พระพุทธรูปที่สร้างจากแก้วผลึกใส

ในห้อง 'วัดและศาสนสถาน' ตั้งกระทู้โดย ujae, 2 พฤษภาคม 2007.

  1. ujae

    ujae เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2006
    โพสต์:
    208
    ค่าพลัง:
    +610
    พระเสตังคมณี(พระแก้วขาว)

    พระแก้วขาว หรือพระเสตังคมณี เป็นปูชนียวัตถุสำคัญยิ่งของ จังหวัดเชียงใหม่ ที่ได้ชื่อว่า พระแก้วขาว เพราะเป็นพระพุทธรูปที่สร้างขึ้นด้วยแก้วผลึกสีขาว หน้าตักกว้าง ๔ นิ้ว สูงประมาณ ๖ นิ้ว เป็นพระพุทธรูปที่สร้างขึ้นด้วยฝีมือปฎิมากรรมชาวละโว้หรือขอม ในสมัยที่มีอำนาจปกครองบริเวณดินแดนสุวรรณภูมิและตั้งราชธานีอยู่ที่ละโว้ และยังมีตำนานกล่าวขานถึงพระแก้วขาว

    ตำนาน
    พระเสตังคมณี(พระแก้วขาว)
    พระแก้วขาว หรือพระเสตังคมณี เป็นพระพุทธรูปที่นับถือกันว่ามีความศักดิ์สิทธ์ สามารถคุ้มครองป้องกันอันตรายและอำนวยความสุขสวัสดิ์มงคลแก่ผู้ที่เคารพสักการะได้และปรากฏว่า ในอดีตกาลเป็นพระพุทธรูปสำหรับบูชา ประจำพระองค์ของพระนางจามเทวีปฐมกษัตริย์ผู้ครองนครหริภุญชัย และพระเจ้าเม็งรายมหาราช(หรือพระเจ้ามังราย) ปฐมวงศ์เมงราย ผู้สถาปนอาณาจักรลานนาไทย และกษัตริย์ผู้ครองหริภุญชัย และนครเชียงใหม่ ในยุคต่อๆ มา ก็นับถือเป็นพระพุทธรูปบูชาประจำพระองค์ทั้งสิ้น

    พระพุทธรูปองค์นี้ ในตำนานได้กล่าวถึงการสร้างใว้ว่า เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จปรินิพพานล่วงแล้ว ๗๐๐ ปี ในวันเพ็ญเดือน ๗ พระสุเทวฤาษีได้เอาดอกจำปา ๕ ดอก ขึ้นไปบูชาพระจุฬามณียังดาวดึงษ์สวรรค์ ได้พบปะสนทนาด้วยพระอินทร์ๆ ก็บอกกล่าวแก่สุเทวฤาษีว่า ปีนี้ในเดือนวิสาขะเพ็ญ ที่ลวะรัฏฐะจะสร้างพระพุทธรูปปฏิมากรด้วยแก้วขาว ครั้งสุเทวฤาษีกลับจากดาวดึงษ์เทวโลกแล้ว จึงไปสู่เมืองละโว้ ขณะนั้น พระยารามราชเจ้าเมืองละโว้กับพระกัสสปเถระเจ้าปรารถการที่จะสร้างพระแก้ว ซึ่งพระอรหันต์ไปได้แก้วขาวบริสุทธิ์บุษยรัตน์มาจากจันทเทวบุตร แล้วขอพระวิศนุกรรมมาเนรมิต สำเร็จรูปเป็นองค์พระพุทธปฎิมากรสุเทวฤาษีและฤาษีอื่นๆ ก็ได้มาประชุมช่วยในการสร้างพระด้วย ครั้งสำเร็จแล้วก็บรรจุพระบรมธาตุ ๔ องค์ ไว้ในพระโมลี(กระหม่อม) ๑ พระนลาต(หน้าผาก)1 พระอุระ(หน้าอก)1 พระโอษฐ์(ปาก) ๑ รวม ๔ แห่ง

    เมื่อสร้างเสร็จแล้ว พระแก้วขาวก็ได้ประดิษฐานอยู่ที่เมืองละโว้สืบมาเป็นเวลานาน มาถึงสมัยเมื่อพระฤาษีสร้างนครหริภุญชัยขึ้นแล้ว ใช้ให้ควิยะอำมาตย์ ไปเชิญพระนางจามเทวี ซึ่งเป็นราชธิดาของพระเจ้ากรุงละโว้ มาครองเมืองหริภุญชัย พระนางจึงขออนุญาตจากพระราชบิดา นิมนต์พระภิกษุสงฆ์สามเณร และพระเสตังคมณี(พระแก้วขาว) มาเป็นพระพุทธรูปประจำพระองค์ พระแก้วขาวจึงได้ประดิษฐาน ณ นครลำพูน แต่นั้นมาเป็นเวลานานหลายร้อยปี บรรดากษัตริย์ครองเมืองหริภัญชัย(ลำพูน) ทั้งวงศ์เดียวกับพระนางจามเทวีและต่างวงศ์ ต่างก็ได้เคารพบูชาเป็นประจำองศ์มาทุกวงศ์ และได้สร้างหอพระปริดิษฐ์ไว้ในพระราชวัง

