รวมประวัติหลวงปู่กลิ่นวัดสะพานสูง ปากเกร็ด นนทบุรี

ในห้อง 'วิธีดูพระเครื่อง-เครื่องรางของขลัง' ตั้งกระทู้โดย 999top999, 18 สิงหาคม 2010.

  1. 999top999

    999top999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2010
    โพสต์:
    114
    ค่าพลัง:
    +118
    บทความต่อไปนี้ผมขออนุญาตคัดลอกบทความจากพี่เกร็ดเพชรนะครับ....ขอขอบคุณพี่เกร็ดเพชร มา ณ ที่นี้ด้วยครับ
    พระครูโศภณศาสนกิจ นามเดิมว่า กลิ่น ท่านเกิด ณ วันอังคารขึ้น 13 ค่ำ เดือน 11 ปีฉลู สัปตศก 1227 เวลา 2.00 น.ลักขณาสถิตเตโชธาตุ ราศีสิงค์ ตรงกับวันที่ 4 ตุลาคม 2408 บิดาชื่อนายเปลี่ยน มารดาชื่อนางอิ่ม จันทร์เปลี่ยน ท่านเป็นพี่ชายใหญ่เเละมีน้องสาวอีกคน บ้านเดิมของบรรพบุรุษอยู่ที่ตำบลบ้านเเพรก อำเภอนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี เมื่ออายุได้ 11 ปี ท่านได้ไปศึกษาอักษรวิธี ที่วัดท้ายเมือง ตำบลตลาดขวัญ จังหวัดนนทบุรี การศึกษาของท่านในครั้งนี้เป็นการศึกษาในอักษรไทย
    ครั้นอายุได้ 17 ปี ท่านได้บรรพชา เเละได้ศึกษาอักษรขอมเเละบาลี ในสำนักท่านอาจารย์อิน วัดหงส์รัตนาราม จังหวัดธนบุรี เมื่ออายุได้ 19 ปี โยมผู้หญิงของท่านได้ถึงเเก่กรรม ท่านจึงได้ลาเพศบรรพชาเเล้วกลับมาอยู่บ้านเดิมของท่าน ครั้นเมื่อ พ.ศ. 2426 ท่านได้ย้ายมาอยู่กับท่านอาจารย์เอี่ยม วัดสะพานสูง ตำบลบ้านเเหลมใหญ่ อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ในฐานะเป็นศิษย์ของท่านอาจารย์เอี่ยม พ.ศ. 2428 ท่านอายุได้ 21 ปี จึงได้อุปสมบท ณ วันขึ้น 13 ค่ำ เดือน 8 (เเปดหลัง) ปีระกา ตรงกับวันที่ 24 กรกฎาคม ณ พัทสีมา วัดสะพานสูง พระอาจารย์เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์รุ่ง วัดท้องคุ้ง เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์น้อย วัดสัลเลข (วัดสาลีโข) เมื่อท่านอุปสมบทเเล้ว มีฉายาว่า จนฺทรงฺสี ท่านได้พำนักอยู่ที่วัดสะพานสูงตลอดมาท่านชอบศึกษาหนักไปทางวิปัสสนาธุระ พร้อมทั้งได้ศึกษาทางเวชศาสตร์จากพระอาจารย์เอี่ยม เป็นจำนวนมาก จนถึงเมื่อกาลพระอาจารย์เอี่ยมได้ถึงกาลมรณภาพไปเเล้ว การศึกษาเวชศาสตร์ของท่านจึงได้เบาบางลง
    ...บทความทั้งหมด พี่เกร็ดเพชรได้คัดลอกจากหนังสือเเจกงานพระราชทานเพลิงศพ หลวงปู่กลิ่น วัดสะพานสูง ปี 2490...
    ต่อครับ...
