รวมพระธรรม..แก้อารมณ์เบื่อหน่าย

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย titapoonyo, 31 สิงหาคม 2012.

  1. titapoonyo

    titapoonyo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    1,133
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +12,769
    ช่วงนี้รู้สึกเบื่อบ่อยๆ พอดีไปอ่านเจอ เห็นว่าน่าจะเป็นประโยชน์เลยนำมาแบ่งปันครับ..

    [​IMG]

    บทนำ
    สวัสดีครับ ท่านผู้อ่านทุกท่าน
    คุณเคยรู้สึกแบบนี้มั้ย.... เบื่อชีวิต เซ็ง เหนื่อยหน่ายชีวิต บางครั้ง ก็รู้สึกว่า ทำไมชีวิตนี้มันถึงน่าเบื่ออะไรอย่างนี้นะ อยากจะตายไปให้พ้นๆ เบื่อโว้ยยยย....เซ็งเป็ด เซ็งกบ เซ็งเขียด เซ็งสุดๆ โดยเฉพาะคน ฯลฯ สุดแท้แต่จะคิดกันไป แต่สรุปก็คือ อารมณ์เบื่อๆ ที่ทำให้ดูอึมครึม ไม่สดใส ขาดแรงบันดาลใจที่จะทำอะไร ๆ (เพราะกำลังเซ็ง อิอิ)
    ผมนี้เป็นบ่อยมากๆ เลยเรียกตัวเองว่า ไอ้คนขี้เบื่อ ตลอดชีวิตที่ผ่านๆ เท่าที่เคยศึกษาธรรมะมาบ้างเล็กน้อย เวลาโดนความเบื่อเข้าแทรกก็หาวิธีแก้กันไป เช่น หาอะไรทำแก้เบื่อ หรือรอให้หายเอง (เพราะอารมณ์เหล่านี้ล้วนไม่เที่ยง) พิจารณาหาสมุทัยหรือสาเหตุของความเบื่อ แล้วแก้ไข (แต่ส่วนใหญ่จะโง่ ไม่ค่อยรู้สาเหตุ อิอิ) หลายๆ ครั้งจะพบว่า ส่วนใหญ่ที่เบื่อก็เพราะเรามันตัณหาเยอะ อัตตาตัวตนมันเยอะจัด อยากได้นั่นนี่นู่นแล้วไม่ได้ดังหวัง หรือเจือกได้ในสิ่งที่ไม่อยากได้ เช่น โดนด่า โดนว่า แล้วก็เกิดอารมณ์ความทุกข์ ก็เลยพาลเบื่อชีวิตไป...
    แต่ปัญหาคือ ตอนที่เรากำลังเบื่อ เราจะคิดไม่ค่อยได้ มัวแต่จมอยู่กับความเบื่อ เพราะสติไม่มี พระท่านว่า สติมา ปัญญาเกิด นี่จริงแท้แน่นอน

    เหตุที่ผมรวบรวมหนังสือเล่มนี้ขึ้นมา เพราะเวลาเบื่อๆ ผมชอบไป search ใน google แล้วไปหาอ่านวิธีแก้เบื่อต่างๆ ที่มีคนมาแนะนำไว้ ก็มีหลากหลายเหลือเกิน ทั้งทางโลกและทางธรรม แต่จะอยู่กระจัดกระจายหลายที่ เลยขอรวบรวมไว้ซะเลย เผื่อมีท่านใดที่ขี้เบื่อเหมือนผม จะเอาไว้อ่านกระตุ้นต่อมสติ อิอิ แต่ขอนำมาบางส่วนเฉพาะของครูบาอาจารย์สายหลวงพ่อฤาษีฯ นะครับ เพราะอ่านแล้วตรงจิตตรงใจเหลือเกิน

    สุดท้ายนี้ ผมขอให้ทุกท่านที่หลงเข้ามาอ่าน(ถ้ามีคนอ่านอ่ะนะ หุหุ)เรื่องราวของ ไอ้คนขี้เบื่อ ที่เขียนขึ้นมาแก้อาการเบื่อ ขอให้ทุกท่านหายเบื่อหายเซ็ง ลงสู่ความธรรมดา ได้ทุกๆ ท่านนะครับ... อนุโมทนาสาธุ

    ที่มา : Sammatitti-ธรรมะเพื่อสัมมาทิฏฐิ: ธรรมะแก้อารมณ์เบื่อหน่าย...บทนำ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 สิงหาคม 2012
  2. titapoonyo

    titapoonyo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    1,133
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +12,769
    ความเบื่อ

    [​IMG]
    ________________________________________

    ถาม : เมื่อปฏิบัติไประยะหนึ่ง เกิดความเบื่อขึ้นมา ความเบื่อนี่เป็นกิเลสหรือเปล่าครับ ?
    ตอบ : เป็นนิวรณ์ จัดอยู่ในส่วนของถีนมิทธนิวรณ์ ชวนให้เบื่อ ชวนให้ง่วงเหงาหาวนอน ชวนให้ขี้เกียจ ก็จัดเป็นกิเลส กิเลสหยาบมากด้วย เห็นหน้าตาชัดเจนที่สุดด้วย

