พระสมเด็จวัดระฆังทำไม่หายาก

ในห้อง 'วิธีดูพระเครื่อง-เครื่องรางของขลัง' ตั้งกระทู้โดย นาก บางกอก, 1 ธันวาคม 2012.

  1. นาก บางกอก

    นาก บางกอก Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    19
    ค่าพลัง:
    +30
    พระสมเด็จวัดระฆัง และ พระสมเด็จบางขุนพรหม กรุเก่า กรุใหม่ ที่เขาว่าเล่นยาก จริงหรือ ? จริงครับ แต่ที่ว่าจริงไม่ใช่เพราะพระดูยาก แต่หากเป็นเพราะหาของจริงดูไม่ได้ครับ หรือหาดูได้ยากมาก ทำไม่ถึงว่าหายาก ก็ลองคิดดูครับ ขนาด พระสมเด็จบางขุนพรหม ปี 09 หรือ พระสมเด็จวัดระฆัง 100 ปี 108 ปี แม้กระทั้ง 118 ปี ก็ใช่ว่าจะฟลุกได้กันง่ายๆ แล้วจะพูดถึงพระสมเด็จยุคสมเด็
    จพระพุฒาจารย์(โต)พรหมรังสี แล้ว ผู้ที่มีใว้ครอบครองมีจำนวนไม่ถึง 5000 คน (รวมสมเด็จบางขุนพรหม ส่วน พระสมเด็จวัดระฆังน่าจะมีไม่ถึง 500 องค์ ทั้งที่ปรากฏและไม่ปรากฏ) ในจำนวนประชากรของคนทั้งประเทศที่มีอยู่ประมาณ 60 ล้านคน มีไม่กี่คนจะได้ครอบครอง จากหลักฐานการเปิดกรุอย่างเป็นทางการที่วัดใหม่อตมรส(บางขุนพรหม) เมื่อปี 2500 พบพระพิมพิ์เหลืออยู่ไม่ถึง 3000 องค์ ส่วนที่เหลือแตกหัก (ทางวัดนำส่วนที่แตกหักนี้มาสร้างพระปี 09 ) จำนวน ไม่ถึง 3000 องค์นี้ ถ้าประมาณรวมกับพระกรุเก่าทั้งพระทีถูกขุดขโมยไปก่อนหน้านี้(ตกพระ) ทั้งที่ปรากฏอยู่ในวงการและไม่ปรากฏ รวมแล้วน่าจะมีอยู่ประมาณ 6000 ถึง 7000 องค์ที่อยู่ในความครอมครองของมนุยษ์ทั้งที่รู้และไม่รู้ก็ตาม (คือไม่สูนย์หายหรืออยู่ในน้ำในดินกับปลากับรากไม้นั้นเองครับ) ส่วนพระสมเด็จวัดระฆัง ไม่น่าสร้างถึง 84000 องค์ เหมือนสมเด็จบางขุนพรหม เพราะ..! พระที่มีปรากฏให้เห็นนั้นแต่ละองค์มีมวลสารไม่เท่ากันและหลายวรรณะ สีเข็มบ้างอ่อนบ้าง ซึ่งท่านทำแบบค่อยเป็นค่อยไปแบบส่วนตัว ซึ่งน่าจะไม่มากแต่ก็ไม่น้อย แต่เท่าที่มีให้เห็นกันอยู่เฉพาะในวงการ ตอน นี้ มีอยู่ไม่ถึง 200 องค์ ทีมีอยู่ และไม่ปรากฏน่าจะไม่เกิน 100 องค์ **คำถามแล้วหายไปไหนตั้งมากมาย*** สัณนิฐานว่าเมื่อครั้งเกิดอหิวาตักโรค (โรคห่า) ชาวบ้านมีความเชื่อว่าพระสมเด็จเอามาแซ้น้ำมนต์ดืมกินแล้วจะหายจากโรค (และก็หายรอดตายกันจริงๆพระสมเด็จวัดระฆังที่ผมเก็บรักษาใว้มีอยู่องค์หนึ่งปรากฏร่องลอยการขุดพระออกไปอย่างชัดเจนทางด้านข้าง )ด้วยเหตุการครังนั้นที่ผู้คนพากันหาพระสมเด็จวัดระฆังเอาออกมาทำยาทำน้ำมนต์เพื่อรักษาโรคกันมากมายและขาดการเก็บรักษาอย่างไม่รู้ค่าเท่าที่ควรจากเหตุการชุลมุนวุ้นวายต่างคนก็ต่างเอาตัวรอดขอให้หายจากโรคร้าย จึงเป็นเหตุให้พระสูนย์หายไปมาก และชาวบ้านยังมีความเชื่ออีกว่า พระสมเด็จนี้สามารถ เอามาทำ “ เสน่ ” ได้ โดยการขูดเนื้อพระสมเด็จให้เป็นผงผสมน้ำให้คนที่ตนรักชอบดืมจะทำให้เกิดความหลงใหล และขูดเอาทำยารักษาโรคต่างๆ นี้ก็เป็นเหตุหนึงที่ทำให้พระสมเด็จวัดระฆังสูนย์หายไปไม่น้อย แต่เมือเวลาต่อมาหลังจากนั้นสรรพคุณของพระสมเด็จได้เลื่องลือถึงความศักดิ์สิทธิ์ ต่างๆเหลานี้ จึงมีผู้ที่อยากเก็บรักษาอยากเอามาครอบครองบูชามากขึ้นเป็นพิเศษ แต่ก็กลับหายากเสียแล้ว สำหรับพระสมเด็จวัดระฆัง ที่แน่ๆเวลานี้ก็อยู่ในความครอบครองของผู้มีอันจะกินแล้วประมาณ 200 องค์ ส่วนที่อยู่นอกวงการไม่น่าจะเกิน 200 องค์เช่นกัน แต่เวลานี้เราไปไหน ที่ไหนๆก็เจอ ซึงมันเป็นไปไม่ได้ ยิ่งงานประกวดชื่อดังบางงานจัดประกวดกันทุกเดือนตัดสินออกมา ก็มีแต่ พระ แชมป์ หรือสวยแชมป์ ได้ที่หนึ่ง ที่สอง ลงหนังสือตนเองขายเองแชมป์เองสงสารก็แต่ผู้เช่าพระแชมป์จากงานนั้นหนังสือนั้น ครับผม ( นาก บางกอก)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 ธันวาคม 2012
  2. ae noi

