พระธรรมเทศนาของพระโพธิสัตว์เจ้าแม่กวนอิม

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย สามเณรสุธสีลภโร, 22 กันยายน 2007.

  1. สามเณรสุธสีลภโร

    สามเณรสุธสีลภโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2007
    โพสต์:
    46
    ค่าพลัง:
    +102
    พระธรรมเทศนาเจ้าแม่กวนอีม

    พระกวนอีมมหาโพธิสัตว์ (อวโลกิเตศวร)
    ชาวไทยนิยมเรียกท่านว่า "เจ้าแม่กวนอีม" ท่านสอนการถือมังสวิรัติ ฉันแต่พืชผักผลไม้ต่าง ๆ เดืมเป็นผู้ชายแต่ชาติที่ได้สร้างสมบุญกุศลบารมีโปรดสัตว์ได้มากที่สุดนั้น ประสูติเป็นราชธิดาของ "พระเจ้าเมี่ยวจวง (เมี่ยวจังอ๊วง)" มีพระนามว่าเจ้าฟ้าหญิง "เมี่ยวซัน (เมี่ยวเสียง)" ศิลปินจึงนิยมเขียนหรือปั้นรูปท่านเป็นเจ้าฟ้าหญิงงามอ่อนช้อยพร้อมด้วยพระเมตตากรุณาจิต ที่พระเศียรมีพระพุทธรูปองค์เล็ก ๆ เครื่องทรงมงกุฎประดับเพชรนิลจินดา พระกรซ้ายขวาสวมกำไลหยก บางรูปเขียนเป็นพระภิกษุณีห่มสีกระ หรือแม่ชีห่มผ้าสีขาวสะอาดบริสุทธิ์ผุดผ่องด้วยรังสีแห่งศีลสมาธิปัญญา มีลูกประคำ ทรงพระคัมภีร์เทศนาธรรมอยู่ในดอกบัวบานท่ามกลางน้ำทะเล (คือพระบัวเข็ม) บางรูปประทับยืนอยู่ในหมู่เมฆทรงถือแจกัน หรือหม้อน้ำทิพย์ มีกิ่งไม้สนหรือยอดไม้หลิวอันเขียวสดชื่นก็มี

    ในพิธีกรรมหน้ากินเจเดือน 9 จีน (กิ้วอ้วงเจ หรือเก๊าอ้วงเจ) นั้น เจ้าแม่กวนอิมองค์นี้มีอิทธิพลดลจิตใจมากที่สุด คือชาวจีนที่เกิดมาแล้วโชคไม่ดี มีโรคภัยไข้ทุกข์ต่าง ๆ มาก แล้วมักจะไปบนบานให้ท่านช่วยให้พ้นจากภัยนั้น ๆ แล้วถึงปีที่จะถือศีลกินเจ บ้างก็ถือศีล 5 บ้างก็ถือศีล 8 (อุโบสถศีล) หรืออย่างน้อยวันเกิดหรือสันพระ แล้วก็อุทิศส่วนบุญส่วนกุศลนั้นให้แก่สรรพสัตว์ และเจ้ากรรมนายเวรต่าง ๆ ไป เกิดผลศักดิ์สิทธิ์ทันตาเห็นบ้าง ตรงที่หายหวาดกลัวภัยบ้าง จิตมีสมาธิดีขึ้นบ้าง มีกำลังใจที่จะคิดสร้างกรรมดีสืบไปบ้าง มีสติยิ้มได้มากเมื่อภัยมาแล . . .สาธุ! (มีแต่ทางดีล้วน ๆ)

    เจ้าแม่กวนอีมปางนี้ สงสัยชอบถามกันว่า ทำไมมีเครื่องทรงเป็นงิ้วไปเลย ผิดวิสัยของผู้ทรงศีล ขอตอบว่า เป็นปางที่ทรงใช้พระปัญญาบารมีได้สูงและฉลาดที่สุด คือไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ชาติใด ๆ ถ้ายังติดรสหลงข้องอยู่ในโลกกินกามเกียรติมากจนเกินไปแล้ว ส่วนมากก็ต้องการให้ลูกสาวมีเหย้ามีเรือนได้เป็นฝั่งเป็นฝาอย่างนี้เป็นของธรรมดา ๆ สัญชาตญาณแห่งความดิ้นรนเพื่ออยากจะอยู่รอดไปนาน ๆ ก็ต้องหาบารมีคุ้มครองคือสืบพืชพันธุ์ไว้มาก ๆ ก่อน หรือจะพูดแทนได้เลยว่า ฉันได้ทำบญทำทานไปแล้ว ขอให้ก่อนที่ฉันจะตายนั้น ได้เห็นหน้าลูกเขย หรือได้อุ้มหลานสักคนสองคนก่อนเถิด!ก็ชื่นใจแล้ว ไม่มีใครอยากจะให้ลูกสาวถือศีลกินเจออกบวชไม่สึกแน่นอนแล . . .

