มิตรเลวมันเป็นแบบไหนครับที่พระพุทธเจ้าบอก แล้วมิตรดีเป็นยังไงครับ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ballbeamboy2, 1 มกราคม 2012.

  1. ballbeamboy2

    ballbeamboy2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    1,622
    ค่าพลัง:
    +1,618
    มงคล ที่พระพุทธเจ้าอย่าไปครบมิตรเลว

    แต่ถ้า ผมคนดี อยากให้คนเลวมาเป็นเพื่อน เพื่อจะดีตามกัน แต่ก็กลัวว่าจะเลวตามเค้า แต่พระพุทธเจ้าก็ทําให้คน เลวได้เป็นพระอรหันต์มากก็เหมือนกัน
    ดูอย่างพระองคุลิมาน แต่ก่อนฆ่าคนแล้วตอนนี้นิพพาน แล้วโจรธนูที่จะยิงพระพุทธเจ้าตอนนี้ก็นิพพาน ถ้ายังไม่นิพพานก็เป็นพระอริยะเจ้าไปแล้ว

    สุดยอดมากๆ

    ผมเลยสงสัย เลวยังไง ผมมีเพื่อน แต่ก่อนเรียนห้องเดียวกัน รร เดียวกัน สนิทมาก ไม่เคยดื่มเหล้าสุบุหรี่ แต่จะมีพูดทะลึ่ง ตามประสาเพื่อน

    แต่พอผมย้าย รร เค้าก็ครบกับเพื่อนชวนดื่มเหล้าสุบบุหรี่ แต่เค้าก็มีเมตตาคือ รักษาศีลบกพร่องได้ แต่ก็เป็นคนดี แบบครึ่งๆกลางแบบนี้เรียกว่ามิตรเลวได้ไหม

    แล้วเพื่อนผมอีกคน เพื่อนสนิทตอนอยู่เมืองไทย ตอนนี้ดื่มเหล้า นานๆครั้ง แบบนี้เรียกว่าเลวได้ไหม

    แล้วถ้ามิตรดี ดียังไง ถ้าเป็นผมคิด มิตรดีก็น่าจะเป็นพระอริยเจ้า หรือคนมีศีล5 คือรักษาห้ามบกพร่องสักนิด อย่างงั้นเรียกว่าดี แล้วศึกษาพระธรรมไม่ใช่มั่วสุมในราคะ โทสะ โมหะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 มกราคม 2012
  2. Yanky1890

    Yanky1890 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2010
    โพสต์:
    146
    ค่าพลัง:
    +234
    ความมีกัลยามิตร คือ มีผู้แนะนำสั่งสอน ที่ปรึกษา เพื่อนที่คบหาและบุคคลผู้แวดล้อมที่ดี , ความรู้จักเลือกเสวนาบุคคล หรือเข้าร่วมหมู่กับท่านผู้ทรงคุณทรงปัญญามีความสามารถ ซึ่งจะช่วยแวดล้อมสนับสนุน ชักจูง ชี้ช่องทาง เป็นแบบอย่าง ตลอดจนเป็นเครื่องอุดหนุนเกื้อกูลแก่กัน ให้ดำเนินก้าวหน้าไปด้วยดี ในการศึกษาอบรม การครองชีวิต การประกอบกิจการ และธรรมปฏิบัติ , สิ่งแวดล้อมทางสังคมที่ดี ข้อนี้เป็นองค์ประกอบภายนอก คำว่า “กัลยาณมิตร” แปลความหมายคำ “กัลยาณ” ว่า หมายถึง งาม, ดี และ “มิตร” หมายถึง เพื่อนรักใคร่ที่สนิทสนมคุ้นเคย ดังนั้น กัลยาณมิตร จึงมีความหมายว่า เพื่อนที่ดี, เพื่อนที่งาม หรือเพื่อนที่รักใคร่คุ้นเคยที่ดี, เพื่อนรักใคร่คุ้นเคยที่งาม
    กัลยาณมิตร มิได้หมายถึงเพื่อนที่ดีตามความหมายทั่วไปเท่านั้น แต่เป็นผู้เพียบพร้อมด้วยคุณธรรม มีความตั้งใจประพฤติปฏิบัติธรรม ทำหน้าที่ของชาวพุทธที่ดี เพื่อยังประโยชน์ให้ถึงพร้อมทั้งแก่ตนเองและผู้อื่น ผู้สั่งสอนแนะนำ ชักนำไปในหนทางที่ถูกต้องดีงาม
    เมื่อเราเป็นกัลยาณมิตรภายในให้กับตนเองแล้ว ก็ต้องทำหน้าที่กัลยาณมิตรให้กับผู้อื่น โดยมีความสำนึกในหน้าที่อันสูงส่งนี้ว่า เป็นหน้าที่ที่มีเกียรติ มีค่าอย่างยิ่ง เป็นหน้าที่ของบัณฑิตและนักปราชญ์ทุกยุคทุกสมัย ต่างสรรเสริญและทำกันมาก่อนแล้วทั้งนั้น การทำหน้าที่กัลยาณมิตรภายนอก ทำได้โดย

