รบกวนผู้รู้ชี้แนะ เกี่ยวกับการสาปแช่งในขณะที่ทำกรรมฐาน

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Exasperate explode, 16 มีนาคม 2015.

  1. Exasperate explode

    Exasperate explode สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +17
    เนื่องจากเพิ่งสมัครสมาชิกและมีโอกาสได้เข้ามาอ่านกระทู้ของ web board
    ไม่แน่ใจว่าตั้งกระทู้ผิดห้องหรือไม่ หากผิดพลาดประการใด้องขออภัย ณ โอกาสนี้
    เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นเมื่อไม่กี่วันมานี้ เรื่องมีอยู่ว่าข้าพเจ้าถูกเอารัดเอาเปรียบอย่างหนักจากคน ๆ หนึ่งเป็นเวลานานเป็นปี
    ถึงขั้นที่ว่ามีหลายต่อหลายครั้งที่อธิฐานจิตไว้ว่าหากข้าพเจ้าได้ชดใช้กรรมให้กับคนที่เอาเปรียบข้าพเจ้าคนนี้ไว้จนหมดสิ้นแล้ว
    ขอให้เขาผู้นั้นจงอย่าเอาเปรียบข้าพเจ้าได้อีก จนกระทั่งในช่วงหลังข้าพเจ้าสังเกตเห็นว่าคนคนนั้นเอาเปรียบข้าพเจ้าลดลง
    บางครั้งที่ตั้งใจจะใช้งานข้าพเจ้าก็มีเหตุให้เลิกใช้ข้าพเจ้าไปเสียดื้อ ๆ แต่อย่างไรก็ตามข้าพเจ้าได้สั่งสมความเจ็บแค้นเกลียดชัง
    คน ๆ นี้ไว้มาก แม้ในระยะหลัง ๆ แม้คนผู้นี้จะเอาเปรียบข้าพเจ้าลดลงไปแล้ว แต่ครั้งใดที่คนๆ นี้กระทำการที่ทำให้ข้าพเจ้าต้องเป็นทุกข์
    เพียงเพื่อให้ตนเองได้รับผลประโยชน์ ข้าพเจ้าจะเกิดความเครียดแค้นขึ้นมาอย่างง่ายดาย และยิ่งช่วงหลังการกระทำแม้เพียงเล็กน้อย
    ของคน ๆ นี้ ข้าพเจ้าก็ทนไม่ได้ โกรธเป็นฟืนไฟ เจ็บแค้นอย่างมากแม้ไม่ได้แสดงออกเลย ความเจ็บแค้นเคืองโกรธนี้ฝังอยู่ในใจของข้าพเจ้า
    มันสั่งสมนานเป็นปี ๆ ยิ่งช่วงหลังยิ่งมีมาก ช่วงก่อนข้าพเจ้าทุกข์หนักเพราะคน ๆ นี้จนมีความคิดอยากฆ่าตัวตาย
    แต่สุดท้ายก็ผ่านช่วงเวลานั้นมาได้ จนตอนหลังเวลาที่ข้าพเจ้าถูกคน ๆ นั้นเอาเปรียบ ข้าพเจ้าไม่อยากฆ่าตัวเองให้ตายแล้ว
    แต่อยากฆ่าคนผู้นั้นแทน

    จนล่าสุดเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว คนผู้นั้นได้แสดงคำพูดที่บ่งบอกถึงความไม่รู้จักพอ ไม่นึกถึงความยากลำบากของข้าพเจ้า
    ทำให้ข้าพเจ้าเจ็บแค้นอย่างหนัก ผ่านมาได้สองสามวันอยู่ๆ ก็อยากนั่งกรรมฐานเนื่องจากได้แรงบันดาลใจจากคนใกล้ตัวทำให้เกิดอย่างนั่งกรรมฐาน ซึ่งก่อนหน้านั้นก็ทำ ๆ หาย ๆ โดยในวันนั้นก่อนนั่งกรรมฐานนั้น ข้าพเจ้าได้เปิดบทอาราธนาศีล และพระกรรมฐานของหลวงพ่อฤาษี ถ้าจำไม่ผิดมีคำขอขมาพระรัตนตรัย และอธิษฐานเกี่ยวกับวิปัสนาญาณและพระปิติ ในวันนั้นข้าพเจ้านั่งกรรมฐาน
    โดยเดินจงกลมก่อนครึ่งชั่วโมง และตามด้วยนั่งกรรมฐานอีกครึ่งชั่วโมง ในขณะที่นั่งกรรมฐานอยู่นั้นเอง มีช่วงหนึ่งที่ข้าพเจ้าฟุ้งซ่าน
    พอรู้ตัวว่าฟุ้งซ่านก็จะรีบไปกำหนดจิตว่ารู้หน่อที่ลิ้นปี่ แต่ก่อนที่จะไปกำหนดรู้หนอที่ลิ้นปี่นี้เอง ลองพิจารณาจะเห็นความว่างเปล่า
    รู้สึกจิตสงบนิ่ง ไม่มีความคิดใด ไม่ได้ยินเสียงอะไร ช่วงเวลานั้นเอง ความอาฆาตที่คาดว่าฝังตัวอยู่ในใจมันก็มาปรากฎต่อจากตอนที่ข้าพเจ้าเห็นความว่างเปล่านั้น ๆ มันเป็นความคิดที่ว่า อยากให้คนผู้นั้น "ตาย" ในการทำสามธิครั้งนั้นข้าพเจ้าก็ได้เห็นภาพของคน ๆ นั้นถูกรถชนกระเด็นจนตัวปลิว แต่อย่างไรก็ตามข้าพเจ้านั่งกรรมฐานเพื่อให้จิตสงบ ไม่ได้มีจิตคิดว่าอยากจะนั่งให้เกิดสมาธิเพื่อเอาไปแช่งคน ๆ นี้เลย แต่ที่เผลอสติไปแช่งคงเป็นเพราะข้าพเจ้าเจ็บแค้นเคืองโกรธคน ๆ นี้อยู่เป็นทุน สิ่งนี้มันได้ตกตะกอนนอนก้นอยู่ในจิตของข้าพเจ้า และพร้อมจะออกมาในสภาวะที่ข้าพเจ้าเผลอสติ