    ส่วนลูกสาวแบบ "พระกวนอีม" นั้น บารมีถึงพร้อมทุกประการ เป็นปราชญ์มองทะลุสายวัฏฏะเห็นการเกิดคือทุกข์ ไม่ว่าจะเกิดของกายเนื้อ หรือการเกิดของจิต ก็คือทุกข์ทั้งเพ แล . . .และไม่อยากจะทำให้สัตว์โลกเกิดแก่เจ็บตายอีกแล้ว แต่จะคิดหนีออกจากกรงแห่งวัฏฏะสงสารนี้ทันทีไม่ได้ จึงมีชุดเครื่องทรงเจ้าฟ้านี้อยู่ตามเดิม จะเห็นว่าเป้รพระอยู่ที่มงกุฎมีพระพุทธรูปอยู่ คือกายเป็นเจ้าฟ้า แต่ใจนั้นเป็นพระ (พุทธะอยู่ที่จิต) เป็นปางที่บำเพ็ญมหาอุบายวิธีโปรดสัตว์ และค่อย ๆ เดินทางสายกลางหนีออกบวชได้จนสำเร็จในที่สุดแล . . . .สาธุ!



    คัมภีร์พระอวโลกิเตศวรมหาโพธิสัตว์ (พระกวนอีม)
    <O:p</O:p
    แปลโดย “เสถียร โพธินันทะ”

    <O:pในลัทธิมหายานมีพระคัมภีร์อรรถว่า สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า (ศากยมุนี) ได้ทรงตรัส พระอมิตาภสูตร (ออนีท้อเก็ง) แก่พระสารีบุตรเถระ มีใจความย่อดังนี้:_
    <O:p</O:p
    “จำเดิมแต่เวลาล่วงมาถึง 10 กัปแล้ว ได้มี พระพุทธอมิตาภะ (ออนีท้อฮุด) ทรงประทับอยู่ ณ แดนสุขาวดีทางทิศปัจฉิม, พระพุทธอักโษภยา ทางทิศบูรพา, พระพุทธรัตนสมภพ ทางทิศทักษิณ, พระพุทธอโมฆสิทธิ์ ทางทิศอุดร, พระพุทธไวโรจน์ อยู่ศูนย์กลาง ฯลฯ พระพุทธเจ้าเหล่านั้นล้วนเป็นพระฌานีพุทธ (ไม่เสด็จลงมาตรัสในโลกมนุษย์)
    <O:p</O:p
    กับยังมีพระฌานีโพธิสัตว์จำนวนมาก ไม่สมัครพระทัยที่จะเสด็จเข้าสู่พุทธภูมิ (เป็นพระพุทธเจ้าไป แต่ก็ไม่มีแม้เยื่อใยเหลือไว้แก่โลกอีก คือ ไม่โปรดสัตว์แล้ว) ทรงตั้งปณิธานขอโปรดสัตว์ในโลกไตรภูมิต่อไป เพื่อให้สัตว์โลกในอนาคตได้รับพระเมตตากรุณาเช่นเดียวกับสัตว์โลกในอดีต”
    <O:p</O:p
    มีพระมหาโพธิสัตว์องค์สำคัญยิ่งมีพระนามว่า พระอวโลกิเตศวรมหาโพธิสัตว์ หรือ พระกวนอีม เป็นพระมหาโพธิสัตว์ที่บรรดาพุทธศาสนิกชนฝ่ายมหายานเคารพนับถือมากที่สุด ด้วยพระองค์ทรงพระกรุณาโปรดสัตว์ทั่วทั้งไตรภูมิให้พ้นจากกองทุกข์เนื่องด้วยพระอวโลกิเตศวรมหาโพธิสัตว์ ทรงมีพระวธัญญู (ความเมตตากรุณาธิคุณ) คอยปลดเบื้องความทุกข์ภัยของสัตว์โลกจึงมี พระเนมิตตกนาม (นามที่มาจากลักษณะและคุณสมบัติ) ตามภาษาจีนเรียกว่า พระกวนซีอีมใต้ผู้สัก แปลว่า พระมหาโพธิสัตว์ที่มีพระกรรณาวธานโลกาศัพท์ หรือที่เรียกง่าย ๆ ก็คือ พระมหาโพธิสัตว์ที่เงี่ยหูฟังเสียงของโลก (พวกที่มีทุกข์ใจไปบนบานถือศีลกินเจแล้วมักจะเกิดผลดีทางใจ พวกที่กินไม่ได้เลย... ก็ยังช่วยทำบุญก็มีมาก)

