มหัศจรรย์แห่งจิต:สะกดจิตระลึกชาติ

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย NoOTa, 31 กรกฎาคม 2006.

  1. NoOTa

    NoOTa Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    20,125
    กระทู้เรื่องเด่น:
    349
    ค่าพลัง:
    +64,496
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD>โดย สายทิพย์


    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    การเดินทางย้อนอดีตไปสู่ภพชาติเก่าที่ผ่านมาของมนุษย์กระทำได้โดยการใช้ “จิต” นั่นคือการนั่งสมาธิ หรือการฝึกจิตในหลากหลายวิธีจนเกิด “ญาณ” ในระดับสูงที่สามารถทำให้ผ่านกาลเวลา กลับไปสู่อดีตชาติของตนเองได้ นี่คือวิธีที่ “ผู้ปฏิบัติ” ทั้งหลายย่อมรู้อยู่
    แต่ในปัจจุบันบรรดานักวิทยาศาสตร์ทางจิต รวมทั้งจิตแพทย์ที่มีชื่อเสียงทั้งในต่างประเทศ และในเมืองไทยได้ทำการพิสูจน์และยอมรับแล้วว่า “การสะกดจิต” เป็นอีกวิธีการหนึ่ง ซึ่งเป็นทางลัดไปสู่ “การระลึกชาติ” ได้เร็วขึ้น
    เรื่องนี้เราได้รับการเปิดเผยจาก อาจารย์ชนาธิป ศิริปัญญาวงศ์ ประธานชมรมนักสะกดจิตแห่งประเทศไทย ซึ่งมีดีกรีประกาศนียบัตร นักสะกดจิตบำบัดจากสมาคมนักสะกดจิตแห่งชาติ สหรัฐอเมริกา และมีประสบการณ์ในการเป็นนักสะกดจิตบำบัดอยู่เกือบ 10 ปี มีประสบการณ์ในการสะกดจิตระลึกชาติย้อนอดีตมาไม่น้อยกว่า 400 คน
    การสะกดจิตระลึกชาติเป็นที่ยอมรับในวงการวิทยาศาสตร์ว่าเป็นเรื่องจริง ไม่ใช่ปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติหรือปาฏิหาริย์ใดๆทั้งสิ้น ชาติที่แล้วใครเคยเกิดเป็นอะไร ไปทำอะไร หรือทำกรรมอะไรมาบ้าง เมื่อสะกดจิตระลึกชาติแล้ว เราสามารถรู้ได้ทุกคนด้วยตัวของเราเอง
    แต่ก่อนอื่นหลายคนคงอยากจะทราบว่า การสะกดจิตมีมานานแค่ไหนแล้วในประเทศไทยเรามีการสะกดจิตกันนานหรือยัง เรื่องนี้ อาจารย์ชนาธิป อธิบายให้ฟังว่า
    “การสะกดจิตถ้าเอาแบบฝรั่ง เขาบอกสะกดจิตมีมาพร้อมโลก เพราะในคัมภีร์ไบเบิ้ลเขียนว่า พระเจ้าสร้างอดัมกับอีฟ ตอนสร้างอดัมพระเจ้าสะกดจิตอดัมให้นอนเพื่อให้เรียนรู้จากวิธีการนอน
