พระสัทธรรมเทศนา

นะโมตัสสะภะคะวะโตอะระหะโตสัมมาสัมพุทธัสสะ
นะโมตัสสะภะคะวะโตอะระหะโตสัมมาสัมพุทธัสสะ
นะโมตัสสะภะคะวะโตอะระหะโตสัมมาสัมพุทธัสสะ

จิตเตสังกิลิฐเฐทุคติปฏิกังขา จิตเตปาริสุทเธสุคติปติกังขาตีติ

ณ บัดนี้ข้า พเจ้าจะขอแสดงพระสัทธรรมเทศนาเนื่องในวันสำคัญ ในเรื่องของการดับจิตของแต่ละบุคคล อันว่าชีวิตินทรีย์นี้ย่อมไม่เที่ยง เป็นทุกข์มีวันดับ ขันธ์ ที่เรียกว่า ขันธ์ห้า แปลว่ากองทั้ง 5 ตามจริงแล้ว เราไม่เห็นว่าสังขารไม่เที่ยง เพราะสันตติสืบเนื่องมาบดบังเอาไว้จึงไม่เห็นความเป็นไปของสังขาร ว่ามันค่อยๆเปลี่ยน จากเด็กก็หนุ่มจากหนุ่มก็แก่ แต่เราไม่เห็นเพราะความสืบเนื่องคือสันตติบดบังอยู่ รูปเวทนาสัญญาสังขารวิญญาญ ที่บรรดานักธรรมเรียกกันว่าขันธ์ 5 นี้ มันเป็นของไม่เทียง ตามกฏของไตรลักษณะสามคือ ทุกขังอนิจจังอนัตตา ไม่เที่ยงเป็นทุกข์ไม่ใช่ตัวใช่ตนของเรา มันเกิดขึ้นในเบื้องต้น แก่ลงในท่ามกลาง สลายไปในที่สุด สรุปแล้วก็ไม่ควรเมาในชีวิตว่าเราจะเป็นผู้ไม่ตาย พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่าอัปมาเทนะสัมปาเทถะ ท่านทั้งหลายจงถึงพร้อมซึ่งความไม่ประมาท เพราะว่าการมีชีวิตเกิดขึ้นมาก็เป็นของยาก การทรงชีวิตอยู่ก็ยาก การพบพระพุทธเจ้าก็ยากหรือการเกิดของพระพุทะเจ้าก็เป็นของยาก เกิดมาแล้ว จะได้ฟังพระสัทธรรมเทศนาก็ยาก ไม่ง่าย ทั้งนี้เพราะว่า สิ่งทั้งหลายที่ถือว่ายาก ท่านทั้งหลายได้หมดแล้ว เราจะประมาทกันทำไม มาเริ่มปฏิบัติดีกว่า อันดับแรก ให้ทรงอานาปานุสติ พระกรรมฐาน การระลึกรู้ลมหายใจเข้าออก ถามว่าทำเวลาไหนท่านไม่ต้องเลือกเวลา ทำทุกอิริยาบท ผลจะปรากฏเอง อานาปานาแปลว่าลมหายใจเข้าหานใจออก นุสติแปลว่าตามระลึกถึง ถ้าท่านนึกถึงลมหายใจเข้าออกเป็นปกติสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือจิตที่เป็นกุศล เวลาที่ท่านตายจะมีสุคติเสวยสุขสมบัติตามใจประสงค์ ขอยุติไว้แต่เพียงเท่านี้ เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้