    ตามคติในมหายานกล่าวว่า เมื่อพระอวโลกิเตศวรมหาโพธิสัตว์ หรือพระกวนอิมจะเสด็จไปโปรด ท้าวพระยามหากษัตริย์ พระองค์ก็จะแปลงองค์เป็น เมธาติถมาณพทรงเครื่องภูษามาลามหากษัตริย์ ถนิมอลังการกว่าพระมหากษัตริย์พระองค์นั้น เมื่อพระองค์จะเสด็จไปโปรด พระยายักษ์พระยามาร พระองค์ทรงนิรมิตพระองค์มี จตุหัตถ์ (สี่มือ) บางครั้งมี พระสหัสหัตถ์ สหัสเนตร (พันมือ พันตา) มีเดโชพลเป็นที่ขยั้นครั้นคร้าม เมื่อพระองค์เสด็จไปโปรด ท้าวนางพระยาและบรรดาสตรีเพศ พระองค์ก็ทรงจำแลงพระองค์เป็น สตรีอันทรงอิตถีรูป (มีความงามของผู้หญิง) ทรงสมรรถนะเป็นที่น่าวันทาอภิวันท์ พระองค์ทรงปฏิบัติพระองค์เช่นนี้ ให้เหมาะสมกับกาลเทศะ เพื่อว่าง่ายสอนง่าย

    พระรูปของพระองค์ส่วนมากมักนิยมทำหรือเขียนเป็น พระมหาโพธิสัตว์ผู้หญิง และเป็นพระมหาโพธิสัตว์องค์เดียวเท่านั้นที่บรรดาสตรีจีนทั้งในประเทศและนอกประเทศจีนรู้จักและเคารพนับถือมากที่สุด (ว่าเฮี้ยนมากถือเป็นเจ้าแม่เลย)<O:p</O:p

    พระอวโลกิเตศวรมหาโพธิสัตว์ หรือ พระกวนอีม ในพระสูตร (โพ้วมึ้งปิ้ง) มีกล่าวว่า ถ้าบุคคลใดจะเป็นบุรุษหรือสตรีก็ตามเมื่อระลึกถึงพระองค์ด้วยความเลื่อมใสอ้อนวอนขอให้พระองค์ช่วยเหลือ พระองค์จะแผ่เมตตากรุณามาปลดเปลื้องทุกข์ภัยของผู้นั้นสมประสงค์ (เป็นสื่อกลางในการบันดาลใจให้คนมีเมตตากรุณาจิตมาก)<O:p</O:p
    <O:p</O:p


    ในพระสัทธรรมบุณฑริกสูตร (ฮวบฮั้วเก็ง)<O:p</O:p

    พระคัมภีร์กล่าวว่า พระมหาโพธิสัตว์กวนอีม มี พระคุณาลังการ อันประกอบด้วย
    <O:p</O:p
    1. พระปัญญาคุณ<O:p</O:p
    2. พระสันติคุณ และ<O:p</O:p
    3. พระเมตตากรุณาธิคุณ
    <O:p</O:p
    ผู้ใดเข้าถึงหรือมีคุณาการ (บ่อรวมความดี) ตามอย่างพระองค์ก็จะเป้นผู้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งหลายได้จริงการภาวนาพระคาถาของพระองค์จะต้องกระทำประกอบพร้ององค์ 3 คือ กาย วาจา และ ใจ โน้มน้าวไปตาม ธรรมานุธรรมปฏิบัติ (ความประพฤติดีงามตามสถานะ) จึงจะเกิด ธรรมสาระคุณ (คุณในแก่นแห่งธรรม) คือบรรลุถึง “วิปัสสนาปัญญา” เช่น
    <O:p</O:p
    1. คุณในปัญญา
    <O:p2. คุณในสันติ และ
    <O:p3. คุณในเมตตากรุณา

