มนุษย์ติดต่อทางโทรจิตได้ "วิชาโทรจิต"...ของมนุษย์ต่างดาว?

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย โทรจิต, 15 กันยายน 2010.

  1. โทรจิต

    โทรจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2010
    โพสต์:
    101
    ค่าพลัง:
    +1,377
    โทรจิต คืออะไร



    หลายคนคงเคยได้ยินคำนี้ แต่จะมีสักกี่คนนะ ที่เข้าใจ ว่า โทรจิต คืออะไร


    โทรจิต (Telepathy) คือ การถ่ายทอดความรู้สึกนึกคิดจากใจของผู้ส่ง ไปถึงผู้รับโดยไม่ผ่านวิธีการสื่อสารอื่นใด นอกจากใช้ใจเป็นสื่อเท่านั้น


    เป็นความสามารถในการสื่อสารอีกระดับหนึ่ง ที่ใช้แทนการพูดและการเขียน
    โดยใช้ใจเป็นสื่อในการรับและส่งข่าวสาร


    เป็นการถ่ายทอดพลังทางกาย พลังทางอารมณ์ และพลังทางความคิด
    จากผู้ส่งไปยังผู้รับโดยไม่ต้องมีการสัมผัสกันทางกาย


    โทรจิต เป็นสัญชาตญาณที่มนุษย์ในสมัยโบราณและสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม
    เคยใช้เป็นกลไกเพื่อความอยู่รอด ด้วยการติดต่อสื่อสารกันทางจิต


    โทรจิต เป็นการสื่อสารที่ไม่ผ่านประสาทสัมผัสทางกายทั้ง 5
    ตา หู จมูก ลิ้น กาย



    โทรจิต มีกี่ประเภท



    1. โทรจิต ถ่ายทอดเรื่องทางกายภาพ
    เช่น ส่งกระแสจิตไปถึงผู้รับว่าเราเห็นอะไร เราได้ยินอะไร ฯลฯ


    2. โทรจิต ถ่ายทอดอารมณ์และความรู้สึก
    เช่น กระแสจิตที่ส่งไปถึงผู้รับ ให้รับรู้ถึงความรัก ความเกลียดชัง ความเศร้า
    ความกลัว ฯลฯ


    3. โทรจิต ถ่ายทอดความคิดจิตใจ
    เป็นการส่งกระแสจิตออกไปถึงผู้รับ ให้รับรู้ความคิดของเรา


    คนเราทุกคนมีศักยภาพที่จะสามารถใช้โทรจิตได้ทั้งนั้น
    ด้วยการเรียนรู้และฝึกการใช้โทรจิต
    ต้องรู้จักทำใจให้ว่าง และมีสมาธิในขณะที่จะส่งหรือรับโทรจิต


    คนที่เป็นฝาแฝดกัน มักจะมีคลื่นความถี่ในระดับเดียวกัน และมักใช้โทรจิต
    ในการสื่อสารกันโดยสัญชาตญาณ


    คนที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดสนิทสนมกัน เช่น คนในครอบครัวเดียวกัน
    คู่รักกัน มักจะสื่อสารกันด้วยใจได้ หรือใช้โทรจิตรับส่งถึงกันได้
    ยิ่งถ้ามีการฝึกฝนการใช้โทรจิตด้วยแล้ว จะได้ผลเร็วมาก
    และใช้การโทรจิตถึงกันได้ตลอดชีวิต


    อย่างเช่น ลูกที่เรียนอยู่ต่างประเทศ อยู่ๆก็คิดถึงแม่ เป็นห่วงแม่
    จึงโทรศัพท์ทางไกลไปหา ก็ทราบว่าแม่กำลังป่วยหนัก
    เพราะกระแสจิตของแม่ที่กำลังป่วยอยู่นั้น ได้ถูกส่งไปหาลูก
    ทำให้ลูกรับรู้ได้ว่าแม่กำลังป่วยอยู่


    หรือคนที่เป็นคู่รักกัน หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งคิดถึงและโหยหา
    อีกฝ่ายหนึ่งจะรับรู้ได้ด้วยใจ


    จิตของคนที่ฝึกมาดี จิตที่ปราศจากอคติ ปราศจากโทสะ
    ปราศจากความยึดมั่นถือมั่น ไม่หลงงมงาย ไม่อยากได้อยากมี
    ไม่อิจฉาริษยา ไม่โกรธแค้นอาฆาตพยาบาท มีใจสงบนิ่ง
    เป็นจิตที่ละเอียดอ่อน และมีพลัง จะสามารถหยั่งรู้ใจคน
    และอ่านความคิดคนอื่นได้


    กระแสจิตของคนเรา เป็นคลื่นพลังงานชนิดหนึ่งที่มีความถี่สูง
    และละเอียดแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล
    กำลังความคิดของแต่ละคนที่ส่งออกไปนอกตัว
    สามารถไปกระทบจิตของคนที่มีความสามารถในการรับคลื่นกระแสจิตได้
    โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กระแสจิตที่ส่งมาจากคนที่เรารู้สึกผูกพันใกล้ชิดสนิทสนม
    จะสามารถติดต่อกันทางโทรจิตได้
    บุคคลที่มีความสัมพันธ์กันทางอารมณ์อยู่แล้ว
    จะมีประสาทสัมผัสรับรู้พิเศษถึงกันได้


    "คลื่นกระแสจิต" เป็นพลังงาน ที่มีความละเอียดสูงมาก
    จนยังไม่มีเครื่องมือใดๆในปัจจุบันจะวัดได้
    คนเราทุกคน เป็นได้ทั้งผู้รับคลื่นกระแสจิต และเป็นผู้ส่งคลื่นฯ


    “โทรจิต” (Telepathy) เป็นความสามารถถ่ายทอดความรู้สึก
    หรือสิ่งที่ตนรู้สึกในใจ ไปให้แก่สิ่งมีชีวิตอื่นได้
    โดยการส่งกระแสจิตออกไปถึงผู้รับ