    จึงกราบขอเรียนถามท่านผู้รู้ว่าการที่เราคิดแบบนี้อยากให้คนนั้นตายและได้เห็นภาพตามที่เล่า จะมีผลให้คน ๆ นั้นได้รับอันตรายหรือไม่ และสิ่งที่ข้าพเจ้าได้เห็นหรือได้รู้จากการนั่งกรรมฐานในครั้งนั้นเป็นเพียงความฟุ้งซ่านใช่หรือไม่ ขอผู้รู้โปรดให้คำชี้แนะว่า และหากสิ่งที่ข้าพเจ้าคิดมีผลจริงหากต้องการแก้ไขจะสามารถทำได้อย่างไร สารภาพตามตรงไม่ใช่ข้าพเจ้าไม่อยากให้คนนั้นตาย จริง ๆ ณ ตอนนี้ข้าพเจ้าก็ยังเจ็บแค้นอยู่
    แต่ข้าพเจ้าไม่อยากทำบาป เพราะหากคนนั้นต้องตายไปเพราะข้าพเจ้าจริง ๆ ข้าพเจ้าอาจจะต้องรู้สึกผิกไปตลอดชีวิตก็ได้ จึงขอผู้รู้โปรดชี้แนะถือว่าสั่งสอนสัตว์ผู้โง่เขลาด้วยเทอญ

    ข้อมูลเพิ่มเติมข้าพเจ้าเริ่มนั่งกรรมฐานมาตั้งแต่ปี 2554 แต่ก็ทำได้ไม่ต่อเนื่อง ทำต่อเนื่องได้ในช่วงปีแรกเท่านั้น
     
  2. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    เอิ่ม


    สมมตินะ สมมติ

    เน้นนะว่า สมมติ

    สมมติเอาตาม ตำรา มีอยู่เคสหนึ่ง คล้ายๆกัน คือ มีพระท่านหนึ่ง พระพุทธองค์สั่งให้
    ไปทำกรรมฐาน ที่บ้าน อุบาสิกาแก้วนางหนึ่ง ที่อุทิศให้บ้าน(บริเวณบ้าน) เป็นที่บำเพ็ญ
    สมณะธรรมได้ แล้ว ข้าวปลาอาหาร อุบาสิกาจะจัดใหญ่ให้ ไม่ต้องห่วง


    พระท่านนั้นก็ไป ทำกรรมฐาน พอจิตเป็นสมาธิได้ที่ ก็เห็นว่า อุบาสิกาแก้วคนนี้จะมาฆ่าตน

    เท่านั้นแหละ หนีจากบ้านอุบาสิกากลับวัดทันที พระพุทธองค์ก็ทราบ เลยไปหา แล้วสั่งว่า
    ให้ไปบำเพ็ญสมณะธรรมที่บ้านนั้น ไม่อย่างนั้นก็สึกไปซะ อะไรทำนองนี้นะ จำไม่ได้แม่น

    พระท่านก็ต้องจำไปทำกรรมฐานที่นั่น อุบาสิกาเจอหน้าพระ พระท่านนั้นก็ทำท่าสะดุ้ง
    หวาดกลัว

    อุบาสิการก็เลยเข้าไปถาม " กลัวอัลลัย "

    พระก็ว่า " กลับเธอจะฆ่าอาตมา เพราะกำหนดเห็นในนิมิต "

    อุบาสิกา ก็ถามว่า แล้วดูต่อหรือเปล่า หรือ เอาแต่ตกใจ แล้ว " เคลื่อนจากกรรมฐาน "

