มารู้จักกับ Angkor National Museum

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติอังกอร์ (Angkor National Museum)
ที่จังหวัดเสียมราฐ ประเทศกัมพูชา
มีกำหนดเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการ
โดยจะเป็นสถานที่จัดแสดงวัตถุโบราณ
และนำเสนอเรื่องราวด้านวัฒนธรรม
การปกครอง ความเชื่อ และศาสนาของอาณาจักรขอมโบราณ
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "นครวัด" อันยิ่งใหญ่
ซึ่งเป็นที่รับรู้โดยทั่วกันของคนทั่วโลกในฐานะ "1 ใน 7
สิ่งมหัศจรรย์ของโลก"

"Angkor National Museum" มีพื้นที่มากกว่า 20,000 ตร.ม.
แบ่งเป็นอาคารฝั่งพิพิธภัณฑ์ที่จะมีห้องจัดแสดง
ขนาดใหญ่ 8 ห้อง พร้อมโบราณวัตถุที่สำคัญจากยุคต่างๆ
กว่า 2,000 ชิ้น อีกส่วนเป็นอาคารเรียกว่า
"Culture Mall"
ซึ่งจะรวบรวมสินค้า ของที่ระลึก และบริการต่างๆ ไว้ด้วยกัน
เพื่อเป็นแหล่งช็อปปิ้งแห่งใหม่
และสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของนักท่องเที่ยว
จากทั่วโลกที่มาเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์และชาวกัมพูชาเอง

"See Angkor Wat and Die" เป็นคำกล่าว
ของนักประวัติศาสตร์ชาวอังกฤษ "อาร์โนลด์ ทอยน์บี"
ซึ่งน่าจะสะท้อนภาพความยิ่งใหญ่ของอาณาจักรขอม
และนครวัดได้เป็นอย่างดี

ปริมาณนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเยี่ยมชมนครวัดเพิ่มขึ้นทุกปี
ว่ากันว่าภายในปี 2010 มีโอกาสถึง 4 ล้านคนเลยทีเดียว

ถ้าใครมีโอกาสได้ไปเยือนเสียมราฐในเวลานี้
จะได้เห็นโรงแรมใหม่ๆ ผุดขึ้นเป็นจำนวนมาก
ซึ่งมีนักธุรกิจไทยกลุ่มใหญ่ๆ รวมอยู่ด้วย
ตั้งแต่กลุ่มเบียร์ช้างที่เข้าไปลงทุน
ในโรงแรมเลอ เมอริเดียน, ร.พ.กรุงเทพ
ของ น.พ.ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ
เจ้าของสายการบินบางกอก แอร์เวย์ส
และร.พ.กรุงเทพ เป็นต้น

กลุ่มสามารถของตระกูล "วิไลลักษณ์" เข้ามาลงทุนที่นี่
นานถึงกว่า 15 ปีแล้ว เริ่มจากธุรกิจมือถือ
ขยายมาสู่การให้บริการควบคุมการจราจรทางอากาศ
และโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก

แต่ยังไม่น่าทึ่งมากเท่ากับ
"Angkor National Museum"
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติอังกอร์ ที่ดำเนินการโดยคนไทย
ในนามบริษัท วิไลลักษณ์ อินเตอร์เนชั่นแนล โฮลดิ้ง จำกัด
ของตระกูลวิไลลักษณ์

อีก 2-3 เดือนข้างหน้า เชื่อว่าในบรรดาโปรแกรมทัวร์
นครวัดของบริษัททัวร์ต่างๆ น่าจะมี
"Angkor National Museum" รวมอยู่ด้วย

Angkor National Museum เริ่มต้นมาจากความชอบ
ส่วนตัวของ "เจริญรัฐ" พี่ใหญ่ของตระกูลวิไลลักษณ์

"ผมสนใจประวัติศาสตร์ ชอบวัฒนธรรมของอาณาจักร
ขอมโบราณมานานแล้ว เมื่อมีโอกาสมาเยี่ยมชมนครวัด
ครั้งแรกเมื่อหลายปีก่อน ก็รู้สึกว่าที่เขาพูดกันว่ายิ่งใหญ่มากนั้น
มาเห็นของจริงยิ่งใหญ่กว่าเสียอีก
หลายปีที่ผ่านมาได้มีการมาทำธุรกิจที่นี่ก็คิดมาตลอด
ว่าจะตอบแทนชาวกัมพูชาได้ยังไงบ้าง
ที่ให้โอกาสเรามาทำธุรกิจเริ่มจากมือถือและอื่นๆ"

"เจริญรัฐ" บอกว่า นอกจากจะรวมวัตถุโบราณที่อยู่กระจัด
กระจายตามปราสาทต่างๆ และอาจไม่ได้รับการเก็บรักษา
ที่ดีเท่าที่ควรมารวมกันไว้ที่เดียวกัน ช่วยให้สมบัติอันล้ำค่า
ของประเทศกัมพูชาได้รับการดูแลดีขึ้น อีกทั้งนักท่องเที่ยว
ที่มาชมนครวัดได้ความรู้และอรรถรสมากขึ้นเมื่อไปเยี่ยมชม
นครวัด เพราะภายในพิพิธภัณฑ์จะแสดงถึงประวัติศาสตร์
และวัฒนธรรมของอาณาจักรขอมในแต่ละยุคสมัยด้วย

"ในเชิงธุรกิจ ถ้าดูจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นทุกปี
เชื่อว่าใน 2-3 ปีน่าจะคุ้มทุนกับที่ลงทุนไปกว่า 50 ล้านบาท
แต่ต้องบอกว่าจุดเริ่มต้นของโปรเจ็กต์นี้ไม่ได้เกิดจากธุรกิจ
แต่เป็นความชอบส่วนตัวของผม โชคดีที่รัฐบาลกัมพูชา
ให้โอกาสเราเข้ามาทำ โดยห้ามไม่ให้คนอื่นมาสร้าง
แบบเดียวกันที่นี่เป็นเวลา 30 ปี แต่ถามว่าเราจะทำให้
เป็นธุรกิจได้แค่ไหนขึ้นอยู่กับความสามารถของผู้บริหารแล้ว"

แม้จะยังไม่ทันเปิดตัว แต่ได้ยินว่าชาวกัมพูชาเอง
ก็กำลังตั้งหน้าตั้งตารอเข้ามาเยี่ยมชมพิพิธภัณฑสถาน
แห่งชาติอังกอร์ด้วยเช่นกัน

"คงเพราะไม่เคยมีใครทำ และทำอะไรที่ใหญ่ขนาดนี้
ที่นี่ติดแอร์ทั้งหมด นอกจากพิพิธภัณฑ์แล้วก็ยังมีส่วน
ที่เป็นช็อปปิ้งคอมเพล็กซ์ด้วย เชื่อว่าจะเป็นแลนด์มาร์ก
สำคัญของเสียมราฐในอนาคตอันใกล้นี้ด้วย
"วัฒน์ชัย วิไลลักษณ์" กล่าวเสริมอย่างภาคภูมิใจ


ที่มา: หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ
วันที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2550 ปีที่ 30 ฉบับที่ 3866 (3066)