พุทธศาสตร์ ศาสตร์แห่งความจริงที่พิสูจน์ได้

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย babifun, 25 พฤษภาคม 2007.

  1. babifun

    babifun Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    84
    ค่าพลัง:
    +81
    พุทธศาสตร์

    ศาสตร์แห่งความจริงที่พิสูจน์ได้

    ศีล สมาธิ ปัญญา หนทางสู่นิพพานที่พิสูจน์ได้ในชาตินี้

    ร่วมพิสูจน์ กรรม บุญ-บาป ตาย-เกิด นรก-สวรรค์ ภพ-ชาติ

    และความจริงจากธรรมชาติที่ไม่ต้องใช้สัมผัสพิเศษ

    ขอกล่าวก่อนเลยนะครับว่าข้อความต่อไปนี้นั้น
    ข้าพเจ้าเพียงแค่พิจารณาตามธรรมมะ-ธรรมชาติ
    ที่ข้าพเจ้าสัมผัสได้เพียง5สัมผัสเท่านั้น
    ซึ่งเรื่องที่ข้าพเจ้าเขียนทั้งหมดจะเกิดขึ้นไม่ได้
    หากไม่มีธรรมะจากพระพุทธเจ้า
    และหลักการทาง วิทยาศาสตร์ที่ได้ร่ำเรียนมา
    เพราะปัญญาของข้าพเจ้าน้อยเหลือเกิน
    ไม่สามารถคิดเองได้อย่างนั้น
    แต่ไม่ได้บอกว่าทุกอย่างนี้เป็นความจริงทั้งหมด
    ข้าพเจ้าเองไม่มีอิทธิฤทธิ์ปาติหารประการใด
    ที่สามารถว่าสิ่งที่ข้าพเจ้ารู้เห็นนั้นเเป็นเรื่องจริงแท้
    ข้าพเจ้ามีเพียงสัมผัส5สัมผัส
    เพียงให้ท่านพิจารณาตามสมควรด้วยสติที่ตั้งมั่น

    สิ่งที่ข้าพเจ้ามองเห็นนั้นเป็นต้นว่า
    ข้าพเจ้าเห็นผลไม้สีเขียว
    ข้าพเจ้าก็บอกว่าสีเขียว
    ข้าพเจ้าไม่สามารถมองทะลุไป
    เห็นสีของเมล็ดข้างในได้
    แต่นั้นไม่ใช่ปัญหา
    เพราะข้าพเจ้ามีวิธีมองเห็นสีของเมล็ดข้างใน
    นั้นคือนำมีดมาปลอกดูก็จะเห็นเมล็ดได้
    โดยไม่จำเป็นต้องใช้สัมผัสอื่นเลย

    หนทางแห่งนิพพานก็เช่นกัน
    ไม่ต้องอาศัยสัมผัสอี่นใดเลย
    เพียง5สัมผัสก็เพียงพอแล้ว
    การตรัสรู้(อริยสัจ4)นั้นคือ
    มีความเข้าใจในความเป็นไปในโลก
    เห็นสุข-ทุกข์
    เห็นสาเหตุแห่งความเป็นธรรมดา
    รู้วิธีดับทุกข์
    ที่สำคัญคือปฏิบัติตามวิธีนั้นให้ได้

    อริยสัจ4นั้น
    อาจทำให้หมดทุกข์เป็นเรื่องๆไป
    แต่นิพพานนั้น
    คือเมื่อขจัดสาเหตุแห่งการเกิดทุกข์ได้หมดสิ้นแล้ว
    ก็จะไม่เกิดทุกข์ตามตรรกะของอริยะสัจ4
    ส่วนวีธีสู่นิพพานนั้นจะว่าถึงในภายหลัง

