พระเทวราชโพธิสัตว์จตุคามรามเทพรุ่นพุทธามหาเวทย์รุ่นดีของท่านขุนพันธ์ที่ถูกลืม

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย joni_buddhist, 28 พฤศจิกายน 2007.

  1. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,444
    วัตถุมงคลทรงคุณค่า พุทธามหาเวท
    วัดศาลาไพ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช



    พ่อท่านปรมาจารย์ เอียดดำ <TABLE height=139 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=168 align=center border=0><TBODY><TR><TD width=168 height=139>
    [​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    เมื่อหลายปีก่อนผู้เขียนได้เคยสอบถามคุณตาพันธ์ว่า นอกจากสำนักเขาอ้อจ.พัทลุง แล้วในจ.นครศรีธรรมราชซึ่งในยุค
    ก่อนก็นับว่ามีพระเกจิอาจารย์แก่กล้าวิชาอาคมอยู่มากมาย คุณตาได้ศึกษาร่ำเรียนไสยเวทจากท่านผู้ใดบ้างไหม คุณตาตอบโดย
    ไม่ต้องคิดว่าในยุคปี 2480 นั้นท่านมีอาจารย์อยู่สองเอียดที่ถ่ายทอดสรรพวิชาอาคมให้เอียดหนึ่งคือ พระอาจารย์เอียด วัดดอน
    ศาลา พัทลุง และอีกเอียดหนึ่งคือ พ่อท่านเอียดดำ วัดศาลาไพ นครศรีธรรมราช ทั้งสองเอียดนี้เป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียง
    โด่งดังในแคว้นแดนใต้ยุคนั้น ผู้เขียนเองก็เคยได้ยินนาม พ่อท่านเอียดดำอยู่เสมอ เพราะเหรียญรูปเหมือนของท่านมีค่ำนิยมสูง
    หลายหมื่นบาท และนับเป็นเหรียญยอดนิยมหนึ่งในเหรียญเบญจภาคีของนครศรีธรรมราช กล่าวกันว่าวัตถุมงคลเครื่อง รางของ
    ขลังซึ่งปลุกเสกโดยพ่อท่านเอียดดำมีพุทธคุณในด้านแคล้วคลาดคงกระพันสุดยอดเรียกว่า เหนียวชนิดแมลงวันไม่ได้กินเลือดเลย
    ทีเดียว
    ผู้เขียนขอนำเรื่องราวประวัติของปรมาจารย์พ่อท่านเอียดดำมาเล่าสู่กันฟังโดยความอนุเคราะห์ของพ่อท่านชมวัดศาลา
    ไฟเจ้าอาวาสองค์ปัจจุบันช่วยค้นคว้าข้อมูลโดยย่อมาให้ ซึ่งปัจจุบันพ่อท่านชมก็นับเป็นหนึ่งในพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง
    ในนครศรีธรรมราชและมักจะได้รับนิมนต์ให้เข้าร่วมนั่งปลุกเสกวัตถุมงคลพิธีสำคัญแทบทุกครั้ง พ่อท่านเอียดดำถือกำเนิดขึ้นใน
    ตระกูลบุญเรือนที่บ้านทับชัน หมู่ 6 ต.นาเคียน อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งอยู่ห่างวัดศาลาไพ ประมาณ 5 กิโลเมตร ชื่อบิดา
    มารดาและวันเดือนปีเกิดกำลังค้นคว้าอยู่ท่านมีน้องสาวอีกหนึ่ง คมนามว่านางเรือง บุญเรือง ชีวติในวัยเยาว์ของเด็กชายเอียดก็