    <O:pพระองค์เป็นแต่ผู้ให้ คุโณปการ (การอุดหนุนทำให้คุณงามความดีต่าง ๆ) ชี้ทางและเตือนใจให้สร้างคุณธรรมนั้น ๆ ขึ้น
    อนึ่งในลัทธิมหายาน มักจะมีอรรถข้อความเรียกว่า กลบท หรือ ธรรมปริศนา ไว้ให้ขบคิดเอาเอง ถ้าขบคิดไม่ตก ก็แปลว่ายังค้นหาช่องทางไม่ถูกเข้ายังไม่ถึงหรือว่ายังมองไม่ทะลุ ธรรมบท นั้น ๆ ถ้าขบคิดแตกก็หมายถึงแล้วซึ่งความสว่าง ดังในพระสูตรกล่าว



    ในกรณีโจรภัย<O:p</O:p


    <O:p</O:p
    พระคัมภีร์กล่าวว่า: บุคคลใดกล่าวภาวนาพระคาถาของพระมหาโพธิสัตว์กวนอีมโจรภัยก็ปราศจากไป<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    คำว่าโจร ณ ที่นี้ ในธรรมาธิฐานมีความหมายถึง โจรแห่งอารมณ์ฟุ้งซ่าน หาใช่โจรธรรมดาไม่ โจรที่จุดคบไฟแดงโห่ร้องเข้าปล้นบ้าน เป็นโจรชนิดออกหน้าออกตามาให้แลเห็น แต่ โจรแห่งอารมณ์ฟุ้งซ่าน นั้น เป็นโจรชนิดไม่มีตัวตน (เพราะเรามองไม่เห็นตัวตนของมัน) ปล้นอย่างเงียบ ๆ และใจเย็น รุมกันเข้าปล้นเราทาง รูป, เสียง, กลิ่น, รส, สัมผัส และใจ ผู้ถูกปล้น มีสติเพลิดเพลินหลงใหลทรัพย์สินเงินทองสมบัติหมดเปลืองถูกขนออกจากบ้านไป โดยการปล้นชนิดนี้ไม่ใช่โจรที่จะมาปล้นเป็นครั้งเป็นคราว มันทำการปล้นทั้งกลางวันและกลางคืนทุกวัน ทั้ง ๆ ที่ถูกปล้นอยู่ในขณะมีสติสัมปชัญญะอยู่ด้วย ตัวอย่างเช่น:_<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ทางหู<O:p</O:p
    อยากฟังเสียงร้องเสนาะเพราะ ๆ, อยากฟังเสียงอ่อนหวานยวนยีให้เกิดอารมณ์ในตัณหา เสียงที่ยกยอปอปั้นจากบุคคลหัวประจบ ส่งเสริมไปในทางอบายมุข, เหล่านี้เรียกว่า โจรปล้นทางหู<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ทางตา<O:p</O:p
    อยากดูหนังแล้วก็พากันไปที่โรงภาพยนตร์คิงส์ หรือควีน, อยากดูละคร ก็พากันไปโรงละครศรีอยุธยา, อยากดูทิ้วก็พากันไปดูงิ้วแถวทีกัวที, อยากดูของงาม ๆ หรือภาพสวย ๆ ก็ไปจัดซื้อมาหาเก็บไว้ดูเพลิน ๆ เหล่านี้คือโจรปล้นทางตา<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ทางจมูก<O:p</O:p
    อยากสูดกลิ่นเสาวคนธ์ กลิ่นหอมต่าง ๆ ก็พากันไปซื้อน้ำอบฝรั่งอย่างชนิดดี ๆ จะแพงเท่าไรไม่ว่า ยิ่งชนิดเข้าชะมดเชียงหอมทนได้ตั้งอาทิตย์สองอาทิตย์ยิ่งดีใหญ่ ทั้งที่นอนหมอนมุ้ง ตลอดจนอาบน้ำชโลมด้วยเครื่องหอม เหล่านี้คือโจรปล้นทางจมูก<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ทางปาก<O:p</O:p
    อยากรับประทานของที่มีรสอร่อย ๆ เช่น กับข้าวฝรั่ง ก็พากันไปยังโฮเต็ลโทรทาเดโร, โอเรียลเต็ล กับข้าวจีนก็ไปยังห้อเทียนเหลา, เยาวยื่น กับข้าวไทยก็ไปภัตตาคารสวนลุมชายทะเล ยิ่งแถมสุราเข้าไปด้วยก็ยิ่งกันไปใหญ่ โจรเหล่านี้คือโจรปล้นทางปาก<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ทางกาย<O:p</O:p
    อยากแต่งตัวด้วยอาภรณ์จินดา อยากนั่งรถยนต์คันโต ๆ โก้สง่า อยากอยู่ตึกหลังใหญ่ ๆ มีการรื่นเริงเลี้ยงดูกันด้วย สุรา นารี ฟ้อนรำ ทำเพลงสนุกสนาน เมื่อขัดสนก็กู้เงินเขามาใช้จ่ายโดยเสียดอกเบี้ยอย่างนี้คือโจรปล้นทางกายปล้นทั้งเงินทองและปล้นทั้งสุขภาพอนามัย และหนัก ๆ ก็ปล้นถอนเอาเสาเรือนเป็นหลัง ๆ ไปเลย<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ทางใจ<O:p</O:p
    เมื่อใจคิดอยากได้ในสิ่งต่าง ๆ ไม่ประสบผลสมประสงค์อย่างหนึ่ง หรือความอยากได้ใด ๆ ได้บรรลุผลสมความปรารถนามาแล้ว แต่ถึงขนาดสภาพมีรายได้มาปิดหีบไม่ลง ใจก็เกิดฟุ้งซ่านเดินเลยขอบเขตอันดีงามไป คือ คิดวิธีหาเงินในทางอกุศลและ อกุศลก็นำไปสู่ความหายนะอย่างนี้ คือโจรปล้นทางใจ โจรชนิดนี้ยังปล้นเอาความอิสรภาพอีกด้วย<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    หากบุคคลใดสามารถไตร่ตรองตามทำนองในพระคาถาของพระมหาโพธิสัตว์กวนอีม โดยนำเอาเพียง ปัญญาคุณ อย่างเดียวพิจารณา ก็จะแลเห็นว่า ทรัพย์ที่ได้พยายามหามาด้วยการยากลำบากและเหน็ดเหนื่อยนั้น ได้ไปในทางแห่งอารมณ์ฟุ้งซ่าน ถ้าจะเอาปัญญาคุณมาใช้ โจรภัยแห่งอารมณ์ฟุ้งซ่านเหล่านี้ ก็จะปราศจากไปเอง