    ทีนี้ในศาสนาพุทธผมสังเกตว่าแม้แต่พระพุทธเจ้าท่านก็สะกดจิตนะ โดยวิธีสวดมนต์นี่แหละ เสียงสวดมนต์เป็นเสียงสะกดจิต การสวดมนต์ในพุทธศาสนา
    การทำละหมาดในอิสลาม การร้องเพลงในโบสถ์ก็ถือเป็นการสะกดจิต ทีนี้เอาอย่างเป็นเรื่องเป็นราวก็ถอยไปไม่นาน 70-80 ปี ก็มีคนเริ่มเอาการสะกดจิตมาใช้อย่างเป็นเรื่องเป็นราวในยุโรป อังกฤษ เยอรมนี เดิมทีก็ยังไม่เข้าใจว่าการสะกดจิตคืออะไร บางคนก็บอกว่าเป็นอำนาจลึกลับ บางคนก็บอกเป็นพลังแม่เหล็ก
    แต่โดยข้อเท็จจริงแล้วมันเป็นการโน้มน้าวจิตใจ เพราะฉะนั้นคำว่า “สะกดจิต” ซึ่งเดิมมาจากภาษาอังกฤษใช้คำว่า ‘Hypnosis’ (ฮิปโนซิส) เดี๋ยวนี้เขาเปลี่ยนใหม่ใช้คำว่า ‘Suggestion’
    คือการให้คำแนะนำหรือแปลว่าการโน้มน้าวจิตใจก็ได้ ผมจะเรียกว่า ‘การกล่อมเกลาจิตใต้สำนึก’
    เพราะฉะนั้นศาสตร์ตัวนี้ถือว่าใหม่ เดิมทีสมัยก่อนโดยทางการแพทย์ แพทย์ไทยยังมีระบุอยู่เลย บอกว่า การสะกดจิตเนี่ยมันได้ผลไม่ถาวรและรักษาโรคได้ไม่กี่โรค แต่โดยข้อเท็จจริงแล้วตอนนี้มีการประชุมนักสะกดจิตโลก เขาบอกการสะกดจิตรักษาได้เยอะหลายโรคและมีผลถาวรด้วย”
    “ในเมืองไทยเราคนแรกที่พูดถึงการสะกดจิต ก็คือ ‘หลวงวิจิตรวาทการ’ ท่านแต่งหนังสือมหัศจรรย์ทางจิต เขียนเรื่องอำนาจลึกลับ พลังมหัศจรรย์อะไรต่างๆ ไว้ซัก 20 เรื่องมั้ง
    หนึ่งในนั้นมีเรื่องของการสะกดจิต อันนี้ถือว่าบันทึกไว้เป็นเรื่องเป็นราว แต่ว่าก็แค่เขียน ที่นี้เอาเป็นเรื่องเป็นราวจริงๆเนี่ยก็ 30 ปี ที่ผ่านมา คนแรกที่เอาการสะกดจิตมาทดลองและเขียนผลงานทางวิชาการเป็นหนังสืออย่างเป็นเรื่องเป็นราวคือ นพ.เชียร สิริยานนท์ เป็นจิตแพทย์ ท่านเอาการสะกดจิตมาทดลองและเผยแพร่เป็นครั้งแรกในประเทศไทย แต่ตอนนั้นเนื่องจากว่ามันเป็นศาสตร์ใหม่ คนก็ยังรู้จักกันน้อย”
    อาจารย์ชนาธิป ยังได้ให้ความเห็นถึงการระลึกชาติและรายละเอียดของการสะกดจิตระชาติว่า