    • ให้ความยิ้มแย้มแจ่มใส ให้ความสดชื่นเบิกบานใจกับทุกๆ คน

    • ให้ความเป็นมิตร ให้ความเป็นกันเอง ให้ความปรารถนาดีอย่างจริงใจกับทุกคน เป็นญาติยิ่งด้วยญาติ เป็นมิตรยิ่งด้วยมิตร

    • ให้คำแนะนำที่ดี ชี้หนทางที่ถูกให้เดิน ดำเนินชีวิตที่ถูกต้องและเป็นไปเพื่อการสร้างบารมีอย่างแท้จริง

    • ให้อริยทรัพย์ แนะนำให้ทำบุญให้ถูกวิธีและถูกเนื้อนาบุญ เพื่อเปลี่ยนสามัญทรัพย์ให้เป็นอริยทรัพย์ติดตัวข้ามภพข้ามชาติ

    • ให้หนทางแห่งความสงบร่มเย็น ให้ความสุขที่แท้จริงแก่บุคคลทั้งหลาย โดยการปฏิบัติธรรมให้เข้าถึงธรรมกาย แนะนำบุคคลทั้งหลายออกจากกามโดยธรรม

    • ให้ชีวิตการเป็นกัลยาณมิตร เวลาเป็นสิ่งมีค่ามากที่สุด เวลาที่ผ่านไปแต่ละวินาทีนั้นกลืนกินชีวิตของเราให้หมดไปด้วย แต่เพื่อประโยชน์แก่มวลมนุษย์ เราได้สละเวลาหรือชีวิต เพื่อทำหน้าที่กัลยาณมิตร ให้ทุกชีวิตได้เตรียมเสบียง ในการเดินทางในวัฎฎสงสาร ไปสู่จุดหมาย คือ นิพพาน
    คุณสมบัติของกัลยาณมิตร (กัลยาณธรรม 7 ประการ)

    1. น่ารัก
    เป็นบุคคลที่เห็นแล้วสบายใจ ชวนให้เข้าใกล้ปรึกษา ไต่ถาม มีความผ่องใสร่าเริง เบิกบานอยู่เป็นนิจ เสมือนพระจันทร์ในคืนวันเพ็ญ มีความสว่างไสวชุ่มเย็น มองครั้งใดก็มีแต่ความชื่นใจ ลืมความอึดอัดขัดข้องทั้งปวง ผู้ที่ทรงคุณสมบัติเช่นนี้ได้ ต้องฝึกกิริยามารยาทให้เรียบร้อย นุ่มนวล สง่างามในทุกอิริยาบท ทุกบรรยากาศ มีความสะอาดทั้งกาย วาจา ใจ

    • กายสะอาด ไม่ได้หมายความเฉพาะร่างกายสะอาด นุ่งห่มเสื้อผ้าสะอาดเรียบร้อยเท่านั้น แต่ยังหมายรวมไปถึงการไม่แปดเปื้อนด้วยอบายมุขทั้งหลาย ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักขโมย ไม่เจ้าชู้ ไม่เสพสุรายาเมา ฯลฯ