    พระเสตังคมณีประดิษฐานอยู่ ณ เมืองลำพูนตลอดมาจนกระทั่งถึง รัชสมัยของพระยายีบาเป็นกษัตริย์ครองเมือง ในครั้งนั้นพระเจ้าเมงรายซึ่งเป็นเจ้าครองนครเงินยวง(เชียงแสน) ได้ยกกองทัพไปปราบบ้านเล็กเมืองน้อยต่างๆ ที่ยังแข็งเมืองอยู่ให้เข้ารวมอยู่ไปอำนาจของพระองค์จนหมดสิ้นแล้ว แต่นครหริภุญชัยนครั้งนั้นมีกำลังเข็มแข็งมาก พระองค์จึงคิดอุบายให้ขุนอายฟ้าเห็นราชวัลลภคนสนิท ไปทำการจารกรรมนานถึง ๗ ปี ขุนอ้าว จึงส่งข่าวไปให้พระเจ้าเมงรายให้ยกกองทัพมาตีภุญชัย พ.ศ. ๑๘๒๔ ชาวเมืองที่ไม่ยอมทิ้งเมืองทำการต่อสู้เมงรายต้องใช้ธนูเพลิงยิงเข้าไป ทำให้เกิดเพลิงไหม้ทั้งเมือง ในที่สุดก็พ่ายแพ้แก่กองทัพแก่กองทัพพระเจ้าเมงราย

    เมื่อยกเข้าเมืองได้แล้ว พระเจ้าเมงรายจึงเสด็จออกตรวจดูความเสียหาย สี่งที่ทำให้พระองค์ทรงประหลาดพระทัยที่สุดคือ หอพระซึ่งอยู่ในบริเวณพระราชวังของพระยายีบาหาได้ถูกเพลิงไหม้ไม่ แต่บริเวณรอบๆ นั้นถูกเพลิงเผาผลาญพินาศฟมด พระองค์จึงเข้าไปทอดพระเนตรดู เห็นพระแก้วขาวสถิตอยู่ ณ ที่นั้น ก็เกิดมีพระราชศรัทธาปสาทะเป็นอันมากจึงอัญเชิญองค์พระแก้วขาวมาประดิษฐาน ณ ที่ประทับของพระองค์ ทรงเคารพสักการะบูชาเป็นพระพุทธรูปประจำพระองค์แต่นั้นมา

    ต่อเมื่อพระองค์มาสร้างนครเชียงใหม่เป็นราชธานี เมื่อปีพ.ศ. 1839 ได้อัญเชิญพระแก้วขาว(เสตังคมณี) มาประดิษฐานในพระราชวัง จนตลอดรัชกาลของพระองค์ แม้ในเวลาเสด็จออกศึก ก็ทรงนิมนต์พระแก้วขาวไปด้วยทุกครั้ง พระองค์มิได้ประมาทในพระแก้วขาวเลย เมื่อพระองค์สวรรคตแล้ว พระแก้วขาวก็คงประดิษฐานอยู่ในเมืองเชียงใหม่ตลอดมา จนกระทั่งถึงรัชกาลของพระเจ้าติโลกราช รัชกาลที่ 11 แห่งราชวงศ์เมงราย พระองค์ทรงเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนาอย่างยิ่ง พระองค์ได้ทรงทำนุบำรุงการพระพุทธศาสนาในเจริญรุ่งเรืองยิ่งกว่ายุคใดๆ ทั้งสิ้น พระองค์โปรดให้หมื่นด้ามพร้าคต ซึ่งเป็นนายช่างสถาปนิคเอกออกแบบไปถ่ายแบบอย่างโลหะปราสาท และรัตนเจดีย์ ในเมืองลังการมาแล้ว โปรดให้หมื่นด้ามพร้าคตเป็นผู้อำนวยการสร้างถาวร วัตถุในวัดวาต่างๆ และสร้างหอพระแก้วมรกตและพระแก้วขาวไว้ ในพระอารามราชกุฏาคารเจดีย์ (คือเจดีย์หลวง) ในปี พ.ศ. 2022 ในยุคนี้พระพุทธรูปสำคัญหลายองค์ ได้มาประดิษฐานในนครเชียงใหม่ เช่น พระแก้วมรกต พระพุทธสิหิงค์ พระเสตังคมณี (พระแก้วขาว) พระศิลา (พระหินอ่อน) เป็นต้น พระสององค์นี้เวลานี้ประดิษฐานอยู่ที่วัดเชียงมั่น จังหวัดเชียงใหม่