    พ.ศ. 2438 ท่านได้รับการเเต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดสะพานสูง โดยความเห็นพร้อมกันเป็นเอกฉันท์ในทางฝ่ายประชาชนเเละท่างคณะสงฆ์ ซึ่งมีพระปรีชาเฉลิม(เเก้ว) วัดเฉลิมพระเกียรติ เป็นผู้อนุมัติ เมื่อท่านได้รับตำเเหน่งเจ้าอาวาสเเล้ว ปรากฎว่าท่านเป็นผู้มักน้อย ไม่ต้องการเเสวงหา หรือสะสมในสิ่งที่ไม่จำเป็น ถือสันโดษ ไม่มีโลภะเจตนา พร้อมทั้งได้วางหลักการปกครองวัดไว้เป็นระเบียบเรียบร้อย โดยยึดมั่นในสันติวิธีทุกประการท่านมีอุปนิสัยหนักไปทางข้อวัตรปฎิบัติ เเละ ปฎิสังขรวัดวาอาราม ฉะนั้นนับเเต่ท่านได้รับตำเเหน่งเป็นเจ้าอาวาสวัดสะพานสูงเเล้ว ท่านจึงเริ่มสถาปนาวัดให้เจริญขึ้นตามลำดับ อีกประการหนึ่งท่านเป็นผู้สนใจในทางคันถธุระ คือ การศึกษาเป็นอย่างยิ่ง เพื่อให้อนุชนร่นหลังได้รับการศึกษาเป็นอย่างดี เเม้ในทางปริยัติท่านได้จัดหาครูมาสอนเเละได้จัดหาสถานที่เรียน พร้อมทั้งท่านได้จัดหาหนังสือมาไว้มากมาย ยังความสะดวกเเก่ผู้ศึกษา อนึ่งท่านเป็นผู้ชำนาญในทางเวชกรรม ท่านจึงได้จัดพิมพ์ตัวยาที่ท่านเคยใช้ ไว้ข้างท้ายนี้ตามสมควร ในทางอิทธิเวช ท่านได้ศึกษามาได้อำนวยเเก่บรรดาศิษย์เเละบุคคลอื่นๆที่เจ็บป่วยมาให้หายจากโรคต่างๆ ในทางคาถาอาคม ท่านได้ปลุกเสกเลขยันต์ ย่อมเป็นที่ซาบซึ่งในอิทธิปาฎิหารย์ เเก่ศิษย์เป็นอย่างดี ท่านได้เข้าร่วมในพิธีปลุกเสกเเหวนมงคลเก้า เเละเสมารูปสมเด็จพระสังฆราช ของราชการหลายครั้งด้วยกัน นอกจากนี้ท่านเป็นผู้ชำนาญท่านโหราศาสตร์อีกด้วยโดยอาศัยวิชาความรู้เเละคุณธรรมของท่าน ท่านจึงเป็นที่เคารพนับถือของบรรดาศิษย์เป็นอย่างยิ่ง
    ครั้นต่อมาในปี 2447 ท่านได้รับตำเเหน่งเป็นเจ้าคณะหมวด ตำบลบ้านเเหลม ..เมื่อวันที่ 9 พฤษจิกายน 2467 ท่านได้รับตำเเหน่งเป็น พระครูโสภณศาสนกิจ
    ปี 2479 ได้รับตำเเหน่งกรรมการศึกษาประจำอำเภอปากเกร็ด
    ปี 2482 ได้รับตำเเน่งเป็นพระอุปัชฌา
    ปี 2487 ท่านได้ตำเเหน่งเป็นกรรมการสงฆ์อำเภอ ในตำเเหน่งองค์การสาธารณปการณ์
    ครั้นย่างขึ้นปี พ.ศ. 2490 ท่านย่างเข้า 82 ปี ท่านได้เริ่มป่วยด้วยโรคชราเล็กน้อย เเต่ยังไปไหนมาไหนได้เป็นปกติ ครั้นต่อมาวันที่ 6 มกราคม 2490 เวลา 4.00 น.ท่านได้เริ่มป่วยเป็นลมหน้ามืด มีอาการเสียดเเทงขึ้นตามเส้นสูญของท้อง เมื่อฉันยาเเล้ว อาการก็หายปกติ ในวันรุ่งขึ้น วันที่ 7 ท่านมีอาการกำเริบอีก ในวันที่ 8 อาการท่านไม่ทุเลาลง เเต่รุนเเรงทวีขึ้นตามลำดับ นายเเพทย์ได้ฉีดยาเเละถวายยาให้ฉัน อาการก็ทรงอยู่เป็นพักๆ ตามความเห็นของเเพทย์ลงความเห็นว่า กระเพาะอาหารเเละลำไส้หยุดทำงาน ครั้นถึงเวลา 19.00 น. ไตได้หยุดทำงานไม่สามารถถ่ายปัสสาวะได้ อาการก็ทวีขึ้นอย่างรวดเร็ว จนถึงเวลา 1.10 น. ของวันที่ 8 มกราคม 2490 ท่านจึงไดมรณภาพลงท่ามกลางพยาบาลที่รักษาเเละบรรดาศิษย์ สิริรวมอายุได้ 82 ปี โดยประมาณพรรษากาลได้ 61 พรรษา การมรณภาพของท่านได้นำพาวิปโยคมาสู่ศิษย์
    โปรดติดตามตอนต่อไป
    ขอบคุณครับ