    ถาม : แรก ๆ ก็พยายามเปลี่ยนอิริยาบถแล้ว ทั้ง นั่ง ยืน เดิน นอน แต่ว่าก็เบื่อบรรยากาศในห้อง บางทีเก็บตัวอยู่ในห้องหลาย ๆ วัน ตรงนั้นเราจะต้องแก้ไขอย่างไร ?
    ตอบ : ไม่ต้องแก้ไข เลิกสนใจความเบื่อ แล้วอยู่กับการภาวนาอย่างเดียว อารมณ์เบื่อเกิดขึ้น แสดงว่าคุณหลุดจากการภาวนา
    ถ้าไม่หลุด..ก็จะสดชื่น เบาสบายอยู่อย่างนั้น กี่ปีกี่ชาติก็อยู่อย่างนั้น แสดงว่าเราประคองรักษาอารมณ์ไม่อยู่ ประเภทเลิกแล้วก็เลิกเลย ไม่เคยรักษาอารมณ์นั้นไว้ ทำให้กิเลส รัก โลภ โกรธ หลง ต่าง ๆ แทรกเข้ามาสิงได้ง่าย ๆ นี่เป็นข้อบกพร่องใหญ่ของเราเลย ฉะนั้น...ต้องกลับไปแก้ไขตรงจุดนี้ให้ได้ ว่าทำอย่างไรแล้วจะทำให้เรารักษาอารมณ์นั้นอยู่ได้ด้วย

    ถาม : บางทีสังเกตดู บางทีเกิดอารมณ์เบื่อจากความอยากด้วย พอตั้งท่าจะทำ
    ตอบ : ก็เพราะไม่ได้อย่างที่อยาก

    ถาม : ก็เลยเบื่อ
    ตอบ : นั่นมันหลอกเราสองชั้นเลย

    ถาม : แต่ถ้าเบื่อแบบนิพพิทาญาณจะไม่ท้อถอยในการปฏิบัติ ?
    ตอบ : ไม่ท้อถอยหรอก แต่จะเซ็งในอารมณ์ จนทำอะไรไม่ถูกไปเลย จนกว่าปัญญาจะมาทัน ถ้าหากปัญญามาทันคราวนี้ก็จะเห็นว่า แม้บุคคลที่ตั้งใจปฏิบัติเพื่อความหลุดพ้นก็ยังทุกข์เห็นปานนี้ ขึ้นชื่อว่าบุคคลอื่นที่ไม่ทุกข์ จะหาที่ไหนได้เล่า ?

    พระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    ถาม-ตอบ ช่วงเย็น ณ บ้านอนุสาวรีย์
    วันเสาร์ที่ ๒ มกราคม ๒๕๕๓

    *************************
    ที่มา : Sammatitti-ธรรมะเพื่อสัมมาทิฏฐิ: ธรรมะแก้อารมณ์เบื่อหน่าย...บทที่ 1
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 สิงหาคม 2012
  3. titapoonyo

    titapoonyo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    1,133
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +12,769
    เบื่อโลก

    [​IMG]

    ผู้ถาม : หลวงพ่อคะ คนที่ไม่เคยปฏิบัติธรรม แต่ว่ามีความรู้สึกเบื่อโลกอย่างนี้เป็นนิพพิทาญาณหรือเปล่าคะ ?

    หลวงพ่อ : เบื่อนิพพิทาญาณหรือเบื่อหนักหนี้หรือเบื่อกลุ้มใจ นิพพิทาญาณเขาแปลว่า เบื่อ ญาณเขาแปลว่ารู้สึกเบื่อ เราก็ต้องดูว่าเขาเบื่อโลกไม่หวังเกิดอีก ไม่หวังเป็นเทวดาหรือพรหม หวังนิพพาน นี่เป็นนิพพิทาญาณ ถ้าเบื่อเฉยๆ ไม่อยากอยู่ในโลกนี้ อันนี้เรียกมีจิตกังวลหรือจิตเศร้าหมอง นิพพิทาญาณนี่เขาไม่ซึม

    ผู้ถาม : อย่างนี้จะแก้โดยการเจริญสมาธิได้ไหมคะ ?

    หลวงพ่อ : จะไหวเรอะ ไม่ไหวนะ ใจเขาเป็นแบบนั้น ต้องใช้พระสูตรง่ายๆ จะเป็นเทปพระสูตรหรือหนังสือพระสูตรก็ได้ เอาของที่ยากไปก็ไม่ไหว ถ้าพระสูตรหรือชาดกก็ดี ตอนที่ท่านประชุมชาดกดีมาก


    (จากหลวงพ่อตอบปัญหา ธัมมวิโมกข์ มีนาคม 2541)

    เบื่อวัฏจักร


    ผู้ถาม : หลวงพ่อเจ้าขา หนูไม่เคยปฏิบัติกรรมฐานเลย ไม่เคยฟังเทศน์เลย แต่มีความรู้สึกอย่างนี้เจ้าค่ะ คือเบื่อในวัฏจักรเจ้าค่ะ มันเกิดขึ้นเองโดยไม่ได้ศึกษาเล่าเรียนมาก่อน (เบื่อแบบนี้ไว้ใจได้หรือเปล่าก็ไม่รู้)

    ตอนนี้ลูกก็มีอายุแค่ 34 ปี อยากจะอยู่สัก 50-60 ปี แล้วก็ตั้งใจจะไปไม่กลับเลย อารมณ์อย่างนี้ ลูกควรจะเพิ่มเติมอย่างไรอีกเจ้าคะ ?