    ดังนั้น “ความคิด” ที่คนหนึ่งๆเปล่งออกมา
    จึงเป็นสิ่งที่ใครๆก็สามารถรับคลื่นความคิดนี้ได้
    ถ้าคนๆนั้นเปิดเครื่องรับในร่างกายตนรับคลื่นนั้นๆเข้ามา


    เซลล์แต่ละอันในร่างกายมนุษย์
    ก็เป็นสิ่งที่สามารถปล่อยคลื่นความคิดออกมาได้เช่นกัน
    และในทางกลับกันคลื่นความคิดก็ย่อมสั่นสะเทือนเซลล์แต่ละอัน
    ในร่างกายตนเองได้ด้วย


    ดังจะเห็นได้ว่าความเครียดที่สั่งสมนานๆ
    เป็นตัวการสำคัญอันหนึ่งที่ก่อให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บแก่มนุษย์
    เพราะคลื่นความคิดเหล่านี้เข้าไปมีผลกระทบต่อร่างกายนั่นเอง

    การมีความคิดที่ดี แจ่มใสร่าเริง มองโลกในแง่ดี
    จึงเป็นสิ่งที่ขาดเสียมิได้สำหรับมนุษย์
    บางครั้งเราจึงควรหลีกให้ห่างผู้คนที่ปล่อยคลื่นความคิดร้ายๆ
    ถ้าหากทำได้ จะได้ไม่ไปรับผลสะเทือนที่ไม่ดีของผู้คนเหล่านั้นเข้ามา…


    คลื่นความคิดที่ควรหลีกเลี่ยง:


    สิ่งที่ต้องระวังมากที่สุดก็คือ การไม่ให้คลื่นความคิดจำพวก ความโลภ
    ความโกรธ ความหลง ความไร้สาระในเรื่องเล็กน้อย ความเกลียดชัง
    ความเกียจคร้าน ความอิจฉาริษยา อคติ เหล่านี้ ไหลเข้ามาสู่ตัวเรา


    คลื่นความคิดที่ควรรับเข้ามา:


    คลื่นความคิดจำพวก ความรัก ความเมตตา ความหวังดี ความห่วงใย
    ความเอื้ออาทร การมองโลกในแง่บวก การให้อภัย ความกระตือรือล้น
    ความร่าเริงแจ่มใส เหล่านี้ ให้ไหลเข้ามาสู่ตัวเรา


    ความสัมพันธ์ระหว่างกายกับจิต
    เราควรฝึก “ควบคุมใจ” ทำให้เซลล์ในร่างกายทั้งหมด
    สามารถตอบสนองคำสั่งที่ใจสั่ง ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    ด้วยเหตุนี้ร่างกายของเราจึงจะแข็งแรง และมีอายุยืนยาว


    เราทุกคนสามารถทำได้เช่นเดียวกัน
    หากแต่บุคคลผู้นั้นต้องมีจิตใจที่กระจ่างเที่ยงธรรม
    มีชิวิตอยู่อย่างมีปณิธาน ศรัทธา ความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้า
    และมีความคิดในเชิงบวก
    เซลล์ในร่างกายก็จะตอบสนองต่อจิตใจบุคคลนั้นในทางบวกเช่นกัน
    ทั้งเรื่องสุขภาพร่างกายและจิตใจ ย่อมได้ผลเช่นเดียวกัน


    แต่คนส่วนใหญ่ไม่ตระหนักถึง จิตสำนึกนี้ กลับมีชิวิตโดยใช้แค่ “ใจ”
    หรือ "สิ่งรับรู้ในอารมณ์ทั้งหลาย"เท่านั้น
    ซึ่งผันผวนง่ายและแปรปรวนอย่างรุนแรงมาเป็นหลักของชิวิต
    เราจึงควรพยายามประสานใจของตนให้สอดคล้องกับจิตสำนึกนี้…


    “คลื่นความคิด” ซึ่งมีลักษณะคล้ายแสง
    ถ้ากระแสความคิดถูกส่งเป็นคลื่นออกไปแล้ว
    มันจะเคลื่อนที่ไปอย่างไม่มีขอบเขต
    แต่ไม่ได้มีลักษณะเป็นเส้นตรงทิศทางเดียว
    เหมือนลูกกระสุนจากปากกระบอกปืน
    หากแต่มีลักษณะเหมือนรังสีที่เปล่งออกมาเป็นเส้นตรงในทุกๆทิศทาง
    และแผ่ขยายตัวโดยมีจุดศูนย์กลางอยู่จุดหนึ่ง….
    จนกว่าจะถูกดูดซับหรือถูกขวางกั้นโดยสิ่งอื่นหรือวัตถุอื่น…


    นักพลังจิตเชื่อว่า
    ความกดดันทางอารมณ์สูงสุดที่เกิดขึ้นทันทีทันใดของคนเรา
    เป็นสาเหตุทำให้เกิดเหตุการณ์ทางอำนาจจิตได้
    อารมณ์ของคนเรานั้น
    เป็นสวิตซ์ปิดเปิดการส่งโทรจิตธรรมชาติได้โดยอัตโนมัติ


    อย่างเช่น


    เมื่อเราต้องประสบกับเหตุการณ์รุนแรง
    หรือเกิดอุบัติเหตุกับญาติพี่น้องหรือคนสนิท
    อารมณ์ที่เครียดสูงสุดนี้
    ก็จะเป็นตัวเปิดสวิตซ์การส่งหรือรับโทรจิตโดยฉับพลันทันที


    อย่างในกรณีที่เกิดกับทหารเรือดำน้ำรัสเซียคนหนึ่งซึ่งป่วย
    และต้องนอนพักอยู่ที่ฐานทัพ จึงไม่ได้เดินทางออกไปกับเรือเที่ยวนั้น
    พอตกบ่ายเขาก็ฝันไปว่า
    เขายืนอยู่บนดาดฟ้าเรือในขณะที่เรือกำลังดำลง
    เขาไม่สามารถที่จะเข้าไปในเรือได้
    ตัวเขาค่อยๆ จมลงไปในน้ำพร้อมกับเรือ
    เขาสำลักน้ำเข้าไปหลายอึก และรู้สึกว่ากำลังจะจมน้ำตาย