    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR vAlign=top><TD class=userboxlogo width=55></TD><TD></TD></TR></TBODY></TABLE>
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. stoes

    stoes เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    8,343
    ค่าพลัง:
    +9,050
    ประวัติ หลวงปู่เอี่ยม วัดสะพานสูง อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี
    [​IMG]
    หลวงปู่เอี่ยมท่านเกิดในสมัยรัชกาลที่ ๒ เมื่อปีฉลู พ ศ ๒๓๕๙ เปนบุตร นายนาค นางจันทร์ มีพี่น้องท้องเดียวกัน รวมด้วยกัน ๔คน คือ๑หลวงปู่เอี่ยม๒นายฟัก๓นายขำ
    ๔นางอิ่มบ้านเกิดของหลวงปู่เอี่ยมอยู่ที่ตำบลบ้านแหลมใหญ่ ฝั่งใต้ ข้างวัดท้องคุ้ง อำเภอปากเกร็ด จังหว้ดนนทบุรี ครั้นถึงปี พ ศ ๒๓๘๑ อายุท่านได้ ๒๒ ปี ได้อุปสมบทที่วัด บ่อ ตำบลปากเกร็ด อำเภอปากเกร็ด (วัดบ่อนี้อยู่ติดกับตลาดในท่าน้ำปากเกร็ด ปัจจุบันคือหัวถนนปากเกร็ด ) ท่านอุปสมบทได้ประมาณหนึ่งเดือน ท่านก็ได้ย้ายไปประจำพรรษาอยู่วัดกัลยาณมิตร ธนบุรี ซึ่งในขณะนั้น พระพิมลธรรม พร เปนเจ้าอาวาส ซึ่งย้ายมาจากวัดราชบูรณะ พระนคร หลวงปู่เอี่ยมท่านได้ศึกษาพระปริยัติธรรม และแปลพระธรรมบทอยู่ที่วัดนี้นานถึง ๗ พรรษา ท่านจึงได้ย้ายไปจำพรรษาอยู่ที่วัดประยูรวงศาวาส เมื่อปีพ ศ ๒๓๘๘ อยู่วัดประยูรวงศาวาสได้ ๓พรรษาครั้น๔งปี พ.ศ ๒๓๙๑ นายแขก สมุห์บัญชีได้นิมนต์หลวงปู่เอี่ยมไปจำพรรษาที่วัดนวนนรดิศ ที่วัดนี้เองหลวงปู่เอี่ยมได้ศึกษาเจริญพระกัมมัฏฐานเปนเริ่มแรก และได้ศึกษาอยู่ ๕ พรรษา ถึงปี พ.ศ ๒๓๙๖ ญาตฺโยมพร้อมด้วยชาวบ้านภูมิลำเนาเดิม ในคลองบ้านแหลมใหญ่ ( ซึ่งปัจจุบันนี้คือคลองพระอุดม ) อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ได้เดินทางมาอาราธนานิมนต์หลวงปู่เอี่ยมกลับไปปกครองวัดสว่างอารมณ์ หรือวัดสะพานสูงในปัจจุบันนี สาเหตุที่เปลี่ยนชื่อจากวัดสว่างอารมณ์มาเปนชื่อวัดสะพานสูงนั้น