    หลวงพ่อ : อารมณ์นี้ดี เป็นนิพพิทาญาณ ไม่เคยเจริญกรรมฐานเลยน่ะ ไม่แน่หรอก เพราะชาตินี้ไม่ได้เจริญแต่ชาติก่อนเจริญ ผลของบุญนี่นะถ้าสนองขึ้นมาเมื่อใด สังเกตในสมัยพระพุทธเจ้า คนไม่เคยเรียนอะไรเลย ฟังเทศน์จบเดียวเป็นอรหันต์พร้อมไปด้วยปฏิสัมภิทาญาณ นั่นแสดงว่าบุญเก่าเขาเต็ม

    รายนี้ก็เหมือนกันจะถือว่าไม่เคยเจริญกรรมฐานไม่ได้ ชาตินี้ไม่ได้ทำแต่ชาติก่อนทำ บุญอันนั้นมาสนอง แต่ระวังให้ดีนะ มันเป็นญาณโลกีย์มันเสื่อมได้ ต้องระมัดระวังให้มาก



    (จากหลวงพ่อตอบปัญหา ธัมมวิโมกข์ สิงหาคม 2538)

    ที่มา : http://sammatitti.blogspot.com/2012/08/2.html
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 สิงหาคม 2012
  4. titapoonyo

    titapoonyo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    1,133
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +12,769
    อารมณ์เบื่อง่าย หน่ายเร็ว

    [​IMG]

    ในวันต่อมา ลูกสาวในอดีตชาติของหลวงพ่อเกิดอารมณ์เบื่อง่าย หน่ายเร็วกำเริบ หลวงพ่อฤๅษีท่านก็เมตตามาสอนให้ มีความสำคัญ ดังนี้

    ๑. “เอ็งต้องหาสาเหตุที่ทำให้จิตมันเบื่อง่าย หน่ายเร็วให้พบ อารมณ์ฝืด ๆ อย่างนี้ ทิ้งไว้นานไม่ดี สภาพจิตมันชอบของใหม่ ๆ ก็ต้องคอยหาของใหม่ป้อนมันไปเรื่อย ๆ” (ลูกสาวท่านก็บอกว่าหาไม่พบ)

    ๒. หลวงพ่อท่านก็ว่า “เอ็งอย่าโง่สิ กรรมฐาน ๔๐ มหาสติปัฏฐานสูตรมันไม่มีทางตัน ต้องฉลาดกว่าอารมณ์ของจิตสิ เอาของเก่านั่นแหละ ย้อนไปย้อนมา ทบทวนเข้าเป็นของใหม่ ประเดี๋ยวจิตมันก็จะเกิดความเพลิดเพลินไปเอง”

    ๓. “อย่าให้อารมณ์มันหลอก เราต้องหลอกอารมณ์ ขืนปล่อยให้มันเหนือเราอยู่เรื่อย ๆ ก็มีหวังเจ๊ง เอาใหม่ ตั้งต้นย้อนปลาย จากปลายย้อนหาต้น ทำให้มันเบา ๆ สนุก ๆ อย่ามีอารมณ์เครียด ถ้าคิดแล้วหนักก็เลิก หันมาจับอานาปาฯ ก่อน รู้ลมพอจิตสบาย ๆ ก็หันกลับมาคิดใหม่”

    จากนั้นสมเด็จองค์ปฐม ทรงพระเมตตามาตรัสสอนต่อให้ว่า

    ๑. “เจ้ายังอ่อนการพิจารณาหาต้นเหตุของทุกข์ในอริยสัจ เพราะฉะนั้นจงหมั่นใช้ความเพียร เร่งหาสมุทัยในทุกข์อริยสัจให้พบ”

    ๒. “บ่อเกิดของอารมณ์ คือ ตัณหา จงพยายามหาต้นเหตุให้พบ แล้วจักละอารมณ์ตัณหาเหล่านั้นได้ที่ต้นเหตุนั้น”

    ๓. “จำไว้ เพราะพวกเจ้าศึกษาวิชาครู จึงต้องผ่านขั้นตอนโดยละเอียด ไม่มีโอกาสได้เรียนลัดเช่นบุคคลอื่น จงตั้งใจทำกันให้ดี ๆ เหนื่อยยากเท่าไหร่ ก็ขอให้อดทน ถือว่าชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย ที่พวกเจ้าจักต้องเร่งความเพียร สั่งสมบารมี เพื่อเข้าถึงพระนิพพานให้จงได้”

    ๔. “อย่าท้อถอย เพราะหนทางเหล่านี้ พวกเจ้าเลือกเอาไว้เองทั้งสิ้น มีพระสงเคราะห์มากมายถึงขนาดนี้แล้ว จักท้อถอยเพื่อประโยชน์อันใด จงหมั่นอดทนฟันฝ่าอุปสรรค ให้เต็มความตั้งใจ เพื่อทำจริง ตามหลักธรรมปฏิบัติเพื่อพระนิพพาน”

    ๕. “พยายามรักษากำลังใจให้เต็มเข้าไว้ ควบกับการรู้ลมหายใจเข้า-ออก ควบกับมรณานุสติอยู่เสมอ ๆ จิตจักได้มีกำลังใจ”

    ๖. “ก่อนคิดพิจารณาอันใด ก็จงระลึกนึกถึงความตาย เตือนจิตตนเองไว้เสมอ ๆ ถ้าหากละจากความดี ขณะจิตข้างหน้านี้หรือขณะจิตนี้ ลมหายใจอาจจักพลาดจากร่างกายนี้ไป เตือนจิตตนเองไว้เยี่ยงนี้ และตรวจสอบจิตว่า คิดหรือทำอันใดอยู่ในขณะนี้เป็นการไม่ประมาท และอัตนาโจทยัตตานังไปด้วย”

    ในวันต่อมาก็ทรงพระเมตตาตรัสสอนต่อให้ ดังนี้

    ๑. “เบื่อก็ให้รู้ว่าเบื่อ แต่อย่าให้จิตฟุ้งซ่าน เลื่อนลอย จนลืมจุดหมายปลายทางว่าที่สุดของความต้องการ คือ พระนิพพาน”