    พระก็ " เอิ่ม จิงเนอะ ไปตกใจ แล้วจิตเคลื่อนจากสมาธิ " ก็เลย ตั้งใจใหม่ พิจารณา
    ต่อจนนิมิตนั้นดับ

    ถ้าจำไม่ผิด พอพระท่านนั่งพิจารณาต่อ ก็เห็นว่า ตน(พระนั่นแหละ) ที่ไปฆ่าเขาก่อน
    ดังนั้น บางชาติก็เลย โดนเขาฆ่าเอามั่ง

    ก็นะ ตัดเอาตรงนี้ จำตำราไม่ค่อยได้ แต่ ที่หมายจะกล่าวคือ จะ ประยุกต์เอากับเจ้าของกระทู้

    ว่า มัวแต่ให้ " นิวรณ์ " มันกำเริบ พาจิตเคลื่อนตกจากสมาธิไปปีมะโว้แล้ว กำหนดรู้อยู่หรือเปล่า

    ถ้ากำหนดรู้ได้ ให้ดูต่อ อาจจะเห็น คนขับรถ ที่ชนเขากระเด็นเนี่ยะ ใคร !!!!!!

    ก็คุณนั่นแหละ !!!! .....................เอ้ย ล้อเล่น

    แต่....มันก็อาจจะเป็นไปได้ หากคนขับรถชนเขากระเด็นเนี่ยะ คือ คุณ แล้วพอชน
    กระเด็นแล้ว ก็หยุดรถ แล้วมานั่งขอโทษขอโพย ประกาศสัจจตามธรรมเนียม คนสำนึกผิด
    ว่า " มีเท่าไหร่จะขอชดใช้หนี้ไปทุกชาติ "

    มันก็จะ สมน้ำสมเนื้อทันทีที่ เกิดมาขาตินี้ คุณจะต้องใช้หนีเขาทั้งชีวิต หนีไม่ได้ ไม่คิดจะหนี

    แต่ก็ไม่เข้าใจ เพราะ ไม่ได้มี สัมพันธ์กันลึกซึ้ง แต่ บังเอิญ ขับมาชนเขาตาย มันเลย
    ใช้หนี้เขาไป แล้วก็ มา งง ว่า ทำไมจะต้องขนาดนี้

    นี่ก็แค่ สมมติ ในกรณีหนึ่งนะ ไม่ใช่ ข้อเท็จจริงอะไร

    แต่ถ้า ตรึกแบบนี้แล้ว ใจสงบ ไม่นึกอยาก ฆ่า เขาซ้ำสอง ซ้ำสาม ซ้ำร้อย ซำล้านชาติ
    ก็ พินาเอาว่า อย่างไรจึง สงบ

    .....ก็แค่กำหนดรู้ด้วยจิตตั้งมั่นเป็นกลางต่อการเห็นสุขและทุกข์ไปเรื่อยๆ รึเปล่า จึงข้ามโอฆะ
    ข้ามสังสารวัฏ การเวียนว่ายตายเกิด
     
  3. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    สังเกตนะว่า เขาจะเบียดเบียนคุณขนาดไหน แต่ คุณอาศัยเหตุแบบนี้ กำหนดเข้าหาธรรมะ

    อะไรแบบนี้ เรียกว่า คุณอาศัยเขาพาไปสู่ธรรมะ

    วิธีอาจจะแปลก แต่ ในทางธรรมเขายกว่า คนๆนั้น เป็นผู้มีอุปการะธรรม พาคุณเข้าสู่ธรรมะ
    เข้าสู่การปรารภตัดกิเลส

    เหมือน องคุลีมาน ที่ใช้การ มุ่งฆ่าพระพุทธเจ้า เป็นสื่อชักนำเข้าหา ธรรมแท้

    เหมือน พระโสณนะ ที่ใช้การที่ นกกระสาจิกกินปลาจากบึงที่เฮือดแห้งเอาตามใจชอบ เป็นสื่อ
    เข้าหา ธรรมแท้

    เหมือน พระ500รูป ที่ใช้การภาวนาตายไปทีละรูป เพราะ เสือมาแง๊บ ....แล้ว พระท่านหนึ่ง
    พอเสือมาแง็บ ก็ตะโกนบอกเพื่อนๆในราวป่าว่า วันนี้เราโดนนะ ท่านภาวนาต่อไป สบายใจ
    ได้อีกหนึ่งวัน ...แล้วพอเสือกัดท่านครึ่งตัว บรรลุโสดาบัน พอเสือกันถึงหัวใจ ได้สิกทาคามี
    พอถึงคอ ได้อนาคา พอหมดทั้งตัวก็สำเร็จ อรหันต์