    “ผมมีความเห็นเหมือนกับคนในพระพุทธศาสนาทั่วๆไป ถ้าเชื่อในพระพุทธเจ้าก็น่าจะเชื่อได้ว่าการระลึกชาติมีจริง เพราะว่าถ้าไม่เชื่อว่าการระลึกชาติมีจริงก็ต้องบอกว่าพระพุทธเจ้าโกหก แต่ทีนี้ ในพระพุทธศาสนาก็บอกว่า โอ้โห...ต้องมีญาณมีอะไรถึงจะไประลึกชาติได้ ซึ่งนั่นก็เป็นการกระทำทางจิตต่อตัวเอง ซึ่งในทฤษฎีสะกดจิตเนี่ยมันจะตอบคำถามง่ายๆเลยว่า ถ้าเรากระทำทางจิตกับตัวเองเนี่ยมันยาก แต่ถ้ามีบุคคลอื่นมาช่วยกระทำทางจิตให้เราเนี่ยมันง่าย มันจะเร็วขึ้น เพราะฉะนั้นก็แปลว่าถ้าจิตสงบดำดิ่งลึกลงไป อยู่ในสภาวะที่พร้อมจะสื่อสารกับจิตใต้สำนึกได้ ก็มีแนวโน้มไปสู่การระลึกชาติภพที่ผ่านมาได้”
    ภาวะที่จิตสงบดำดิ่ง ขณะได้รับการสะกดจิตให้ระลึกชาตินั้นอาจารย์ชนาธิป กล่าวว่าเหมือนกับ “ภวังค์” ในภาวะที่ “จิตว่าง” ในระดับสูง ขณะที่เรานั่งสมาธิทำจิตให้สงบนั่นเอง
    และความนิยมในการสะกดจิตระลึกชาติสำหรับในเมืองไทยเวลานี้ก็มีการตื่นตัวและให้การยอมรับกันอย่างกว้างขวางหลายกลุ่ม
    “ความสนใจเรื่องสะกดจิตระลึกชาติปัจจุบันมีหมดเลยทุกกลุ่ม ทหาร หมอ อาจารย์มหาวิทยาลัย ด็อกเต้อร์ ชาวบ้าน แม่ค้า อยากรู้หมด เพราะฉะนั้นความอยากรู้เรื่องชาติภพที่แล้วเนี่ยไม่จำกัดกลุ่ม เพศ และวัย 60-70 ก็ยังอยากรู้ เด็กๆ 10 กว่าขวบ ยังเคยมาระลึกชาติ แต่ทุกคนที่มาให้สะกดจิตระลึกชาติ อาจทำได้ไม่ 100%
    จากประสบการณ์ของผมและก็เทียบกับผลงานทางวิชาการเรื่องระลึกชาติของนักสะกดจิตในต่างประเทศมันก็คล้ายๆกัน ในทุกๆ 10 คน จะมีอยู่ประมาณ 7-8 คน ที่สะกดจิตได้ อีก 2-3 คน สะกดไม่ได้มันเป็นความพร้อมของแต่ละคนขึ้นอยู่กับสภาวะทางจิตของเขา
    ทีนี้คนที่จะไประลึกชาติได้พบว่า สมมุติว่าสะกดจิตครั้งแรกเลย จะไประลึกชาติได้ใน 10 คนเนี่ย มีโอกาสทำได้แค่ 2-3 คน เท่านั้นเอง และมากน้อยไต่ระดับลงไปอีก และเห็นได้กี่ชาตินี่ในงานของคนอื่นก็มีไปได้เป็น 10 ชาติ แต่ตัวอย่างเท่าที่ผมรวมแล้วน่าจะประมาณ 300-400 คน ที่มาระลึกชาติกับผมและเท่าที่ผมพบก็ไปกันได้ซัก 5-6 ชาติ”
    สำหรับตัว อาจารย์ชนาธิปเองยังเคยมีประสบการณ์ในการสะกดจิตตัวเองให้ระลึกชาติมาแล้วเหมือนกัน ซึ่งการสะกดจิตตัวเองให้ระลึกชาตินั้น อาจารย์บอกว่าหากศึกษาแล้วสามารถทำได้ไม่มีอันตราย เพียงแต่ว่าจะทำได้หรือไม่ได้เท่านั้นเอง ส่วนเรื่องราวในอดีตชาติที่อาจารย์ชนาธิปเคยย้อนไปดู อาจารย์ได้เล่าให้ฟังว่า