    • วาจาสะอาด คือรู้จักสำรวมในคำพูด ไม่พูดเพ้อเจ้อ ส่อเสียด ยกตนข่มท่าน พูดให้ถูกกาลเทศะ

    • ใจสะอาด เป็นความบริสุทธิ์ที่อยู่ภายใน ใจมีความสง่ายิ่งกว่าดวงอาทิตย์ตอนเที่ยงวัน แม้จะมองไม่เห็นแต่ก็รู้ได้จากกิริยาอาการที่สดชื่นแจ่มใส ร่าเริง ใบหน้าที่อิ่มเอม เบิกบานอยู่เป็นนิจ
    ความน่ารักของกัลยาณมิตร มีความละเอียดอ่อนลึกซึ้งแฝงอยู่มากมาย เป็นความน่ารักที่ไม่มีความเสื่อมสลายไปตามวัยตามสังขาร สมควรที่สาธุชนทั้งหลายจะฝึกฝนตัวให้ได้คุณสมบัติเช่นนี้ไว้ เพื่อประโยชน์แก่ตนเอง แก่ผู้อื่น และเป็นแบบอย่างแก่อนุชนรุ่นหลังสืบไป

    2. น่าเคารพ
    เป็นบุคคลที่อุดมด้วยปัญญาทั้งทางโลก และทางธรรมอย่างพร้อมมูล จนกระทั่งตระหนักและซาบซึ้งได้ดีว่า อะไรถูกอะไรผิด อะไรดีอะไรชั่ว อะไรควรอะไรไม่ควร อะไรเป็นบุญอะไรเป็นบาป แล้วดำเนินชีวิตไปในทางที่ถูกต้อง ที่เป็นบุญเป็นกุศลอย่างมั่นคงแน่วแน่ ไม่หวั่นไหวต่อความยั่วยวนของสิ่งแวดล้อมที่ทำให้ใจตกต่ำ เป็นคนรักความยุติธรรมเป็นที่สุด ไม่ว่าต่อหน้าอย่างไร ลับหลังต้องอย่างนั้น มีความเมตตากรุณาอยู่เป็นนิจกับทุกคนที่เกี่ยวข้อง คุณสมบัตินี้จะหลอมให้กัลยาณมิตรเป็นที่น่าเคารพของชนทั้งหลาย

    3. น่าเทิดทูน
    เป็นบุคคลที่ทรงความรู้ มีภูมิปัญญาเป็นเลิศ ทั้งทางโลกและทางธรรม ความฉลาดปราดเปรื่องมีมากจนเป็นที่ยอมรับของทุกคนในวงการ เป็นผู้ฝึกฝนปรับปรุงตนอยู่เสมอ สามารถอันยอดเยี่ยม ใครๆ ก็อยากจะฝากตัวเป็นศิษย์ มีความอาจหาญร่าเริงที่จะประกาศให้ชาวโลกได้รับรู้ถึงคุณความดีของ กัลยาณมิตร
    แต่... คุณสมบัติของกัลยาณมิตรข้อนี้ แม้จะไม่ฉลาดปราดเปรื่องมาก แต่อย่างน้อยต้องมีความสามารถแก้ไขความเห็นผิดของศิษย์ได้ มีอุบายวิธีทำให้ศิษย์ตั้งตนอยู่ในสัมมาทิฐิได้ ทำให้ศิษย์เกิดความเลื่อมใสอย่างแท้จริง

    4. ฉลาดพูดแนะนำตักเตือน
    เป็นบุคคลที่รู้จักพูดชี้แจงให้เข้าใจ มีความสามารถพูดโน้มน้าวให้ทำตาม ในสิ่งที่ดีมีความสามารถในการถ่ายทอดความรู้ กัลยาณมิตรจึงควรศึกษาหลักจิตวิทยา ในการเข้าถึงจิตใจของบุคคลต่างๆ
    หาโอกาสฝึกพูด ให้เหตุให้ผล ให้เหมาะสมกับบุคคลและโอกาส เพราะกัลยาณมิตรต้องพบปะกับบุคคลทุกเพศ วัย หลายฐานะ กัลยาณมิตรต้องให้คำแนะนำปรึกษาที่ดีที่ควร อย่าให้ผู้ที่มาพบเราต้องจากไปด้วยความผิดหวัง