    จนบัดนี้เขายังจำฝันร้ายนั้นได้ติดตา
    เพราะหลังจากที่เราเข้าเทียบท่าที่ฐานทัพ
    เขาก็ทราบว่าเพื่อนของเขาจมน้ำตายเนื่องจากติดอยู่บนดาดฟ้าเรือ
    ในขณะที่เรือกำลังดำลงสู่ใต้ผิวน้ำ


    โทรจิตเป็นประสาทสัมผัสที่ 6 ของคนเรา
    ที่นอกเหนือไปจาก ตา หู จมูก ลิ้น และกาย
    ซึ่งทุกคนมีความสามารถพิเศษทางโทรจิตนี้แฝงอยู่
    หากแต่ถูกบดบังด้วยจิตใจที่หม่นหมอง


    ความจริงแล้วคนเราทุกคนล้วนแล้วแต่ก็มีความสามารถในการส่ง
    และรับกระแสจิตด้วยกันทั้งนั้น แต่ความสามารถพิเศษนี้
    จำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องทำการฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอและแน่นอน


    บางคนอาจมีความสามารถพิเศษนี้มากกว่าคนอื่นๆ
    ผู้ส่งและผู้รับกระแสจิตนั้นมีความสำคัญเท่ากัน เพราะถ้าผู้ส่งกระแสจิต
    ส่งมโนภาพที่เลือนลางมาให้เราก็จะได้แต่ภาพที่เลือนลางนั้นด้วย


    ฉะนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้รับและผู้ส่งข่าวสารทางจิต
    จักต้องฝึกปรือกันมาอย่างดี และต้องสามารถสร้างมิตรสัมพันธ์ทางจิต
    หรือรับคลื่นกระแสจิตให้เข้ากันได้เป็นอย่างดีด้วย


    จงทำตัวให้สบายผ่อนคลายอารมณ์
    ลดภาวะความตรึงเครียดทางกายและทางใจลง
    และควรจะกำจัดความกังวล หรืออารมณ์ที่ขุ่นมัวออกให้หมดสิ้น
    จงทำให้มีความเชื่อมั่นมากที่สุดเท่าที่จะทำได้


    เมื่อเริ่มส่งข่าวสารทางจิตไปยังผู้รับนั้น
    ปล่อยใจให้ล่องลอยจงแน่วแน่อยู่กับข่าวสารและข้อมูลที่จะส่ง
    พร้อมกับนึกถึงหน้าของผู้รับกระแสข่าวสารทางจิตจากเรา
    ให้กระจ่างอยู่ในดวงจิต เมื่อท่านฝึกเช่นนี้บ่อยๆ จนมีความคุ้นเคย
    และสามารถปรับคลื่นกระแสจิตเข้ากันได้แล้ว
    ในไม่ช้าไม่นานท่านก็จะเปรียบเสมือนมีเครื่องรับส่งโทรจิตติดตัว
    ใช้ได้ทุกเวลาทุกสถานที่และทุกสภาวะดินฟ้าอากาศ


    ทั้งนี้ทั้งนั้น อำนาจจิตธรรมชาตินั้น น่าจะเกิดมาจากความสอดคล้องกัน
    ระหว่างคลื่นสมองของผู้ส่งและผู้รับ ที่มีอำนาจสัมพันธ์กัน ซึ่งเรื่องนี้
    คนทั่วไปสามารถฝึกปรับระดับจิตของพวกเขาให้เข้ากันได้ภายใน 3 เดือน


    แล้วยังมีข้อสำคัญอีกอย่างหนึ่งว่า การฝึกโทรจิต ถ้าจะให้ได้ผลสูงสุด
    นอกจากจะปฏิบัติตามข้างต้นที่กล่าวมาแล้ว
    เราควรจะมีการนัดหมายเวลาเพื่อให้ปฏิบัติพร้อมเพรียงและสอดคล้องกัน
    (ในที่นี้หมายถึงต้องสอดคล้องกันทั้งทางกาย จิตใจ และเวลาด้วย)


    ก็ขอให้ทุกๆคน มีความรู้สึกนึกคิดที่ดี
    กระแสจิตที่ส่งออกมานอกตัว จะได้เป็นกระแสที่ร่มเย็น
    เป็นความรัก ความเมตตา ความปรารถนาดีต่อกัน


    ส่วนคนที่มีกระแสความคิดเป็นในทางลบ
    เช่น อิจฉา หมั่นไส้ โกรธ เกลียด อคติ
    ก็ควรพยายามควบคุมกำลังความคิดของตนเองให้เป็นไปในทางบวก
    เป็นไปในทางสร้างสรรค์ มีสันติสุข มีความสงบในใจ
    เพราะผู้รับคลื่่นกระแสจิตจากคุณ เขาจะได้รับแต่สิ่งที่ดีๆ
    และพลอยมีใจสงบร่มเย็นไปด้วย
     
  2. โทรจิต

    โทรจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2010
    โพสต์:
    101
    ค่าพลัง:
    +1,377
    ยืนยันมนุษย์ติดต่อทางโทรจิตได้ ต้องเป็นผู้มีพลัง จิตและใกล้ชิดกัน

    นักวิทยาศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญการศึกษาทางจิตวิทยา เกี่ยวกับปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติอ้างว่าคนเรามีญานที่หยั่งรู้ได้ว่า จะมีใครโทรศัพท์ มาหาหรือส่งอี-เมล์ก่อนหน้า เป็นสิ่งมีอยู่จริง
    ดร.รูเพิร์ท เชลเดรค ชาวอังกฤษ กล่าวบอกในที่ประชุม การเฉลิมฉลองวิทยาศาสตร์ที่เมืองนอร์วิช จัดโดยสมาคมเพื่อความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์แห่งอังกฤษยืนยันว่า ปรากฏการณ์นั้นไม่ใช่เป็นเรื่องบังเอิญเลย เขาแจ้งว่าได้เคยทดสอบกับอาสาสมัครดู พบว่าเขาเหล่านั้นจำนวนมากถึง 45% สามารถทายถูกว่าเป็นใคร ในจำนวน 1 ใน 4 รายของผู้ที่จะโทร.มา
    รายงานการวิจัยของเขา กับเรื่องของนักศึกษาเรื่องอภิจิตวิทยาอีกสองราย ได้ก่อให้เกิดการถกเถียงขึ้นในที่ประชุมอย่างขนานใหญ่ สมาชิกชั้นนำของสถาบันวิจัยเห็นว่า ที่ประชุมไม่ควรจะพิจารณาเรื่องแบบนี้
    ดร.เซลเดรค เคยสาธยายถึงทฤษฎีเรื่องพวกนี้ มาก่อน เขาเชื่อว่าผู้ที่มีพลังจิตพิเศษ และมีความใกล้ชิดสนิทสนมกัน จะสามารถติดต่อกันทางโทรจิตได้ และได้อ้างว่าการค้นพบในการศึกษา ด้วยทุนของวิทยาลัยทรินิตี้ แห่งเคมบริดจ์ ช่วยสนับสนุนความเชื่อว่า บุคคลที่มีความสัมพันธ์กันทางอารมณ์อยู่แล้ว จะมีประสาทสัมผัสรับรู้พิเศษถึงกันได้
     
  3. โทรจิต

    โทรจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2010
    โพสต์:
    101
    ค่าพลัง:
    +1,377
    [​IMG]

    "วิชาโทรจิต"...ของมนุษย์ต่างดาว? ผล พลอยได้อย่างหนึ่งจากการปฎิบัติธรรมตามแนวทาง "พุทธศาสนา" ก็คือการค้นพบหลักการที่เกี่ยวของกับพลังงานรูปต่างๆ ที่มีความละเอียดสูงมาก จนยังไม่มีเครื่องมือใดๆ ในปัจจุบันจะสัมผัสวัดได้ รวมทั้ง "คลื่น กระแสจิต" ซึ่งมีความคมและ ละเอียดสูงสุด

    "วิชาโทรจิต" เป็นความสามารถตามธรรมชาติที่แต่เดิมมีอยู่ในสิ่งมีชีวิตทั้งปวง โดยการใช้โทรจิตนี้ผู้ใช้จะสามารถถ่ายทอดความรู้สึก หรือสิ่งที่ตนรู้สึกในใจ ไปให้แก่สิ่งมีชีวิตอื่นได้ โดยต้องเป็นสภาวะแห่งจิตสำนึกที่ตื่นตัว หรือสภาวะที่ทำให้ใจเราเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับ "จิตสำนึกแห่งจักรวาล"
    "โทรจิตจึงเป็นความรู้แห่งจักรวาลที่ มีพรมแดนที่กว้างขวางยิ่ง"

    หลักทฤษฎีโทรจิตที่ได้รับถ่ายทอดมา นั้น มีอยู่ด้วนกัน 4 ข้อ คือ

    1.จะ ต้องพิจารณาว่า "มหา สากลจักวาล" เป็นองค์แห่งจิตสำนึกอันหนึ่ง

    2.สรรพ สิ่งทั้งหลายรวมทั้งมนุษย์ที่ดำรงชีวิตอยู่ในมหาสากลจักรวาลนี้ล้วนเป็นร่าง ที่แบ่งภาคออกมาจากองค์แห่งจิตสำนึกอันนี้ทั้งสิ้น ฉะนั้นจึงเป็นเรื่อง
    ธรรมดา ที่มนุษย์แต่ละคนจะมีจิตสำนึกแห่งจักรวาลดำรงอยู่ในตัว

    3.จิตสำนึก แห่งจักรวาลอันนี้เป็นทั้งพลังชิวิต เป็นทั้งปัญญา และเป็นความรู้ในสรรพสิ่งอีกด้วย

    4.หากสามารถผนึกใจของตัวเองให้แนบ แน่นเป็นหนึ่งเดียวกับจิตสำนึกอันนี้ได้ จิตสำนึกอันนี้ จะเป็นตัวจับและรับกระแสคลื่น ที่มาจากภายนอกพร้อมกับส่งต่อข่าวสารนั้นให้กับจิตของมนุษย์คนนั้น

    ดังนั้น "ความคิด" ที่คนหนึ่งๆเปล่งออกมา จึงเป็นสิ่งที่ใครๆก็สามารถรับคลื่นความคิดนี้ได้ ถ้าคนๆนั้นเปิดเครื่องรับในร่างกายตนรับคลื่นนั้นๆเข้ามา

    ใน อีกด้านหนึ่ง ตัวจักรวาลหาใช่เป็นสิ่งที่เป็นศูนย์กลางของข้อมูลนั้นไม่ การกระทำของสรรพสิ่งต่างๆในจักรวาลต่างเป็นศูนย์กลางโดยตัวมันเองต่างหาก ที่กล่าวเช่นนั้นเพราะทุกสรรพสิ่งในจักรวาลถูกสร้างขึ้นมาโดยปฐมเหตุของ จักรวาล ดังนั้น รังสีที่เปล่งออกมาจากการกระทำใดๆของสรรพสิ่งนั้นๆ จึงกระจายออกไปทั่วทุกทิศทุกทาง ด้วยเหตุผลเช่นนี้

    เซลล์แต่ละอันในร่างกายมนุษย์ก็เป็น สิ่งที่สามารถปล่อยคลื่นความคิดออกมาได้เช่นกัน และในทางกลับกันคลื่นความคิดก็ย่อมสั่นสะเทือนเซลล์แต่ละอันในร่างกายตนเอง ได้ด้วย