มีเรื่องเล่าต่อๆกันมาว่า ในสมัยนั้นสมเด็จกรมพระยาวชิรญาณวโรส ท่านได้เสด็จออกตรวจการคณะสงฆ์และได้ทรงเสด็จขึ้นที่วัดสว่างอารมณ์นี้ ได้ทอดพระเนตรเห็นสะพานสูงข้ามคลองหน้าวัด (คลองพระอุดมปัจจุบันนี้ ) ซึ่งชาวบ้านมักจะเรียกวัดสว่างอารมณ์นี้ว่า วัดสะพานสูง จึงทำให้วัดนี้มีชื่อเรียกกัน ๒ ชื่อ ฉะนั้น สมเด็จกรมพระยาวชิรญาณวโรรสทรงเห็นว่า สะพานสูงนี้ก็เปนนิมิตดีประจำวัดประการหนึ่ง และอีกประการหนึ่งชาวบ้านก็นิยมเรียกกันติดปากว่า วัดสะพานสูง จึงได้ประทานเปลี่ยนชื่อวัดสว่างอารมณ์ มาเปน วัดสะพานสูง จนตราบเท่าทุกวันนี้ เมื่อหลวงปู่เอี่ยมท่านมาปกครองวัดสะพานสูงใหม่ๆที่วัมีพระประจำพรรษาอยู่เพียง ๒ รูปเท่านั้น ขณะที่ท่านหลวงปู่เอี่ยม ได้ย้ายมาอยู่วัดสะพานสูงได้ ๘ เดือน ก่อนวันเข้าพรรษาหลวงพิบูลย์สมบัติ บ้านท่านอยู้ปากคลองบางลำพู พระนคร ได้เดินทางมานมัสการหลวงปู่เอี่ยม ท่านหลวงปู่เอี่ยมได้ปรารภถึงความลำบาก ด้วยเรื่องการทำอุโบสถและสังฆกรรม เนื่องจากสถานที่เดิมได้ชำรุดทรุดโทรมมาก จึงอยากจะสร้างให้เป็นถาวรสถานแก่วัดให้เจริญรุ่งเรือง หลวงพิบูลย์สมบัติ ท่านจึงได้บอกบุญเรี่ยไรเงินมา เพื่อก่อสร้างโบถ และถาวรสถานขึ้น จึงเปนที่เข้าใจว่าหลวงปู่เอี่ยมได้เริ่มสร้างพระปิดตาและตะกรุดขึ้นเป็นครั้งแรกเพื่อเป็นของชำร่วยแก่ผู้บริจากทรัพย์และสิ่งของที่ใช้ในการก่อสร้างพระอุโบสถและถาวรสถาน ต่อมาถึง พ.ศ. ๒๔๓๑ ได้สร้างศาลาการเปรียญ หลังจากนั้นอีก ๘ ปี หลวงปู่เอี่ยมได้สร้างพระเจดีย์ฐาน ๓ ชั้นขึ้นในปี พ.ศ. ๒๔๓๙ ขณะที่ท่านหลวงปู่เอี่ยมท่านได้มาอยู่วัดสะพานสูง ท่านได้ไปธุดงค์ไปทางแถบประเทศเขมร โดยมีลูกวัดติดตามไปด้วยเสมอ แต่ท่านจะให้ลูกวัดออกเดินทางล่วงหน้าไปก่อน ๖-๗ ชั่วโมง แล้วจะนัดกันไปพบที่แห่งใดแห่งหนึ่ง แล้วท่านหลวงปู่เอี่ยมท่านจะสามารถไปทันตามจุดนัดพบทุกครั้ง จากการออกธุดงค์และรุกขมูลนี้เอง