    “ผมเคยระลึกชาติตัวเองได้ซัก 2 ชาติ เริ่มที่ชาติก่อนหน้าโน้น เห็นว่าตัวเองเป็นผู้หญิงฝรั่งอ้วนกลมเหมือนฝรั่งสมัยโบราณเลยใส่ชุดสุ่ม มีลูกชาย 4 คน ลูกพวกนี้ขยัน เราก็เลี้ยงลูกอยู่แต่ในครัว พอลูกโตก็ออกจากบ้านไปเป็นทหารหมดเลย
    แต่การระลึกชาตินั้นไม่เห็นว่าใครเป็นสามี ไม่รู้ว่ามีสามีรึเปล่า แต่พอลูกออกไปหมดก็อยู่บ้านคนเดียว แล้วก็มีคำพูดแวบออกมาจากผู้หญิงคนนี้บอกว่า เป็นผู้หญิงน่ะไม่สนุกเลย
    พอมาอีกชาตินึง ก่อนหน้าชาติปัจจุบันเนี่ยเป็นผู้ชาย หน้าดูเป็นเอเชีย แต่ผมไม่รู้ว่าชาติไหนอาจจะเป็นฟิลิปปินส์ เวียดนาม อินโด หรือไทยแถวๆนี้คงจะรวย เพราะว่าแกมีสนามแบดมินตันในบ้าน แต่ว่าหน้าแกไม่มีความสุขเลย หน้าแกทุกข์มาก
    แล้วก็มาชาตินี้มันก็เลยทำให้ผมตอบคำถามตัวเองว่า อ้อ...เป็นไปได้ว่าชาติโน้นเป็นผู้หญิง แล้วก็รู้สึกว่าไม่สนุก ขอเปลี่ยนแล้วกัน พอมาเป็นผู้ชายก็ไม่สนุกอีกมันก็ไปสอดคล้องกับพุทธศาสนา คนเราเกิดมาเพราะ ‘อวิชชา’
    คนเราเกิดมาเพื่อลองผิดลองถูกไปเรื่อยๆ เพื่อแสวงหาความสุขสูงสุดในชีวิต มาถึงตอนนี้ผมก็ตอบคำถามตัวเองนะ โดยเอาผลมาหาเหตุว่า มีความสุขหรือไม่มีความสุขก็ไม่เกี่ยวกับการเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง ไม่เกี่ยวกับมีสตางค์ไม่มีสตาง ค์อยู่ที่ว่าเราทำใจเราให้เรามีความสุขได้หรือไม่ต่างหาก”
    “แล้วภาพที่เห็นระหว่างระลึกชาติมันก็เหมือนความฝันแต่ว่ามันจะมีข้อแม้อยู่ก็คือ หนึ่งเราไม่ได้หลับไป สองเราไม่ได้คิดไปเองเพราะถ้าเราคิดไปเองเราจะไม่สงสัยในสิ่งที่เราคิดไปเอง คือผมจะไปคิดเองทำไมว่าชาติก่อนผมเป็นผู้หญิงน่ะ
    ถ้าเราคิดไปเองคนส่วนใหญ่น่าจะคิดไปประมาณว่า แบบเป็นเทวดาเหาะมา หรือชาติที่แล้วเป็นพระราชา เป็นเจ้าหญิงอะไรพวกนั้นน่ะ เพราะว่าหลายๆคนที่มาระลึกชาติกับผมเนี่ยมีหมดแหล่ะ เคยเป็นงูก็มี เป็นแพะก็มี เป็นกระต่าย สิงห์โตก็มี ซึ่งถ้าเขาคิดเองเขาจะคิดอย่างนั้นทำไม ใช่มั้ย เป็นควายยังมีเลย บางคนระลึกชาติปุ๊บเห็นภาพควายมา แถมยังรู้สึกด้วยว่า ควายตัวนั้นคือเขา”