    ๒. “พิจารณาให้เห็นทุกข์และโทษของร่างกาย มีความเบื่อหน่าย แล้วก็จงยอมรับความทุกข์ และโทษของร่างกายนี้ว่าเป็นธรรมดา ตราบใดที่เจ้ายังทรงขันธ์ ๕ อยู่ พยายามลงตัวธรรมดาให้จงได้ วางจิตให้ยอมรับกฎธรรมดาของขันธ์ ๕ นั้น จิตเจ้าจักได้คลายความเกาะติดขันธ์ ๕ ลงได้ในที่สุด”

    ๓. “ค่อย ๆ วางอารมณ์ อย่าเคร่งเครียดจนเกินไป จิตจักมีความกลัดกลุ้ม เบียดเบียนตนเอง ก็เป็นความไม่ถูกต้อง หมั่นรู้ลมให้มากในระยะนี้ อารมณ์ของจิตจักไม่ซ่านจนเกินไป”

    ๔. “แล้วจงหมั่นวางอารมณ์กระทบจากภายนอกลงด้วย อย่าหุนหันพลันแล่นด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว ทำจิตให้ขุ่นข้อง ปฎิฆะเกิดขึ้นได้ง่าย จักพูดสิ่งใดขอให้ใคร่ครวญให้ดี ๆ”

    ๕. (ก็ยอมรับว่าเวลามีอารมณ์ฉุนเฉียว ทำให้กล่าววาจาไม่ดี) ทรงตรัสว่า “มันเป็นผลเสียทั้งคำพูดและจิตใจของเจ้าเอง และผู้ถูกกระทบด้วย”

    ธรรมที่นำไปสู่ความพ้นทุกข์ (เล่ม ๔)
    รวบรวมโดย พล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน


    ที่มา : Sammatitti-ธรรมะเพื่อสัมมาทิฏฐิ: ธรรมะแก้อารมณ์เบื่อหน่าย...บทที่ 3
     
  5. titapoonyo

    titapoonyo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    1,133
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +12,769
    อารมณ์เบื่อของนิพพิทาญาณ

    [​IMG]

    ถาม : (ไม่ได้ยิน)

    ตอบ : ไม่มีอะไรหรอก อารมณ์เบื่อที่เกิดขึ้น ถ้าเบื่อแบบมีปัญญา ก็จะรู้ว่าเบื่อเพราะร่างกายนี้มีสภาพทุกข์อยู่ตลอดเวลา เบื่อโลกนี้ที่มีแต่ความทุกข์เร่าร้อนอยู่ตลอดเวลา แต่ถ้าปัญญาไม่ถึง ก็เกิดเบื่อขึ้นมาเฉยๆ แต่จะบอกว่าปัญญาไม่ถึงก็ไม่ใช่ ก็เพราะปัญญาถึง ถึงได้รู้สึกเบื่อ แต่ว่าละเอียดไม่พอที่จะแยกแยะว่าเบื่อเพราะอะไร

    ความเบื่อของนิพพิทาญาณ หลายต่อหลายคนพบแล้วไม่ชอบเป็นอย่างยิ่ง แต่ขอให้รู้ไว้ว่านั่นเป็นสิ่งที่ดีที่สุด เพราะถ้าตราบใดที่เรายังไม่เบื่อ เราก็ยังอยากที่จะเกิดอยู่ ถ้าเบื่อเมื่อไรความอยากเกิดก็จะลดน้อยถอยลง จิตเบื่อหน่ายก็คลายกำหนัด ความปรารถนาในการเกิดไม่มี ความปรารถนาในร่างกายตนเองไม่มี ความปรารถนาในร่างกายผู้อื่นไม่มี ความปรารถนาในโลกนี้ไม่มี ความปรารถนาที่จะเกิดเป็นเทวดา เป็นนางฟ้า เป็นพรหมไม่มี ก็จะแสวงหาทางเพื่อไปสู่นิพพาน

    ถ้าหากว่ามีสมาธิคุมอยู่กำลังใจจะนิ่ง ความละเอียดของจิตมีมาก ก็จะรู้ว่าเบื่อมาจากสาเหตุอะไร แต่ถ้าหากยังไม่ถึงตรงจุดนี้ ก็มีแต่อารมณ์เบื่อขึ้นมาเฉยๆ เบื่อจนบางทีอยากจะเดินหนีไปเฉยๆ ไปไหนก็ได้ ไปให้ไกลๆ

    อาตมาเองเกิดอารมณ์นิพพิทาญาณกลางห้างเซ็นทรัลลาดพร้าว สุดยอดจริงๆ เกิดที่ไหนไม่เกิด ตอนนั้นห้างเซ็นทรัลลาดพร้าวเปิดใหม่ๆ สาวเขาอยากจะไปช็อปปิ้ง อาตมาก็เลยไปเป็นเพื่อน พอเขาซื้อของก็ต้องช่วยเขาหอบหิ้ว สัก ๔ - ๕ ถุงก็พะรุงพะรังไปหมด อยู่ๆ เกิดความรู้สึกขึ้นมาว่า "นี่เอ็งกำลังทำอะไรอยู่ ? ทำไมเหลวไหลอย่างนี้..!"