    พระแก้วขาวได้ประดิษฐานอยู่ที่วัดเจดีย์หลวง ในรัชสมัยของพระเจ้าติโลกราช มาตราบถึงรัชสมัยของพระยอดเชียงรายราชนัดดา ทรงสืบสันติวงศ์ต่อมา ในสมัยนี้มีเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับพระแก้วขาวคือ ในครั้งนั้นมีราชบุตร พระยาเมืองใต้ชื่อ สุริยวังสะ บวขเป็นภิกษุขึ้นมาจำพรรษาอยู่วัดเวฬุวัน (กู่เต้า) ในระหว่างปี พ.ศ. 2030-2049 ได้มารักใคร่ชอบพอกับนางท้าวเอื้อยหอขวางราชธิดา ของพระเจ้าติโลกราชเป็นอย่างยิ่ง สุริยะวังภิกขุมีความประสงค์อยากได้พระแก้วขาว ซึ่งประดิษฐานที่วัดเจดีย์หลวงจึงรบเร้าขอให้นางท้าวเอื้อยหอขวางจัดการให้ นางท้าวเอื้อยหอขวาง จึงทำกลอุบายว่าป่วยไข้ ครั้นนานหลายวันเข้า พันจุฬาผู้รักษาหอพระ จึงมาขอเอาพระแก้วคืน นางท้าวเอื้อยก็ให้ทองคำพันหนึ่งเป็นสินบนปิดปากพันจุฬา แล้วนางท้าวเอื้อยจึงเอาพระแก้วขาวใส่ไว้ในขอูป แล้วใส่ในถุงคลุมมิดชิดดีแล้ว ใช้ให้อ้ายกอน ทาสชายนำไปถวายแก่สุริยวังสะภิกขุ สริยวังขะภิกขุจึงเอาไม้เดื่อปล่องมาแกะเป็นองค์ แล้วเอาพระแก้วขาวแล้วใส่ไว้ในองค์พระ ไม้เดื่อที่กลวงภายในแล้วก็พาหนีไปเมืองใต้เสียและ

    ครั้งอยู่ต่อมา ในปี พ.ศ. 2035 พระยอดเชียงรายให้ทรงสร้างพระอารามขึ้นในทิศตะวันตกเฉียงใต้เมือง ให้ชื่อว่าวัดตะโปทาราม (คือวัดรำพึง) ด้วยมีพระประสงค์จะเอาพระแก้วขาวไปประดิษฐานไว้ที่นั่น เมื่อได้ทราบว่าพระแก้วหายไปจึงสืบสวนได้ความ จากอ้ายกอนทาสของนางท้าวเอื้อยหอขวางว่า นางได้ใช้ตนนำไปถวายแก่สุริยวังสะภิกขุ และได้เอาหนีออกจากเมืองไปแล้ว พระยอดเชียงรายก็ใช้ให้ราชทูตเชิญเครื่องราชบรรณาการและราชสาส์น ไปถวายพระเจ้ากรุงศรีอยุธยาเพื่อขอพระแก้วคืน พระเจ้ากรุงศรีอยุธยาตอบพระราชสาสน์มาว่า สืบหาก็ไม่ได้ความ และหาไหนก็ไม่พบ พระยอดเชียงรายขัดพระทัย จึงยกทัพไปยังกรุงศรีอยุธยา อยู่ได้เดือนหนึ่งจึงได้พระแก้วขาวคืนแล้ว จึงเลิกทัพกลับมา พระแก้วขาวจึงได้ประดิษฐาน ณ เชียงใหม่ตามเดิม

    ในปัจจุบัน พระแก้วขาว (เสตังคมณี) ประดิษฐานอยู่ ณ วัดเชียงมั่น จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อเป็นมิ่งขวัญของชาวเชียงใหม่เป็นปูชนียวัตถุชิ้นสำคัญยิ่ง และเป็นสิ่งที่พวกเราไม่ควรประมาท ควรเคารพสักการะกราบไหว้บูชา เพื่อเป็นเนื้อนาบุญของเราทั้งหลาย และเราควรภาคภูมิใจ และทนุถนอมให้ดำรงอยู่ต่อไปชั่วกาลนานเทอญฯ

    http://www.yupparaj.ac.th/web1998/st06/part5.html
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • b1.jpg
      b1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      26.3 KB
      เปิดดู:
      1,511
    • 550000005459305.JPEG
      550000005459305.JPEG
      ขนาดไฟล์:
      37.4 KB
      เปิดดู:
      918
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 2 พฤษภาคม 2007
  2. ujae

    ujae เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2006
    โพสต์:
    208
    ค่าพลัง:
    +610
    สงกรานต์ ....ตามประเพณีจะ อัญเชิญพระพุทธรูป ประจำเมืองหรือประจำวัด ที่ศรัทธา เลื่อมใสออกมาให้พุทธศาสนิกชนสรงน้ำ...ถือว่าเป็นสิริมงคลแก่ผู้ที่ร่วมพิธีกรรมเชียงใหม่ ซึ่งเป็นเมืองที่เอ่ยถึงมากที่สุดแห่งเทศกาลนี้ นอกจากที่จะอัญเชิญพระพุทธสิหิงค์ ์จากวิหารลายคำมาให้สรงน้ำแล้ว ณ วัดเชียงมั่น เลขที่ 171 ถนนราชภาคีนัย ต.ศรีภูมิ อ.เมือง เชียงใหม่ 50200 ก็มีการสรงน้ำพระเสตังคมณีเช่นกัน.....โดยชนบางกลุ่มศรัทธาเชื่อว่า...พระเสตังคมณี กับ พระพุทธสิหิงค์ ศักดิ์สิทธิ์ไม่แพ้กัน...!!