    เฉกเช่นเด็กผู้ชายทั่วไป คือ แก่น แก้ว ซุกซนแต่เด็กชายเอียดมีดีตรงที่เป็นเด็กใจบุญสุนทาน ไม่ชอบทำบาป ไม่ฆ่าสัตว์ในสมัย
    นั้น ทางบ้านของเด็กชายเอียดมีฐานะยากจน ดังนั้นบิดามารดาจึงนำเด็กชายเอียดไปฝากร่ำเรียนหนังสือกับหลวงตาที่นับถือรูป
    หนึ่งที่วัดพระคุต ซึ่งอยู่ใกล้บ้านเป็นเวลาหลายปีจวบจนได้บรรพชาเป็นสามเณรที่วัดยวนแหล่และเมืออายุครบบวชก็ได้อุปสมบท
    ที่วัดตะวันตก ได้รับฉายาว่า อริยวังโส เมื่ออุปสมบทได้ระยะหนึ่งแล้วพระภิกษุเอียดก็ได้ปลีกวิเวกออกธุดงค์ไปตามป่าเขา ค่ำที่
    ไหนก็ปักกลดเจริญสมาธิที่นั้น รอนแรกฝ่าความยากลำบากอย่างไม่ย่อท้อผจญพบพานกับสัตว์ร้ายนานาก็ได้แต่สวดมนต์แผ่เมตตา
    ทำให้ปลอดภัยปราศจากภยันตรายมากล้ำกราย ท่านจาริกธุดงค์ไปอย่างไร้จุดหมายจนกระทั่งไปถึงเขตป่าประเทศพม่า ตลอด
    ระยะหลายปีในป่าเขาลำเนาไพรได้พบได้ศึกษาวิชาอาคมกับพระภิกษุชราผู้เรืองเวทหลายท่าน จึงสั่งสมเพิ่มพูนความเชี่ยวชาญ
    ในด้านไสยเวทขึ้นเรื่อยๆ หลังจากเดินทางกลับ เข้าสู่เขต จ.นครศรีธรรมราช ก็ได้หยุดและจำพรรษาตามวัดต่างๆ หลายแห่งจน
    ในที่สุดก็มาถึงดินแดนถิ่นกำเนิดชาวบ้าน ญาติพี่น้อง ก็ขอให้ท่านอยู่จำพรรษาที่วัดศาลาไพ ซึ่งในขณะนั้นมีพ่อท่านเพชร ซึ่งเรือง
    เวทวิทยาคมยิ่งเป็นเจ้าอาวาส อยู่ช่วยทำนุบำรุงพัฒนาวัดและในยามว่างก็ได้ร่ำเรียนวิชาอาคมจากพ่อท่านเพชรจนกระทั่งเจน
    จบครบถ้วนสรรพวิชาการ จนกระทั่งในปี 2470 พ่อท่านเพชรก็ได้ถึงแก่มรณภาพดังนั้นชาวบ้านจึงได้ขอให้พระภิกษุเอียดขึ้น
    เป็นเจ้าอาวาสแทน เนื่องจากขณะนั้นในละแวกใกล้เคียงมีเจ้าอาวาสชื่อเอียดอยู่สองรูป คือ พ่อท่านเอียด วัดศาลาไพ และพ่อท่าน
    เอียด วัดโรงฆ้อง ด้วยเหตุนี้ชาวบ้านจึงเรียกพ่อท่านเอียด วัดศาลาไพ ซึ่งมีสีผิวคล้ำดำกว่าว่าพ่อท่านอาจารย์เอียดดำตั้งแต่นั้นมา
    พ่อท่านเอียดดำได้นำวิชาความรู้ด้านไสยเวทที่เชี่ยวชาญชำนาญการยิ่งสงเคราะห์ญาติโยมจนชื่อเสียงกิติศัพท์โด่งดัง
    ไปกว้างไกล ดังนั้นในราวปี 2482 ชาวบ้านจึงขอให้ท่านสร้างวัตถุมงคลขึ้นบ้าง ซึ่งท่านก็ได้สร้างเสื้อยันต์ผ้าประเจียดตะกรุด
    และเครื่องรางของขลังต่างๆ อีกทั้งมอบหมายให้ นายไข่ คะงา ไปจัดทำเหรียญรูปเหมือนรุ่นแรก ซึ่งสร้างจำนวนน้อยมากวัตถุ
    มงคลทั้งหมดพ่อท่านเอียดดำประกอบพิธีปลุกเสกเดี่ยวตามลำพังซึ่งในห้วงนั้นคุณตาขุนพันธ์ก็ได้ไปอยู่ช่วยเหลือตามกำลัง เมื่อ