    5. อดทนต่อถ้อยคำ
    เป็นบุคคลที่พร้อมจะรับฟังคำปรึกษาซักถามอยู่เสมอ อดทนฟังได้แม้เรื่องไร้สาระ ไม่เบื่อหน่าย ไม่รำคาญ เราจึงต้องอดทนให้อภัย รักษาอารมณ์ให้เยือกเย็นอยู่เสมอ

    6. แถลงเรื่องที่ลึกล้ำได้
    เป็นบุคคลที่สามารถนำเรื่องที่ยกมาอธิบายให้เกิดภาพพจน์เข้า ใจง่าย แม้เรื่องราวที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับชีวิต เกี่ยวกับหัวข้อธรรมะที่ยากๆ ก็สามารถหาเรื่องอุปมาอุปมัยให้เข้าใจอย่างง่าย

    7. ไม่ชักนำไปในสิ่งที่เสื่อม
    เป็นบุคคลที่ประพฤติปฏิบัติอยู่ในธรรม ไม่ยอมทำเรื่องที่เป็นการเสื่อมเสีย พูดอย่างไรทำอย่างนั้น ไม่มีเบื้องหน้า ไม่มีเบื้องหลัง ทุกกิจกรรมของกัลยาณมิตรต้องบริสุทธิ์ผุดผ่อง ใสสะอาด พร้อมที่จะประกาศให้ชาวโลกรับรู้ และท้าทายให้มาพิสูจน์ได้เสมอ
     
  3. แปะแปะ

    แปะแปะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    780
    ค่าพลัง:
    +128
    พ่อหนุ่มตั้งกระทู้ให้น้อยๆหน่อย กระทู้คนอื่นเขาตกขอบไว
    ลองนับดูตรงนี้ก็เข้าไป ๙ กระทู้แล้วจะสงสัยอะไรกันนักกันหนา
    แบ่งเอาไว้ให้คนอื่นมั่ง อย่ามัวสงสัยเสียคนเดียวทั้งห้องอภิญญา
     
  4. naroksong

    naroksong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    412
    ค่าพลัง:
    +1,135
    มงคล 38 ข้อแรกคือ อย่าคบคนพาล
    คนพาลคือคนทีมีปกติ คิดชั่ว 1 พูดชั่ว1 ทำชั่ว 1


    ส่วนเรื่องมิตร ก็มีมิตรแท้/มิตรเทียมอีก(ย่อจาก พจนานุกรมพุทธศาสตร์ของท่าน ะยุทธ์ ปยุตฺโต)

    มิตรแท้ มิตรด้วยใจจริง มี 4 พวก ได้แก่
    1. มิตรอุปการะ มีลักษณะ 4 คือ
    1.) เพื่อนประมาท ช่วยรักษาเพื่อน
    2.) เพื่อนประมาท ช่วยรักษาทรัพย์ของเพื่อน
    3.) เมื่อมีภัย เป็นที่พึ่งพำนักได้
    4.) มีกิจจำเป็น ช่วยออกทรัพย์ให้เกินกว่าที่ออกปาก

    2. มิตรร่วมสุขร่วมทุกข์ มีลักษณะ 4 คือ
    1.) บอกความลับแก่เพื่อน
    2.) ปิดความลับของเพื่อน
    3.) มีภัยอันตรายไม่ละทิ้ง
    4.) แม้ชีวิตก็สละให้ได้

    3. มิตรแนะประโยชน์ มีลักษณะ 4 คือ
    1.) จะทำชั่วเสียหายคอยห้ามปรามไว้
    2.) คอยแนะนำให้ตั้งอยู่ในความดี
    3.) ให้ได้ฟังได้รู้สิ่งที่ไม่เคยได้รู้ได้ฟัง
    4.) บอกทางสุขทางสวรรค์ให้

