตครับ.

    ตอนนี้ที่ต้องระวังคือเรื่องการเก็บเรื่องราวในความฝันมาคิดให้ดับด้วยคำภาวนาอะไรก็ได้
    ทุกครั้งที่นึกถึงเรื่องราวในความฝันขึ้นมาครับ​
     
  11. ballbeamboy2

    ballbeamboy2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    1,622
    ค่าพลัง:
    +1,618
    ดูลมหายใจเข้าออก สั้นและยาว จนหลับไป ทําให้อาการหาย แน่ๆ แต่พระอรหันต์ยังฝันอยู่ ผมก็ไม่รู้ทําไมเหมือนกันแต่พระอรหันต์ท่านรู้ตลอดคือจิตท่านตื่น หลับแบบปุถุชไม่มี แบบหลับแล้วหลับเลย ท่านรู้ตัวตลอด เพราะกิเลสหมดแล้ว แล้วผมอ่านประวัติหลวงตาบัว(ท่านเป็นพระอรหันต์)ท่านฝันเห็นพระอินทร์ท่านมา อัญเชิญ ฟันท่าน (โทษทีไม่รู้คําราชาศัพท์) ไปบูชาที่สวรรค์ พอหลวงตาตื่นมา ฟันหายเลย (ฟันอันนั้นมันโยกก่อนหน้านี้อยู่แล้ว)

    เอ่อขอเสริม อ่านมา (เคยปฎิบัติจุดนี้เหมือนกันแต่ตอนนี้เลวมาก ยังใช้ไม่ได้) นักปฎิบัติ พอปฎิบัติไปเรื่อยๆ จะเหมือนนอนไม่หลับ จริงๆกายหลับแล้ว แต่จิตไม่หลับ คือรู้ตัวตลอด (คือจิตเป็นพุทธรู้ตัวตื่นตลอด) แล้วผมเคยเจอจุดนี้ ผมพยายามจะหลับ แต่หลับไม่ได้ มันสบายใจมาก มันยิ้ม (จิตยิ้ม มีปิติ อธิบายไม่ถูก) แต่ตื่นมาก็ไม่ได้เหนื่อย (ตามที่บอก คือจิตตื่น แต่กายหลับ บางครั้งผมก็ได้ยินเสียงตัวเองกรน ตลกดีเหมือนกัน) แต่อาการแบบนี้หายไปหละ เพราะผมเลวลง ผมต้องแก้ไขตัวเอง

    นี่อ่าครับถ้าอยากอ่าน http://palungjit.org/threads/เมื่อท้าวสักกเทวราช-พระอินทร์-มาขอ-ฟัน-หลวงตามหาบัว.143172/
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 มิถุนายน 2013
  12. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846

    ฝึกแบบนี้ครับ

    ลองไปฟังดูครับ

    http://palungjit.org/threads/จิตแท้-จิตดั้งเดิม-หลวงปู่พุธ-ฐานิโย.338252/
     
  13. สุทธินันท์

    สุทธินันท์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    59
    ค่าพลัง:
    +362
    ผมขอขอบคุณทุกๆ ท่านที่ให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์ครับ. โดยเฉพาะอาการที่คุณ ballbeamboy 2 เป็น คล้ายๆ กับที่ผมเคยเป็นเลยครับ พอเรามีสติรู้ตัวว่ากำลังฝันอยู่ก็จะเปลี่ยนจากการหลับเป็นการตื่นทันที ซึ่งกว่าจะกลับเข้าไปหลับอีกทีก็ใช้เวลาสักพัก สิ่งที่ทำได้ง่ายๆ ตอนนี้ก็คงจะปรับพฤติกรรมการกิน เพราะเป็นคนนอนดึก และชอบทานอะไรไปเรื่อยจนกว่าจะนอน ยังไงก็ขอขอบคุณอีกครั้งที่สละเวลาให้คำแนะนำและขออนุโมทนาบุญกับทุกๆ ท่านที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบด้วยนะครับ

    เจริญในธรรมนะครับ
     
  14. firstini

    firstini เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,213
    ค่าพลัง:
    +3,770
    ผมยังนึกไม่ออกนะ ว่าการฝันมันมีปัญหาตรงไหน

    เอางี้สิ ลองกำหนดรู้ลมหายใจ ก่อนนอน รู้ไปจนกว่าจะหลับ
    มันอาจจะฝันบ้าง แต่ไม่เพ้อเจ้อแน่นอน
     
  15. mukmik

    mukmik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    4,143
    ค่าพลัง:
    +10,382
    เรานั่งสมาธิก่อนนอนทุกคืน แต่เราก็ยังฝันทุกคืน บางคืนก็หลายเรื่องด้วยสิ
    แต่เราก็ไม่เดือดร้อนนะ หนุกดีจะตาย เราวางสมุด ปากกาไว้ใต้หมอนทุกคืน
    เราจะบันทึกฝันไว้ทุกเรื่อง (เท่าที่จำได้) เพราะถ้าฝันเราไปตรงกับเพื่อนๆ
    ก็ยิ่งน่าสนุกกว่าเดิมหลายเท่าอ่ะ
    (ป..ลิง..เรากินข้าวก่อน 18.30 น. และไม่กินอะไรอีกหลังจากนั้น) ^^
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 มิถุนายน 2013
  16. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ฝึกจิตอย่างไรไม่ให้ฝัน ... ปุถุชนธรรมดา ฝันกันทุกคนค่ะ
    ก่อนอื่นต้องมาทำความเข้าใจกับฝัน ก่อนนะคะ ความฝันเกิดจากอะไร ?