    คือ


    กำลังจะพูดว่า เอาตรงที่คุณ ปรารภความเพียร เอาตรงนั้นเป็นใหญ่ เข้ามาเลย
    แล้วจะรู้ว่า จริงๆแล้ว คุณได้ลาภอันประเสริฐแล้ว ได้มากกว่าเขาหลายเท่าพันทวี
    รวยอริยทรัพย์ได้แบบโคตรโคตร มากกว่า เขา คนนั้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 มีนาคม 2015
  4. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493
    จขกท.แหละจะตายก่อน เขาไม่ตายหรอก

    ยิ่ง จขกท. คิดยังงั้นๆ บ่อยครั้งเท่าใด อกุศลจิตก็เกิดบ่อยครั้งเท่านั้น เมื่ออกุศลจิตเกิดบ่อยๆ ต่อๆไป จขกท. จะเป็นคนฉุนเฉียวง่าย เป็นบุคคลิกภาพประจำตัวไปเลย...

    จุดหมายในการทำกัมมัฏฐาน เพื่อกำจัดอกุศลจิต สร้างกุศลมโนกรรมใหม่ให้เกิดขึ้นครับ

    ต่อไป จขกท. วางจิตใจในการทำกัมมัฏฐานใหม่ คือ มันคิดยังไง กำหนดยังงั้น ตามที่มันคิดมันเป็น ไม่เลี่ยงหลบ ไม่วิจารณ์ธรรมารมณ์ที่ปรากฏ กำหนดลูกเดียวครับ

    มีตัวอย่างหนึ่งให้ดู คือ เขาก่ออกุศลจิตไว้เนิ่นนานสมัยเด็กๆ แต่พอมาทำกัมมัฏฐาน อกุศลจิตที่ตนสั่งสมไว้สร้างภาพขึ้นรบกวน ดูครับ

     
  5. Exasperate explode

    Exasperate explode สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +17
    ขอบคุณคุณเอกวีร์มาก อ่าน ๆ ความเห็นของคุณไปก็ชักเห็นตรงว่าจริง รู้สึกสบายใจ หลายครั้งที่มีความทุกข์มาก ๆ ทำให้เห็นตัวธรรมอย่างที่คุณบอกจริง ๆ ในครั้งนั้นที่อยากตาย จะนอนก็นอนไม่หลับ แต่ผ่านมาได้เพราะรู้สึกว่าการทำร้ายตัวเป็นบาป นึกถึงคำเทศน์ของหลวงปู่ชา นอนพิจารณาความทุกข์ไป รู้สึกว่ามันเข้ามาก็ให้รู้ว่าทุกข์ อย่าไปทุกข์ตามมัน จนผ่านช่วงเวลานั้นมาได้ ไม่อยากฆ่าตัวตายแล้ว แต่อยากฆ่าคนอื่นแทน55

    บางทีอาจต้องขอบคุณคน ๆ นั้นจริง ๆ แต่ก็แอบหวังว่าสิ่งที่เราเผลอทำไปไม่มีผลไปทำร้ายเขากลัวต้องตามไปใช้ชาติหน้าอีก ลืมบอกไปว่าในภาพที่เห็นตอนทำกรรมฐานเขาถูกคนอื่นขับรถชนเป็นบรรยากาศที่เราไม่ได้ไปอยู่ที่นั่น
     
  6. Exasperate explode

    Exasperate explode สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +17
    จริงอย่างที่คุณมาจากดินบอก โดยส่วนตัวก่อนหน้าเริ่มทำกรรมฐานปี 54 เป็นคนโทสะร้อนโมโหร้ายมาก สามารถทำลายข้าวของหรือร่างกายผู้อื่นได้ ปัจจุบันแม้อารมณ์โทสะร้ายจะดีขึ้นแต่ก็ยังจัดอยู่ในกลุ่มคนโมโหร้ายอยู่ แต่น่าแปลกหรืออาจเป็นเรื่องของกรรม คนที่เอาเปรียบข้าพเจ้านั้นมีอำนาจเหนือข้าพเจ้าโดยที่ข้าพเจ้าไม่อาจแสดงออกถึงความไม่พอใจอะไรได้เลย บางทีก็แอบคิดว่าอาจเป็นเพราะติดกรรมต้องชดใช้ให้คน ๆ นี้จริง ๆ
     
  7. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493
    อำนาจทางสังคม (ยศฐาบรรดาศักดิ์,อำนาจทางปกครอง) หรืออำนาจทางการเงินครับ
     
  8. Apinya Smabut

    Apinya Smabut นิพพานังสุขัง นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    1,399
    กระทู้เรื่องเด่น:
    57
    ค่าพลัง:
    +2,635
    ปกติแล้วถ้าเราเผลอคิดอยากจะให้เกิดอะไรขึ้นในระหว่างที่ทรงสมาธิอยู่ก็จะมีผลตามนั้น แต่จะมีผลมากน้อยและช้าเร็วแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับกำลังของสมาธิเราด้วย ถ้าสมาธิระดับอุปจาระสมาธิก็จะมีผลไม่มากเท่าไหร่นัก แต่ถ้าได้กำลังของฌาน 4 ละก็จะเห็นผลกันแบบชนิดแทบจะทันทีเลยล่ะ

    ขอแนะนำให้แช่งใหม่ให้เป็นตรงกันข้ามกับที่เราเคยแช่งเขา เช่น ขอให้คนๆนั้นไม่ตายด้วยการแช่งของเรา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 มีนาคม 2015
  9. มังคละมุนี

    มังคละมุนี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    246
    ค่าพลัง:
    +608
    จงทำกับเพื่อนมนุษย์โดยคิดว่า...