    O O O

    ซึ่งก่อนที่จะถึงสงกรานต์ไม่กี่วัน พระครูสันติธรรมวัฒน์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 2 พฤษภาคม 2007
  3. ujae

    ujae เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2006
    โพสต์:
    208
    ค่าพลัง:
    +610
    แก้วผลึกใส เช่น แก้วจุยเจีย แก้วเพชรน้ำค้าง



    [​IMG]



    เพชรน้ำค้าง [N]...พจนานุกรมว่า...

    คำว่า...เพชรน้ำค้าง เป็นคำนาม ใช้เรียกชื่อ....แก้วใส ๆ หรือ คริสตัล ครับ

    Meaning: white glass; crystal

    Class: crystal or Quartz Crystal

    http://www.dhammathai.org/webboard/view.php?No=6571
     
  4. ujae

    ujae เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2006
    โพสต์:
    208
    ค่าพลัง:
    +610
    วัตถุอาถรรพ์ทางธรรมชาติ

    ประเภทโลหะมีดังนี้


    ประเภทที่ 1เหล็กไหลดำ,เหล็กไหลตาน้ำ,ทองคำดำ,พญาสมิงเหล็ก,เหล้กไหลบารมี,โคตรเหล็กไหล,เหล็กหลบ,แร่บางใผ่,แร่เกาะล้านอื่นๆอีก

    ประเภทที่ 2เหล็กไหลขาว,เหล็กเปียก,ทองคำขาว, สังฆวานร(ชินวรสังฆวานร), แร่เงินยวง,หยดน้ำฟ้า, วัชระธาตุ,โพธิสัตว์ธาตุอื่นๆอีก

    แร่ที่ใช้ในพิธีกรรมทางเวทย์มีดังนี้ แร่เพชรนิล, แร่เขาเขียว(หินอัคนี)ต้องนำมาหลอมผ่านพิธีกรรม 7 ครั้งจะกลายเป็นเหล็กน้ำพี้, แร่เกาะล้าน,

    ปรอทกรอบ,เพชรหน้าทั่ง, แร่เพชรทอง, ข้าวตอกพระร่วง, ผงเกร็ดแก้วหรือผงเพชรเกล็ดแก้ว, ผงมณีรัตน

    ,กากน้ำนมแม่พระธรณี , ไข่มุกกวนอิม (ไข่มุกถ้ำ) , ไข่หิน, เกล็ดมณีนาคราช, เกล็ดพญามังกรไฟ,

    สุธรรมธาราธาตุนำมาบดเป็นผงเรียกว่าผงสุริยัน, ผงจันจิราจันทราทิพย์โดยส่วนใหญ่จะนำผงสุริยันกับผง

    จันจิราจันทราทิพย์นำมาทำมนต์สุริยันจันทรา,มนต์นาคราช,มนต์เทพรัญจวน, แร่เงิน,แร่ทอง,ผงเกร็ดแก้ว

    พิสดาร, ชินวร, ขวานฟ้า, แร่ทรายทอง,แร่ทรายเงิน (ไหลคำคำ),แก้วขนเหล็ก,พระธาตุเหล็กไหล,

    โครตทรหต,เหล็กไหลบารมี,เหล็กไหลตาน้ำ,เหล็กเปียก,ตับหิน,โครตเหล็กไหล, เพชรพญานาค,

    เพชรพญางู, เขี้ยวหนุมาณ, เพชรน้ำค้าง, มณีนาคราช,เพชรน้ำรอด,แร่เฮมาไทด์(แร่ทรหต),เหล็กไหลแก่น,

    คตไม้สัก, ตะกั่วน้ำนม, ทองแดงดิบ,ทองแดงเถื่อน, คตหิน อีกมากๆๆๆๆ

    ประเภทวัตถุอาถรรพ์แบบสัตว์ คตผึ้ง,คตหอย,เพชรตาแมว,งากระเด็น(งาสลัด), งูปากเป็ด,จิ้งจกสองหาง,ผึ้งทำรังตามบ้าน, รกแมว,ลูกกรอก,

    เขี้ยวหมูตัน,ปูหิน,เขี้ยวเสือกลวง,ตะขาบทองแดง,คตปลวก,กระโปกทองแดง,ตับทองแดง,คนลิ้นดำ,

    เขากวางคุต,งาช้างกลวง,นอแรด,คตหอยพระธาตุ อีกมากๆๆๆ

    วัตถุอาถรรพ์แบบพืช กระชายดำ,ดอกตะใคร้,พญางิ้วดำ,กัลปังหาดำ,ตะกล่ำดำ,กลิ้งกลางดง,เถาวัลย์หลง,น้ำโมกผา,ทรายน้ำไหล,

    ครอบจักรวาล,ปอดำ, ตะกล่ำแดง,ขมิ้นหิน,เม็ดข้าวสารดำ,ข้าวเหนียวดำ,มือนาง,หมากไม้มณีโคตร,คตมะพร้าว

    คตมะขาม,คตหอย,คตปู,คตตะขาบ,คตขนุน,กาฝากรัก,กาฝากมะนาว,กาฝากมะรุม,กาฝากขนุน,กาฝากคูณ,