    กายและจิต
    มนุษย์นั้นประกอบด้วยกายเนื้อ
    (ซึ่งเกิดจากกระบวนการการสังเคราะห์โปรตีน
    โดยDNAที่อยู่ในโครโมโซม
    จะจำลองตัวเองและสังเคราะห์RNA
    RNAจะจับกับกรดอะมิโน
    แล้วกรดอะมิโนจับกันด้วยพันธะเปปไทด์
    เกิดเป็นสายยาวเรียกว่าโพลีเปปไทด์
    นั้นคือโปรตีนที่เป็นส่วนประกอบของเซลล์
    เซลล์เป็นส่วนประกอบของร่างกาย
    เซลล์มีหลายชนิด(หน้ามี่ต่างกันไม่ขอพูดถึง)
    แต่เซลล์ประสาทจะทำหน้าที่
    เกียวกับกระบวนการคิด ความรู้สึก
    โดยเป็นกระแสประสาทประมาณ9-10โวลต์
    ซึ่งเกิดจากโซเดียม-โปรแทสเซียมปัมพ์)
    จิตนั้นคือตัวแทนของกระบวนการคิด ความรู้สึก
    จิตกับกายนั้นจึงสัมพันธ์กัน
    ซึ่งมองเห็นด้วยตาไม่ได้
    แต่เข้าใจได้

    มาดูในส่วนความเชื่อดั่งเดิมกันก่อน
    ส่วนที่เป็นคำถามนั้นลองตอบในใจดูก่อน
    คำตอบที่ถูกจะเป็นแนวโน้มว่า
    ท่านจะรู้หนทางนิพพานได้ง่ายเพียงใด

    กรรมคือการกระทำ...ใครทำ?*จิต*
    ผลกรรมคือผลของการกระทำ...ใครบันดาลแสดงผล?*ธรรมชาติ*

    ความดี-ชั่ว
    ประกอบขึ้นจากปัจจัยคือสังคมและตัวบุคคล
    ซึ่งในแต่ละสังคมนั้นจะมีความดี-ชั่วไม่เหมือนกัน
    แต่จะมีหลักการเดียวกันคือ
    ความดี
    จะประกอบไปด้วยปัจจัยคือ
    สังคม (ไม่ทำให้สังคม หรือบุคคลอื่นเดือดร้อน)
    และตัวบุคคล(ไม่ทำให้ตัวเองเดือดร้อน)
    ส่วนความชั่วก็ตรงข้ามกัน...อย่างไรเรียกว่าทำดี?*ตนไม่เห็นแก่ตัว*ใครบันทึกใว้?*จิต*

    บุญ-บาป
    บุญคือผลกรรมที่เกิดจากการทำดี...ใครบันทึกใว้?*จิต*แล้วใช้อะไรบันทึก?*ความรู้สึก*
    บาปคือผลกรรมที่เกิดจากการทำชั่ว
    (ตรงนี้ต้องเชื่อมโยงให้เข้าใจเช่น
    ผลกรรมคือผลของการกระทำ
    เพราะฉะนั้น
    บุญคือผลของการกระทำที่เกิดจากการทำดี)

    สุข-ทุกข์
    สุขคือสิ่งทีเกิดขึ้นในจิตที่เกิดจากบุญ...เกิดที่ใหน?*จิต*และใครบันดาลให้เกิด?*ธรรมชาติ*
    ทุกข์คือผลทีเกิดขึ้นในจิตที่เกิดจากบาป
    (ตรงนี้เป็นตรรกะเช่นกัน
    เช่นสุขคือสิ่งทีเกิดขึ้นในจิตที่เกิดจากบุญ
    บุญคือผลของการกระทำที่เกิดจากการทำดี
    เพราะฉะนั้น
    สุขคือสิ่งทีเกิดขึ้นในจิตที่เกิดจากผลของการกระทำที่เกิดจากการทำดี)

    ถ้ายังไม่เข้าใจกลับไปอ่านอีกรอบให้กระจ่างเพราะจะใช้ตรรกะในต่อไปอีก

    ตาย-เกิด
    มนุษย์(จิต)ย่อมเวียนว่ายตายเกิด(เกิดขึ้นดับไป)...ใครกำหนดให้?*ธรรมชาติ*
    ในความจริงแล้วตาย-เกิดนั้นไม่มี
    สิ่งนั้นเป็นเพียงการเปลี่ยนแปลงของจิตเท่านั้น