    จงทำกับเพื่อนมนุษย์โดยคิดว่า...

    เขาเป็นเพื่อน เกิด แก่เจ็บ ตาย ของเรา.
    เขาเป็นเพื่อน เวียนว่ายอยู่ในวัฎฎสงสารด้วยกันกะเรา.
    เขาก็ตกอยู่ใต้ อำนาจกิเลส เหมือนเรา ย่อมพลั้งเผลอไปบ้าง.
    เขาก็มีราคะ โทสะ โมหะ ไม่น้อยไปกว่าเรา.
    เขาย่อมพลั้งเผลอบางคราว เหมือนเรา.

    เขาก็ไม่รู้ว่าเกิดมาทำไม เหมือนเรา ไม่รู้จักนิพพานเหมือนเรา.
    เขาโง่ในบางอย่าง เหมือนที่เราเคยโง่.
    เขาก็ตามใจ ตัวเองในบางอย่าง เหมือนที่เราเคยกระทำ.
    เขาก็อยากดี เหมือนเรา ที่อยาก ดี-เด่น-ดัง.
    เขาก็มักจะกอบโกย และ เอาเปรียบ เมื่อมีโอกาสเหมือนเรา.

    เขามีสิทธิที่จะบ้า ดี-เมาดี-หลงดี-จมดี เหมือนเรา.
    เขาเป็น คนธรรมดา ที่ยึดมั่น ถือมั่น อะไรต่างๆ เหมือนเรา.
    เขาไม่มี หน้าที่ ที่จะเป็นทุกข์ หรือตายแทนเรา.
    เขาเป็น เพื่อน ร่วมชาติ ร่วมศาสนา กะเรา.
    เขาก็ ทำอะไร ด้วย ความคิดชั่วแล่น และ ผลุนผลัน เหมือนเรา.

    เขามี หน้าที่ รับผิดชอบ ต่อครอบครัวของเขา มิใช่ของเรา.
    เขามีสิทธิ ที่จะมีรสนิยม ตามพอใจของเขา.
    เขามีสิทธิ ที่จะเลือก ( แม้ศาสนา ) ตามพอใจของเขา.
    เขามีสิทธิ ที่จะใช้ สมบัติ สาธารณะ เท่ากันกับเรา.
    เขามีสิทธิ ที่จะเป็นโรคประสาท หรือเป็นบ้า เท่ากับเรา.

    เขามีสิทธิ ที่จะขอความช่วย เหลือ เห็นอกเห็นใจ จากเรา.
    เขามีสิทธิ ที่จะได้รับอภัย จากเรา ตามควรแก่กรณี.
    เขามีสิทธิ ที่จะเป็นสังคมนิยม หรือ เสรีนิยม ตามใจเขา.
    เขามีสิทธิ ที่จะเห็นแก่ตัว ก่อนเห็นแก่ผู้อื่น.
    เขามีสิทธิ แห่งมนุษย์ชน เท่ากัน กับเรา , สำหรับจะอยู่ในใลก.

    ....ถ้าเราคิดกันอย่างนี้ จะไม่มีการ ขัดแย้งใดๆเกิดขึ้น.

    วาทะ ท่านอาจารย์พุทธทาส

    _______________________________________________


    แนะนำให้ท่านExasperate explodeอ่าน ไปช้าๆ
    ไม่ต้องรีบร้อน ค่อยๆดูไป ทีละข้อ ทีละข้อ

    บางทีอาจจะทำให้ท่านได้ข้อคิด ที่จะอภัยให้กับ ผู้ที่ท่านเกลียดคนนั้นได้



    ....
     
