พระพุทธเจ้า, ผู้ประกาศศักยภาพมนุษย์

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย pornchokchai, 23 ธันวาคม 2008.

  1. pornchokchai

    pornchokchai สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    51
    ค่าพลัง:
    +13
    พระพุทธเจ้า, ผู้ประกาศศักยภาพมนุษย์
    .
    .
    ภาพการบำเพ็ญตนของพระพุทธเจ้าหลังการศึกษาจากทุกสำนัก
    ก่อนการปล่อยวางจนตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า
    http://www.kammatthana.com/Picture_034.jpg
    [​IMG]
    .
    .
    ดร.โสภณ พรโชคชัย (sopon@thaiappraisal.org)
    .
    .
    พระพุทธเจ้าเป็นมนุษย์คนหนึ่งที่ไม่ได้อวตาร หรือถูกสวรรค์ส่งมายังโลกนี้ นี่คือความจริงที่ไม่อาจบิดเบือน แต่ในภายหลังพระพุทธเจ้ากลับถูกยกฐานะให้แปลกแยกไปจากความเป็นมนุษย์ พระพุทธเจ้าในฐานะที่เป็นมนุษย์สามารถบรรลุธรรมสูงสุดได้ มนุษย์คนอื่น ๆ ก็สามารถถือพระพุทธเจ้าเป็นแบบอย่างในการบรรลุธรรมได้เช่นกัน
    .
    ผมเขียนข้อคิดต่างนี้จากการอ่านหนังสือ คือเมฆสีขาว ทางก้าวเก่าแก่ วรรณกรรมพุทธประวัติในทัศนะใหม่ ที่แปลมาจากหนังสือ Old Path White Clouds: Walking in the Footsteps of the Buddha ซึ่งเป็นหนังสือพุทธประวัติที่เขียนโดยภิกษุ ติช นัท ฮันห์ และได้รับการถ่ายทอดเป็นภาษาไทยโดย คุณรสนา โตสิตระกูล และคุณสันติสุข โสภณสิริ จัดพิมพ์โดยมูลนิธิโกมลคีมทอง
    .
    .
    ฝึกฝนเพื่อเป็นพระพุทธเจ้า
    .
    มนุษย์ผู้กลายเป็นศาสดานี้ ศึกษาจนรอบรู้ทั้งศาสตร์และศิลปอย่างกว้างขวางลึกซึ้ง สมัยที่ยังเป็นเด็กนั้นศึกษาจนเก่งคณิตศาสตร์อย่างหาใครเทียบไม่ได้ มีความตั้งใจเรียนด้านภาษาและประวัติศาสตร์ อีกทั้งยังฝึกฝนกีฬาจนชนะเลิศในการแข่งขันทุกประเภท ทั้งยิงธนู ฟันดาบ ขี่ม้า และยกน้ำหนัก พระพุทธเจ้าพยายามอย่างยิ่งยวดในการแสวงหาความรู้ในทุกด้าน
    .
    ก่อนตรัสรู้ พระพุทธเจ้ายังศึกษาคัมภีร์ศาสนาอื่นจนหมดสิ้น น้อมใจเป็นศิษย์ในหลายสำนักโดยพำนักแห่งละ 3 เดือนบ้าง 6 เดือนบ้าง จนพลังภาวนาและพลังสมาธิแก่กล้ายิ่งขึ้น แต่ก็ยังไม่สามารถค้นพบสัจธรรมที่แท้จริงได้ในช่วงแรก นี่แสดงชัดว่าผู้ที่จะบรรลุธรรมได้ต้องศึกษาอย่างจริงจังต่อเนื่องจนรอบรู้และรู้แจ้ง เพื่อนำความรู้มาสังเคราะห์ด้วยตนเองในที่สุด
    .
    ความจริงข้อนี้ชี้ให้เห็นว่า ลำพังการบำเพ็ญเพียรในที่ลับตาคน หรือการยึดถือแต่คัมภีร์ ไม่ใช่หนทาง (เดียว) ที่จะบรรลุธรรมได้ หากต้องมีความรอบรู้อย่างยิ่งยอดในความเป็นจริงที่เอนกอนันต์ของชีวิต