    พอความรู้สึกนี้เกิดขึ้นมา ก็ให้เบื่อและสลดใจกับทุกอย่างไปหมด เบื่อจนชนิดที่ว่าอยากมุดดินหนีหายไปเดี๋ยวนั้นเลย ต้องบอกว่าความรู้สึกของผู้หญิงไวมากๆ เขาหยุดกึก หันขวับมาถามว่า "พี่เป็นอะไร ?" อาตมาบอกว่า "เป็นอะไรก็ไม่รู้ ? แต่ตอนนี้เบื่อหน้าเธอฉิบหายเลย..!" เขาบอกว่า "ถ้าอย่างนั้นก็กลับกันเถอะ"

    แบบเดียวกับพระครูแสง เขาไปเกิด ขุททกาปีติ บนรถเมล์ ลูกผู้ชายตัวเล็กกว่าควายนิดเดียว แต่ไปนั่งน้ำตาไหลอยู่บนรถ ใครๆ เห็นก็คงคิดว่าไปอกหักรักคุดมา เขาอายก็เลยต้องลงรถไปเลย (หัวเราะ) ตอนนั้นเขาขึ้นรถเมล์แล้วไปเห็นว่า ชีวิตคนทุกข์ขนาดนี้เชียวหรือ ? แย่งกันกิน แย่งกันทำงาน แย่งกันขึ้นรถเมล์ เบียดกันไปอัดกันมาอยู่ทั้งวัน ลำบากลำบนแทบตายชัก ไปถึงที่ทำงานก็ไม่รู้ว่าต้องเจอกับอะไร คิดแค่นั้นน้ำตาร่วงเลย


    สนทนากับพระครูวิลาศกาญจนธรรม (พระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ)
    เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๕


    ที่มา : Sammatitti-ธรรมะเพื่อสัมมาทิฏฐิ: ธรรมะแก้อารมณ์เบื่อหน่าย...บทที่ 4
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 สิงหาคม 2012
  6. titapoonyo

    titapoonyo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    1,133
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +12,769
    เมื่อเบื่อก็หมดอยาก

    [​IMG]

    ถาม : เป็นอะไรไม่รู้ เกิดความเบื่อ..จะทำอย่างไรดีคะ ?

    ตอบ : เกิดความเบื่อต้องให้เห็นว่า จริงๆ แล้วโลกนี้น่าเบื่ออย่างนั้นเอง เมื่อเราเห็นอย่างนั้นแล้ว อาศัยกำลังของความเบื่อนี้ ถอดถอนความอยากในใจของเราออกเสีย

    ในเมื่อเราเห็นแล้วว่าน่าเบื่อขนาดนั้นจริงๆ แล้วเรายังต้องการไปทำไม ? เราก็อาศัยกำลังของความเบื่อนั้น ถอดใจของเราออกมาจากในจุดที่ยึดเกาะอยู่ ในเมื่อเราเบื่อก็หมดอยาก น่าเบื่อขนาดนี้ก็ไม่รู้จะเอาไปทำอะไร คนถ้าหมดอยากโอกาสเข้าถึงธรรมก็มหาศาลแล้ว


    ถาม : พูดถึงเรื่องเบื่อนี้... ?

    ตอบ : ก็พิจารณาให้เห็นตามความเป็นจริงอย่างที่ว่ามา ทุกสิ่งทุกอย่างเหลวไหลสิ้นดี ไม่มีอะไรทรงตัวเป็นแก่นสารสักอย่าง น่าเบื่อไหมล่ะ ?


    สนทนากับพระครูวิลาศกาญจนธรรม (พระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ)
    ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนมิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๔๕

    ที่มา : เมื่อเบื่อก็หมดอยาก - กระดานสนทนาวัดท่าขนุน
    ******************************
    พระอาจารย์เคยพูดเกี่ยวกับอารมณ์เบื่อ หรือที่เรียกว่านิพพิทาญาณไว้ว่า "ถ้าหากไม่มีกำลังของสมาธิมาช่วยหนุน อารมณ์นี้จะอยู่กับเรานานมากหากมีกำลังสมาธิเพียงพอ จะทำให้เกิดปัญญา แล้วจะทำให้ก้าวล่วงข้ามผ่านไปได้"
    พระอาจารย์เล่าให้ฟังว่า "พอปฏิบัติไปเรื่อย ๆ เรื่องที่อยากรู้เหมือนก่อนนี้ไม่ค่อยจะมี เราจะค่อย ๆ เบื่อไปเอง แต่พอถึงเวลานั้นสารพัดเรื่องที่เคยอยากรู้กลับประดังกันเข้ามา
    ที่แปลกก็คือ ตอนที่อยากได้ไม่มา มักจะมาตอนที่หมดอยากแล้ว เพราะฉะนั้นเราวางกำลังใจอย่างไรให้หมดอยากไว ๆ แล้วทุกอย่างจะไหลมาเทมาเอง"


    ***********************************
    ที่มา : Sammatitti-ธรรมะเพื่อสัมมาทิฏฐิ: ธรรมะแก้อารมณ์เบื่อหน่าย...บทที่ 5
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 สิงหาคม 2012
  7. titapoonyo

    titapoonyo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    1,133
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +12,769
    อารมณ์เบื่อในร่างกายเป็นตัววิปัสสนาญาณ

    [​IMG]

    การใช้วิปัสสนาญาณ ถ้ายังไม่ถึง นิพพิทาญาณ เพียงใด
    ก็ชื่อว่าอารมณ์ของบรรดาท่านพุทธบริษัทยังไม่มีผล
    ในวิปัสสนาญาณ นิพพิทาญาณ นี่เป็นตัวแรกที่เข้าถึงผล
    แต่ ผลที่เข้าถึงตอนแรก บรรดาท่านพุทธบริษัท
    อย่าคิดว่า มันจะทรงตัว เอากันแค่เบื่อเล็กน้อยเฉพาะเวลา
    ใหม่ ๆ เบื่อตลอดเวลาไม่ได้นะ
    มันจะไม่เบื่อตลอดเวลา บางครั้งเราจะมีความรู้สึก
    เบื่อในร่างกายของเราเอง เอาร่างกายเราเป็นสำคัญ
    แล้วก็บางครั้งมันก็ไม่เบื่อ อารมณ์เบื่อมันจะน้อยกว่า
    อารมณ์ไม่เบื่อ ก็ช่างมันถือว่ามีความเบื่อก็แล้วกัน​