  10. Exasperate explode

    Exasperate explode สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +17
    ตอบ คุณ"มาจากดิน" อำนาจที่ว่าคือ อำนาจทางการปกครอง
     
  11. Exasperate explode

    Exasperate explode สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +17
    พอจะบอกได้ไหมว่าภาวะนั้นเป็นสมาธิระดับไหน คือในตอนนั้นมีความฟุ้งซ่าน จากนั้นรู้สึกตัวว่าฟุ้งซ่านก็รู้ว่าต้องกำหนดรู้หนอ แต่ก่อนจะกำหนดรู้หนอ จำได้ว่าเป็นช่วงความว่าง ไม่ได้ยินเสียงใด ๆ อยู่ระยะหนึ่งเป็นระยะที่ไม่ได้คิดอะไร ไม่รู้สึกถึงร่างกาย ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นก่อนจะไปกำหนดรู้หนอที่ลิ้นปี่
     
  12. bluebaby2

    bluebaby2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2010
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +4,290
    การแค้นคนอื่นไปไม่มีประโยชน์หรอกครับ สมมติว่าเรามีฆ้อนแล้วเราไปตีคนอื่น แล้วก็ตีเขาไปเรื่อยๆ ซักวันเขาก็แค้นและก็มาทำร้ายเรากลับ ในสังคมอริยะเขาเข้าใจข้อนี้ แต่ในสังคมเรายังคิดว่าถ้าเรามีฆ้อนใหญ่กว่าเราก็ไม่วันถูกทำร้ายตอบ เราก็เลย พูด คิด และทำกับคนอื่นในแบบที่เราไม่วันทำกับตัวเอง ถ้าเราเข้าใจกฎแห่งกรรมเราก็จะรู้ว่าการทำร้ายคนอื่นท้ายที่สุดแล้วก็คือการทำร้ายตัวเอง การทำดีกับคนอื่นก็คือการทำดีกับตัวเอง ถ้าเราให้อภัยเมื่อคนอื่นทำในสิ่งที่เราไม่ชอบใจได้ ใจของเราก็จะสงบ การอภัยกับความสงบก็คือสิ่งเดียวกันนั่นเอง และความสงบนี่แหละจะทำให้คุณเจอเรื่องที่ทำลายความสงบของคุณน้อยลงเรื่อยๆ คนเราทำอย่างกับว่าถ้าไม่โกรธแล้วจะเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้เลย ในความเป็นจริงยิ่งมีความโกรธมากเท่าไหร่ยิ่งเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เกิดขึ้นได้น้อย การจะเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เกิดขึ้นกับเราต้องอาศัยความสงบต่างหาก
     
  13. Apinya Smabut

    Apinya Smabut นิพพานังสุขัง นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    1,399
    กระทู้เรื่องเด่น:
    57
    ค่าพลัง:
    +2,635
    การสังเกตุอาการของสมาธิคร่าวๆ

    - ถ้าเห็นภาพนิมิต ขณะนั้นจะเป็นสมาธิระดับ อุปจาระสมาธิ
    - ได้ยินเสียงแต่ไม่รำคาญ ขณะนั้นจะเป็นอาการของฌาน 1
    - คำภาวนาหาย มีอารมณ์สบาย ขณะนั้นเป็นอาการของฌาน 2
    - จิตทรงตัวมาก ร่างกายมีอาการตรงเป๋ง เหมือนมีอะไรมาผูกไว้ ได้ยินเสียงเบามาก แม้ความจริงแล้วจะเป็นเสียงดังแต่จะได้ยินเบาๆเหมือนเสียงนั้นอยู่ไกล แบบนี้ ขณะนั้นเป็นอาการของฌาน 3
    - จิตกับกายแยกออกจากกันโดยเด็ดขาดชั่วคราว ตอนนี้ความรู้สึกทางกายทั้งหมด สัมผัสโดยรอบทั้งหมด ทุกอย่างดับหมด มีแต่จิตที่เป็นอุเบกขาและเอกคตารมเท่านั้น ต่อให้ฟ้าผ่าลงมาใกล้ๆหรือยิงปืนใหญ่ข้างๆหูก็ไม่ได้ยินเสียง เพราะจิตไม่รับรู้อะไรกับร่างกายแล้ว ความรู้สึกทั้งหมด ไม่ว่าจะร้อน หนาว ความเจ็บปวด ไม่สามารถทำอะไรกับจิตได้ จิตมีความสุขสบายและทรงพลังมาก ขณะนั้นเป็นอาการของฌาน 4

    คำสอนของหลวงพ่อฤาษีวัดท่าซุงเกี่ยวกับฌานแนะนำเลยครับดีมากๆ >>> แสดงกระทู้ - อารมณ์ของฌาน : หลวงพ่อฤาษีลิงดำ • ลานธรรมจักร
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 มีนาคม 2015
  14. ปุณฑ์

    ปุณฑ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2008
    โพสต์:
    2,760
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,692
    ไม่คิดว่า นิมิตจริง จะเกิดจากมิจฉาสมาธิได้
    ควรจะเป็นจิตที่ปราศจากนิวรณ์ จิตจึงจะมีสมรรถภาพในการเห็นจริง
    คือต้องอาศัยความสงบตั้งมั่นมาก
    แต่เห็นแล้ว เกิดอารมณ์ โลภะโทสะโมหะ นี่เข้าไปปรุงร่วมทีหลังก็ได้ เกิดนิมิตหลอกตามมาก็ได้