    4. มิตรมีน้ำใจ มีลักษณะ 4 คือ
    1.) เพื่อนมีทุกข์ พลอยทุกข์ด้วย
    2.) เพื่อนมีสุข พลอยดีใจ
    3.) เขาติเตียนเพื่อน ช่วยยับยั้งแก้ให้
    4.) เขาสรรเสริญเพื่อน ช่วยพูดเสริมสนับสนุน

    มิตรเทียม 4 คือ

    1. คนปอกลอก คนขนเอาของเพื่อนไปถ่ายเดียว มีลักษณะ 4 คือ
    1) คิดเอาแต่ได้ฝ่ายเดียว
    2) ยอมเสียน้อย โดยหวังจะเอามาก
    3) ตัวมีภัย จึงมาช่วยทำกิจของเพื่อน
    4) คบเพื่อน เพราะเห็นแก่ผลประโยชน์

    2. คนดีแต่พูด มีลักษณะ 4 คือ
    1) ดีแต่ยกของหมดแล้วมาปราศรัย
    2) ดีแต่อ้างของยังไม่มีมาปราศรัย
    3) สงเคราะห์ด้วยสิ่งหาประโยชน์มิได้
    4) เมื่อเพื่อนมีกิจ อ้างแต่เหตุขัดข้อง

    3. คนหัวประจบ มีลักษณะ 4 คือ
    1) จะทำชั่วก็เออออ
    2) จะทำดีก็เออออ
    3) ต่อหน้าสรรเสริญ
    4) ลับหลังนินทา

    4.คนชวนฉิบหาย มีลักษณะ 4 คือ
    1) คอยเป็นเพื่อนดื่มน้ำเมา
    2) คอยเป็นเพื่อนเที่ยวกลางคืน
    3) คอยเป็นเพื่อนเที่ยวดูการเล่น
    4) คอยเป็นเพื่อนไปเล่นการพนัน

    ขอให้เจริญในธรรมครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 1 มกราคม 2012
  5. ballbeamboy2

    ballbeamboy2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    1,622
    ค่าพลัง:
    +1,618
    ขอบคุณครับ :)เข้าใจมากขึ้นแล้ว
     
  6. wechza

    wechza เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    181
    ค่าพลัง:
    +246
    คบคนพาลพาลไปหาผิด คบบัญดิฐพาลไปหาผล
    องค์คุลีมาลไม่ได้เลวโดยสันดารแต่เพราะอาจารย์ของท่านหูเบาหลงเชื่อศิษย์ที่อิจฉาองค์คุลีมาลจึงออกอุบายให้ท่านไปฆ่าคน1000คนเพื่อที่จะฝึกวิชาให้สำเร็จองค์คุลีมาลเชื่ออาจารย์เนื่อจากเป็นผู้อ่อนน้อมเชื่อและเคารพอาจาร์จึงได้ทำตามอาจาร์บอก ไปหาอ่านในพุทธประวัตดูนะครับ
     
  7. GhostHead

    GhostHead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    1,010
    ค่าพลัง:
    +1,878
    โฮ่ ๆ ๆ คุณballbeamboy2 สงสารคนแก่บ้างนะเคอะ โฮ่ ๆ ๆ

    ดูสิ ดูสิ ต้องตื่นมากลางค่ำ กลางคืน แหกขี้ตาขึ้นมาปั๊มกระทู้ โฮ่ ๆ ๆ

    HAPPY NEW YEAR ho ho ho....
     
  8. สุรีย์บุตร

    สุรีย์บุตร https://youtu.be/8qf8khXqUjU

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +2,122
    จุ๊ ๆ ๆ อย่าไปกล่าวหาหรือยกตัวอย่างองค์คุลีมานว่าท่านเป็นคนเลวครับ ท่านเป็นคนดีเชื่อฟังครูอาจารย์มากซะด้วยนะครับ แต่..ท่านมีมิตรที่เลวววว ก็นั้นละครับผลของการมีมิตรเลว
     

แชร์หน้านี้

Loading...