พระเทพวิสุทธิเมธี วัดระฆังโฆสิตาราม

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 28 ตุลาคม 2007.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,446
    ค่าพลัง:
    +141,949
    วันที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2550 ปีที่ 17 ฉบับที่ 6177 ข่าวสดรายวัน


    พระเทพวิสุทธิเมธี วัดระฆังโฆสิตาราม


    คอลัมน์ มงคลข่าวสด



    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>กล่าวถึงชื่อ "วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร" หลายคนนึกถึงนามแห่งสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) พระอริยสงฆ์เรืองวิทยาคม อดีตเจ้าอาวาสวัดระฆังโฆสิตาราม และวัตถุมงคล "พระสมเด็จวัดระฆัง" ที่ได้รับการยกย่องให้เป็น 1 ใน 5 พระชุดเบญจภาคี

    ทำให้ชื่อเสียงของวัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร โด่งดังไปทั่วสารทิศ

    กาลเวลาล่วงเลยมาจนถึงทุกวันนี้ ศรัทธาจากสาธุชนที่มีต่อวัดระฆังฯ ยังมิได้ลดลงแต่ประการใด ด้วยวัดระฆังฯ ได้ปรากฏนาม "พระเทพวิสุทธิเมธี" (เที่ยง อคฺคธมฺโม) เจ้าอารามผู้ครองวัดรูปปัจจุบัน พระเถระชั้นผู้ใหญ่ที่ได้รับความเลื่อมใสศรัทธา

    อาจกล่าวได้ว่าท่านเป็นพระนักปราชญ์ พระนักเทศน์ และพระนักพัฒนา รวมทั้งมีหน้าที่รับผิดชอบดูแลกิจการคณะสงฆ์ในพื้นที่เขตปกครองเขตอีสานตอนล่าง 4 จังหวัด ประกอบด้วย นครราชสีมา บุรีรัมย์ ชัยภูมิ และสุรินทร์

    ปัจจุบันพระเทพวิสุทธิเมธี สิริอายุ 72 พรรษา 49 ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะภาค 11 และเจ้าอาวาสวัดระฆังโฆสิตาราม วรมหาวิหาร แขวงศิริราช เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ

    อัตโนประวัติ มีนามเดิมว่า เที่ยง ชูกระโทก เกิดเมื่อวันที่ 16 เมษายน 2478 ที่บ้านดอนชมพู ต.บิง อ.โนนสูง จ.นครราชสีมา โยมบิดา-มารดา ชื่อ นายโปย และนางสี ชูกระโทก

    ในวัยเยาว์เป็นเด็กที่ซุกซนเที่ยวเล่นสนุกสนานไปวันๆ จบการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่โรงเรียนประชาบาลวัดดอนชมพู

    แม้จะมีนิสัยเกเรตามประสาเด็กวัยรุ่นเลือดร้อน แต่อีกด้านหนึ่งด้วยมีจิตใจใฝ่ธรรม จึงให้ความสนใจในพระพุทธศาสนา จึงได้มาบวชเป็นสามเณร ที่วัดสมอราย ต.หนองจะบก อ.เมือง จ.นครราชสีมา โดยมีพระครูพรหมวิหารี เป็นพระอุปัชฌาย์

    อย่างไรก็ดี ถึงแม้จะบวชเป็นสามเณรแล้วก็ตาม แต่ท่านก็ยังมิได้ละทิ้งอุปนิสัยความเป็นเลือดนักสู้ เวลามีคนมาข่มเหงรังแกท่านมักจะต่อสู้อย่างไม่หวาดหวั่นพรั่นพรึง แต่ด้วยความที่มีร่างกายเป็นคนตัวเล็กมักจะเอาชนะคู่ต่อสู้ไม่ได้

    กระทั่งเจ้าอารามวัดสมอรายเห็นท่าไม่ดี เกรงว่าสามเณรเที่ยงจะไม่เอาดีทางด้านการศึกษาธรรม จึงตัดสินใจนำตัวส่งไปฝากเรียนที่วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร กรุงเทพฯ

    แม้จะได้มีโอกาสมาศึกษาพระปริยัติธรรมถึงเมืองหลวง แต่มิได้ทำให้ความเลือดร้อนตามประสาวัยหนุ่มลดน้อยลงแต่อย่างใด

    กระทั่งวันหนึ่งได้มีโอกาสท่องคาถาชินบัญชร เกิดความปีติสุขจิตใจเป็นสมาธิยิ่ง จนมีคนมาบอกเล่าให้ฟังว่าผู้ใดได้สวดภาวนาพระคาถาชินบัญชรนี้เป็นประจำอยู่สม่ำเสมอ จะทำให้เกิดความเป็นสิริมงคลสมบูรณ์พูนผล ศัตรูหมู่พาลไม่กลํ้ากราย ไม่ว่าจะไปทางใดย่อมเกิดเมตตามหานิยม

    สามเณรเที่ยงจึงขอตั้งจิตอธิษฐานจะขอท่องคาถาชินบัญชรให้สำเร็จทุกถ้วนความ หากทำได้จะขอเลิกความใจร้อน จะตั้งใจเรียนศึกษาพระปริยัติธรรมอย่างจริงจัง เพื่อตอบแทนพระคุณบุพการีและสืบทอดพระพุทธศาสนาตลอดไป

    ตั้งแต่นั้นมาสามเณรเที่ยงได้มุ่งมั่นศึกษาพระปริยัติธรรม สามารถสอบได้นักธรรมชั้นตรี-โท-เอก ตามลำดับ