    กาฝากทับทิม,กาฝากโพธิ์,กาฝากสักทอง,กาฝากตะเคียน,โพธิ์ใต้ต้น,ไม้กระบก,ไม้โมก,ไม้จันทรหอม,ไม้ถุมภีดำ,

    กะลาตาเดียว,กะลาไม่มีตา,ไพรดำ,คตขนุน,ผลยอป่าหิน,กาฝากไม้แดง,มะพร้างเห้งเจีย,ว่านนางพญาท้าวเอว,

    ว่านนางพญานาคราช,สรรพยา,ว่านโพรง,สากกะเบือแม่ม่าย,ไม้เขยตาย,กล้วยตานีออกปลีกลางกอ,

    พระพุทธเจ้า 5 พระองค์, ไผ่ตัน,ไผ่ตารอบกอ,ดอกไผ่,ตะเคียนทอง,ไม่สัก,ไม้ยมตายพราย,ว่านดอกทอง,

    เสน่ห์จันทร์แดง,เสน่ห์จันทร์ขาว,เสน่ห์จันทร์เขียว,ส้มป่อย,หญ้าพระอินทร์,น้ำนมราชสีห์,หนุมานประสานกาย,

    หนุมานนั่งแท่น,รางจืด,เสลตพังพอน,เถาวัลย์เปรียง,โคคลาน,ผักเสี้ยนผี,ว่านพญาใหญ่,มหาลาภ,พระพุทธเจ้าหลวง,

    ว่านมหากาฬ, ว่านพระอาทิตย์,ว่านช้างผสมโขลง,เงินไหลมา,เศรษฐีเรือนใน,เศรษฐีเรือนนอก,ว่านเศรษฐี,รางเงิน

    ว่านรางทอง,เขียว 1,000 ปี,เขียว 10,000 ปี, ว่านนกคุ้มมีอีกแยะ

    พืชที่ใช้ในการแก้อาถรรพ์ ผักกะเฉด,ผักแว่น,มะระ,สัปปะรด,มะนาว,มะเฟือง,มะม่วง,มะกรูด,ไพร,ขิง,ข่า,ขมิ้น,ตะใคร้ , มีฤทธิ์อำนาจใน

    การชำระล้างคุณไสยที่เกิดจากลมเพลมพัด<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    http://www.krusiam.com/community/forum2/view.asp?ForumID=Cate00009&PostID=ForumID0007429<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p<!-- / message -->
     
  5. ujae

    ujae เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2006
    โพสต์:
    208
    ค่าพลัง:
    +610
    พระพุทธรูปที่สร้างจาก(แก้ว)เพชรน้ำค้าง

    พระพุทธบุษยรัตนจักรพรรดิพิมลมณีมัย หรือเรียกอย่างสามัญว่า พระแก้วขาว หรือ พระแก้วประจำรัชกาลที่ ๒
    <O:p
    สถานที่ประดิษฐาน พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต กรุงเทพฯ<O:p</O:p
    <O:p
    ลักษณะศิลปะ ศิลปะล้านนา ปางสมาธิ ฐานพระพุทธรูปเป็นฐานกลีบบัวทองคำ 3 ชั้น ประดับด้วยเนาวรัตน์ มีเกสรบัวประดับเหนือฐานแข้งสิงห์จำหลักลาย ด้านหลังฐานพระพุทธรูปมีแผ่นทองจารึกข้อความว่า<O:p
    <O:p
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • crystal2.jpg
      crystal2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      8.6 KB
      เปิดดู:
      4,087
  6. ujae

    ujae เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2006
    โพสต์:
    208
    ค่าพลัง:
    +610
    รู้จัก ‘พระพุทธบุษยรัตนจักรพรรดิพิมลมณีมัย’
    พระพุทธรูปองค์นี้มีความสำคัญเทียบได้กับพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร ในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม(วัดพระแก้ว) ไม่มีหลักฐานว่าสร้างขึ้นเมื่อใดและใครเป็นผู้สร้าง มีเพียงตำนานกล่าวว่ามีผู้นำไปซ่อนไว้ในถ้ำเขาส้มป่อยนายอน แขวงเมืองจำปาศักดิ์ ทางฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง เขตสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวในปัจจุบัน

    สมัยอยุธยาตอนปลาย พราน 2 คน ไปพบและเชื่อว่าเป็นเทวรูปที่ให้คุณ จึงไปบนบานขอให้ดลบันดาลให้ได้สิ่งที่ปรารถนา สุดท้ายได้อัญเชิญเก็บไปรักษาไว้ที่บ้าน ระหว่างที่คอนองค์พระมานั้นพระกรรณเบื้องขวากระทบคันหน้าไม้บิ่นไปเล็กน้อย

    จนถึงสมัยกรุงธนบุรี เจ้าไชยกุมาร เจ้าเมืองนครจำปาศักดิ์ ซึ่งขณะนั้นเป็นเมืองประเทศราชของไทย ได้ทราบข่าวว่าพรานมีพระพุทธรูปแก้วผลึกใสขนาดใหญ่ พุทธลักษณะงดงามหาที่ติไม่ได้ จึงได้ขอพรานนำไปเก็บรักษาไว้ที่นครจำปาศักดิ์โดยสร้างวิหาร ขึ้นประดิษฐาน ถึงสมัยที่นครจำปาศักดิ์ย้ายมาตั้งทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำโขง เจ้าเมืองนครจำปาศักดิ์องค์ใหม่ จึงสร้างวิหารขึ้น ประดิษฐานพระพุทธรูปใหม่