    ดังจะเห็นได้ว่า ความเครียดที่สั่งสมนานๆ เป็นตัวการสำคัญอันหนึ่งที่ก่อให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บแก่มนุษย์ เพราะคลื่นความคิดเหล่านี้เข้าไปมีผลกระทบต่อร่างกายนั่นเอง การมีความคิดที่ดี แจ่มใสร่าเริง มองโลกในแง่ดี จึงเป็นสิ่งที่ขาดเสียมิได้สำหรับมนุษย์ บางครั้งเราจึงควรหลีกให้ห่างผู้คนที่ปล่อยคลื่นความคิดร้ายๆ ถ้าหากทำได้ จะได้ไม่ไปรับผลสะเทือนที่ไม่ดีของผู้คนเหล่านั้นเข้ามา...
    คลื่น ความคิดที่ควรหลีกเลี่ยง

    1.สิ่งที่ต้องระวังมากที่ สุดก็คือ การไม่ให้คลื่นความคิดจำพวก ความโลภ ความโกรธ ความหลง ความไร้สาระในเรื่องเล็กน้อย ความเกลียดชัง เหล่านี้ ไหลเขามาสู่ตัวเรา

    2.พวกคลึ่นความคิดชั้นต่ำ ที่ถูกปล่อยออกมาจากดาวดวงอื่น ที่มีวิวัฒนาการล้าหลังกว่าโลกของเรา ก็เป็นคลื่นที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ใดๆ

    3.คลื่นความคิดที่ปล่อยออก มาจากความทรงจำของชาวโลกที่เคยอาศัยอยู่บนโลกในอดีต ส่วนใหญ่เป็นคลื่นความคิดที่แตกแยกไม่ปรองดองกัน และอกุศล
    มักทำให้เข้าใจผิดว่าเป็น วิญญาณของคนที่ตายไปแล้ว แต่ความจริงเป็นแค่คลื่นความคิดของผู้ตายที่ยังหลงเหลืออยู่ในอวกาศเท่านั้น

    คลื่นความคิดที่ควรรับ เข้ามา

    1.พลังชีวิต (ปราณ) ของจักรวาลที่ไหลเข้ามา เป็นพลังภายในที่บริสุทธิ์ เป็นทั้งปัญญาแห่งจักรวาลภายในตัวด้วย สามารถแทรกซึมเข้าสู่ทุกสรรพสิ่งได้อย่างเสมอภาค ไม่ลำเอียง ปัญญาและความรู้ที่บริสุทธ์ จึงมักเข้าไปใกล้ผู้ที่ถ่อมตัวและมีจิตใจปิดกว้าง มากกว่าคนใจแคบ
    มิใช่เพราะว่าปัญญาและความ รู้ลำเอียง แต่เป็นเพราะคนที่ใจแคบนั้นมีความสามารถในการรับปราณหรือพลังจักรวาลน้อย กว่าคนใจกว้างต่างหาก

    2.คลื่นความคิดจาก รูปธรรมชั้นสูง ทั้งจากในโลกนี้และที่มาจากดาวดวงอื่นที่มีวิวัฒนาการทางจิตสูงกว่าโลกของ เรา คลื่นความคิดนี้เปี่ยมไปด้วยความรักความหวังดี และเป็นประโยชน์ต่อชาวโลก

    3.การสื่อสารไปมาระหว่าง เซลหรืออะตอม จากสรรพสิ่งธรรมชาติรอบๆตัวเรา ด้วยภาษาร่วมหรือภาษาจักรวาลที่เป็นสากล

    อนึ่งมีข้อห้ามพึงระวังในการฝึกโทรจิต ก็คือ ผู้ฝึกจะต้องไม่ปล่อยคลื่นความคิดที่เป็นอกุศลใดๆ ออกมาเป็นอันขาด แต่จะต้องสร้างความรู้สึกที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวก้บสรรพสิ่งให้ได้
    วิธีฝึกโทรจิตของ"อดัมสกี้"ที่เป็น รูปธรรม มีดังนี้ครับ...
    ก่อนอื่นผู้ฝึกจะต้องตระหนักถึงปัจจัย 3 ประการในการฝึกโทรจิต คือ

    หนึ่ง ในการสัมผัสคลื่นความคิดที่เข้ามาจากข้างนอก จะต้องไม่มีการแบ่งแยกเกิดขึ้นระหว่างใจของเรากับผู้ที่เราต้องการสื่อสาร ด้วย

    สอง สรรพสิ่งล้วนมีชีวิต เซลล์แต่ละอันไม่เพียงแต่ให้พลังชีวิตเท่านั้นแต่ยังมีปัญญาดำรงอยู่ในตัว ด้วย เซลล์แต่ละอันจึงสามารถรับข่าวสาร และปล่อยข่าวสาร ที่เป็นประสบการณ์ของตนออกไปได้

    สาม ผู้ฝึกต้องควบคุมเซลล์ในร่างกายของตนโดยผ่านการตอบสนองของประสาทสัมผัสทั้ง 4 ในร่างกายของตน โดยทำให้อวัยวะแต่ละส่วน "เป็นกลาง" เสียก่อน

    วิธีฝึก
    1.ทดลองส่งโทรจิตระหว่างคนสองคน โดยเริ่มจากการอยู่ในห้องเดียวกันก่อน จากนั้นค่อยๆ เพิ่มระยะห่างระหว่างคนสองคนให้ไกลออกไปเรื่อยๆ
    -โดยผู้ส่งจิตจะต้องวาดภาพ หรือจินตการภาพที่จะส่งออกไปขึ้นไว้ในใจก่อน แล้งลองส่งออกไป
    -ส่วนผู้รับโทรจิตก็ต้องมีสมาธิคอย รับด้วยท่าทางและจิตใจที่ผ่อนคลาย ก่อนจะบอกคำตอบออกมา ถ้าทดลอง 5 ครั้ง แล้วตอบถูกเกิน 3 ครั้งขึ้นไปถือว่าใช้ได้

    2.ทดลองรับคลื่นโทรจิตจากสี่งของ ใกล้ๆตัวของใครคนหนึ่ง เช่นทายราคาของสินค้าอันนั้น (เนื่องจากอะตอมของสิ่งของนั้น ได้รับข่าวสารจากผู้เป็นเจ้าของมาก่อนแล้ว) จะทายข้อความในจดหมาย หรือทายไพ่ก็ย่อมได้..