    ธรรมโอวาท หลวงพ่อฤาษีฯ วัดท่าซุง (นำมาจาก facebook)
    ********************************************
    อารมณ์เบื่อเป็นของดี แต่ก็เป็นของไม่ดีสำหรับจิตใจ

    [​IMG]

    (ตัดมาบางส่วนจากหนังสือ ธรรมนำไปสู่ความหลุดพ้นเล่มที่ 16)

    อารมณ์เบื่อเป็นของดี แต่ก็เป็นของไม่ดีสำหรับจิตใจ ที่เป็นเช่นนั้นเพราะว่า ถ้าหากไม่รู้จักเบื่อเสียเลย ก็จักเพลินอยู่กับโลกเสียทั้งหมด ไม่เห็นความไม่ดีของโลก ซึ่งโลกนี้มีแต่ความไม่เที่ยง อันนำมาซึ่งความทุกข์ จึงนับว่าเป็นการดีที่รู้จักเบื่อที่เห็นความไม่ดีของโลก แต่ที่ว่าอารมณ์เบื่อเป็นที่ไม่ดีก็เพราะจิตใจยังมีอารมณ์อึดอัด กลัดกลุ้มอยู่ในอารมณ์เบื่อนั้นๆ ดังนั้นจึงควรวางอารมณ์ เบื่อได้แต่ให้รีบวางไปในการยอมรับว่าเป็นเรื่องธรรมดา สรุปว่า เบื่อโลกแล้วเกาะความเบื่อจัดเป็น กิเลส (เบื่อไม่เป็น) แต่เบื่อโลกแล้ววางด้วยปัญญาโดยเห็นเป็นของธรรมดา จัดเป็น พระธรรม (เบื่อเป็น)....

    ********************************
    อย่าให้ความเบื่อสิงใจอยู่นาน

    สมเด็จองค์ปฐม ทรงมีพระเมตตา ตรัสสอนเรื่องนี้ไว้ดังนี้

    ๑. อย่าให้ความเบื่อสิงใจอยู่นาน เพราะอารมณ์นี้มันหดหู่ ทำลายความสุขของจิต พยายามดึงอารมณ์ให้เหนือขึ้นไป คือ ลงตัวสังขารุเปกขาญาณเข้าไว้

    ๒. เบื่อมันทำไม ในเมื่อทุกสิ่งทุกอย่าง เป็นกฎของธรรมดาสภาวะทุกสิ่งทุกอย่างในโลก ไม่มีอะไรดี-ไม่มีอะไรเลว มันเป็นเรื่องของกฎธรรมดา เกิด – เสื่อม – ดับอยู่อย่างนั้นเป็นปกติ

    ๓. ถ้าหากจิตเรารู้เท่าทันอริยสัจ ก็ไม่จำเป็นที่จักต้องไปเบื่อมัน เห็นทุกสิ่งทุกอย่างลงตัวธรรมดาหมด ถ้าหากจักเบื่อ ก็ให้เบื่อกำลังใจของตนเอง

    ๔. นี่เพราะจิตของเราไปยุ่งเอง เพราะฉะนั้นจักต้องหมั่นรักษากำลังใจของตนเองเข้าไว้ มีอะไรเกิดขึ้นให้แก้ไขที่ใจของตนเองเป็นสำคัญ หาเหตุ-หาผลให้พบในจิตของตนเองนั่นแหละ แก้ที่ตรงนั้น แล้วเจ้าจักพบชัยชนะของจิตเป็นลำดับไป

    (ที่มา : จากหนังสือ ธรรมนำไปสู่ความหลุดพ้นเล่มที่ ๗)

    ที่มา : Sammatitti-ธรรมะเพื่อสัมมาทิฏฐิ: ธรรมะแก้อารมณ์เบื่อหน่าย...บทที่ 6
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 สิงหาคม 2012
  8. titapoonyo

    titapoonyo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    1,133
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +12,769
    ทำไมอารมณ์ของคนเราจึงหวั่นไหว

    [​IMG]

    ถาม: ทำไมอารมณ์ของคนเรามันหวั่นไหวเยอะคะ ?

    ตอบ: ก็ธรรมดา เพราะขาดการฝึกฝนมา ต้องอาศัยการฝึกฝน ยิ่งทำบทเรียนมากเท่าไรก็ยิ่งมีความคล่องในการเรียนมากเท่านั้น สภาพของเราก็เหมือนกันถ้าหากว่ามีการฝึกฝน พยายามดิ้นรนในลักษณะที่เรียกว่า ฝืนๆ ในสิ่งที่เป็นกระแสโลก พูดง่ายๆ ก็คือ ฝืนในเรื่องของกิเลส มันจะรักเราก็อย่ารักมัน มันจะโลภเราก็อย่าโลภกับมัน มันจะโกรธเราก็อย่าโกรธกับมัน มันจะหลงเราก็อย่าหลงกับมัน พอเราฝืนไปนานๆ จะกลายเป็นความเคยชิน กำลังมันเพียงพอ เรื่องที่เคยหนักก็เบา แล้วหลังจากนั้นเราก็ไม่ต้องฝืน เพราะเห็นแล้วทุกสิ่งทุกอย่าง สภาพแท้จริงเป็นอย่างไร จากที่แบกก็เริ่มปล่อย ปล่อยเมื่อไหร่มันก็หนักน้อยลง

    ถาม: เริ่มจากอาการเบื่อใช่ไหมคะ ?