    พุทธศักราช 2354 เจ้าเมืองนครจำปาศักดิ์ถึงแก่พิราลัย พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ได้โปรดให้ข้าหลวงออกไป ปลงพระศพ ข้าหลวงได้เห็นว่าเป็นพระพุทธรูปแก้วผลึกสีขาวที่งดงามมาก ไม่เคยพบเห็นที่ใดมาก่อน จึงคิดว่าไม่สมควรจะเก็บรักษาไว้ที่เมืองซึ่งตั้งอยู่ชายแดนเจ้าเมืองนครจำปาศักดิ์และชาวเมืองเห็นชอบให้อัญเชิญมายังกรุงเทพฯ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยทรงทราบและมีพระราชหฤทัยปราโมทย์ยินดียิ่ง จึงจัดเรือพระที่นั่งและเรือกระบวนพยุหยาตราทางชลมารคออกไปรับถึงเมืองสระบุรี ขณะล่องแม่น้ำมาจัดให้มีการสมโภชอยู่หลายแห่ง กระทั่งได้ตั้งกระบวนพยุหยาตราสถลมารคแห่ไปประดิษฐานไว้ในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เป็นเวลา 3 เดือน

    ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ช่างเจียระไนแก้วเป็นรูปลายพระกรรณนำไปติดปลายพระกรรณที่ชำรุดบิ่นให้สมบูรณ์ พร้อมกันนี้โปรดให้ตกแต่งประดับองค์พระพุทธรูปใหม่ แล้วโปรดให้อัญเชิญไปประดิษฐานไว้ในหอพระสุลาลัยพิมาน ในพระที่นั่งไพศาลทักษิณ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชศรัทธาในพระพุทธรูปองค์นี้อย่างยิ่ง จึงโปรดให้ช่างใช้เพชรเม็ดใหญ่ประดับฐานให้สวยงามขึ้น พร้อมทำฉัตรขึ้นใหม่ด้วยทองคำประดับพลอยตลอดทั้ง 5 ชั้น แล้วทรงถวายพระนามว่า ‘พระพุทธบุษยรัตนจักรพรรดิพิมลมณีมัย’ โปรดให้อัญเชิญขึ้นประดิษฐานบนพระมณฑปบุษบก ในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ทำพิธีฉลองสมโภชอย่างมโหฬาร 4 วัน 4 คืน

    ต่อมาได้โปรดให้สร้างวิหารพระพุทธรัตนสถานขึ้น แล้วอัญเชิญพระพุทธบุษยรัตน์ฯ ,พระสถูปบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และพระพุทธรูปฉลองพระองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทุกพระองค์ไปประดิษฐานไว้

    พระพุทธบุษยรัตน์ฯ และวิหารพระพุทธรัตนสถาน จึงมีความสำคัญและความเกี่ยวเนื่องกับพระมหากษัตริย์ในรัชกาลต่อๆมาทุกพระองค์จนถึงรัชกาลปัจจุบัน
    จึงเป็นที่มาของการกำหนดเนื้อหาการเขียนภาพจิตรกรรมฝาผนังตามแนวพระราชดำริในที่สุด

    http://www.mgronline.com/Dhamma/View...=9490000070900
     
  7. ujae

    ujae เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2006
    โพสต์:
    208
    ค่าพลัง:
    +610
    พระพุทธปฏิมาบุษยรัตน์( พระแก้วหยดน้ำค้าง หรือ พระแก้วขาว )

    [​IMG]

    พระพุทธปฏิมาบุษยรัตน์( พระแก้วหยดน้ำค้าง หรือ พระแก้วขาว ) วัดมหาธาตุ อำเภอเมือง จังหวัดยโสธร
    พระพุทธปฏิมาบุษยรัตน์ หรือพระแก้วหยดน้ำค้าง หรือพระแก้วขาว เป็นพระพุทธปางสมาธิ สร้างจากเนื้อแก้ว ใสสะอาดบริสุทธิ์ ขนาดหน้า ตักกว้าง ๑.๙ นิ้ว ศิลปะเชียงแสนเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดยโสธร
    ประดิษฐานอยู่คู่กับพระแก้วมรกตในหอพระแก้วเมืองเชียงใหม่เป็นครั้งแรกในปี พ.ศ. ๒๐๑๑ และประทับอยู่เป็นสิริมงคลนาน ถึง ๗๘ ปี