    สวรรค์-นรก ...ไปเกิดขึ้นเมื่อใด?*จิตเกิดใหม่(จิตเปลี่ยนแปลง(กายยังไม่ตาย))*และใครส่งไป?*ธรรมชาติ*
    อธิบายเป็นความรู้สึกได้บ้างเล็กน้อย
    ความรู้สึกเมื่อเกิด(เกิดขึ้น)ในสวรรค์คือความสุข(เพราะกรรมดี)
    ความรู้สึกเมื่อเกิด(เกิดขึ้น)ในนรกคือความทุกข์(เพราะกรรมชั่ว)

    ชาติ-ภพ
    คือขณะหนึ่งของจิตที่เกิดขึ้นเละเป็นไป(กายยังไม่ตาย)
    การทำกรรมจะเกิดขึ้นในชาติและจดจำไว้ในจิต...ใช้อะไรบันทึก?*ธรรมชาติ*
    เมื่อเกิดชาติใหม่กรรมก็จะเป็นเครื่องวนเวียนและแสดงกรรมที่ได้รับ...ใครบันดาลให้แสดงผล?*ธรรมชาติ*
    เรา(จิต)อาจเกิดในนรกหรือสวรรค์ได้
    การเกิดอย่างไรนั้นกรรมเป็นตัวกำหนด...ใครบันดาลให้แสดงผล?*ธรรมชาติ*
    หลังจากที่อ่านมานั้นอาจทำให้เกิดความสับสนมากมาย
    เพราะท่านยังติดยึดกับความเชื่อเรื่องเดิมๆ
    ที่มีส่วนที่มองไม่เห็นอธิบายไม่ได้พิสูจน์ไม่ได้
    ขอให้ท่านละสักพักแล้วลองพิจารณาพิสูจน์สิ่งต่อไปนี้
    เพื่อเป็นหนทางแห่งนิพพานเทิด

    เริ่มพิสูจน์ที่ "จิตมนุษย์นั้นฟุ้งซ่านเปลี่ยนแปลงและเกิด-ดับเรื่อยไป"ก่อนเลย

    ร่วมพิสูจน์ได้ในตอนนี้เลยครับ
    ทำจิตใจให้สงบมีสมาธิลองตั้งสติ
    แล้วให้พินิจดูว่าท่านกำลังคิดกำลังทำอะไรในตอนนี้

    นั้นก็คือกำลังคิดตามอยู่ไช่ใหม?*ใช่*

    สิ่งนี้เรียกว่าผลกรรมซึ่งเกิดจากการกระทำ
    ซึ่งการกระทำนั้นคือท่านกำลังอ่าน
    (สรุป
    การอ่านทำให้เกิดการคิด
    ความคิดนี้คือผลกรรมที่เกิดจากกรรมคือการอ่าน
    ตรงนี้เข้าใจใหมครับ)

    หลังจากนี้แหละ จะเป็นตัวกำหนด
    สุข-ทุกข์
    หลังจากอ่านแล้ว
    จิตของท่านบันทึกอะไรครับ

    (สุข)ความเข้าใจกระจ่างความสบายใจใจสว่าง ใจสะอาด ใจสงบ

    หรือ(ทุกข์)ความขัดแย้งเร้าร้อนใจไม่สบายกายไม่สบายใจ

    ตรงนี้สำคัญครับ
    เพราะจะเป็นตัวกำหนดว่าชาติหน้าท่านจะไปเกิดที่ใหน(กายยังไม่ตาย)

    และหลังจากนี้ไป

    จิตของท่านเกิดการเปลี่ยนแปลง
    ในที่นี้ขณะจิตนี้จะถูกดับลง(กายยังไม่ตายนะครับ
    ยังหายใจอยู่)
    นั่นคือท่านหยุดคิดเรื่องนี้แล้ว
    เลิกทำแล้ว เลิกอ่านแล้วจริงๆ

    ในทันใดนั้นเอง
    จิตของท่านก็จะเกิดใหม่(กายยังไม่ตายนะครับ
    ยังหายใจอยู่)
    ขอเรียกจิตที่เกิดใหม่นี้ว่าชาติใหม่(การเกิดใหม่ของจิต)นะครับ
    ทำให้ท่านคิดเรื่องใหม่ขึ้นมา
    และก็เหมือนกันอีก
    คือเรื่องที่คิดใหม่ขึ้นมา
    นั้นก็เป็นผลจากการกระทำในขณะนั้น
    แล้วแต่ว่าจะเป็นอะไรที่ทำอยู่ในขณะนั้น