    เสร็จพิธีกรรม ประจุพุทธาคมแล้ว พ่อท่านเอียดดำก็ได้แจกวัตถุมงคลให้แก่ผู้เลื่อมใสศรัทธา ซึ่งก็ได้ปรากฏพุทธคุณเป็นที่เลื่อง
    ลือ ความเก่งกล้าในวิชาคาถาอาคมของพ่อท่านเอียดดำเป็นที่กล่าวขานกันไปทั่วนครศรีธรรมราช แม้กระทั่งพระอาจารย์เขียวก็
    ยังดั้นด้นมาขอศึกษาวิชาอาคม ซึ่งในยุคถัดมาพ่อท่านเขียว วัดหรงบน ก็มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วประเทศครั้นในปี 2484 ได้เกิด
    สงครามมหาเอเชียบูรพากองทัพทหารญี่ปุ่นได้ยกกำลังขึ้นที่บ้านท่าแพ นครศรีธรรมราช ทหารกล้าฝ่ายไทยก็ได้ยกกำลังเข้า
    ต่อต้านและในห้วงระยะนี้เองที่วัดศาลาไพจะเนืองแน่นไปด้วยเหล่าทหาร ซึ่งมาขอของดีคุ้มภัยพ่อท่านเอียดดำก็ได้มอบให้ทุก
    รายเป็นผ้ายันต์บ้างตะกรุดบ้าง ปรากฏว่าบรรทหารกล้าที่มีของดีพ่อท่านเอียดดำติดกายอยู่รอดปลอดภัย บางรายโดนทหาร
    ญี่ปุ่นยิงจนล้มคะมำ แต่ก็ลุกขึ้นสู้ต่อเพราะอำนาจกระสุนไม่สามารถต้านอำนาจพุทธคุณได้ ดังนั้นประโยคที่ว่ามีของดีพ่อท่าน
    เอียดดำแมลงวันไม่ได้กินเลือดก็ดังกระหึ่มไปทั่วแดนใต้
    ในยุคนั้นละแวกวัดศาลาไพนับเป็นถิ่นคนดุจนเรียกกันเป็นดงเสือแดนสิงห์ แต่พ่อท่านเอียดดำก็ได้ใช้เมตตาธรรมอบรม
    สอนสั่งจนทุกคนประพฤติตนเป็นคนดีถ้วนทั่ว นอกจากจะเป็นพระเกจิอาจารย์ผู้เรืองเวทแล้ว พ่อท่านเอียดดำยังเป็นพระนักพัฒนา
    จึงได้ทำนุบำรุงวัดศาลาไพจนรุ่งเรืองและยังได้ก่อสร้างโรงเรียนวัดศาลาไพในปี 2475 หลังจากที่ได้ทำนุบำรุงวัดศาลาไพและ
    ก่อสร้างโรงเรียนแล้วเสร็จ พ่อท่านเอียดดำจึงได้ตัดสินใจออกธุดงค์อีกครั้งจนได้พบว่าที่วัดในเขียวซึ่งขณะนั้นอยู่ในสภาพทรุด
    โทรม จึงได้อยู่จำพรรษาทำนุบำรุงวัดในเขียวอีกแห่ง ในระหว่างนั้นท่านก็ได้ไปๆ มาๆ ระหว่างวัดศาลาไพและวัดในเขียวซึ่ง
    เดินทางโดยเท้าเปล่า จนกระทั่งในปี 2486 เมื่อท่านพิจารณาเห็นว่าทางวัดศาลาไพได้เจริญรุ่งเรืองสมดังเจตนาแล้ว แต่ทางวัด
    ในเขียวยังต้องพัฒนาอีกมาก จึงตัดสินใจย้ายมาอยู่วัดในเขียวเป็นการถาวรจนกระทั่งได้ละสังขารที่วัดในเขียวในปี 2495 และ
    ทางวัดได้เก็บรักษาสังขารของท่านไง้จนถึงปี 2499 จึงได้ทำการฌาปนกิจ
    <HR style="COLOR: orange" align=center width="97%" SIZE=1 hr>
    พิธีมหามงคลบวงสรวงเททองและกดพิมพ์พระผงนำฤกษ์ วัตถุมงคล รุ่นพุทธามหาเวท วัดศาลาไพ