    3.ฝึกโยนเหรียญ และออกคำสั่งให้เหรียญนั้นออก"หัว"หรือ"ก้อย" เมื่อตกลงพื้น โดยตอนออกคำสั่งนั้น ต้องแสดงความปรารถนาและจิตนาการให้ตัวเองแนบแน่นเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับ เหรียญเสียก่อน นอกจากฝึกกับเหรียญแล้ว ทดลองฝึกกับลูกเต๋าก็ได้..

    4.ฝึกให้เป็นอันหนึ่งอัน เดียวกับพื้นน้ำ หากมีโอกาสไปยืนที่สูงๆเหนือแม่น้ำ ทะเลสาบ บึง หรือเหนือทะเลกว้างๆ ลองจิตนาการให้ตัวเองแนบแน่นเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับคลื่นน้ำ เราจะได้สัมผัสความรู้สึกที่เย็นสดชื่นยิ่งขึ้น

    การพัฒนาความสามารถเชิง โทรจิตในตัวเรานั้น จำเป็นจะต้องฝึกฝนและฝึกฝน ๆ ๆ ในทำนองที่กล่าวมาแล้วข้างต้นนี้ หากมีใครทดลองฝึกแล้วยังไม่คืบหน้า นั่นย่อมแสดวว่า "อัตตา"(EGO) ของผู้ฝึกนั้นแรงไปนั่นเอง และปัจจัยความ เหนื่อยหน่าย เหนื่อยล้า และความเครียด อาจเป็นอุปสรรคของการฝึกโทรจิต

    ต้องรู้จักผ่อนคลาย ให้เป็นเรื่องปกติธรรมชาติไปเองในที่สุด...

    การใช้วัตถุธาตุ เพื่อสื่อพลังโทรจิต

    ชาว แอตแลนติสในยุคราว 40.000 ปีก่อน ได้เคยสร้างปิรามิดเพื่อใช้สื่อสารกับพลังจักรวาล ยังได้ใช้ผลึกคริสตัลมีทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็ก เพื่อการติดต่อ (รับคลื่น-ส่งคลื่น) กับพลังจักรวาลและจิตสำนึกแห่งจักรวาลด้วยวิธีการดังนี้..

    ในการรับคลื่นจิตวิญญาณระดับสูง ให้นำผลึกคริสตัลขนาดเล็ก มาวางเบี้องหน้าเราสองก้อน ให้ตัวเรานั่งอยู่บริเวณยอดสามเหลี่ยมของทรงปิรามิด (ให้ตัวเราเป็นผลึกคริสตัลก้อนที่สาม) จากนั้นใช้ลวดทองแดงหนึ่งเส้นพันรอบผลึกคริสตัน 3 รอบ ก่อนจะนำลวดทองแดงนั้นมาถือไว้ในมือทั้งสองข้าง ในท่าหลับตาเข้าสมาธิ..

    จาก นั้นให้เพ่งจิตและพลังทั้งหมดของเราไปยัง "ผู้ที่เราต้องการจะสื่อ สารด้วย"

    ในทางกลับกัน หากเราต้องการที่จะส่งคลื่นออกไป ข่าวสารของเราไปให้กับผู้ใด ก็ให้กระทำในรูปแบบตรงกันข้ามกับข้างต้น คือใช้สองมือเราแทนผลึกคริสตันสองก้อน (เป็นส่วนฐานของรูปสามเหลี่ยม) ในขณะที่ผลึกมีคริสตันเพียงหนึ่งก้อน มาเป็นปลายยอดของสามเหลี่ยมแทน (ตามรูป)

    วัตถุธาตุเหล่านี้เป็นสื่อที่สามารถใช้ติดต่อระหว่างธาตุ หยาบกับธาตุละเอียด หรือของมนุษย์กับเทวดา และรูปธรรมอื่นๆได้ เป็นเครื่องช่วยสื่อสารให้คมชัดขึ้น...(สมัยนั้นไม่มีโทรศัพท์ การโทรจิตจึงเป็นเรื่องที่แพร่หลายมาก)ข้อผิดพลาดของชาวแอตแลนติสใน อดีต ส่วนใหญ่ก็ไม่ต่างไปจากข้อผิดพลาดของมนุษย์ในปัจจุบันหรอกครับ..คือพวกเขา ไม่สามารถควบคุม "อัตตา"(EGO) ของเขาได้ จึงนำพลังอันมหาศาลที่อารยธรรมของเขาได้สร้างขึ้นมา ไปใช้ในทางที่ผิดๆ โดยเฉพาะสงคราม (ขุดหลุมฝังตัวเองแท้ๆ)

    ตั้งแต่มนุษย์คิดค้นระเบิด ปรมาณูขึ้นมาได้ และนำมาใช้เข่นฆ่าสังหารมนุษย์ด้วยกันเอง เป็นต้นมา จะว่าไปมนุษย์ในยุคนี้กำลังเจริญรอยตามจุดจบของชาวแอตแลนติสแทบทุกกระเบียด นิ้ว และถ้าหากข้อสัษฐานที่ว่าชาวแอตแลนติสมีเชี้อสายจากมนุษย์ต่างดาวเป็นจริง จึงไม่น่าแปลกที่ปรากฎการณ์จานบิน(UFO) จะมาปรากฎให้มนุษย์เห็นกันอย่างถี่ๆ นับแต่ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สองเป็นต้นมา เพื่อมาเตือนภัยแก่มนุษย์เรา ว่ากำลังเดินไปในทางที่ผิดๆกันอยู่...

    การใช้ประสาทสัมผัสจาก จักรวาล

    มนุษย์ต่างดาว ถูกอบรมตั้งแต่เด็กให้เข้าใจในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างกาย กับจิต และการ "ควบคุมใจ" เพราะฉะนั้น "ใจ แห่งอวัยวะสัมผัส" ของเขาจึงถูกยกระดับให้สูงส่งระดับเดียวกับ "ใจของฟ้า" (ปฐมเหตุแห่งจักรวาล) ทำให้เซลล์ในร่างกายทั้งหมดของพวกเขาสามารถตอบสนองคำสั่งที่ใจสั่ง ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยเหตุนี้ร่างกายของเขาจึงแข็งแรง และมีอายุยืนยาวเกินกว่าที่ชาวโลกจะคาดคิดได้เช่นกัน..