    ในกรณีอัคคีภัย<O:p</O:p

    <O:p</O:p


    กล่าวว่า : บุคคลใดเมื่อภาวนาพระคาถาของพระมหาโพธิสัตว์กวนอีมอัคคีภัยจะทำอะไรไม่ได้<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    พระคัมภีร์นี้ได้กล่าวเป็นพระธรรมาธิฐาน อัคคีภัย ณ ที่นี้หมายถึง<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    1. โลภะ อัคนี<O:p</O:p
    2. โทสะ อัคนี และ<O:p</O:p
    3. โมหะ อัคนี <O:p</O:p
    หาใช่อัคคีภัยที่เผาผลาญบ้านเรือนไม่ อัคคีภัยที่เกิดถึงขนาดร้ายแรงเช่น เกิดจากลูกระเบิดปรมาณูไหม้วินาศหมดไปทั้งเมืองก็ยังสามารถดับได้ด้วยน้ำ แต่ไฟชนิดนี้อันมีนามว่า อัคคีแห่งกิเลสราคะ นั้น จะอาศัยเอาน้ำในมหาสมุทรมาดับก็ไม่ยังผล อัคคีชนิดนี้ลุกลามแพร่ไพศาลครอบงำมนุษย์ทั่วโลก และกำลังคุกคามเผาโลกให้ลุกเป็นเปลวแดงอยู่ในขณะนี้ (90% คนมองข้ามไฟนี้ไป)<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    อัคคีภัยแห่งกิเลสราคะ นั้น คอยจี้มนุษย์ให้ร้อนเป็นไฟโดยมิรู้สึกตัว (ร้อนในทางเลือดไม่ใช่ร้อนทางกาย) ถึงขนาดเจ้า โลภะ, โทสะ และโมหะ ก็เข้าบงการจิตใจ เช่น:_ <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    1. รบราฆ่าฟันกัน<O:p</O:p
    2. ไปลอบฆ่าคนตาย<O:p</O:p
    3. ไปทำร้ายร่างกาย<O:p</O:p
    4. ไปปล้นทรัพย์<O:p</O:p
    5. ไปฉ้อฉลยักยอก<O:p</O:p
    6. ไปผิดศีลธรรมในลูกเมียเขา<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    เมื่อเหตุก่อเกิดขึ้น ผลก็ตามมาหลัง คือ ตกทุกข์ได้ยาก และต้องรับโทษทัณฑ์ ก็เนื่องจากกองอัคคีดังกล่าวนี้
    <O:p</O:p
    ผู้ที่เจริญพระคาถาของพระกวนอีม หากนำเอาคำในพระคัมภีร์มาพิจารณาใช้ให้เกิดประโยชน์ กล่าวคือ :_<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    1. อัคคีภัยแห่งราคะ จะดับได้ด้วย สันติคุณ<O:p</O:p
    2. อัคคีภัยแห่งโทสะ จะดับได้ด้วย เมตตากรุณาธิคุณคุณ<O:p</O:p
    3. อัคคีภัยแห่งโมหะ จะดับได้ด้วย ปัญญาคุณ<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ในเมื่อบุคคลใดขบคิดปัญหากลบท หรือเรียกว่าปริศนาธรรมในพระคาถาของพระมหาโพธิสัตว์กวนอีมแตกฉาน อัคคีภัยที่กล่าวข้างต้นก็จะทำอะไรไม่ได้จริง ๆ


