รบกวนช่วยดูเดี่ยวดำองค์นี้ให้หน่อยครับว่าแท้รึเปล่า

ในห้อง 'วิธีดูพระเครื่อง-เครื่องรางของขลัง' ตั้งกระทู้โดย พรเทวา, 18 มกราคม 2012.

  1. พรเทวา

    พรเทวา สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มกราคม 2012
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +1
    ขอความคิดเห็นจากผู้รู้ด้วยครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • SL270235.jpg
      SL270235.jpg
      ขนาดไฟล์:
      221.9 KB
      เปิดดู:
      1,589
    • SL270231.jpg
      SL270231.jpg
      ขนาดไฟล์:
      226.9 KB
      เปิดดู:
      385
    • SL270225.JPG
      SL270225.JPG
      ขนาดไฟล์:
      225.4 KB
      เปิดดู:
      645
    • SL270229.jpg
      SL270229.jpg
      ขนาดไฟล์:
      223.2 KB
      เปิดดู:
      445
  2. stoes

    stoes เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    8,343
    ค่าพลัง:
    +9,050
    เรียนแบบพระเดี่ยวดํา-เดี่ยวแดง กรุวัดใหญ่ อ.ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี
     
  3. stoes

    stoes เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    8,343
    ค่าพลัง:
    +9,050
    ประวัติ ของพระเดี่ยวดำ เดี่ยวแดง

    เดี่ยวดำ-เดี่ยวแดง" เป็นพระเครื่องเก่าแก่ อันทรงพุทธาคมเข้มขลัง โดยเฉพาะด้านแคล้วคลาด คงกระพันชาตรี เป็นที่ปรากฏ ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในขุนศึกของลพบุรีเลยทีเดียว

    พระเดี่ยวดำ-เดี่ยวแดงเป็นพระที่สร้างในสมัยอยุธยา มีกำเนิดครั้งแรกที่ อ.ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี มีตำนานเล่าขานสืบกันมาว่า เมื่อประมาณปี พ.ศ.2485 มีพรานล่าสัตว์ผู้หนึ่งได้ไปเห็นเหยี่ยวแดงเกาะที่ต้นสำโรงต้นหนึ่งในบริเวณวัดใหญ่ อ.ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี จึงเล็งปืนไปหมายยิงเจ้าเหยี่ยวแดงตัวนั้น แต่ยิงเท่าไหร่กระสุนก็ขัดลำยิงไม่ออกทุกครั้ง จึงลองหันกระ บอกปืนไปทางอื่นปรากฏว่ายิงออก พอหันไปทางต้นไม้ก็ยิงไม่ออกอีก เมื่อมองไปที่ต้นสำโรงปรากฏว่าที่โคนต้นมีฐานพระเจดีย์เก่าอยู่องค์หนึ่ง จึงไปบอกเล่าเก้าสิบต่อๆ กันว่าต้องมีของดีอยู่เป็นแน่แท้ ในที่สุดก็มีการขุดกรุพระเจดีย์ขึ้น ปรากฏพระเครื่องขนาดเล็กจำนวนมากบรรจุอยู่ ดูจากเนื้อขององค์พระนับเป็นพระที่มีอายุเก่าแก่มาก และมีพุทธลักษณะงดงามเป็นเอกลักษณ์ มี 2 สี คือ สีดำและสีแดง จึงรู้ว่าสาเหตุที่ยิงปืนไม่ออกเพราะพระที่พบนั่นเอง ในครั้งนั้นจึงตั้งชื่อพระว่า "พระเหยี่ยวดำ เหยี่ยวแดง" แต่ต่อมาอาจเห็นว่าชื่อไม่เหมาะสม หรืออาจเรียกเพี้ยนกันไปเป็น "พระเดี่ยวดำ-เดี่ยวแดง"

    พระเดี่ยวดำ-เดี่ยวแดง ส่วนใหญ่ที่พบจะเป็นพระเนื้อดินเผาที่มีทั้งเนื้อละเอียดและเนื้อหยาบ ดังนั้น สีสันวรรณะจึงอาจแตกต่างกันตามความร้อนที่ได้รับ หากออกไปทางสีแดงก็จะเรียกว่า "พระเดี่ยวแดง" ถ้าออกไปทางสีคล้ำก็จะเรียกว่า "พระเดี่ยวดำ" แต่ก็ยังปรากฏสีอื่นๆ อีก เช่น สีมอยด์ สีพิกุลแห้ง สีเหลือง เป็นต้น นอกจากนี้ ยังพบที่เป็นพระเนื้อชินเงิน เนื้อตะกั่วสนิมแดง และเนื้อสัมฤทธิ์ ซึ่งพบน้อยมาก

    ลักษณะพิมพ์ทรงของพระเดี่ยวดำ-เดี่ยวแดง เป็นรูปสามเหลี่ยมชะลูด การตัดขอบบางองค์ตัดกว้างจนเห็นขอบปีก บางองค์ก็ตัดขอบตามรูปองค์พระ พุทธลักษณะองค์พระประธานประทับนั่ง แสดงปางสมาธิ อยู่เหนืออาสนะฐานบัว 2 ชั้น พระเศียรเป็นแบบเศียรทุย เม็ดพระศกเป็นวงกลม พระเกศเป็นมุ่นเมาลี 2 ชั้น เส้นกรอบไรพระศกยาวจดพระกรรณทั้ง 2 ข้าง พระเนตรลึก ดวงพระเนตรนูนและยาวเรียวเหมือนตาแบบจีน ยาวเกือบจดพระกรรณ อันเป็นเอกลักษณ์สำคัญประการหนึ่ง พระนาสิกโด่งเป็นสัน พระโอษฐ์หนาใหญ่ พระกรรณข้างขวายาวแนบกรอบพระพักตร์เกือบจดพระอังสา ส่วนข้างซ้ายยาวจดพระอังสาพอดี

    ลำพระองค์ล่ำสัน พระอุระนูน ปรากฏเส้นสังฆาฏิและเส้นอังสะเป็นเส้นนูนเล็ก ปลายสังฆาฏิแตกเป็น "ปากตะขาบ" แบบพระพุทธรูปสมัยสุโขทัย และมีเส้นนูนขวางที่ปลายเส้นสังฆาฏิ 2 เส้น

    พระเดี่ยวดำ-เดี่ยวแดง สามารถแบ่งแยกได้เป็น 2 พิมพ์ คือ พิมพ์ใหญ่และพิมพ์เล็ก โดยพิจารณาจากฐานบัว ถ้าเป็น "พิมพ์ใหญ่" ฐานบัวจะมี 7 กลีบ ส่วน "พิมพ์เล็ก" ฐานบัวจะมี 5 กลีบ

    นอกจากจะพบที่กรุวัดใหญ่ อ.ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี แล้ว ยังมีการขุดค้นพบที่วัดอื่นๆ ของลพบุรี คือ วัดบันไดอิฐ และวัดหัวเขา อีกทั้งตามจังหวัดซึ่งเป็นเขตติดต่อ อาทิ วัดไผ่ขาด, วัดไผ่ดำ อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี และที่วัดโพธิ์นางดำ อ.สรรพยา จ.ชัยนาท ครับผม
     

แชร์หน้านี้

Loading...