    ชาวโลกก็ สามารถทำได้เช่นเดียวกัน หากแต่บุคคลผู้นั้นต้องมีจิตใจที่กระจ่าง เที่ยงธรรม มีชิวิตอยู่อย่างมีปณิธาน ศรัทธา ความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้า และมีความคิดในเชิงบวก เซลล์ในร่างกายก็จะตอบสนองต่อจิตใจบุคคลนั้นในทางบวกเช่นกัน ทั้งเรื่องสุขภาพร่างกายและจิตใจ ย่อมได้ผลเช่นเดียวกัน

    แต่ชาวโลก ส่วนใหญ่ไม่ตระหนักถึง จิตสำนึกนี้ กลับมีชิวิตโดยใช้แค่ "ใจ" หรือ "สิ่ง รับรู้ในอารมณ์ทั้งหลาย "เท่านั้น ซึ่งผันผวนง่ายและแปรปรวนอย่างรุนแรง มาเป็นหลักของชิวิต ขณะที่มนุษย์ต่างดาวจะถือว่าจักรวาลเป็นองค์แห่งจิตสำนึก คือพระผู้สร้างหรือพระผู้เป็นเจ้า จึงพยายามประสานใจของตนให้สอดคล้องกับจิตสำนึกนี้...(คนที่นับถือพุทธะก็ยึด ในหลักความเป็นหนึ่งเดียวกับ "ปฐมเหตุแห่งจักรวาล" ความหมายไม่แตกต่างกัน..)

    กระแสคลื่นที่มนุษย์ต่างดาวปล่อยออกมา มีลักษณะเป็น "คลื่น ความคิด" ซึ่งมีลักษณะคล้ายแสง ถ้ากระแสความคิดถูกส่งเป็นคลื่นออกไปแล้ว มันจะเคลื่อนที่ไปอย่างไม่มีขอบเขต จนกว่าจะถูกดูดซับหรือถูกขวางกั้นโดยสิ่งอื่น หรือวัตถุอื่น...เช่นเดียวกันกับ "คลื่นความคิดของมนุษย์" เป็นคลื่นที่ส่งผ่านไปในอวกาศได้เช่นกัน แต่ไม่ได้มีลักษณะเป็นเส้นตรงทิศทางเดียวเหมือนลูกกระสุนจากปากกระบอกปืน หากแต่มีลักษณะเหมือนรังสีที่เปล่งออกมาเป็นเส้นตรงในทุกๆทิศทาง และแผ่ขยายตัวโดยมีจุดศูนย์กลางอยู่จุดหนึ่ง....
    การติดต่อกับผู้ขับ ขี่ยูเอฟโอ

    ที่มา http://www.eccentrix.com/members/4592010176/html/tact.html
     
  4. vergo shaka

    vergo shaka เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    539
    ค่าพลัง:
    +835
    ขอบคุณ ครับ *-*... ........
     
  5. Kama-Manas

    Kama-Manas เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    5,351
    ค่าพลัง:
    +6,491
    ขอบคุณท่านจขกท.มาก สำหรับข้อมูลดีๆ อ่านแล้วสงสัยอยู่ประเด็นเดียวที่บอกว่า"สามารถใช้โทรจิตถึงกันได้ตลอดชีวิต" เป็นยังไง? ไม่ค่อยเข้าใจ?
     
  6. โทรจิต

    โทรจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2010
    โพสต์:
    101
    ค่าพลัง:
    +1,377
    โทรจิต-คือ การติดต่อสื่อสารพูดคุยสนทนาโต้ตอบกันทางจิตได้ พลังจิตเป็นพลังงานคลื่นแสง คลื่นเสียง คลื่นวิทยุชนิดหนึ่ง มีความถี่สูงมาก ผู้ที่ฝึกจิตจนได้อภิญญา ก็สามารถติดต่อกันทางโทรจิตได้ ด้วยอำนาจจิต พลังวิเศษของจิต.......

    บางคนพ่อแม่ลูก ก็มีการส่งกระแสจิตถึงกันได้เมื่อยามมีเหตุการณ์สำคัญ เช่น การเจ็บป่วย ตกอยู่ในอันตราย คิดถึงปั๊บก็ติดต่อกันรู้เรื่องได้ ก็เป็นโทรจิต หรือมโนมยิทธิ-ฤทธิ์ทางใจก็ได้ เพราะจิตคนทุกคน มีอภิญญาสมาบัติอยู่ในตัวทุกคนอยู่แล้ว จะมากน้อยต่างกันก็ที่บุญบารมีที่ได้บำเพ็ญมาแตกต่างกันไป ไม่เหมือนกัน ไม่เท่ากัน.....

    หลวงพ่อจรัญฯติดต่อโทรจิตกับหมอบุญส่ง ตาทิพย์(ขอนแก่น)ลูกศิษย์ท่านได้ รู้กันทั่วไปนานเป็นสิบๆปีมาแล้ว ไส บาบา ก็ว่าส่งโทรจิตถึงลูกศิษย์หลายคนได้ พระสงฆ์ไทยบางองค์(ในกรุงเทพฯ)ท่านก็บอกว่า มีคนไทยติดต่อโทรจิตกับท่านได้เพียง 3 คนเท่านั้น !!!....ซึ่งผมคิดว่า น่าจะเป็นกลุ่มๆท่านที่มีความเกี่ยวพันกันมาในอดีตกระมัง เพราะเชื่อว่าในเมืองไทยคนส่งโทรจิตถึงกันได้มีมากกว่า 3 คนแน่นอน ดร.นพ.เทพนม เมืองแมน ก็โทรจิตติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวได้เป็นสิบๆปีมาแล้ว พระสงฆ์(ในต่างจังหวัด) และคนอื่นๆก็ติดต่อมนุษย์ต่างดาวหรือคนอื่นทางโทรจิตได้เหมือนกัน!!!.....