    การเกิดใหม่ในครั้งนี้ท่านไม่สามารถทิ้งผลกรรมเก่าไปได้(เนื่องจากยังไม่นิพพาน)
    เพราะชาติที่แล้วท่านทำกรรมไว้(ที่ท่านอ่านข้อความข้างบนไว้แล้วทุกข์)
    บุญ-บาปในครั้งอดีตชาติ(เมื่อตะกี้นี้)
    นั้นจะส่งผลถึงชาตินี้(ขณะจิตนี้)
    ท่านจึงเกิดความขัดแย้งเร้าร้อนใจ
    ความเร้าร้อนใจก็ยังตามมา
    ตัวนี้จะเป็นตัวกำหนดว่าชาตินี้ท่านอยู่สวรรค์-นรก

    เห็นได้จากอารมณ์ที่เกรี้ยวกราดฉุนเฉียวที่เกิดขึ้น
    และนั่นคือทุกข์(นั่นคือจิตท่านไปเกิดใน นรก)

    และจะเป็นเช่นนี้เรื่อยไปเป็นธรรมดาโลกวนเวียนเกิด-ดับ(เปลี่ยนแปลง)

    นิพพานคือหนทางความไม่ตาย(จิตไม่ตาย(ไม่เปลี่ยนแปลง))
    นั้นคือไม่เกิด(ซึ่งความไม่ตายนั้นเป็นสิ่งที่พระพุทธเจ้าค้นหาตั้งแต่แรก)
    จิตที่เข้าสู่นิพพานนั้นเป็นจิตที่ไม่ต้องไปเกิดในนรกหรือสวรรค์อีกต่อไป
    คิอจิตที่เห็นความเป็นจริงของธรรมชาติ ความเป็นไปตามธรรมดาโลก
    เป็นสิ่งที่เป็นสุขมากกว่าสวรรค์เพราะเกิดจากปัญญา(โลกวิทูร)

    ข้าพเจ้าสามารถอธิบายได้บ้างเล็กน้อยมากๆว่านิพพานนั้น
    เป็นอย่างไรแต่เข้าถึงได้ยากมากเพราะต้องผ่านการฝึก
    ไม่ใช้อ่านเข้าใจแล้วนิพพาน
    นิพพานแท้ ที่สัมผัสจากสัมผัสเพียง5สัมผัส
    นั้นจะอธิบายดังต่อไปนี้

    จิตที่นิพพานนั้นจะต้องเป็นจิตที่ไม่ตาย
    นั้นคือไม่ทุกข์ ไม่สุข เป็นจิตที่เกิดจากปัญญา(โลกวิทูร=ความเข้าใจในความเป็นไปของโลก)(อยู่บนกายที่ยังไม่ตาย(หากกายตายเรียกปรินิพพาน))
    และที่สำคัญก็คือการควบคุมจิตให้ไม่ทุกข์ ไม่สุข(อริยสัจ4)
    ซึ่งเกิดจากการฝึกด้ววิธีที่ถูกต้องไม่ใช่อยู่ดีๆก็นิพพานได้

    ซึ่งหลักการนั้นก็ได้มีการบันทึกไว้
    เอาคร่าวๆนะเพราะหลายคนอาจรู้อยู่แล้ว
    นั้นคือทาน ศีล สมาธิ ปัญญา
    แต่ต้องเข้าใจให้ถูกต้องก่อนจึงจะเกิดผล

    ปัญญาในที่นี้ไม่ได้หมายถึงรู้อย่างเดียว
    แต่ต้องควบคุมจิตได้ด้วย(ไม่เพียงแค่รู้อริยสัจ4)

    อย่างไรนั้น
    เช่นว่าหากท่านอกหัก แฟนทิ้ง
    หรือเสียของรักไป
    แล้วเป็นทุกข์หากแค่อริยสัจ4
    ก็ทำให้รู้ได้ว่าเกิดจากอัตตา(ตัวกู-ของกู)
    อันนี้แน่นอน
    เพราะฉนั้นมรรคก็คือไม่ยึดติดใช่ใหม*ใช่*
    แต่ใครจะไปทำได้ในทันทีละไม่มีทาง