    ae noi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    4,134
    ค่าพลัง:
    +1,880
    เป็นแง่คิดที่ดีอีกแแบครับ
     
  3. นาก บางกอก

    นาก บางกอก Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    19
    ค่าพลัง:
    +30
    ((ชาวสยาม กับ พระเครื่อง))
    แต่ก่อนนั้นชาวสยามมักมองพระเครื่องในฐานะของสูงเกินกว่าที่จะเก็บไว้ในครอบครอง เพราะเชื่อกันว่าพระเครื่องจะ ต้องอยู่ที่วัดในพระเจดีย์เท่านั้น ถึอเป็นสิ่งสูงเกินชาวบ้านทั่วไปจะเก็บติดตัว
    บ้านเรือนไทยสมัยก่อนไม่มีห้องพระอย่างสมัยนี้ อยากไหว้พระก็ไปที่วัดข้างบ้านที่มีอยู่ทั่วไปทุกหมู่บ้าน
    คนไทยพกติดตัวก็แต่เครื่องรางของขลัง เช่น ตะกรุด เบี้ยแก้ เสื้อย
    ันต์ ผ้ายันต์ ต่างๆ เป็นของสร้างตามแบบไสยศาสตร์ ตามคัมภีร์อาถรรพณ์เวทย์ของศาสนาพราหมณ์ ถือเป็นของต่ำกว่าพระเครื่องหรือพระพุทธรูป จึงใช้ติดตัวได้
    อีกประการหนึ่ง สมเด็จโตคงมองเห็นอนาคตของประเทศไทยไว้แล้ว ว่าจะปราศจากศึกสงครามและมีบทบาททางค้าขาย ท่านจึงได้บรรจุพุทธคุณแห่งความเมตตาและปกป้องรักษาดุจกำแพงแก้วสำหรับเป็นหน้าต่าง (บัญชร) แห่งพุทธศาสนาไว้ในผงวิเศษทั้ง 5 และคาถาชินบัญชร
    หลังจากท่านมรณภาพไม่นาน ประเทศไทยเริ่มมีการติดต่อค้าขายกับต่างประเทศในสมัยรัชกาลที่ 5 และไม่มีศึกมากระทบจากประเทศเพื่อนบ้านอีก เนื่องจากต่างตกเป็นเมืองขึ้นของชาติตะวันตก จะมีก็แต่มารุกรานเพื่อจะแย่งดินแดนของประเทศตะวันตกเหล่านั้น
    ทางออกของประเทศไทยไม่ใช่ทำสงครามกับชาติที่อาวุธยุทโธปกรณ์เหนือกว่าอย่างชาติตะวันตก ต้องใช้การทูตและการเจรจาเท่านั้น จึงจะพาประเทศไปรอดได้
    นับว่าพระสมเด็จเป็นของขวัญที่สมเด็จโตมอบให้คนไทย ในมุมมองใหม่เกี่ยวกับการใช้บูชาพระเครื่องและอาศัยพุทธคุณปกป้องรักษามากกว่าใช้คุณไสยเครื่องรางของขลัง
    ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่คนไทยสมัยนั้นจะให้ความนิยมกับพระเครื่องที่แปลกทั้งรูปแบบและศิลปะการสร้าง ความต้องการพระเครื่องของคนทำให้เกิดการสร้างพระเนื้อผงพิมพ์สมเด็จ ในรูปแบบสี่เหลี่ยมด้านไม่เท่าและมีองค์พระปฏิมาประทับบนบัลลังก์ 3 ชั้น อย่างเรียบง่ายและเส้นสายน้อยมาก ชาวบ้านทั่วไปเริ่มมีส่วนในการสร้างแม่พิมพ์แบบพระสมเด็จมาให้เกจิอาจารย์ที่นับถือสร้างพระให้ พระพิมพ์สมเด็จจึงได้รับการแพร่หลายออกไปเป็นวงกว้างจากศูนย์กลางของวัดระฆังออกไปรอบนอก