    ฉบับหน้าจะมาติดตามกันต่อว่า บุญและกรรมในอดีตชาติจะตามมามีผลในชาติปัจจุบันหรือไม่ อย่างไร และเจ้ากรรมนายเวรมีจริงหรือไม่[​IMG]



    ที่มา : นิตยสารหญิงไทย
    ฉบับที่ 739 ปีที่ 31 ปักษ์หลัง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 กรกฎาคม 2006
  2. NoOTa

    NoOTa Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    20,125
    กระทู้เรื่องเด่น:
    349
    ค่าพลัง:
    +64,496
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD>

    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    มหัศจรรย์แห่งจิต : สะกดจิตระลึกชาติ

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD>โดย สายทิพย์</TD></TR></TBODY></TABLE>


    (ตอนจบ)



    เรื่องราวของการสะกดจิตระลึกชาติฉบับที่แล้ว อ.ชนาธิป ศิริปัญญาวงศ์ นักสะกดจิตบำบัดผู้มีชื่อเสียงท่านหนึ่งในเมืองไทย ได้ให้รายละเอียดในที่มาของการสะกดจิตระลึกชาติมาพอสมควร ในฉบับนี้เนื้อหาจะเข้มข้นขึ้นจนชวนตกตะลึง เมื่อพบว่าจากประสบการณ์ของการเป็นนักสะกดจิตให้คนระลึกชาติมาแล้วมากมาย ทำให้ อ.ชนาธิป ได้ค้นพบว่าเรื่องราวในอดีตชาติไม่ว่าเราจะเคยสร้างบุญและบาปใดๆก็ตาม ล้วนมีผลต่อชาติปัจจุบันทั้งสิ้น
    ชาตินี้คุณไม่ประสบความสำเร็จในชีวิต ล้มเหลวในความรักมาโดยตลอด สุขภาพก็แย่รักษาไม่หาย ทุกสิ่งทุกอย่างนี้ทำให้ทุกข์ทรมานใจเหลือเกิน ซึ่งทุกข์ ทั้งหลายเหล่านี้มีที่มาจากชาติภพที่แล้วทั้งสิ้น เหตุเพราะกรรมดีและไม่ดีในอดีตที่เราเคยทำ มันส่งผลเป็นห่วงลูกโซ่ให้เราตามชดใช้อย่างไม่สิ้นสุดนั่นเอง
    อ.ชนาธิป ได้ยกตัวอย่างเรื่องราวของผู้ที่มีปัญหามาให้อาจารย์สะกดจิตระลึกชาติให้ฟังในหลายๆกรณี ซึ่งแต่ละกรณีล้วนน่าสนใจ อย่างกรณีหนึ่งอาจารย์ได้เล่าว่า
    นี่เป็นอีกรายนึง เขาบอกว่า เขาแปลกใจทำไมเขาเกลียดแม่ แม่ก็เกลียดเขาและแม่ก็มีพ่อเลี้ยง แต่พ่อเลี้ยงกลับคุยกันรู้เรื่องมากกว่าแม่อีก แม่เกลียดขนาดว่าไล่ออกจากบ้านได้ คนนี้เขาก็อายุ 30 แล้ว มีลูกมีเต้าแล้ว เขาก็มาระลึกชาติและรู้ที่มาของปัญหาหมดเลย หนึ่งทำไมแม่เกลียดเขา เขาบอกว่าชาติก่อนเขาเห็นตัวเองเป็นคนจีนและก็มีหลาน 3 คน หลานคนหนึ่งในนั้นเขารักมากเลย คนที่รักมากชาตินี้มาเกิดเป็นลูกเขา ส่วนหลานอีกคนนึงเขาเกลียดมากเลย เขาเอายาพิษกรอกให้กิน กรอกปากให้ตายไปเลย หลานคนนี้ก็มาเป็นแม่เขา ทีนี้ผมก็เลย เอ้า...แถมหน่อยเรื่องเนื้อคู่ คนที่เป็นเนื้อคู่ติดตามกันมา เขาบอกเขาเห็นงู 2 ตัว เขาเป็นงูตัวเมียนะ และงูอีกตัวก็คือพระรูปนึงที่เขารู้จักในชาตินี้ แล้วเขาก็รักพระรูปนี้ เขาไม่รู้ว่าทำไมเขาเห็นพระรูปนี้แล้วเขาช้อบชอบ ซึ่งก็รู้ว่าไม่ดีเลยไปคิดถึงพระในแง่นี้ แต่เขาก็รู้แล้วว่าทำไม อ๋อ...เคยเป็นเนื้อคู่กันมาก่อนนี่เอง

