ยามอุบากอง

[FONT=TH SarabunIT๙]แม้พระพุทธเจ้า จะเคยตรัสถึงเรื่องของฤกษ์ยามไว้ว่า[/FONT][FONT=TH SarabunIT๙]"ประโยชน์ได้ล่วงเลยคนโง่เขลาที่มัวรอคอยฤกษ์ยามอยู่ ประโยชน์นั่นแหละเป็นฤกษ์ของประโยชน์ ดวงดาวทั้งหลายจักทำอะไรได้"แต่เราก็ปฏิเสธไม่ได้ที่จะให้ความสำคัญกับฤกษ์ยามต่าง ๆ โดยเฉพาะยามที่มีมาแต่โบราณที่ชื่อ “ยามอุบากอง”[/FONT]


[FONT=TH SarabunIT๙]ความเป็นมาของยามอุบากอง[/FONT]
[FONT=TH SarabunIT๙]คำว่า "อุบากอง" เป็นชื่อนายทหารเอกของพม่า ซึ่งเข้ามาตีไทยในสมัยต้นรัชกาล กรุงรัตนโกสินทร์ มีประวัติที่ปรากฏในประวัติศาสตร์ดังนี้[/FONT]
[FONT=TH SarabunIT๙]อุบากอง เป็นนายทหารยศขุนพล ได้คุมกำลังเข้าโจมตี เมืองเชียงใหม่ เมื่อแรม ๑ ค่ำ เดือน ๕ ปีมะเมีย พ.ศ.๒๓๔๐ คราวที่พระเจ้าปะดุง ยก ๙ ทัพมาตีไทยนั่นเอง แต่ด้วยเหตุผลกลใดไม่ปรากฏ อุบากองถูกฝ่ายไทยจับกุมตัวได้ คราวนั้นพ่อเมืองเชียงใหม่ ได้คุมตัวอุบากองส่งลงมายังกรุงเทพฯ เมื่อขึ้น ๘ ค่ำ เดือน ๖ ปีมะเมีย พ.ศ.๒๓๔๐ สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก รัชกาลที่ ๑ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ จึงสั่งให้สอบสวนอุบากองทันที ปรากฏว่า อุบากองเป็นคนไทย เกิดในเมืองไทย เพราะมีพ่อเป็นเชื้อสายพม่า แต่แม่เป็นเชื้อสายคนไทยแถบเมืองธนบุรี พระองค์จึงทรงพระเมตตา พระราชทาน เสื้อผ้า และให้นำไปขังไว้ที่คุกวัดโพธาราม (วัดพระเชตุพนฯ ในปัจจุบัน)[/FONT]

[FONT=TH SarabunIT๙]ระหว่างที่อุบากองกับพวกถูกจองจำ คุมขังที่คุกวัดโพธิ์ เขาได้สอนตำรายันต์ยามยาตรา ให้กับ พรรคพวก ซึ่งยามนี้ สามารถแหกคุกที่คุมขังได้ เมื่อพรรคพวกสามารถเรียนยามยาตราได้ ตามที่ตนบอกแล้ว อุบากองก็ทำพิธีตามหลักโหราศาสตร์ พอได้ฤกษ์งามยามดี จึงสามารถพากัน แหกคุกวัดโพธิ์ หลบหนีไปได้อย่างปลอดภัย โดยอุบากองกับพรรคพวก พากันหลบหนีไปยังเมือง พม่าได้[/FONT]
[FONT=TH SarabunIT๙]แต่ยามที่อุบากองบอกกับพรรคพวกนี้นั้น บังเอิญมีนักโทษพม่า ที่เป็นเชื้อสายไทยบางคน ไม่ได้หลบหนีไปด้วย จึงบอกเล่ากับผู้คุมนักโทษ จึงมีการนำมาเล่าเรียนกัน และให้ชื่อยามยาตรานี้ว่า "ยามอุบากอง" ตามชื่อเจ้าของยามยาตรานั่นเอง[/FONT]
[FONT=TH SarabunIT๙]อนึ่ง ยามดังกล่าว ปรากฏว่า มีผู้นับถือว่า แม่นยำ ได้ผลจริงๆ ด้วย จึงศึกษาเล่าเรียนสืบๆ กัน มาตราบเท่าทุกวันนี้[/FONT]

[FONT=TH SarabunIT๙]<O[/FONT][FONT=TH SarabunIT๙]...รู้ไว้ใช่ว่า ใช่บ่าแบกหาม<O[/FONT]
[FONT=TH SarabunIT๙]...กระทู้ไม่เหมาะสมประการใดกราบขออภัยครับ...[/FONT]

[FONT=TH SarabunIT๙]<O[/FONT][FONT=TH SarabunIT๙]ที่มาบางส่วน : www.watkositaram.com[/FONT]