    เพราะฉนั้นจึงเกิดการฝึกจิตที่เรียกว่า"ทาน"ขึ้นมา
    การทำทานนั้นแท้จริงแล้ว
    คือการฝึกจิตให้รู้จักสละ(ละตัวกู-ของกูทิ้งไป)
    รู้จักฝึกสละของที่ถือว่าเป็นของตน(ละตัวกู-ของกูทิ้งไป)
    แต่คนส่วนใหญ่ทำเพื่ออยากได้บุญกับตน(เพิ่มตัวกู-ของกูเข้ามา)
    ท่านพิจารณาเองนะครับว่าอย่างนี้จะนิพพานใหม?
    แต่การทำทานเพราะฝึกให้ทาน
    สิ่งที่สะสมคือบุญบริสุทธิ์

    ศีลคือความปกติ
    หากท่านมีความปกติทางกาย วาจา ใจ ก็ถือว่าอยู่ในศีลแล้ว
    ไม่จำเป็นต้องท่องจำมากมาย(เพราะสิ่งเหล่านั้นเป็นแนวทางแห่งความดี(จากDeath-Noteครับท่าน))
    ความปกตินี้จะควบคุมไม่ให้ทำชั่ว
    ซึ่งเป็นหนทางแห่งการที่จิตไม่ไปเกิดในนรก

    ทาน+ศีลถึงพร้อมแล้ว

    ต่อไป สมาธิ
    หากจิตยังเป็นอกุศล
    ทาน+ศีลถึงไม่พร้อมแล้ว
    ข้ามขั้นไป สมาธิ เหมือนท่านกำลังจดจ่ออยู่ในนรก
    สมาธิคือการจดจ่อกับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง
    นั่นคือการฝึกให้จิตไม่ตายดังที่กล่าวไว้ข้างต้น
    เมื่อทาน+ศืล+สมาธิถึงพร้อมก็จะเกิดปัญญาแท้
    (นั้นคือโลกวิทูร=ความเข้าใจในความเป็นไปของโลก)
    ทำให้ท่านรู้จักสละ(ละตัวกู-ของกูทิ้งไป)

    ก็อย่างที่พระพุทธเจ้าตรัส
    "ไม่จำเป็นต้องรู้ว่าตายแล้วไปไหนก็นิพพานได้"
    ดังเรื่องเล่าไว้ในพระไตรปิฏก
    ไม่จำเป็นที่จะต้องมีสัมผัสพิเศษก็เข้าถึงพระนิพพานได้
    ไม่จำเป็นที่จะต้องเชื่อเรื่องที่พิสูจน์ไม่ได้ก็ถึงพระนิพพานได้
    เพราะนิพพานเกิดจากจิตใจที่เป็นกุศล
    เกิดจากการปฏิบัติเท่านั้น

    ต่อไป
    เพียงแค่ท่านลองทำทานเพื่อเป็นหนทางสู่นิพพาน
    ไม่ได้หวังบุญข้างหน้า
    ดอกบัวของท่านก็จะโผล่พ้นน้ำ
    แล้วต่อไปก็จะบานในวันข้างหน้า
    อนุโมทนา...สาธุ...
     
  2. parnparn

    parnparn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    135
    ค่าพลัง:
    +199
    เห็นดีด้วยครับ อนุโมทนา สาธุ
    ยอมรับสมการ
    พุทธ = ธรรมะ = นิพพาน = ว่าง
    ธรรมชาติ = เกิด = ไม่ยอมว่าง
    ธรรมชาติทุกๆอย่าง = รูป + นาม
    รูป = ดิน + น้ำ +ลม + ไฟ
    มนุษย์ สัมผัสไม่ได้ไม่ใช่ว่าจะไม่มี ทำใจให้ว่างเข้าใจอะไรง่ายๆ ก็จะเข้าใจธรรมะได้
    ประกอบอาชีพสุจริต สำรวม กาย วาจา ใจ ยืน เดิน นั่ง นอน อย่างมีสติ
     

แชร์หน้านี้

Loading...