    ในกรณีมหาวาตภัยเรือล่มในทะเล<O:p</O:p

    <O:p</O:p




    กล่าวว่า : บุคคลใดถ้าภาวนาระลึกถึงพระมหาโพธิสัตว์กวนอีม ก็จะรอดพ้นจากการจมน้ำตาย<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ทะเล ในกรณีนี้ พระคัมภีร์มีความหมายถึง ทะเลทุกข์ ที่เรียกกันในพระพุทธศาสนา สัตว์โลกอุปมาดังผู้อาศัยอยู่ในเรือน้อยลอยลำล่องเร่พเนจรอยู่ในกลางทะเลทุกข์ อันเป็นวัฎฏสงสารเวียนเกิดเวียนตายอยู่ในโลก คือได้แก่:_<O:p</O:p

    การเกิด, การแก่, การเจ็บ และ การตาย<O:p</O:p

    สัตว์โลกจะหนีรอดพ้นจากอาการทั้งสี่ที่กล่าวนี้ไม่ได้ ต้องอยู่ในสภาพอันผันแปรอยู่ทุกลมหายใจ เช่น:_<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    1. สภาพเป็นเด็กเล็กแล้วก็ผันแปรเปลี่ยนแปลงไปเป็นผู้ใหญ่<O:p</O:p
    2. สภาพเป็นคนหนุ่มแน่นภายหลังแปรเปลี่ยนแปลงไปเป็นคนแก่ชรา<O:p</O:p
    3. สภาพเป็นคนแข็งแรงในสุขภาพ แล้วก็ผันแปรเปลี่ยนแปลงไปเป็นคนเพียบไปด้วยโรคาพยาธิ<O:p</O:p
    4. สภาพเป็นคนเกิดมาในโลก แล้วก็ผันแปรเปลี่ยนไปเป็นคนตายไปจากโลก<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    การผันแปรเปลี่ยนแปลงอยู่ทุก ๆ นาทีนี้ เช่นเดียวกับการลาดเอียงสูงต่ำแห่งกระแสคลื่นในทะเล จะมีอะไรเป็นแก่นสารก็หาไม่ ขันธ์ทั้ง 5 คือ รูป, เวทนา, สัญญา, สังขาร และ วิญญาณ ก็อยู่เพียงระยะชั่วเวลาหนึ่งเท่านั้น ไม่มีอะไรจะทนอยู่ได้ตลอดกาลโดยไม่มีการผันแปรเปลี่ยนแปลงเสื่อมคลาย และสูญดับ<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    อนิจจัง คือ ความไม่ยั่งยืน ไม่เที่ยง<O:p</O:p
    ทุกขัง คือ ความทุกข์ ความยาก<O:p</O:p
    อนัตตา คือ สิ่งที่ไม่ใช่เป็นตัวตนของตนเอง<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    เหล่านี้เป็นไปตาม กรรมบถ คือ ทางของกุศลกรรมคลุกเคล้าอกุศลกรรม เป็นปัจจัยกระทำให้สัตว์โลกมีการเวียนว่ายตายอยู่ในทะเลทุกข์ด้วยกันทั้งสิ้น<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ถ้าบุคคลใดมีปัญหาปริศนาธรรมในพระคาถาของพระมหาโพธิสัตว์กวนอีมแตก ก็จะเกิดปัญญาคุณ คือ มีปัญญาหลักแหลมมองทะลุความจริงได้ก็เท่ากับสามารถนำเรือของตนเข้าถึงฝั่งจากมหาวาตภัยและรอดจากการจมน้ำตายจริง ๆ