    .
    .
    ผู้ตื่นรู้จากความเชื่อเดิม
    .
    พระพุทธเจ้าหมายถึงบุคคลผู้ตื่น และมีความรู้แจ้งว่าทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเปลี่ยนแปลง ความเป็นเอกภาพของสรรพสิ่งมีทั้งความเกื้อหนุน ความขัดแย้งและความสัมพันธ์ต่อกันและกัน พระพุทธเจ้าบรรลุถึงหนทางไปสู่การดับทุกข์ในระดับต่างๆ ตามศักยภาพของมนุษย์แต่ละคน พระพุทธเจ้าสอนว่าบุคคลไม่สามารถข้ามพ้นจากอวิชชาโดยการสวดอ้อนวอนและยัญบูชาอย่างงมงาย และไม่อาจกำจัดความโกรธความกลัวได้ด้วยการเก็บกดความรู้สึก ต้องใช้ปัญญาให้เกิดการรู้จริงถึงต้นเหตุปัญหา
    .
    พระพุทธเจ้ายังกล่าวว่า คำสอนเป็นวิธีการเพื่อบรรลุความจริง แต่มิใช่เป็นตัวความจริงเอง เป็นมรรควิธีแห่งการปฏิบัติ มิใช่เป็นคัมภีร์หรืออะไรที่มีไว้สำหรับยึดถือหรือบูชา ดังนั้น ใครก็ตามแม้อ่านและจำพระไตรปิฎกได้ทั้งหมด แต่ไม่ปฏิบัติ ก็ไม่อาจรู้แจ้ง คำสอนของพระพุทธเจ้านั้นไม่ใช่สิ่งลี้ลับยากเย็น เพราะแม้แต่เด็ก ๆ วรรณะจัณฑาลผู้ไม่มีการศึกษา ก็ยังฟังเข้าใจ
    .
    พระพุทธเจ้าเน้นความเป็นวิทยาศาสตร์โดยกล่าวว่า หากการหมายรู้ของบุคคลถูกต้องแม่นยำ (ด้วยการใช้ข้อมูล ความรู้ และปัญญา) ความจริงก็จะปรากฏ พระพุทธเจ้าสอนให้เชื่อและยอมรับสิ่งที่สอดคล้องกับมโนธรรมสำนึก สิ่งที่บัณฑิตผู้มีคุณธรรมและปัญญายอมรับและสนับสนุน และสิ่งที่เมื่อปฏิบัติแล้วสามารถยังประโยชน์และความสุขแก่ทุกฝ่าย คำสอนของพระพุทธเจ้าไม่อิงกับศรัทธาความเชื่อที่ห้ามโต้แย้ง พระพุทธเจ้า สอนให้เคารพเสรีภาพทางความคิดอย่างแท้จริง
    .
    .
    ความเป็นมนุษย์ของพระพุทธเจ้า
    .
    พระพุทธเจ้าก็มีความรู้สึกส่วนบุคคลเหมือนคนทั่วไป เช่น โปรดประทับภาวนาในป่าประดู่ลาย เคยดุว่าพระราหุล หรือรู้สึกสลดในยามที่ภิกษุกลุ่มหนึ่งไม่ใส่ใจรับฟังคำชี้แนะ พระอรหันต์ เช่น พระสารีบุตรก็รู้สึกสลดนับแต่พระโมคคัลลานะถูกฆาตกรรม จึงเก็บตัวอยู่แต่ในกุฏิ จนพระพุทธเจ้าไปเยี่ยมปลอบใจ เป็นต้น
    .
    ในด้านศิลป พระพุทธเจ้าเป่าขลุ่ยได้ ชื่นชมสิ่งอันสุนทรีย์โดยไม่ถูกครอบงำด้วยความสวยงามหรือความน่าเกลียด นอกจากนี้ ยังเคยฝึกเลียนเสียงช้างจนเหมือน ครั้งหนึ่งในยามคับขันเมื่อช้างดุร้ายเชือกหนึ่งวิ่งตรงเข้ามา พระพุทธเจ้าเปล่งเสียงช้างออกมาดังสะท้านจนช้างเชือกนั้นหยุดชะงักทันที แต่เรื่องนี้ เราก็อาจตีความเป็น
     

แชร์หน้านี้

Loading...