    ภายหลังพระเจ้าไชนเชษฐาธิราช เมื่อได้ครองหลวงพระบาง จึงมีความเห็นว่าสมควรอัญเชิญพระแก้วมรกตและพระแก้วขาวไป ไว้ที่ราชธานีล้านช้าง เพื่อให้ห่างไกลจากเงื้อมมือพม่าข้าศึกจึงโปรดฯ ให้ประดิษฐานพระแก้วมรกตประทับอยู่ร่วมกันอีกครั้ง ได้มีผู้ลักพาพระแก้วขาวออกจากหลวงพระบางไปซ่อนไว้ที่เขาส้มป่อย ต่อมามีพราน ๒ พี่น้องชื่อ "พรานทึง" และ"พรานเทือง" ไปพบว่าจม อยู่ใต้สระน้ำจึงนำขึ้นมา ความลือไปถึงเจ้าสร้อยศรีสมุทรพุทธางกูร ผู้ครองนครจำปาศักดิ์จึงให้ท้าวเพียผู้ใหญ่ไปสืบเอา พระแก้วขาวมา ขณะ อัญเชิญมาถึงตำบลแห่งหนึ่งริมน้ำเซโดนได้พากันพักแรมหนึ่งคืน พอรุ่งเช้าปรากฏว่าพระแก้วขาวหายไปจึง ให้คนเที่ยวต้นหา มีผู้ไปพบอยู่ ที่บ้านพรานทึงดังเดิม ท้าวเพียได้ทำพิธีคารวะพระแก้วขาว โดยขออัญเชิญไปยังหลวงพระบางได้ สะดวก อย่าได้ลักหนีไปอีกเลย แต่ในระ หว่างทางเกิดพายุทำให้พระแก้วขาวตกลงไปในน้ำหาอย่างไรก็ไม่พบ เจ้าสร้อยศรีสมุทรฯ ทรงกระทำพิธีกรรมบวงสรวงเทพารักษ์ ตั้งสัตยา ธิษฐานขอให้ได้พระแก้วขาวกลับคืนมาเป็นสิริมงคล เมื่อสัมฤทธิ์ผลจึงจัดงาน ฉลองสมโภชเป็นเวลา ๓ วัน ๓ คืน

    ตามข้อสันนิษฐานที่สืบทราบความว่า เมื่อครั้งเจ้าพระยาราชสุภาวดี ยกทัพไปตีเมืองเวียงจันทน์ เจ้าอุปฮาดบุตรของท้าวคำ ท้าวฝ่าย ท้าว สุวอ ซึ่งมีศักดิ์เป็นหลานของเจ้าพระยาขัตติวงศา ได้ไปทำการรบด้วย มีท่านพระครูหลักคำกุผู้มีภูมิความรู้ถนัดในทางโหราศาสตร์ เป็นผู้ให้ ฤกษ์และทำพิธีตัดไม้ข่มหนามซึ่งเป็นพิธีปฐมกรรมอันเป็นการให้ขวัญและกำลังใจแก่ทหารจึงทำให้การรบในครั้งนั้นประสบ ชัยชนะ ความ ทราบถึง พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๓ จึงได้มีรับสั่งให้พาเข้าเฝ้าโดยด่วน โดยมีท้าวฝ่าย และพระครู หลักคำกุ เป็นผู้ เข้าเฝ้าที่กรุงเทพมหานคร แล้วโปรดเกล้าฯ พระราชทานสัญญาบัตรให้ท้าวฝ่ายเป็น "พระสุนทรราชวงศา" พระครูหลักคำกุ เป็น "พระครูวชิรปัญญา" แล้วทรงพระราชทาน ปืน "นางป้อม ๑ กระบอก" ให้พร้อมกับ "พระพุทธบุษรัตน์" เพื่อเป็นศิริมงคลแก่เมือง ยโสธร นับแต่นั้นเป็นต้นมา


    http://www.dannipparn.net/web/praput/praput203.html
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 2 พฤษภาคม 2007
  8. ujae

    ujae เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2006
    โพสต์:
    208
    ค่าพลัง:
    +610
    พระแก้วสำคัญของเมืองอุบลฯ

    พระแก้วขาวเพชรน้ำค้าง

    พระแก้วขาวเพชรน้ำค้าง องค์นี้เป็นพระปางสมาธิสูง 17 ซ.ม. ทำด้วยแก้วผลึกสีขาวท่านผู้รู้ คือ หม่อมเจ้าภัทรดิส ดิศสกุล สันนิษฐานว่า ดูจากพุทธศิลป์แล้วเป็นพระอยู่ในยุครัตนโกสินทร์ตอนต้นๆ ในการสนทนากันระหว่างพระธรรมบัณฑิต กับหม่อมเจ้าภัทรดิศ ดิศสกุล บันทึกพระแก้วขาวเพชรน้ำค้างองค์นี้ เจ้าพระคุณสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (ติสฺโส อ้วน) ได้ควบคุมการก่อสร้างพระอุโบสถวัดสุปัฎนารามแต่ พ.ศ. 2460-2473 เจ้าพระคุณสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ ได้รวบรวมพระพุทธธูปเก่าแก่ไนปางต่างๆ จากหลายที่หลายแห่ง เช่น พระพุทธรูปหินสมัยลพบุรี 3 องค์ และสิ่งอื่นจำนวนมาก โดยเฉพาะพระแก้วขาวองค์นี้เป็นพระประจำองค์ท่าน ท่านได้อย่างไร ไม่ปรากฏชัดในช่วงปี พ.ศ. 2485 เจ้าพระคุณคุณสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (ติสฺโส อ้วน) ได้ขึ้นมาจำพรรษาที่วัดสุปัฎนาราม ได้มอบพระแก้วขาวองค์ศักดิ์สิทธิ์องค์นี้ให้เป็นสมบัติอันล้ำค่าของวัดสุปัฎนาราม ผู้รับมอบ คือ พระครูปลัดพิพัฒนวิริยาจารย์ (ณาณ ญาณชาโล) และมอบนโยบาย คือให้จัดกิจกรรมของคณะสงฆ์ขึ้น เมื่อท่านได้รับมอบพระแก้วขาวและนโยบายแล้ว ท่านก็ได้วางหลักเกณฑ์ให้คณะสงฆ์ทำกิจกรรมขึ้นเพื่อเป็นการสนองพระเดชพระคุณของเจ้าพระคุณสมเด็จพระมาหวีรวงศ์