    อีกรายนึงนี่สนุก คนนี้นี่ไปทั้งอดีตได้ ไปทั้งอนาคตได้ ไปอดีตได้เนี่ยแต่เห็นอดีตไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ แกบอกว่าแกติดอยู่ในบ้านหลังหนึ่ง มาระลึกชาติ 3-4 รอบ แกก็วนอยู่ในบ้านนั้นไปไหนไม่ได้ซักทีหนึ่ง แต่ไปอนาคตนี่น่าสนใจ ตรงที่ว่าผมได้พาไปสู่อนาคตของชีวิตเขาในช่วง 3 ปี ที่จะถึงนี้ เขาเห็นตัวเองขับรถ BMW สีดำผ่านสนามหลวง ซึ่ง ณ ตอนนั้นเขาก็ไม่มีรถ BMW สีดำ ปรากฏว่าอีกครึ่งปีต่อมา มีคนเอารถ BMW มือสองมาขายให้เขา ซึ่งเขาก็ซื้อไว้ แต่เขาจำไม่ได้นะว่าเขาเคยระลึกชาติเห็นภาพนี้มาก่อน และอีกประมาณเดือนเศษหลังจากเขาซื้อรถแล้ว เขาก็ขับรถไปเรื่อยแล้วก็ขับผ่านสนามหลวง เขาก็ค่อยนึกขึ้นได้ว่า เอ๊ย...เคยเกิดขึ้นแล้วนี่ เคยสะกดจิตระลึกชาติมาเห็นแล้วนี่
    นอกจากเรื่องราวของการระลึกชาติในบางกรณีที่ อ.ชนาธิป ได้เล่ามาก็ยังมีอีกหลายกรณีที่น่าสนใจ ซึ่งเกิดขึ้นจากภวังค์ระหว่างการสะกดจิตระลึกชาติ อันแสดงให้เห็นความสำคัญในเรื่องของกฎแห่งกรรมที่แสดงผลตามติดมาในชาตินี้ เรื่องราวบางเรื่องต่อไปนี้ผู้เขียนได้เรียบเรียงอย่างย่อๆ จากข้อเขียนของ อ.ชนาธิป ในหนังสือระลึกชาติ บางเรื่องราวน่าอัศจรรย์เสียจนชวนให้คิดและเกรงกลัวต่อบาป
    มีกรณีหนึ่งที่ อ.ชนาธิป บอกว่าเป็นเรื่องราวของ เจ้ากรรมนายเวรตามข้ามชาติกรณีนี้มีคุณพ่อเป็นนายแพทย์และคุณแม่เป็นพยาบาล ครอบครัวนี้มีลูกสาวคนเดียว อายุ 13 ขวบ แต่มีปัญหาคือลูกสาวพูดไม่ได้มาตั้งแต่เกิด ทั้งๆที่ไม่ได้เป็นใบ้ และไม่ได้มีลิ้นไก่สั้น ทั้งคุณพ่อ คุณแม่ต่างตระเวนพาลูกสาวไปรักษามาทั่วสารทิศถึง 10 กว่าปี เพื่อหาสาเหตุที่ทำให้ลูกสาวพูดไม่ได้
    จนสุดท้ายคิดว่าสาเหตุที่ลูกตัวเองเป็นน่าจะเกิดจากปัญหาทางจิต จึงได้พามาหา อ.ชนาธิป เพื่อให้ทำการสะกดจิตลูกสาวให้ระลึกชาติเพื่อหาสาเหตุ แต่ผลของการสะกดจิตล้มเหลว เพราะลูกสาวไม่ให้ความร่วมมือ คนที่เสียใจคือคุณแม่ เธอร้องไห้ และคิดว่าตัวเองคงทำเวรทำกรรมอะไรมา ลูกสาวจึงต้องเป็นอย่างนี้