    ตัวอย่างของความนิยมได้แก่เสมียนตราด้วง เมื่อต้องการสร้างพระเครื่องจำนวน 84,000 องค์เท่าพระธรรมขันธ์ ยังเลือกจะสร้างพระเนื้อผงพิมพ์พระสมเด็จ ถึงกับไปอาราธนาสมเด็จโตมาเป็นประธานในการสร้าง และขอผงวิเศษของท่านมาผสมในพระสมเด็จบางขุนพรหม บรรจุไว้ในเจดีย์ใหญ่ประจำตระกูลที่วัดใหม่อมตรส
    ในสมัยสมเด็จโตยังมีชีวิต ต่อเนื่องไปจนหลังท่านมรณภาพแล้ว มีเหตุการณ์สำคัญของบ้านเมือง เช่น ห่าปีระกาเมื่อปี 2416 กับการรบกับฝรั่งเศสเมื่อ (พ.ศ. 2437) ทำให้เกิดความนิยมพระสมเด็จอย่างมากมายมาจนปัจจุบัณ มีการสร้างพระสมเด็จอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ค่านิยม บางองค์ หลายร้อยล้านบาทเลยที่เดียว ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อครับ เพราะเป็นไปแล้ว ( นาก บางกอก)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  4. นาก บางกอก

    นาก บางกอก Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    19
    ค่าพลัง:
    +30
    ชมรมอนุรักษ์ผงสมเด็จ ( นาก บางกอก )
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  5. นาก บางกอก

    นาก บางกอก Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    19
    ค่าพลัง:
    +30
    ขอขอคุณทุกท่านครับทีแวะเข้ามาอ่าน อาจจะได้ความรู้บ้างไม่มากก็น้อยครับ ผมก็คนชอบอ่านเหมื่อนทุกๆท่าน หลายกระทู้ในเวปนี้ดีมากครับให้ความรู้ดีมาก ขอให้กำลังใจเพื่อนๆที่ตั้งกระทู้ดีๆครับ บางท่านตั้งกระทู้ไม่เป็นก็ได้อ่านและออกความเห็นอย่างเดียวก็ดีครับ แต่อย่ากให้คิดสักนิดครับว่าจะเป็นประโยชต่อเพื่อนๆหรือไม่แค่ไหนร่วมไปถึงการมีมารยาททางสังคมด้วยครับ ..ผมคิดว่าข้อความนี้เป็นประโยชครับ แต่หรือท่านใดอ่านแล้วดูไม่สุภาพ ยินดีครับ ลบทิ้งได้เลยครับผม...(นาก บางกอก)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 ธันวาคม 2012
  6. นาก บางกอก