    หากจิตคิด แล้วเกิดนิมิต ที่จิตเฝ้าวนเวียนกับสิ่งนั้น
    เป็นสัญญาเข้าไปสร้างอุปาทานหลอก ก็ได้
    เป็นสมาธิเหมือนกัน แต่มาจากการปรุงคิดไป จินตนาการไปเป็นเรื่อง

    นิมิตหลอกเพราะสร้างจากสมาธิในการปรุงก็มี
    นิมิตจริง ที่เกิดจากจิตสงบจนได้รู้เห็นก็มี นิมิตนี้ จะเกิดขึ้นตามมา
     
  15. ZIGOVILLE

    ZIGOVILLE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    196
    ค่าพลัง:
    +792
    ระวังไว้นะครับเรื่องโทสะร้ายกาจและส่งผลเสียต่อทั้งชีวิตตัวเองและคนอื่นมาก และอาจจะเป็นอุปสรรคในการบรรลุมรรคผลถ้าไม่รู้เท่าทัน นิมิตแห่งโทสะที่เคยเจอมักจะอยู่ในรูปของนางยักษ์ขิณี ที่มีอารมณ์เกรี้ยวกราด...มีอยู่ครั้งหนึ่ง ตอนเช้าหลังจากออกจากสมาธิก็ขับรถไปทำธุระพร้อมฝึกทรงอารมณ์สมาธิไปเรื่อยๆให้จิตมันอยู่ตรงกลางคิ้ว...ขับอยู่ดีๆมีรถมาขับปาดหน้าระยะกระชั้นชิด...วินาทีนั้น...อารมณ์โทสะมันเกิดขึ้นไวมาก...จิตวิ่งเข้าไปรับโทสะนั้น...แล้วก็เห็นหน้าตัวเองกลายเป็นยักษ์สีแดงเลย มีเขี้ยวโง้งด้วย...บอกได้ว่าหน้าตัวเองตอนนั้นมันน่ากลัวมาก...แต่พอสติรู้ทันหน้ายักษ์มันก็หายไปไวมากๆๆ กระบวนการนี้เกิดขึ้นไม่กี่วินาทีครับ...มันก็เลยเกิดธรรมะขึ้นมาตอนนั้นสอนตัวเอง และแผ่เมตตาให้คนๆนั้นไป ซึ่งเค้าอาจจะมีเหตุผลที่ทำให้รีบ และไม่ได้ตั้งใจ แต่จิตเราวิ่งไปรับอารมณ์นั้นเอง...ส่วนกรรมฐานที่ผมใช้แก้โทสะก็คือการฝึกแผ่เมตตาเยอะๆ แล้วก็เยอะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ จนกว่าจิตจะยอมรับ ให้ระลึกถึงกฎแห่งกรรมตามที่ท่านอาจารย์เอกวีร์แนะนำครับ

    ส่วนนิมิตทั้งหลายที่เกิดขึ้นนั้น มีทั้งคุณและโทษ เมื่อเรามองในส่วนที่ให้คุณก็ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีในการน้อมนำมาสอนจิตให้ยอมรับกฎแห่งกรรมได้ แต่ไม่ต้องไปยึดมั่นถือมั่นว่ามันจะเป็นเรื่องจริง หรือไม่จริงครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 มีนาคม 2015
  16. คะนึง

    คะนึง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    178
    ค่าพลัง:
    +402
    เขาเรียกว่าอาการจำฝังใจคะ หรือผูกใจเจ็บ ในทุกครั้งที่เขาทำไม่ดีแก่เรา หากเรา
    ไม่ปล่อยวาง ไม่อภัย ไม่อโหสิกรรมไปเลย ณ ขณะนั้น ใจที่คิด ที่รู้สึก และ
    อารมณ์ที่เราตอบสนองต่อการกระทำของเขา จะนำไปเก็บ หรือ จำไว้ในใจ
    ยิ่งเก็บมาก ยิ่งตอกย้ำมาก ก็จะฝังแน่น และมันจะกลายเป็นนิสัยและสันดานได้คะ

    มีข้อคิดมาฝากคะ

    โปรดระวังความคิดของคุณ สักวันหนึ่งจะกลายเป็นคำพูด
    โปรดระวังคำพูดของคุณ สักวันหนึ่งจะกลายเป็นการกระทำ
    โปรดระวังการกระทำของคุณ สักวันหนึ่งจะกลายเป็นนิสัย
    โปรดระวังนิสัยของคุณ สักวันหนึ่งจะกลายเป็นการกระทำ

    หากจำฝังใจไว้ ไม่คลายออกชาตินี้ มันจะจำข้ามภพข้ามชาติเลยคะ
    มันจะเป็นชะตาชีวิตเรา หากเราไม่อภัยและอโหสิกรรมให้หมดจากใจในชาตินี้
    และคนที่ทุกข์และเจ็บปวดใจนั้น ที่จริงแล้วไม่ใช่เขาหรอก แต่เป็นตัวเราต่างหาก
    เขาถึงเรียกการอภัย และอโหสิกรรม เป็นบุญที่มีอานิสงค์มาก เป็นการสละตัวตน
    อย่างหนึ่ง ที่มีผลต่อการเจริญงอกงามในจิตใจ ต่อการปฏิบัติกรรมฐาน