    ตอบ: ตัวเบื่อไม่ใช่ตัวเริ่ม ตัวเบื่อเป็นปลาย ถ้าถึงตรงเบื่อเมื่อไหร่ แสดงว่าเข้าถึงความดีแล้ว พยายามรักษาความดีนั้นเอาไว้ เบื่อสุดๆ ก็ให้มันเบื่อไป พิจารณาให้เห็นว่าแม้แต่ตัวเราที่ตั้งใจปฏิบัติที่จะไปนิพพานยังต้องการทุกข์ทนขนาดนั้น เพราะว่า เกิดเป็นทุกข์ แก่เป็นทุกข์ เจ็บเป็นทุกข์ ตายเป็นทุกข์ เศร้าเป็นทุกข์ เสียใจเป็นทุกข์ ร่ำไห้คร่ำครวญเป็นทุกข์ ปรารถนาไม่สมหวังเป็นทุกข์ กระทบกระทั่งอารมณ์ที่ไม่ชอบใจเป็นทุกข์ ได้ของที่ไม่รักเป็นทุกข์ จากของที่รักเป็นทุกข์

    ทุกอย่างมีแต่ทุกข์ทั้งหมด กระทั่งอารมณ์ใจที่เบื่อโลกอยู่ตอนนี้มันก็ทุกข์ ขึ้นชื่อว่าการเกิดมามีทุกข์ อย่างนี้ต้องการอีกไหม รวบท้ายเข้ามา ในเมื่อเราไม่ต้องการ ไปนิพพานดีกว่า ทนอยู่กับมันชาตินี้ชาติเดียว การที่เราอยู่กับมันชาตินี้ชาติเดียว เปรียบกับการเวียนตายเวียนเกิดนับกัปไม่ถ้วน มันแป๊บเดียวเอง ในเมื่อมันแป๊บเดียวจะอยู่กับมันอย่างมีความสุขไม่ได้ ให้เห็นว่าธรรมดาของการเกิดเป็นอย่างนี้เอง จะเป็นอย่างไรก็เรื่องของเอ็ง ข้าจะไปนิพพานก็แล้วกัน

    วันก่อนสอนพระ ตอนพระพุทธเจ้าตรัสรู้ ยามต้น-ท่านได้ ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ (ระลึกชาติได้) พอยามสอง-ท่านก็ได้ จุตูปปาตญาณ (รู้ว่าคนและสัตว์มาจากไหน ตายแล้วไปไหน) ยามสุดท้าย-ท่านได้อาสวักขยญาณ (ทำกิเลสให้สิ้นไป) ตกลงพระพุทธเจ้าบรรลุด้วยวิชชาสามแต่กำลังของท่านคลุมทั้งอภิญญา ๖ และปฏิสัมภิทาญาณหมด

    เคยมีคนถามหลวงพ่อว่า ทำไมเป็นอย่างนั้น หลวงพ่อบอก วิชชา ๓ ของช้างต้องต่างกับอภิญญาของมด กำลังห่างกันขนาดนั้น คราวนี้โบราณเขาแบ่งคืนหนึ่งมี ๔ ยาม ได้แก่ ยามต้น-ปฐมยาม(หกโมงเย็นถึงสามทุ่ม) ยามสอง (สามทุ่มถึงเที่ยงคืน) ยามสาม (เที่ยงคืนถึงตีสาม) ยามสุดท้าย (ตีสามถึงหกโมงเช้า) ๔ ชั่วยาม

    ยามต้น (หกโมงถึงสามทุ่ม) บรรลุปุพเพนิวาสานุสสติญาณ (ระลึกชาติไปเป็นแสนกัลป์) ยามสอง (สามทุ่มถึงเที่ยงคืน) บรรลุจตูปปาตญาณ (สามชั่วโมง) ยามสุดท้าย (หกชั่วโมงเต็มๆ) บรรลุอาสวักขยญาณ



    สนทนากับพระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    เดือนกันยายน ๒๕๔๕
    ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ

    ที่มา..ทำไมอารมณ์ของคนเราจึงหวั่นไหว ?/board palungjit.org
    Sammatitti-ธรรมะเพื่อสัมมาทิฏฐิ: ธรรมะแก้อารมณ์เบื่อหน่าย...บทที่ 7
     
  9. THE SEVEN

    THE SEVEN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    154
    ค่าพลัง:
    +870
    เบื่อ เบื่อ เบื่อ เบื่อ เบื่อ มีแต่เบื่อ ชอบหนอ รวมให้ตั้งหลายเบื่อ อ่านไม่เบื่อ
    ขอบคุณครับ อนุโมทนา
     
  10. ชนะ สิริไพโรจน์

    ชนะ สิริไพโรจน์ ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,891
    กระทู้เรื่องเด่น:
    14
    ค่าพลัง:
    +35,260
    สาธุ ขออนุโมทนาเป็นอย่างสูงครับ

    เชิญแวะอ่านธรรมะของหลวงพ่อฤาษีฯ วัดท่าซุง ที่
    เฟสบุ๊ค ศูนย์พุทธศรัทธา
    และร่วมกันแบ่งปันธรรมะของหลวงพ่อฯ ไปยังกระดานของท่านเพื่อเป็นธรรมทาน

    <STRONG>เว็บทางนิพพาน เว็บไซด์ เผยแพร่ ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น<O[​IMG]
    ที่รวบรวมโดย พล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน<O[​IMG]
    ขอเชิญทุกท่านเข้าไปอ่านได้ที่www.tangnipparn.com<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com[​IMG]ขอเชิญแวะเยี่ยมชมและโมทนาบุญเว็บศูนย์พุทธศรัทธา