หลวงปู่เอี่ยมได้ไปพบชีปะขาวชาวเขมรท่านหนึ่งชื่อว่า จันทร์ ท่านหลวงปู่เอี่ยมจึงได้เรียนวิชาอิทธิเวทย์ จากท่านอาจารย์ผู้นี้อยู่หลายปี จนกระทั่งชาวบ้านแหลมใหญ่นึกว่าท่านออกธุดงค์ไปได้ถึงแก่มรณถาพไปแล้ว จึงได้ทำสังฆทานแผ่ส่วนบุญไปให้ท่าน ทำให้ท่านหลวงปู่เอี่ยมทราบในญาณของท่านเอง และท่านหลวงปู่เอี่ยมจึงเดินทางกลับมายังวัดสะพานสูง การไปธุดงค์ครั้งนี้ หลวงปู่เอี่ยมท่านได้ไปเป็นเวลานาน และอยูในป่าจึงปรากฏว่าท่านหลวงปู่เอี่ยมท่านไม่ได้ปลงผม ผมจึงยาวถึงบั้นเอว จีวรก็ขาดร่งริ่ง หนวดท่านยาวเฟิ้ม พร้อมมีสัตว์ป่าติดตามท่านหลวงปู่เอี่ยมมาด้วย อาทิเช่น หมี เสือ และงูจงอาง ฯลฯท่านหลวงปู่เอี่ยมเปนพระผู้มีอาคมขลัง มีวาจาศักดิ์สิทธิ์ มักน้อย ถือสันโดษ ด้วยเหตุนี้เองทำให้หลวงปู่เอี่ยมท่านมีลูกศิษย์ลูกหามากมาย ทั้งชาวบ้านและเจ้านายผู้ใหญ่ในพระนครนับถือท่านมากจนกระทั่งถึงวาระสุดท้ายของชีวิต ก่อนที่หลวงปู่เอี่ยมจะมรณภาพด้วยโรคชรา นายหรุ่น แจ้งมา ซึ่งเป็นลูกศิษย์ที่ใกล้ชิดคอยอยู่ปรนนิบัติท่านหลวงปู่เอี่ยมได้ขอร้องท่านว่า ท่านอาจารย์มีอาการเต็มที่แล้ว ถ้าท่านมีอะไรก็กรุณาได้สั่ง และให้ศิษย์เป็นครั้งสุดท้าย ซึ่งท่านหลวงปู่เอี่ยมก็ตอบว่า ถ้ามีเหตุทุกข์เกิดขึ้นให้ระลึกถึงท่านและเอ่ยชื่อท่านก็แล้วกันหลวงปู่เอี่ยมท่านได้มรณภาพ เมื่อปี พ.ศ.๒๔๓๙ รวมอายุได้ ๘๐ ปี บวชได้ ๕๙ พรรษา( คัดลอกจากหนังสือ งานประกวดพระปากเกร็ด ปี29
     
  3. armchi

    armchi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    1,631
    ค่าพลัง:
    +2,031
    ขอบคุณครับ เป็นตำนานทั้ง2รูปเลยครับ
     
  4. 999top999

    999top999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2010
    โพสต์:
    114
    ค่าพลัง:
    +118
    ใครมีข้อมูลเพิ่มเติมลงได้เลยนะครับมาแบ่งปันความรู้กัน ขอบคุณครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...