    ในกรณีศาสตราภัย<O:p</O:p

    <O:p</O:p




    กล่าวว่า:_ บุคคลใดเมื่อภาวนาพระคาถาของพระมหาโพธิสัตว์กวนอีม อาวุธแหลมทุกชนิดจะไม่สามารถระคายผิวได้<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    คำในคาถาข้อสุดท้ายนี้แหละ แสดงให้เห็นเด่นชัดว่าในมหายานมีธรรมคาถาเป็น กลบท ชั้นเชิงทำให้ฉงนไปในทางหนึ่ง นัยว่าต้องการให้มีความไหวพริบ คือ ปัญญา (ให้เกิดปัญญาขึ้นในต้วไม่ต้องไปหาปัญญาจากที่อื่น) ถ้าเกิดปัญญาคุณขึ้นแล้ว ก็มองทะลุความจริงว่า พระคาถานี้ได้มีความหมายตายตัวตามศัพท์ที่ว่าไม่เพราะผิวหนังมนุษย์มิใช่เหล็กกล้าจึงจะคงกระพันชาตรี เมื่อเป็นเช่นนี้ อรรถาในคาถานี้คงหมายความเป็นปริศนาธรรมให้ขบคิด และจุดอันแท้จริงของพระคาถานี้ ได้แก่:_<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    บุคคลมี่สามารถรักษา อายตนะทั้งหก คือ อินทรีย์ทั้ง 6 นั้นเอง<O:p</O:p
    อายตนะ มี ตา, หู, จมูก, ปาก, กาย และใจ อันเชื่อมโยงไปใน รูป, เสียง, กลิ่น, รส, สัมผัส และ อารมณ์<O:p</O:p
    ถ้าบุคคลใดมีความสามารถไม่ยองใยและตัดขาดจากสิ่งที่จะมากระทบให้เกิดกุศลกรรม กล่าวคือ:_<O:p</O:p
    1. เมื่อหูได้ยิน ในสิ่งอกุศล ก็ทำเป็น เช่นหูไม่ได้ยิน<O:p</O:p
    2. เมื่อตาแลเห็น ในสิ่งอกุศล ก็ทำเป็น เมินไม่แลเห็น<O:p</O:p
    3. เมื่อจมูกได้กลิ่น ในสิ่งอกุศล ก็ทำเป็น เหมือนมิได้ดมกลิ่น<O:p</O:p
    4. เมื่อลิ้มรส ในสิ่งอกุศล ก็ทำเป็น เหมือนมิได้รับรู้รส<O:p</O:p
    5. เมื่อกายสัมผัส ในสิ่งอกุศล ก็ทำเป็น ประดุจไม่ได้สัมผัส<O:p</O:p
    6. เมื่อใจได้รับอารมณ์ ในสิ่งอกุศล ก็ทำเป็น เฉยเฉื่อยไม่ได้รับรู้ในอารมณ์นั้น ๆ และไม่หวั่นไหว<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ระงับ ตัณหา ที่จะเป็นปัจจัยให้เกิด อกุศล เจตนาขึ้น คือ:_<O:p</O:p
    1. ความปรารถนา<O:p</O:p
    2. ความดิ้นรน<O:p</O:p
    3. ความอยาก และ <O:p</O:p
    4. ความเสน่หา<O:p</O:p
    เมื่อสิ่งเหล่านี้ไม่บังเกิดขึ้น อำนาจแห่งธรรมมิตร ก็เข้าชักจูงเรียกร้องดูดดึงเอา สันติคุณ ตลอดจน เมตตากรุณาธิคุณ เข้ามาไว้ในตัว ก็จะเสมือนว่า เป็นเกราะป้องกันศาสตราวุธไม่ให้มาระคายผิวหนังตามพระคาถาได้ไม่ต้องสงสัย