    [​IMG]</O:p>
     
  11. a5g1aeka

    a5g1aeka เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    728
    ค่าพลัง:
    +1,579
    :cool:เบื่อๆ อยากๆ ยอมรับว่าเป็นๆหายๆ({) ชาตินี้อธิษฐาน อย่างน้อยโสดาบัน(k) ถึงอรหันต์ในยุค พระศรีอารย์:'( อธิษฐานๆๆๆๆ ไม่รู้จะสมหวังหรือไม่:'( ขอบคุณ จขกท.ครับ ยังเบื่อๆอยากๆอยู่ไหม....:boo::'((k)({):cool::cool::cool:
     
  12. วิปัศย์

    วิปัศย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    178
    ค่าพลัง:
    +1,443
    ทุกอย่างมีแต่ทุกข์ทั้งหมด กระทั่งอารมณ์ใจที่เบื่อโลกอยู่ตอนนี้มันก็ทุกข์ ขึ้นชื่อว่าการเกิดมามีทุกข์ อย่างนี้ต้องการอีกไหม รวบท้ายเข้ามา ในเมื่อเราไม่ต้องการ ไปนิพพานดีกว่า ทนอยู่กับมันชาตินี้ชาติเดียว การที่เราอยู่กับมันชาตินี้ชาติเดียว เปรียบกับการเวียนตายเวียนเกิดนับกัปไม่ถ้วน มันแป๊บเดียวเอง ในเมื่อมันแป๊บเดียวจะอยู่กับมันอย่างมีความสุขไม่ได้ ให้เห็นว่าธรรมดาของการเกิดเป็นอย่างนี้เอง จะเป็นอย่างไรก็เรื่องของเอ็ง ข้าจะไปนิพพานก็แล้วกัน


    กราบหลวงพ่อฤาษีและหลวงพี่เล็กด้วยความเคารพอย่างสูงและอนุโมทนาบุญกับเจ้าของกระทู้และทุกท่านครับ
     
  13. Tanyong03

    Tanyong03 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    60
    ค่าพลัง:
    +343
    วันพระนี้ นั่งสวดมนต์ก็เมื่อย ต้องเอาสติเข้าสู้อยากเจ็บโน่นปวดนนี่ก็ช่างมัน สวดมนต์จบนั่งสมาธิได้ไม่นาน รู้สึกไม่สงบ ทำให้รู้สึกเบื่อสังขาร เบื่อกายนี้ แต่ก็ต้องรักษาเขาไว้ให้ดี เพราะได้อาศัยเขามาสร้างบารมี เลยคิดว่าเข้ามาดูธรรมมะดีกว่า บังเอิญอะไรขนาดนี้ เจอเรื่องตรงกับตัวเองพอดี ไม่ได้เบื่อโลก หรือเบื่อใคร แต่เบื่อสงขารอย่างมาก ทั้งๆที่เป็นคนรูปร่างดีแข็งแรง แต่ก็เกิดความเบื่อหน่ายโดยไม่ทราบสาเหตุ
    ขอขอบคุณงามๆ และอนุโมทนาบุญด้วยค่ะ
     
  14. แผ่นฟ้า

    แผ่นฟ้า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    355
    ค่าพลัง:
    +428
    อนุโมทนาค่ะ ขอบคุณนะค่ะ
     
  15. ฉันผู้ฝึกตน

    ฉันผู้ฝึกตน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    117
    ค่าพลัง:
    +201
    อนุโมทนา สาธุ สาธุค่ะ
    เป็นบ่อยค่ะ อาการนี้
    งานหนักก็เบื่อ งานน้อยก็เบื่อ อยู่เฉยๆ ก็เบื่อ ขนาดหายใจบางทียังเบื่อ^^
     
  16. จินตภัทร

    จินตภัทร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2012
    โพสต์:
    123
    ค่าพลัง:
    +396
    มันเป็นเรื่องธรรมดา เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป
     
  17. soft_soft

    soft_soft เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    81
    ค่าพลัง:
    +890


    อยากทราบคำว่า
    1. "ศึกษาวิชาครู" คืออะไรเหรอครับ ???
    คือ วิชาที่ต้องเรียนให้ละเอียดทุกขั้นตอน เพื่อจะได้สอนหรือว่าแนะนำคนอื่นต่อได้ ใช่ไหมครับ เลยต้องเหนื่อยกว่าคนอื่น ผมเข้าใจถูกมั้ยครับ
     
  18. titapoonyo

    titapoonyo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    1,133
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +12,769
    ในที่นี้ สมเด็จท่านกำลังสอนลูกในอดีตชาติของหลวงพ่อฤาษีฯ ครับ ซึ่งลูกหลานหลวงพ่อส่วนใหญ่จะอธิษฐานสร้างบารมีตามหลวงพ่อ บางท่านอาจปรารถนาโพธิญาณ คือสร้างบารมีเพื่อเป็นพระพุทธเจ้าต่อไปในอนาคต คือจะเป็นครูสอนคนอื่นเพื่อพาไปพระนิพพาน หรือปรารถนาเป็นสาวกในยุคหลวงพ่อฯ ผมคิดว่าก็เปรียบเหมือนครูน้อย (หลวงพ่อเป็นครูใหญ่) แต่พอหลวงพ่อฤาษีฯ ลาพุทธภูมิ ลูกหลานส่วนใหญ่จึงลาด้วยเพื่อไปนิพพานตามหลวงพ่อครับ...

    สำหรับท่านที่สมเด็จท่านสอนในบทความข้างต้น ท่านอาจเคยปรารถนาพุทธภูมิก็เป็นได้ครับ
     
  19. โมกขทรัพย์

    โมกขทรัพย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    474
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,851
    กระทู้นี้ดีมากครับ เหมาะสำหรับนัำกปฏิบัติและบุคคลที่กำลังจะก้าวล่วงผ่านห้วงโอฆะ ขอโมทนาด้วยครับ สาธุ สาธุ สาธุ
     

แชร์หน้านี้

Loading...