    ท้ายที่สุดเธอจึงได้ให้ อ.ชนาธิป ลองสะกดจิตระลึกชาติตัวเธอดูว่าชาติที่แล้วทำเวรทำกรรมอะไรมาบ้าง เมื่อผ่านขั้นตอนการสะกดจิต จนตื่นจากภวังค์แล้ว เธอได้เล่าให้ฟังว่า เธอเห็นตัวเธอเองกับสามีคนปัจจุบันเป็นคนใช้ในบ้านหลังใหญ่ ซึ่งสามีของเธอในชาตินี้ก็เป็นสามีในชาติที่แล้วเหมือนกัน โดยภาพที่เธอเห็นนั้น เป็นตอนที่เธอกับสามีกำลังช่วยกันเอาหมอนอุดปาก อุดจมูก นายหญิงที่อยู่บ้านเพียงคนเดียวเพื่อชิงทรัพย์ ซึ่งนายหญิงก็ดิ้นทุรนทุราย ปากก็ร้องอือๆอ่าๆ ไปจนขาดใจตายในที่สุด เมื่อรู้เช่นนั้นเธอจึงพอจะเข้าใจในเวรกรรมที่ตามมาจองเวรเธอและสามีในชาตินี้ เพราะเธอรู้แล้วว่านายหญิงที่เธอและสามีร่วมกันฆ่าในชาติก่อน ตามมาเกิดเป็นลูกสาวที่ไม่ยอมพูดของเธอนั่นเอง
    นี่คือเวรกรรมตามข้ามชาติที่ อ.ชนาธิป ให้คำอธิบายว่า การเกิดมาในครอบครัวเดียวกันถือเป็นการแก้แค้นที่ถึงใจนัก เพราะสามารถทรมานจิตใจชายหญิงคู่นี้ได้มากที่สุด
    หากเกิดเป็นคนอื่น คนคู่นี้อาจจะพยายามหนีห่างไม่อยู่ใกล้ ไม่วุ่นวายด้วยได้ แต่พอเกิดเป็นลูกพ่อ แม่จะทิ้งลูกไปไหนได้ และสิ่งที่ทรมานใจพ่อแม่ที่สุดคือการต้องทนเห็นลูกตัวเองพิการเป็นใบ้ทั้งที่ไม่น่าจะเป็น ต้องทุ่มเทเงินทองเพื่อเสาะแสวงหาวิธีรักษาลูกสาวอันเป็นที่รัก
    ดังนั้น เงินที่เคยเอาของเขาไปเมื่อชาติที่แล้ว เขาก็ตามมาเอาคืนในรูปแบบนี้ เคยทรมานเขาไว้ในชาติที่แล้ว เขาก็ตามมาจองเวรชนิดใกล้ตัวอย่างดิ้นไม่หลุด
    และบางคนอาจสงสัยว่าฆาตกรฆ่าคนตายทำไมถึงได้เกิดมาดี เป็นหมอ เป็นพยาบาล อ.ชนาธิปอธิบายต่อไปว่าอาจเป็นเพราะกรรมดีส่วนหนึ่งที่ทั้งคู่เคยทำไว้ในอดีต แต่ภาพไม่ได้ปรากฏให้เห็นยามสะกดจิตระลึกชาติ เพราะกฎแห่งกรรมชาติอย่างหนึ่ง
    หากให้ย้อนคิดถึงอดีตชาติ สิ่งที่ฉายภาพขึ้นก่อนเป็นภาพแรกก็คือ สิ่งที่เลวร้ายที่สุดในชาตินั้น หากคุณฆ่าตัวตาย คุณจะเห็นภาพสุดท้ายก่อนที่คุณจะตาย หากคุณฆ่าคนตายก็จะได้เจอภาพนั้นก่อน และเมื่อเคยทำลายชีวิตคนเอาไว้ ชาตินี้คุณก็จะต้องมีหน้าที่มาดูแลช่วยเหลือชีวิตคนเป็นการชดใช้กรรม
    ในตอนท้ายของข้อเขียนในเรื่องนี้ อ.ชนาธิป ยังได้ไขปริศนาอีกว่า เพราะเหตุใดนายหญิงเมื่อชาติที่แล้วไม่ได้ทำผิดอะไร แถมยังโดนทำร้ายจนตายทั้งที่ยังไม่อยากตาย แต่ชาตินี้ต้องเกิดมาพูดไม่ได้อีก
    คำตอบของเรื่องนี้เป็นเพราะช่วงวินาทีที่เธอขาดใจตายจิตของเธอไม่ได้คิดถึงเรื่องใดๆเลย นอกจากความแค้นการคิดจองเวรจองกรรมสองสามีภรรยา ด้วยจิตที่ตั้งมั่นอย่างแรงทำให้เธอยึดติดกับเหตุการณ์ตอนขาดใจตาย ที่เธอพูดไม่ได้ ส่งเสียงได้เพียงอือๆ อ่าๆ ชาตินี้เธอจึงเกิดมาเป็นแบบนี้