    ดังนั้น จึงได้มีกิจกรรมของคณะสงฆ์ (ธรรมยุต) ของจังหวัดอุบลราชธานีขึ้นมา เพื่อได้คณะสงฆ์ได้ทำกิจกรรมร่วมกัน เช่นว่า
     
  9. ujae

    ujae เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2006
    โพสต์:
    208
    ค่าพลัง:
    +610
    พระพุทธปฏิมาแก้วผลึกใส

    [​IMG]

    พระแก้วเชียงแสน
    <DL><DD>แก้วผลึกใส ศิลปะแบบล้านนา ราวพุทธศตวรรษที่ 20 หน้าตักกว้างประมาณ 2.5 นิ้ว พระแก้วประจำรัชกาลที่ 4 <DD> </DD></DL>
    [​IMG]


    <DT>พระพุทธบุษยรัตนน้อย <DD>แก้วผลึกใส ศิลปะแบบล้านนา ราวพุทธศตวรรษที่ 19-20 หน้าตักกว้างประมาณ 4 นิ้ว พระแก้วประจำรัชกาลที่ 5 </DD>

    <DD>
    [​IMG]

    <DD>พระพุทธปฏิมาแก้วผลึก
    <DL><DD>แก้วผลึกสีขาวใสบริสุทธิ์ ใช้หินเขี้ยวหนุมาน นำมาแกะสลักและขัดให้ใส ศิลปะแบบเชียงแสน พุทธศักราช 2539 หน้าตักกว้าง 4 นิ้ว ฐานทำด้วยงาช้าง องค์พระพุทธรูป ทรงเครื่องศิราภรณ์ ทำด้วยทองคำบุเงินไว้ภายใน ทรงสังวาลนพเก้า เบื้องบนกั้นฉัตรสามกษัตริย์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เนื่องในมงคลวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงครองสิริราชสมบัติเป็นปีที่ 50 ณ ลานพระบรมราชานุสาวรีย์สองรัชกาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วันพฤหัสบดีที่ 11 กรกฎาคม พุทธศักราช 2539 </DD></DL>
    http://pioneer.netserv.chula.ac.th/~boonnart/crystal.html
    </DD>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 2 พฤษภาคม 2007
  10. ujae

    ujae เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2006
    โพสต์:
    208
    ค่าพลัง:
    +610
    ใครมีข้อมูลพระแก้วใส ที่ประดิษฐานที่อื่นๆอีก ช่วยนำมาลงด้วยนะครับ
    จะได้เป็นแหล่งข้อมูลเบื้องต้น

    หรือจะ update อะไรก็เชิญครับ (จะเห็นว่าประวัติบางองค์ บางตอนซ้ำกัน)
     
  11. วิมุติมรรค

    วิมุติมรรค เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    305
    ค่าพลัง:
    +1,754
    [​IMG]

    พระธรรมกายชัยมงคล
    ประดิษฐานที่ อุโบสถวัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม
    อ.ดำเนินสะดวก
    จ.ราชบุรี



    พระพุทธปฏิมาจำลองธรรมกาย ปางสมาธิ ประทับนั่งขัดสมาธิราบบนองค์ฌาน ทรงจีวรพลิ้ว สำเร็จด้วยหินผลึกขาวใส (จุยเจีย /Rock Crystal ) จากเมืองอมริตสา ประเทศอินเดีย ขนาดหน้าตัก ๑๖ นิ้ว (๔๐ เซนติเมตร) แกะโดยช่างศิลป์ชาวอินเดียฮินดู ที่เมือง Jaipur ประเทศอินเดีย

    หลวงพ่อพระภาวนาวิสุทธิคุณ(เสริมชัย ชยมังคโล) เป็นผู้ออกแบบและควบคุมการก่อสร้าง โดยใช้ระยะเวลา ๖ เดือน จึงสำเร็จ ได้นำมาประเทศไทยเมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๓๓ นายปิยะบุตร และนางสุจินตนา ชลวิจารณ์ อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารสหธนาคาร จำกัด (มหาชน) เป็นเจ้าภาพสร้างถวาย เป็นมูลค่า ๔๕๐,๐๐๐ บาท

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 มกราคม 2010

แชร์หน้านี้

Loading...