    มนุษย์ต่างดาวนั้น พวกเขาติดต่อกันทางโทรจิตได้เป็นปกตินานมาแต่ครั้งไหนๆอยู่แล้ว เพราะเขาเจริญกว่ามนุษย์ในโลกเรานี้มาเป็นหมื่นๆปีแล้ว ทั้งทางจิตและเทคโนโลยีต่างๆ ที่มนุษย์ทำ รู้สึกตื่นเต้นกันทุกวันนี้ มนุษย์ต่างดาวเขาเห็นเป็นของเด็กเล่นของพวกเขาทั้งนั้น!!!.....

    กล่าวง่ายๆคือบุคคลที่มีความสนิท สายเลือดเดียวกัน เช่น พ่อ แม่ พี่น้อง
    คนรัก และมิตรที่สนิทจริงๆ แม่ชี ทศพร เคยพูดว่าหากเกิดเหตุร้ายของบุคคล
    ที่มีความสัมพันธ์กัน จะทำให้ตากระตุก แต่สำหรับคนที่มีอภิญญาจะทราบทันที สามารถสัมผัสความรู้สึกกันได้ตลอดชีวิต เช่นพอนึกถึงคนนั้น
    แล้วเรารู้สึกสบายใจ หรือทุกข์ใจ หากเรานึกถึงในขณะที่จิตใจปรอดโปร่ง ไม่ได้ปรุงแต่งความคิด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 กันยายน 2010
  7. Kama-Manas

    Kama-Manas เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    5,351
    ค่าพลัง:
    +6,491
    ขอบคุณสำหรับคำตอบ... พอจะเข้าใจแล้ว!!!!!!
     
  8. Chumaji

    Chumaji เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    134
    ค่าพลัง:
    +523
    ***โทรจิต***(Telepathy) รับรองได้ว่าเป็นเรื่องจริง ล้านเปอร์เซ็นต์......
    พิสูจน์ด้วยตัวเองมาแล้วครับ พวกเขา (E.T.) รับสัญญานโทรจิตได้จริงๆ....
    รับประกันได้ ผมไม่ผิดศีลข้อ4 แน่นอนครับ เพราะอยู่ในเว็บที่เกี่ยวกับพุทธศาสนาด้วย
     
  9. Anupap9

    Anupap9 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    566
    ค่าพลัง:
    +503
    ผู้ได้อภิญญาสือสารกับสัตว์ได้ นั่นก็เป็นส่วนหนึ่งของโทรจิตรึเปล่าครับ
     
  10. kim_potter

    kim_potter เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2008
    โพสต์:
    131
    ค่าพลัง:
    +137
    แล้วถ้าเป็นแบบทักในแชท แล้วแค่เขาตอบว่า "หวัดดี" ก็รู้สึกได้เลยว่าเขากำลังเครียด

    ไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่า แต่ตอนนั้นฉันก็กำลังจิตสลดหดหู่อยู่ (เขาคนนั้นคือคนที่ฉันแอบชอบอยู่ในใจ)
     
  11. mawmee

    mawmee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    309
    ค่าพลัง:
    +622
    ขอบคุณมากค่ะ พอมีประสพการณ์บ้างเหมือนกันแต่เราเองยังรับได้แบบไม่ชัดเจนพยายามฝึกอยู่ค่ะ
     
  12. โทรจิต

    โทรจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2010
    โพสต์:
    101
    ค่าพลัง:
    +1,377

    หากเขาเป็นคนมีจิตสูง ประมาณว่าฝึกสมาธิมาบ้าง
    แล้วเป็นคนมีเมตตา ก็อาจจะรู้สึกได้ครับ
    ส่วนใหญ่จะรู้ในขณะที่นอนหลับฝันมากกว่า คือฝันเห็นคนทีกำลังคิดถึงเราอยู่
     
  13. Peak_14

    Peak_14 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    271
    ค่าพลัง:
    +465
    ดีจังเลยโทรจิต ถ้าโทรจิตกันได้ทุกคนโทรศัพท์ จะกี่ G.... คงจะไม่มีประโยชน์อีกต่อไป ฮุ ฮุ เรามาลองฝึกดูดีมั๊ย...อ่ะใครก็ได้ลองโทรจิตมาที ทายซิว่าผมคิดไรอยู่ หวยวันนี้จะออกอะไร ?
     
  14. ฅนล้านนา

    ฅนล้านนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    264
    ค่าพลัง:
    +1,000
    ...ผมไม่เก่งแต่พอจะยกตัวอย่างได้ดังนี้ "กล่าวคืิอจิตเหมือนโทรศัพท์ หากปลายสายที่เราจะโทรไปหาสายว่างเราก็โทรติด แต่หากสายไม่วา่งก็โทรไม่ติด เช่นกันหากจิตของผู้ที่เราคิดถึงคิดดีด้วยว่างสงบ(ต้องฝึกหรืิอมีสัมผัสที่หกตามที่จขกท.แนะนำ)เขาก็จะรับรู้หรือสัมผัสได้ครับ"
     
  15. โทรจิต

    โทรจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2010
    โพสต์:
    101
    ค่าพลัง:
    +1,377
    ต้องถามก่อนว่าคนที่คุณชอบเขามีนิสัยอย่างไร มีศีลมั้ย
    หรือไม่ก็มีนิสัยคล้ายกันกับคุณมั้ย แล้วคุณกับเค้าสนิทกันแค่ไหน
    หากเขามีจิตที่เป็นกุศล ไม่ขุ่นมัว เขาอาจจะรับรู้ได้
    คุณลองแผ่เมตตาแล้วส่งให้เขาดูครับ เขาอาจจะฝันเห็นคุณมาหา
    ลองถามเขาดู ให้สังเกตุในคืนวันศุกร์ คืนนี้แหละครับลองทำดูครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...