    เมื่ออายุครบบวชได้เข้าพิธีบรรพชาอุปสมบทเป็นพระภิกษุ เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2501 ณ วัดบ้านดอนชมพู ต.บิง อ.โนนสูง จ.นครราชสีมา โดยมีพระครูพินิจยติกรรม วัดใหม่สุนทร อ.โนนสูง จ.นครราชสีมา เป็นพระอุปัชฌาย์

    ในช่วงนั้นได้กลับไปอยู่จำพรรษาที่วัดบ้านเกิดเป็นเวลา 2 ปี กระทั่งได้กลับมาที่วัดระฆังฯ เพื่อศึกษาบาลี

    พ.ศ.2514 สามารถสอบได้เปรียญธรรม 9 ประโยค ต่อมาได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดระฆังโฆสิตาราม

    ท่านได้สร้างผลงานเป็นคุณูปการมากมายหลากหลายด้าน ทั้งด้านงานปกครองคณะสงฆ์ การศึกษาพระปริยัติธรรม การสาธารณประโยชน์ ด้านการพัฒนา และอื่นๆ อีกมากมาย

    ลำดับงานปกครองคณะสงฆ์ พ.ศ.2507 เป็นเลขานุการเจ้าสำนักเรียนวัดระฆังโฆสิตาราม พ.ศ.2515 เป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดระฆังโฆสิตาราม พ.ศ.2517 เป็นรองเจ้าคณะภาค 11

    พ.ศ.2519 เป็นพระอุปัชฌาย์ พ.ศ.2536 เป็นเจ้าคณะภาค 11 พ.ศ.2547 เป็นผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดระฆังโฆสิตาราม

    พ.ศ.2550 ได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดระฆังโฆสิตาราม

    ลำดับสมณศักดิ์ พ.ศ.2516 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นราชาคณะชั้นสามัญที่ พระศรีวิสุทธิโสภณ

    พ.ศ.2526 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นราชที่ พระราชวิสุทธิเวที

    พ.ศ.2538 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นเทพที่ พระเทพวิสุทธิเมธี

    เจ้าคุณเที่ยงมีความสามารถในการเขียนกวีธรรมสาธกหรือกลอนธรรมะจำนวนมากมาย อาทิ บทกลอนเพื่อชีวิต ทำดีเริ่มต้นที่ตนก่อน

    "จบดอกไม้ธูปเทียนเหนือเศียรเกล้า

    นั่งคุกเข่าเทพนมบังคมสาส์น

    บูชาพระไตรรัตน์ชัชวาล

    สวดตำนานมนตราพุทธาคม

    หาที่พึ่งทางใจอันใหญ่หลวง

    ปลดเปลื้องบ่วงความรักกามหมักหมม

    เจริญจิตภาวนาฝึกอารมณ์

    ห่างระทมขมขื่นชื่นอุรา"

    เจ้าคุณเที่ยงนอกจากเป็นพระนักปกครองแล้ว ยังเป็นพระเกจิอาจารย์ชื่อดังแห่งวัดระฆังฯ มักได้รับนิมนต์ให้ร่วมพิธีพุทธาภิเษกและอธิษฐานจิตปลุกเสกวัตถุมงคลชื่อดังอยู่เป็นประจำ

    เนื่องจากพื้นเพของท่านเป็นชาวโคราช พระของท่านส่วนมากได้ถูกนำไปแจกให้กับลูกศิษย์ลูกหาทางภาคอีสานเป็นส่วนใหญ่

    เกียรติคุณด้านมงคลปูชนียวัตถุที่สร้างชื่อให้กับเจ้าคุณเที่ยง คือ พระสมเด็จเนื้อดินและปิดตาเนื้อดิน สร้างจากเนื้อดินหุ่นหรือดินไทย ที่เหลือจากพิธีการสร้างหล่อรูปเหมือนสมเด็จโต จึงนำดินนั้นมาสร้างเป็นพระเครื่องเนื้อดินมีลักษณะสีดำเกรียม เมื่อปี พ.ศ.2500

    เจ้าคุณเที่ยงมีหลักธรรมคำสอนง่าย ด้วยการใช้เมตตาธรรมในการอบรมสั่งสอนลูกศิษย์และประชาชน ให้เน้นความสำคัญของพระพุทธศาสนาที่มีคุณค่าใหญ่หลวงแก่ประเทศชาติบ้านเมืองที่สามารถดำรงสืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน

    "การสวดมนต์ไหว้พระ ระลึกถึงพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ ทำให้จิตใจเกิดความสงบ เมื่อเกิดความสงบแล้ว สมาธิและปัญญาจะเกิดตามมา คนเราขอเพียงมีสมาธิและปัญญาการทำงานให้สำเร็จย่อมไม่ใช่เรื่องยาก"

    ทุกวันนี้ "พระเทพวิสุทธิเมธี" หรือเจ้าคุณเที่ยง ในวัย 72 ปี ยังคงมุ่งมั่นปฏิบัติศาสนกิจอย่างเต็มกำลังความสามารถ โดยมิรู้เหน็ดเหนื่อย

    http://www.matichon.co.th/khaosod/v...ionid=TURNd01RPT0=&day=TWpBd055MHhNQzB5T0E9PQ==
     
  2. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,444
    เคยได้ไปกราบท่าน ท่านเป็นพระที่มีเมตตามากไม่เคยถือยศศักดิ์แบบพระบางรูปท่านมักสอนให้คนบำเพ็ญความดีก่อน ที่จะไปขอบารมีพระเบื้องบน โมทนาสาธุครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...