    <TABLE class=Fixfont cellSpacing=0 cellPadding=0 width=438 align=center border=0><TBODY><TR><TD width=224 height=182>
    [​IMG]
    </TD><TD width=214>
    [​IMG]
    </TD></TR><TR><TD>
    พระอาทิตย์ทรงกลด ขณะทำพิธีบวงสรวง
    เวลา 16.30 น.
    </TD><TD>
    พระอาทิตย์ทรงกลด ขณะทำพิธีบวงสรวง
    เวลา 17.20 น.
    </TD></TR><TR><TD colSpan=2 height=154>
    [​IMG]
    </TD></TR><TR><TD colSpan=2>
    พระจันทร์ทรงกลด ขณะเททอง
    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    เมื่อคืนวันเพ็ญอังคารที่ 21 มิถุนายน 2548 ได้เกิดปรากฏการณ์ครั้งสำคัญอันนับเป็นประวัติศาสตร์ เมื่อกระแสสาย
    ธารแห่งศรัทธาของมหาชนนับพันนับหมื่น ได้หลั่งไหลเข้ามารวมอยู่ในมณฑลพิธีหน้าวิหารหลวงวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร
    เพื่อร่วมอนุโมทนาในพิธีกรรมมหามงคลบวงสรวงเททอง และเปิดพิมพ์พระผงนำฤกษ์วัตถุมงคล รุ่น "พุทธามหาเวท" นับเป็น
    พิธีกรรมที่ประกอบขึ้นอย่างถูกต้องเพรียบพร้อมสมบูรณ์ทั้งพิธีทางพุทธและพราหมณ์ตามแบบฉบับของ พล.ต.ต. ขุนพันธรักษ์
    ราชเดช โดยมีอาจารย์เอกวิทย์ ยอดระบำ ศิษย์เอกที่ได้รับการประสิทธิ์ประสาทเป็นเจ้าพิธีกรรม ความศักดิ์สิทธิ์ของพิธีมหา
    มงคลครั้งนี้ได้ปรากฏเป็นที่ประจักษ์ต่อสายจาของมหาชนผู้ศรัทธาในพิธีทุกท่าน เพราะได้บังเกิดปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติ
    พระอาทิตย์ทรงกลดพระทำพิธีกดพิมพ์พระผงนำฤกษ์และในพลบค่ำก็ได้บังเกิดพระจันทร์ทรงกลดเป็นที่อัศจรรย์ขณะทำพิธี
    เททอง
    <TABLE class=Fixfont cellSpacing=0 cellPadding=0 width=523 align=center border=0><TBODY><TR><TD width=66>16.19 น.</TD><TD width=457>พราหมณ์อ่านโองการบวงสรวงเทพยดาอารักษ์ทั่วท้องจักรวาล</TD></TR><TR><TD>17.19 น. </TD><TD>ประกอบพิธีเปิดพิมพ์พระผงนำฤกษ์โดยมี พ่อท่านหรั่ง สำนักสงฆ์ห้วยเตง, พ่อท่านชม วัดศาลาไพ, พ่อท่านไพสิทธิ์ สำนักสงฆ์วิเวกสามแก้ว, พ่อท่านสูตร วัดในเตา เจิมพระผงนำฤกษ์ทุกองค์</TD></TR><TR><TD>17.39 น.</TD><TD>พระเกจิอาจารย์ผู้เรืองวิทยาคมขึ้นสู่ธรรมมาสต์นั่งปรกภาวนาประจำทิศ ได้แก่ พ่อท่านเนียม วัดบางไทร, พ่อท่านกลั่น วัดเขาอ้อ, พ่อท่านวรรณ วัดเสาธงทอง, พ่อท่านท้วม วัดศรีสุวรรณ, พ่อท่านหรั่ง สำนักสงฆ์ห้วยเตง, พ่อท่านคล้อย วัดภูเขาทอง, พ่อท่านเอียด วัดโคกแย้ม, พ่อท่านหรีด วัดป่าโมกข์, พ่อท่านไพสิทธิ์ สำนักสงฆ์วิเวก สามแก้ว, พ่อท่านสูตร วัดในเตา</TD></TR><TR><TD>18.19 น.</TD><TD>พระครู 4 กา ผู้รักษาพระบรมธาตุเจดีย์นครศรีธรรมราช พระครูกาแก้ว, พระครูกาชาด, พระครูกาเดิม, พระครูการาม และพระคณาจารย์ผู้ทรงคุณ รวม 9 รูป สวดเจริญพระพุทธมนต์</TD></TR><TR><TD>19.39 น.</TD><TD>มหามงคลอุดมฤกษ์ 3 ยอดขุนพลพระเกจิอาจารย์ผู้เรืองเวทแห่งแดนใต้ พ่อท่านเนียน วัดบางไทร จ.นครศรีธรรมราช , พ่อท่านท้วม วัดศรีสุวรรณ จ.สุราษฏร์ธานี, พ่อท่านกลั่น วัดเขาอ้อ จ.พัทลุง ผนึกพลังเวทร่วมเป็นองค์ประธานเททอง พระคณาจารย์ผู้ทรงคุณสวดชัยมงคลคาถา คณะพราหมณ์ลั่นฆ้องชัย เป่าสังข์แกว่งบัณเฑาะ จุดพลุดอกไม้ไฟนำฤกษ์ขณะเดี่ยวกันวงโยธวาทิต โรงเรียนกัลยาณีฯ บรรเลงเพลงมหาฤกษ์มหาชัย</TD></TR><TR><TD>20.49 น.</TD><TD>พระเกจิอาจารย์ประพรมน้ำพระพุทธมนต์ โปรยข้าวตอกดอกไม้ ปล่อยโคมลอยและจุดพลุสมโภช</TD></TR><TR><TD>21.19 น.</TD><TD>พระเกจิอาจารย์แจกวัตถุมงคลและประพรมน้ำมนต์วันเพ็ญแก่ผู้มาร่วมพิธี</TD></TR></TBODY></TABLE>
    พิธีบวงสรวงอัญเชิญเทพยดา พระคณาจารย์รวม 9 รูป สวดเจริญพระพุทธมนต์
    <TABLE class=Fixfont cellSpacing=0 cellPadding=0 width="87%" align=center border=0><TBODY><TR><TD width="52%" height=155>
    [​IMG]
    </TD><TD width="48%">
    [​IMG]
    </TD></TR><TR><TD height=21>
    สามยอดขุนพลเกจิอาจารย์เมืองใต้ผนึกพลังเวทเทอง
    </TD><TD>
    ปฏิหาริย์ได้บังเกิดแล้ว
    </TD></TR><TR><TD height=161>
    [​IMG]
    </TD><TD>
    [​IMG]
    </TD></TR><TR><TD height=157>
    [​IMG]
    </TD><TD>
    [​IMG]
    </TD></TR><TR><TD height=154>
    [​IMG]
    </TD><TD>
    [​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <HR style="COLOR: orange" align=center width="97%" SIZE=1 hr>
    วัตถุมงคลทรงคุณค่า พุทธามหาเวท

