พระครูชิโนวาทสาทร (1) วัตรปฏิบัติดี-วัตถุมงคลดัง

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย สังขารไม่เที่ยง, 20 ธันวาคม 2007.

  1. สังขารไม่เที่ยง

    สังขารไม่เที่ยง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    5,943
    ค่าพลัง:
    +24,697
    พระครูชิโนวาทสาทร (1) วัตรปฏิบัติดี-วัตถุมงคลดัง

    หลังเลนส์ส่องพระ

    เอกอุ



    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]


    </TD></TR></TBODY></TABLE>เป็นพระสายปฏิบัติอีกรูป ที่ปัจจุบันวัตถุมงคลของท่านดังมาก พระครูชิโนวาทสาทร วัดไชยมงคล อ.เมือง จ.อุบลราชธานี ท่านมีนามเดิมว่า อุทัย มีแก้ว เกิดเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2460 ที่บ้านหนองคู ต.หนองคู อ.เมือง จ.ยโสธร บิดาชื่อ นายไพ มารดาชื่อ นางเพ็ง มีแก้ว

    เมื่อจบการศึกษาระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 จากโรงเรียนบ้านหนองคู บ้านเกิด ได้อพยพตามบิดามารดาไปตั้งรกรากที่บ้านหนองแสง ต.สิงห์ อ.เมือง จ.ยโสธร จากที่เป็นลูกคนโตในจำนวนพี่น้อง 9 คน จึงต้องรับผิดชอบช่วยพ่อแม่ทำไร่ไถนา จากความขยันหมั่นเพียร และสมถะโดยอุปนิสัยจึงมีความแตกต่างจากเพื่อนรุ่นเดียวกัน โดยทั่วไปที่ชอบเที่ยวเตร่ตายวัย ในส่วนอุปนิสัยลึกๆ แล้ว เป็นคนที่มีจิตใจที่แกร่ง ห้าวหาญ จึงมีความชอบกีฬามวยเป็นชีวิตจิตใจ <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]


    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    การใช้ชีวิตฆราวาสดำเนินไปจนกระทั่ง 23 ปี ในช่วงปี พ.ศ.2483 หมู่บ้านหนองแสง ได้หาคนบวชตามประเพณีช่วงเข้าพรรษา นายอุทัย มีแก้ว จึงได้อาสาเข้าบวชโดยใจส่วนหนึ่งเพื่ออุทิศทดแทนบุญคุณบิดา มารดา ในช่วงชีวิตหนึ่งของลูกผู้ชายต้องบวชสู่ร่มกาสาวพัสตร์ให้บิดา มารดา ได้เกาะชายผ้าเหลืองสู่สวรรค์ ตลอดระยะเวลาการบวชได้มุ่งมั่นศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัยตลอดจนธรรมะจนแตกฉาน

    พ.ศ.2485 ได้ย้ายไปศึกษาที่ สำนักวัดบ้านบุ่งหวาย ต.สงเปลือย อ.คำเขื่อนแก้ว ตั้งใจศึกษาเล่าเรียนจนสอบได้ถึงนักธรรมชั้นเอก เป็นที่รักของครูบาอาจารย์เป็นอันมาก และจากความร่มเย็นในร่มกาสาวพัสตร์ ครั้งนั้นพระอุทัยได้ตัดสินใจถวายชีวิต เพื่อพระพุทธศาสนาประกอบกับแรงใจจากโยมพ่อและแม่ที่ปรารถนาให้พระอุทัยบวชตลอดชีวิต และได้เริ่มสนใจปฏิบัติวัตรธุดงค์ โดยในปี พ.ศ.2486 ได้เริ่มออกธุดงค์ร่วมกับ พระสหายจากลาว พบกับ หลวงปู่มั่น ที่วัดบ้านตาดทอง และได้สนทนาธรรมปฏิบัติฝากตัวกับหลวงปู่มั่น ซึ่งได้ธรรม 3 ข้อคือ 1.อย่าหัวซา 2.ถ้าปฏิบัติกิจของสงฆ์ดีแล้วบุญญาธิการมาเอง 3.นรก-สวรรค์ เป็นที่รองรับคนทำบาป-บุญ

    ปี พ.ศ.2487 ท่านได้ย้ายไปพำนักปฏิบัติธรรมที่ วัดสุทัศนาราม พร้อมกับพระสหาย ในตัวเมืองอุบลราชธานี และศึกษาเล่าเรียนที่สำนักเรียนวัดสุปัฏวนารามวรวิหาร ซึ่งเป็นสำนักเรียนกลางการศึกษาพระปริยัติธรรมของภาคอีสานสามารถสอบได้เปรียญธรรม 4 ประโยค คล้อยหลังอีก 3 ปีต่อมา ท่านได้ย้ายตามพระสหายไปที่ วัดไชยมงคลซึ่งขณะนั้นมี ญาครูกอง เป็นเจ้าอาวาสซึ่งเป็นพระชาวลาว

    แม้กระนั้นท่านก็ไม่ย่อท้อหยุดเพียงเท่านั้น ยังศึกษาเล่าเรียนต่อ พร้อมทั้งทำหน้าที่เป็นครูสอนโรงเรียน พระปริยัติธรรมตั้งโรงเรียนวัดสุปัฏวนาราม โดยไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อยจนมี ลูกศิษย์ลูกหานับถือมากมาย

    [FONT=Tahoma,]หน้า 29http://matichon.co.th/khaosod/view_news.php?newsid=TUROaWRXUXdOVEl3TVRJMU1BPT0=&sectionid=TURNd053PT0=&day=TWpBd055MHhNaTB5TUE9PQ==[/FONT]
     

แชร์หน้านี้

Loading...