    สำหรับคนที่สนใจการสะกดจิตระลึกชาติหรือการสะกดจิตรักษาโรคสามารถติดต่อ อ.ชนาธิปได้ที่ 0-2944-1682 0-9229-7556 หรือ http://www.thaihypno.com/

    และอาจารย์ยังได้เปิดอบรมพลังจิต 4 ระดับทุกเดือน สนใจติดต่อได้ที่เบอร์ดังกล่าวค่ะ[​IMG]




    ที่มา : นิตยสารหญิงไทย
    ฉบับที่ 740 ปีที่ 31 ปักษ์แรก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 กรกฎาคม 2006
  3. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    ตามมาอ่านครับ..เรื่องยาวดีจริงๆ ใช่สะกดจิตแบบนี้รึเปล่าน้า.. โลกหมุนๆๆๆ..

    [​IMG]


    [​IMG]
    Induction with a pendulum
    The eyes are fixing the pendulum, the person is getting relaxed, the eyes are getting heavy... after the eyes are closed, the hypnotist is using soft pressure at the forehead to make the trance deeper.
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 กรกฎาคม 2006
  4. NoOTa

    NoOTa Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    20,125
    กระทู้เรื่องเด่น:
    349
    ค่าพลัง:
    +64,496
    อุ๊บบส์!!..ตาลายเลยอ่ะ..รูปแรก..
     
  5. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    "การสะกดจิต" เป็นวิธีการบริหารจิตอีกวิธีหนึ่ง เป็นประสบการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นผลมาจากความคาดหวังของผู้ถูกสะกดด้วย จะได้ผลหรือไม่น่าจะมีสองแบบ...
    1.ภาวะเมื่อเราปล่อยให้จิตใจล่องลอย -ไม่มีสมาธิ
    2.ภาวะที่จดจ่อให้การรับรู้คมชัดขึ้น - มีสมาธิตื่นตัว

    ความจำกัดของรัศมีการรับรู้ขึ้นอยู่กับสติสัมปชัญญะของแต่ละคน เป็นการใช้"จิตใต้สำนึก" และรับรู้ด้วยประสาทสัมผัสที่หก นอกเหนือไปจากการรับรู้ด้วยประสาทสัมผัสทั้งห้าที่เราเคยชิน แต่คงอยู่ได้ไม่นานเท่ากับ"ความฝัน" ซึ่งดูจะเป็นธรรมชาติมากกว่า "สะกดจิต"


    ความฝันเป็นธรรมชาติของจิตวิญญาณ ที่คอยสื่อสารกับตัวเรา ถ้าเรามีสติตามไปเพื่อรับรู้ว่ามันเกิดขึ้นเมื่อใด? มันเป็นไปอย่างไร? มันจะทำให้เราเรียนรู้ความเป็นจริง ของการดำรงอยู่ในภาวะที่นอกเหนือไปจากระยะทาง ช่องว่าง และกาลเวลา

    "ความคมชัด" ขึ้นอยู่กับสติที่เราใส่ใจ เสมือนการปรับคลื่นรับทีวี ให้ได้ภาพและเสียงที่คมชัดจากสถานีที่เราต้องการ แต่บ่อยครั้งที่เราไม่ได้ตั้งใจตั้งสติ จิตวิญญาณก็จะล่องลอยเข้า-ออก เปลื่ยนคลื่นไปสู่สถานีต่างๆ อย่างไร้จุดหมาย กลายเป็นรับภาพจากที่หนึ่ง แต่ดันไปรับเสียงมาจากอีกที่หนึ่งแทน ความฝันเป็นข้อมูลที่รับฟังได้นะครับ...แต่ต้องจูนให้ชัดๆซักหน่อย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 กรกฎาคม 2006
  6. YoUxIpUn

    YoUxIpUn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    67
    ค่าพลัง:
    +172
    เคยอ่านหนังสืออ่ะ เรื่อง สะกดจิตระลึกชาติ นุกมากเลยอ่ะคะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...