    <TABLE class=Fixfont cellSpacing=0 cellPadding=0 width="87%" align=center border=0><TBODY><TR><TD width="52%" height=253>
    [​IMG]
    </TD><TD width="48%">
    [​IMG]
    </TD></TR><TR><TD height=25>
    พ่อท่านชม วัดศาลาไพ เจ้าอาวาสองค์ปัจจุบัน
    </TD><TD>
    ภายในวัดศาลาไพ กำลังบูรณะก่อสร้าง
    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    ด้วยเหตุที่ วัดศาลาไพ ได้ชำรุดทรุดโทรมลงตามกาลเวลา ทำให้พ่อท่านชม วัดศาลาไพ เจ้าอาวาสองค์ปัจจุบัน มีวัตถุ
    ประสงค์ที่จะก่อสร้างบูรณะเสนาสนะภายในวัดให้มั่นคงถาวร จึงมีดำริที่จะจัดสร้างวัตถุประสงค์ที่จะก่อสร้างบูรณะเสนาสนะ
    ภายในวัดให้มั่นคงถาวร จึงมีดำริที่จะจัดสร้างวัตถุมงคลขึ้นเพื่อหาปัจจัยมาใช้ในการนี้ ดังนั้นจึงได้ขอความอนุเคราะห์มายัง
    พล.ต.ต. ขุนพันธรักษ์ราชเดช ให้ช่วยเหลือในงานกุศลนี้ พล.ต.ต. ขุนพันธรักษ์ราชเดช ซึ่งนับเป็นศิษย์ วัดศาลาไพคนหนึ่งมีความ
    ยินดีที่จะสนองพระคุณพ่อท่านเอียดดำครูบาอาจารย์ จึงมอบหมายให้บุตรชายคือคุณณสรรค์ พันธรักษ์ราชเดช ร่วมกับพระ
    อาจารย์ชม วัดศาลาไพ จัดสร้าง วัตถุมงคล รุ่นพุทธามหาเวท ขึ้น เพื่อให้วัตถุประสงค์สำเร็จ ลุล่วงโดยเร็ว
    วัตถุมงคลรุ่น พุทธามหาเวท ทุกแบบทุกพิมพ์ไม่ว่าจะเป็นเนื้อโลหะหรือเนื้อผงล้วนแล้วแต่จัดสร้างขึ้นอย่างพิธีพิถัน
    จึงมีรูปแบบพิมพ์ทรงที่สรรค์สร้างได้สวยงามคมชัดอย่างยิ่ง นอกจากนี้ยังได้เน้นในด้านชนวนมวลสารเป็นสำคัญจึงได้นำมวล
    สารจากพระชำรุดแตกหักของ รุ่น บูรณะหลักเมืองนครศรีฯ 2547 รุ่นพุทธศิลป์ย้อนยุค วัดนาสน และรุ่นไตรภาคีศรีนคร วัด
    นางตรา จำนวนมากซึ่งผ่านพิธีกรรมทับถมมาหลายครั้งมาเป็นส่วนผสมหลัก ซึ่งมวลสารของวัตถุมงคลทั้งสามรุ่นดังกล่าวมี
    รากฐานมาจากมวลสารว่านศักดิ์สิทธิ์นับร้อยนับพันของ พล.ต.ต. ขุนพันธรักษ์ราชเดช นั่นเอง
    สำหรับในด้านพิธีกรรมก็ยังคงยึดมั่นในความถูกต้องเข้มขลังโดยจัดประกอบขึ้นสองวาระ คือ
    วาระที่ 1 พิธีมหามงคลบวงสรวงเททองและเปิดพิมพ์พระผงนำฤกษ์ ณ วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร ในคืนวันเพ็ญ
    อังคารที่ 21 มิถุนายน 2548
    วาระที่ 2 พิธีสมโภชมหาโสฬสพุทธาภิเษก ณ วัดศาลาไพ ในคืนวันอังคารที่ 13 กันยายน 2548
    วัตถุมงคลเนื้อโลหะประกอบด้วย พระรูปเหมือนพ่อท่านเอียดดำ ขนาดบูชา 5 นิ้ว ขนาดบูชาตั้งหน้ารถและขนาด เล็ก
    แบบห้อยคอ, พระยอดธงนำฤกษ์นำชัยศิลปเมืองนคร, พระพิฆเนศดอกจันทร์ลอยองค์แบบโบราณศิลปเมืองนคร พระปิดตาใน
    ครรภ์นั่งยอง สอดเข่ามือไขว้แบบโบราณศิลปเมืองนครและเหรียญรูปเหมือนพ่อท่านเอียดดำ ส่วนพระเนื้อผงประกอบด้วย
    - มวลสารส่วนผสม
    รุ่นบูรณะหลักเมืองนครศรีฯ 2547
    รุ่นพุทธศิลปย้อนยุค วัดนาสน
    รุ่นไตรภาคีศรีนคร วัดนางตรา
    - ช่อพระยอดธงนำฤกษ์ นำชัย 99 องค์ เนื้อนวโลหะแก่ทองคำกลับดำสนิท