    และการปฏิบัติกรรมฐานนั่นแหละคะ ที่จะทำให้เราอโหสิกรรม และอภัยด้วยใจจริง

    จึงมีคำกล่าวว่า ในชีวิตของเราที่เกิดมาในชาตินี้ จะมีประโยชน์อะไรในชีวิตที่ยืนยาว
    แต่ถ้าวันนี้เราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรในชีวิตได้เลย ขอให้ประสบความสำเร็จคะ
     
  17. hastin

    hastin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,116
    ค่าพลัง:
    +3,086
    จะแก้อาการ อาฆาต ดีที่สุดคงต้องรู้เท่าทันกรรม แต่คงยังทำไม่ได้ตอนนี้

    ตอนนี้ ลองวิธี คิดแบบเปลี่ยนตัวแสดง

    ให้ลองคิดว่า ถ้าคุณเป็นคนเอาเปรียบเค้า ไม่ต้องคิดเหตุผลว่าเอาเปรียบทำไม ว่างๆค่อยคิด

    ลองคิดดูว่า เค้า อาจจะมีความรู้สึกแบบไหนบ้าง อาจเหมือนเราไหม น้อยกว่า มากกว่า


    ส่วนความคิด ตอนนั่งสมาธิ ถ้าเกิดอีก ลองเฝ้าดูเฉยๆไปก่อน ไม่ต้องเอาอารมณ์ไปร่วม
     
  18. Apinya17

    Apinya17 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    775
    ค่าพลัง:
    +3,023
    ไตร่ตรองให้ดีน่ะท่าน จขกท
    อารมณ์โกรธ เครียด แค้น พยาบาท คนเราไม่รู้ว่าจะตายกันเมื่อไหร่ ถ้าเกิดปุปปัป คุณไม่หายใจเดี้ยงไป อารมณ์เศร้าหมองเหล่านั้น ดึงคุณไปนรกทันที ไม่ผ่านสำนักพยายมน่ะ

    คนที่เอาเปรียบคุณ เขาก็จะได้รับผลกรรมของเขาเองนั่นแหละ

    ส่วนคุณ อย่าเอานรกมาไว้ประจำใจ สลัดความเศร้าหมองอันนี้ออกได้ คุณจะพบความสุขเองนั่นแหละ
     
  19. Exasperate explode

    Exasperate explode สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +17
    จริง ๆ ไม่ได้เล่าละเอียดว่าในช่วงที่กำลังออกจากสมาธิในวันนั้นหรือออกไปแล้วไม่แน่ใจ จำความได้ว่าเห็นตัวเองเป็นยักษ์เช่นกันแต่ก็เป็นเหมือนภาพหรือความคิดที่เกิดขึ้นเร็ว ๆ แต่ไม่ได้เล่าใคร ตอนนั้นคิดไปว่าตนเองอาจฟุ้งซ่านคิดไปเอง แต่พอมีคนมาคอนเฟิร์มแบบนี้ น่าคิดเหมือนกันว่าหากไม่คลายจากโทสะและความแค้นนี้ให้ได้ อาจไม่ได้พบสิ่งสูงสุดที่ปรารถนา ดีไม่ดีอาจมีอเวจีเป็นที่ไป
     
  20. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,709
    ค่าพลัง:
    +3,236
    จริงๆในฐานะปัจเจกชน แต่ผมถือพระโพธิญาณนะ
    การป้องกันตนเป็ฯสิทธิที่พึงพิจารณาได้ตามอัฌชาศัย

    การฆ่า อย่างตั้งใจจะทำให้เราเห้ฯหนทางที่เดินไปข้างหน้าได้น้อยลง

    เช่นเรากลัวตาย เห็ฯในนิมิต เราก็วิ่งหนี ก็เป็ฯการเรียนรู้อย่างหนึ่ง
    หรือถ้าเรารมันใจว่านี่เป็ฯแค่ความคิดเราลองคิดที่จะป้องกันตัวโดยไม่ฆ่า ไม่ทำปาณาติบาตร ก็เป็ฯการเรียนรู้อย่างหนึ่ง

    ศีลคือกลไกของการเรียนรู็ ทำอย่างไรจึงจะไม่ต้องไปกินเหล้า ถ้ามีคนกินเหล้าอยู่ควรทำอะไรงี้
    มันไม่มีบทลงโทษอะไรเป็ฯการเฉพาะหรอก คนเราลงนรกเพราะกำหนดให้ตัวเองเกือบครึ่ง
     

แชร์หน้านี้

Loading...