    จะขอแยกเหตุของการเกิดเป็น 2 ประเด็นหลักๆ คือ
    1. เกิดจากสิ่งเร้าภายนอก ได้แก่ ขออ้างอิงความเห็นที่ 5 ของคุณลูกแม่ปลีก
    2. เกิดจากกระบวนการภายใน นั่นคือ ภวังคจิต

    จะขอกล่าวประเด็นที่ 2 แล้วกันค่ะ (ที่มา : ภวังคจิต - วิกิพีเดีย)

    ภวังคจิต ภวังคะ หรือ ภะ-วัง-คะ ภว+องฺคะ แปลตามพยัญชนะว่า "องค์ของภพ" มักใช้รวมกับจิต เป็นภวังคจิต ในทางพระพุทธศาสนา ถือว่า จิตมีลักษณะเกิดดับอยู่ตลอดเวลา ซึ่งการสืบต่อสันตติของจิต ย่อมอาศัยการถ่ายทอดข้อมูลจากภวังคจิตจิตดวงเดิม ไปสู่จิตดวงใหม่ ด้วยกระบวนการของการทำงานของภวังคจิต เพราะเหตุว่าภวังคจิตเป็นเหตุให้สร้างจิตดวงใหม่ตลอดเวลาก่อนจิตดวงเก่าจะดับไป จึงชื่อว่าเป็นเหตุแห่ง "ภพ" หรือเป็นเหตุสร้าง"ภพ"

    จิต ในทางศาสนาพุทธแบ่งออกเป็นสองส่วนคือ 1.วิถีจิต จิตสำนึก 2.ภวังคจิต จิตใต้สำนึก

    ภวังคจิต คือจิตใต้สำนึกในทางศาสนาพุทธหมายถึงเป็นกระบวนการทำงานแบบอัตตโนมัติของจิต จิตใต้สำนึกในความหมายของภวังคจิตนี้จึงอาจแตกต่างจากทางจิตวิทยา

    ภวังคจิต มี 3 อย่าง คือ
    ภวังคบาท คือภวังคจิตที่ทรงอารมณ์เก่า อันเป็นอารมณ์ที่ได้มาจากภพหรือจิตดวงก่อน และกำลังกระทบอารมณ์ใหม่
    ภวังคจลนะ คือ เป็นภวังคจิตที่ไหวตัว เพราะเหตุที่มีอารมณ์ใหม่ มากระทบ จึงน้อมไปในอารมณ์ใหม่(สร้างและถ่ายทอดข้อมูลสู่จิตดวงใหม่)
    ภวังคปัจเฉทะ คือเป็นภวังคจิตที่ตัดกระแสภวังค คือ ปล่อยอารมณ์เก่า วางอารมณ์เก่า เพื่อรับอยู่กับอารมณ์ใหม่หรือจิตดวงใหม่

    ภวังคจิต เป็น วิบากจิต คือ จิตใต้สำนึกส่วนลึกที่สุดของจิตเป็นที่สั่งสมอารมณ์จนกลายเป็นอุปนิสัย
    ภวังคจิต จะเกิดคั่นระหว่างวิถีจิตในแต่ละวาระ ทำหน้าที่สืบต่อและดำรงภพชาติ
    ภวังคจิต จะเกิดขึ้นเมื่อวิถีจิตดับ และเมื่อเกิดวิถีจิตภวังคจิตจะดับลง เมื่อวิถีจิตดับลงภวังคจิตจะเกิดขึ้นมาใหม่ ถ้าไม่มีภวังคจิต พอขาดวิถีจิต จิตจะไม่มีการสืบต่อสันตติก็เท่ากับสิ้นชีวิต

    ภวังคจิต ในขณะที่เปลี่ยนภพจุติใหม่สู่ชาติใหม่ จะใช้ชื่อว่า ปฏิสนธิจิตแทน ซึ่งเป็นขณะจิตแรกของแต่ละชาติ ภวังคจิตจึงสืบต่อภพในระดับเปลี่ยนชาติด้วย
    ภวังคจิต คือมโนทวารเป็นอายตนะที่ ๖ อันเป็นวิบาก เป็นอัพยากฤต ซึ่งเป็นจิตตามสภาพปกติ เมื่อยังไม่ขึ้นสู่วิถีจิตรับรู้อารมณ์ จะเป็นเพียงมโน ยังไม่เป็นมโนวิญญาณ เมื่อรับอารมณ์คือเจตสิก จะกลายเป็นมโนวิญญาณ

    มีพุทธพจน์ว่า “จิตนี้ประภัสสร (ผุดผ่อง ผ่องใส บริสุทธิ์) แต่เศร้าหมองเพราะอุปกิเลสที่จรมา" จิตที่ประภัสสรในที่นี้พระอรรถกถาจารย์อธิบายว่าหมายถึงภวังคจิต

    ทุกคนหลับแล้วฝันกันทั้งนั้นค่ะ ต่างกันตรงที่สติกำกับทั้งยามหลับและยามตื่นหรือไม่
     
  17. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    การงานของจิต ลองคลิ๊กเข้าไปอ่านดูนะคะ
    http://e-book.ram.edu/e-book/p/PY212(50)5/PY212-5.pdf

    ประโยชน์ของความฝันนั้นมีแน่ค่ะ เพียงพิจารณาให้เห็นสภาวะธรรมนั้นๆ :cool:
     

แชร์หน้านี้

Loading...