    ภาพพระผงท้าวจตุคามรามเทพ
    พระพุทธามหาเทวา ท้าวจตุคาม ท้าวรามเทพ
    วัตถุมงคลทรงคุณค่า
    พุทธามหาเวท

    พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช
    ที่ปรึกษาฝ่ายจัดสร้างและพิธีกรรม


    [​IMG]
    ลักษณะทรงสี่เหลี่ยมขนาด 5 ซม.เป็นพระผงท้าวจตุคาม ท้าวรามเทพ ที่จัดสร้างขึ้นอย่างถูกต้องเพราะประกอบด้วย
    องค์ท้าวจตุคามประทับอยู่ด้านหน้าและองค์ท้าวรามเทพประทับอยู่ด้านหลัง มีความสวยงามอย่างยิ่งและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
    ไม่ซ้ำไม่เลียนแบบใครจัดสร้างเป็นแบบพระผงองค์พระทองคำแท้ องค์พระเงินแท้และองค์พระทองแดง ซึ่งภายในได้บรรจุ เม็ดกริ่งไว้ด้วย นอกจากนี้ยังได้จัดสร้างเป็นแบบพระผงธรรมดาไม่ได้บรรจุเม็ดกริ่ง เพื่อแจกแก่ทหารตำรวจสามจังหวัดชาย
    แดนภาคใต้และแจกให้ผู้ศรัทธาที่มาร่วมในพิธีพุทธาภิเษก ณ วัดศาลาไพ ในวันที่ 13 กันยายน 2548 ท่านละ 1 องค์