    เท่าที่บรรยายมาเบื้องต้น พระอวโลกิเตศวรมหาโพธิสัตว์ หรือพระกวนอีม จึงเป็นที่เคารพบูชานับถือว่า พระองค์เป็นที่พึ่งของปวงสัตว์โลกทั้งเป็นผู้มีพระเมตตาช่วยปลดเปลื้องทุกข์ภัยของสัตว์โลกทั่วไตรภูมิทั้งทรงปฏิบัติเช่นนี้เป็นนิจสิน<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    พระคาถาของพระมหาโพธิสัตว์กวนอีมนั้น ไม่ใช่แต่เพียงท่องบ่นอย่างเดียว เป็นกลบทในปริศนาธรรมให้ขบคิดด้วยพร้อมกันและในเมื่อบุคคลใดสามารถขบปัญญาแตกกับปฏิบัติได้ครบถ้วนสมบูรณ์ ก็ได้ชื่อว่าได้อัญเชิญพระอวโลกิเตศวรมหาโพธิสัตว์มาอยู่ในดวงจิตของบุคคลนั้น และบุคคลนั้นก็จะปลอดจากภัยอันตรายนานาประการ ดังได้บรรยายมาแล้ว<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    พระอวโลกิเตศวร หรือพระกวนอีมมหาโพธิสัตว์นี้ ทางอุตตรนิกายนับถือว่า เป็นพระปัทมปาณีมหาโพธิสัตว์ ได้โปรดสัตว์โลกในอดีตนานมาแล้ว ทั้งทรงตั้งปณิธานวัฒนาการโปรดสัตว์โลกต่อไปอีกในอนาคต จึงไม่เสด็จเข้าสู่พระพุทธภูมิ<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    อนึ่ง มวลพิธีที่มีในนิกายนี้ เช่น มีพิธีกงเต็ก เป็นต้น พระสงฆ์สวดพระพุทธมนต์อันเชิญพระสัมมาสัมพุทธเจ้า กับพระพุทธเจ้าองค์อื่น ๆ เสด็จมาประทับรับการบูชาในพิธีเพื่ออานิสงส์ ส่วนพระอวโลกิเตศวรมหาโพธิสัตว์ และองค์อื่น ๆ นั้นอัญเชิญมาเป็นประมุขในการประกอบพิธีโปรดสัตว์โลกให้รอดตาย คือไม่ฆ่าชีวิตสัตว์ และยังไม่เสพเลือดเนื้อสัตว์ เจริญมหาเมตตากรุณาธรรมจริง ๆ ตามลัทธิ ด้วยประการฉะนี้<O:p</O:p


    ขอจบการวิสัชนา<O:p</O:p

    เรื่อง<O:p</O:p

    พระอวโลกิเตศวรมหาโพธิสัตว์ หรือ พระมหาโพธิสัตว์กวนอีม<O:p</O:p

    แต่เพียงเท่านี้<O:p</O:p

    แปลโดย “เสถียร โพธินันทะ”



    (เมตตาธรรมค้ำจุนโลก)






    ในการคัดลอกพระคัมภีร์ฉบับนี้ ในพระคัมภีร์มีคำที่ท่านเขียนไว้ผิดบ้างเป็นบางส่วนบ้าง แต่ผมก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลง อยากคงไว้ให้เหมือนกันกับต้นฉบับน่ะครับ ในกระทู้ต่อไปจะเป็นเรื่องประวัติการกินเจเดือน ๙ อย่าลืมติดตามกันนะครับ ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านด้วย ที่กรุณาติดตามกระทู้นี้มาโดยตลอด ขอบพระคุณครับ

    โปรดติดตามตอนต่อไป.....


    <O:p</O:p
    <O:p</O:p<O:p</O:p
    <O:p</O:p


    <O:p<O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 29 กันยายน 2007
  2. West Wind

    West Wind เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    149
    ค่าพลัง:
    +564
    ข้าพเจ้าก็เป็นหนึ่งในผู้คนที่นับถือแม่กวนอิมอยู่ค่ะ
    ในความรู้สึกของข้าพเจ้า ท่านมีเมตตาจิตที่สูงส่งมากนะคะ
    เมื่อก่อนก็ไม่ค่อยจะรู้เรื่องซักเท่าไหร่..งดทานเนื้อวัวก็เพียงงดตามพ่อแม่
    แขวนแม่กวนอิมปางสมาธิอยู่ก็เพื่อกันผี ตอนกลับไปเมืองไทย ..

    เพิ่งมารู้ตัวไม่นานนี่เองว่าท่านมีอิทธิพลทางจิตใจมากมายขนาดไหน
    กลายมาเป็นเป็นที่พึ่งทางใจเลยก็ว่าได้ ^_^ ...
     

แชร์หน้านี้

Loading...