    นาก บางกอก Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    19
    ค่าพลัง:
    +30
    ((จริงหรือกับคำยอดฮิต ว่า พระเขาแท้พระเราเก้หมด))
    จริงครับ..แต่ไม่เสมอไป ในกรณีที่เราจะนำพระไปปล่อยเราดันไปเจอเซียนที่มีเซี้ยนตำตาอยู่ นั่นหมายความว่าเขาดูไม่ขาด เขาจึงไม่กล้าชื้อ แต่ก็ไม่บอกว่าดูไม่ขาด เพระเดี๋ยวจะเสียฟรอม เลยบอกว่าพระเก้ แต่ก็ไม่ทุกคน ส่วนมากเขาจะบอกว่า ไม่ชอบผิดพิมพิ์ ขอบคุณครับ (ท่านที่เคยนำพระไปแห่ตามห้างคงเจอคำนี้บ่อยๆ) แต่..เขาไม่ได้หมายความว่าพระเราจะเก้(แต่ถ้าองค์ไหนอยู่ก
    ับใครก็แท้หมดนี้สิเป็นเรื่องแปลกครับ) แต่เป็นเพราะรุ่นนี้เขาไม่นิยมไม่เล่น รวมถึงพระสมเด็จก็เช่นกัน เก่าจริงแท้จริง แต่เป็นบล๊อกทีวงการยังไม่นิยม เขาชื้อไปก็็จมขายยาก เขาเล่นเป็นธุรกิจ เขาเป็นพ่อค้า(ซะส่วนมาก)ที่เล่นเก็บจริงๆมีไม่กี่คน อันนี้หมายถึงเซียนตามตู้ตามห้างต่างๆ ถ้าเราจะนิยมตามวงการเล่นตามวงการแบบซื้อขายก็ต้องตามเขาไปเขากำหนดราคา กำหนดรุ่นนี้รุ่นนั้น ยกตัวอย่างนะครับ เช่นพระเครื่องของ.หลวงพ่อคูณ. มีมากมายหลายต่อหลายรุ่น แต่..เล่นเป็นราคากันไม่กี่รุ่น ไม่ใช่เราเอาเหรีญรุ่นไหนก็ได้เดินเข้าไปขายเขาและบอกว่าจะขายเหรียญละแสนสองแสน เซียนก็คงทำหน้างง เราก็บอกว่านี่ไงพระหลวงพ่อคูณของแท้ปู่ได้รับมาจากมือหลวงพ่อ..ครับแท้ แต่รุ่นนี้บล๊อกนี้วงการเขาไม่เล่น เช่นเดียวกับพระสมเด็จครับ แต่จำเป็นแค่ไหนที่เราจะเล่นตามวงการเสมอไป คราวนี้ต้องถามตัวเองแล้วครับว่า เราจะมีพระติดตัวเพราะศัทธา..หรือเพราะวงการเขาให้ราคา...ส่วนตัวผมเองเล่นทั้งที่วงการนิยม และเล่นตามที่ตัวเองนิยมและศัทธาครับ ก่อนอื่นเราต้องยอมรับว่าพระที่เราจะเล่นแบบชื้อขายนั้น ที่เรามีี่ เราจะนำไปขายนั้น...เป็นแบบที่วงการเขาเล่นหากันหรือไม่ ...ถ้าเจ้าของพระเข้าใจและไม่เจอเซียนที่มีเซี้ยนอยู่ในตา คำว่าพระเขาแท้พระเราเก้หมด..คงจะค่อยๆน้อยลงในวงการพระเป็นแน่.....( นาก บางกอก)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  7. ae noi

    ae noi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    4,134
    ค่าพลัง:
    +1,880
    ได้แง่คิดดีครับ
     
  8. nyarth

    nyarth Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    178
    ค่าพลัง:
    +59
    มาขอ ความรู้เพิ่มด้วยคนครับ
     
  9. ไปกับพระ

    ไปกับพระ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +3
  10. nyarth

    nyarth Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    178
    ค่าพลัง:
    +59
    ดีมากเลยครับ ว่าแต่ พี่ท่านเข้าเฟสบุ๊ค อย่าลืมรับแอดผมนะ
    ผมแอดไป ชมรมอนุรักษ์ผงสมเด็จ นาก บางกอก ขอเข้าไปดูพระดีๆ ศึกษาเพิ่มครับ ผมชอบพระเหรียญ เพราะยังไม่กล้า เข้าพระสมเด็จท่าน แต่ก็พยายามศึกษาเรื่อยๆ ผสมกันไป
     

แชร์หน้านี้

Loading...