    <TABLE class=Fixfont height=1018 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=518 align=center border=0><TBODY><TR><TD width=259 height=212>
    [​IMG]
    </TD><TD width=259>
    [​IMG]
    </TD></TR><TR><TD height=24>
    เนื้อไม้ตะเคียนเก่าหลักเมืองปัดทององค์ทองคำแท้ (มีกริ่ง)
    (Takian wood with gold brushing and body made of genuine gold , It 's kring into body)
    หมด , Sold out
    </TD><TD>
    เนื้อไม้ตะเคียนเก่าหลักเมืองปัดทององค์เงินแท้ (มีกริ่ง)
    (Takian wood with gold brushing and body made of genuine silver, It 's kring into body)
    หมด , Sold out
    </TD></TR><TR><TD height=214>
    [​IMG]
    </TD><TD>
    [​IMG]
    </TD></TR><TR><TD>
    เนื้อไม้ตะเคียนเก่าหลักเมืองปัดทององค์ทองแดง (มีกริ่ง)
    (Takian wood with gold brushing and body made of copper , It 's kring into body)
    หมด , Sold out
    </TD><TD>
    เนื้อมหาเวทดำผิวเงิน (ไม่มีกริ่ง)
    (Mahawetch black with silver skin,
    don't have kring into body)
    หมด , Sold out
    </TD></TR><TR><TD height=214>
    [​IMG]
    </TD><TD>
    [​IMG]
    </TD></TR><TR><TD>
    เนื้อมหาเวทแดงผิวทอง (ไม่มีกริ่ง)
    (Mahawetch red with gold skin,
    don't have kring into body)
    หมด , Sold out
    </TD><TD>
    เนื้อมหาเวทขาวผิวนาก (ไม่มีกริ่ง)
    (Mahawetch white with copper red skin,
    don't have kring into body)
    หมด , Sold out
    </TD></TR><TR><TD height=210>
    [​IMG]
    </TD><TD> </TD></TR><TR><TD height=24>
    ด้านหลัง (Back)
    ที่มา http://jatukam.thaisecondhand.com/p-jatukam-win.php
    </TD><TD> </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  2. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,131
    อ นุ โ ม ท น า ส า ธุ

    ขอขอบคุณข้อมูลและสาระดีดีครับ
     
  3. helloartdy

    helloartdy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    133
    ค่าพลัง:
    +504
    ในสายจตุคามแล้ว เป็นของดีที่ไม่ได้ถูกลืมค่ะ ... แต่หาของแท้ๆได้ยากมาแต่ต้น (หมายถึงเมื่อจตุคามเริ่มเป็นที่รู้จักของคนทั่วไปในปลายปี 48 ต่อเนื่องจนปี 49) ช่วงราคาเบาๆของหายากเพราะคนที่มีเก็บไว้ไม่ปล่อย พอปล่อยออกมาราคาก็เกินจริงไปไกลลิบและขณะเดียวกันของปลอมก็ออกมาระบาดปะปนกัน ทำให้จตุคามรุ่นนี้ขณะที่บูมเล่นยากมาก นักสะสมส่วนใหญ่จึงเช่าหาพระราหูพุทธามหาเวทแทน (kiss)
     
  4. ligore

    ligore เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    993
    ค่าพลัง:
    +5,807
    พระรุ่นนี้ช่วงที่จัดสร้างท่านปู่ขุนพันธ์ท่านไม่สบายมาก่อนหน้านี้นานแล้ว
    ดังนั้นจึงเป็นแต่ในนาม(ต้องถามพี่เล็ก ลูกท่านปู่ขุนพันธ์) วัดไม่ได้สร้างเอง พระรุ่นนี้ยังเหลือที่บ้านคุณณสรรค์อยู่มาก
     
  5. ขุนไกรพลพ่าย

    ขุนไกรพลพ่าย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    57
    ค่าพลัง:
    +184
    ตอนนั้นขุนพันธฯ นอนไม่รู้สึกตัวอยู่ไม่ใช่หรอกหรือครับ .....
    จตุคามรุ่นเจดีย์รายสุดท้าย และรุ่นลานสะกาก่อนป่วยหนัก
    โดยใหญ่ ท่าไม้ หนังสือมหาโพธิ โจมตีอยู่ไม่ใช่หรือครับ
    เป็นข้อสงสันนะครับ............
     

แชร์หน้านี้

Loading...