รักษาร่างกายด้วยคุณไสยผิดบาปไหม

เมื่อประมาณสิบสองปีมาแล้วผมต้องทนกับอาการปวดหลังมาตลอด มาสามปีหลังรู้สึกว่าจะเจ็บมากขึ้นเรื่อยๆอีกจนเริ่มทนไม่ไหวไปหาหมอก็ให้ยามากินก็ช่วยได้นิดหน่อยต้องกินทุกวันจนกลัวไตจะเสื่อม และเมื่อสองปีก่อนพอดีมีคนแนะนำให้ไปหาอาจารย์ท่านหนึ่งอยู่บางขุนเทียน ท่านก็เล่าอดีตชาติของผมว่าผมเคยไปล่วงเกินคนแซ่โง้วไว้ จากนั้นผมก็ทำบุญสวดมนต์นั่งสมาธิและอุทิศบุญให้กับคนแซ่โง้วมาตลอดสองปี จนวันหนึ่งผมไปหาพ่อแม่ผมและขากลับขับรถหลงทาง(ซึ่งไม่น่าจะหลง)แต่ไปโผล่หน้าสมาคมแซ่โง้วพอดีผมก็อุทิศบุญให้และขออโหสิจากนั้นอาการของหลังผมดีขึ้น90เปอร์เซนต์ก็ว่าได้ แต่จากนั้นอีกครึ่งปีอาการเข่าและกล้ามเนื้อขาผมทั้งหมดเจ็บมากขึ้นเรื่อยๆจนเริ่มทำงานไม่ไหว แต่ก็ยังไม่ได้สนใจมากนักเพราะมียาที่เคยใช้อยู่พอช่วยได้ วันหนึ่งเพื่อนเขาพาผมไปหาหญิงแก่คนหนึ่งเขาสามารถเห็นอนาคตผมได้แม่นยำมากเขาบอกอะไรไว้ทุกอย่างเกิดขึ้นหมดจนผมอดคิดไม่ได้ เพื่อนผมเขาซื้อที่ผืนใหญ่แล้วสร้างบ้านหนึ่งหลังและสร้างโรงงานอีกหลัง และได้เชิญหญิงแก่คนนี้ไปดูที่บ้าน สิ่งที่เกิดขึ้นคือหญิงแก่เข้าไปที่โรงงานแล้วไฟก็ดับทั้งหมดก็ไม่คิดอะไรก็ไปเปิดไฟใหม่ พอเดินเข้าส่วนตัวบ้านไฟดับที่บ้านอีกครั้ง จนทุกคนเงียบกันหมดพ่อของเพื่อนต้องถามลูกเขาว่าหญิงคนนี้เป็นใคร แล้วหญิงคนนี้ก็บอกว่า เขานะของจริงนะ จนมาล่าสุดผมเจ็บขามากขึ้นจนไม่ไหวแล้วจริงๆก็เลยปรึกษาหญิงแก่คนนี้ เขาบอกว่าเดี๋ยวจะนั่งเทียนดู จากนั้นก็เงียบหายไปเกือบสิบวัน แล้วจู่ๆก็โทรมาบอกว่าให้รีบไปหาเขาแต่ผมห้ามไป ให้แฟนผมไปกับใครก็ได้ที่เป็นผู้หญิง พอหลังจากแฟนผมไปหาเขาแล้วก็กลับมาบอกว่าผมต้องทำอะไรบางอย่าง ก็มี ปล่อยเต่าหนึ่งตัว กินอาหารหนึ่งอย่างแล้วเอาไปฝังดินและมีพิธีการอีกนิดหน่อย วันรุ่งขึ้นกล้ามเนื้อขาของผมหายเกือบปกติ ไม่ได้คิดไปเอง ก็เลยลองหยุดยา(จากที่กินทุกวัน)จนวันนี้ที่มาตั้งกระทู้ก็หยุดกินยามาประมาณเจ็ดวันแล้ว และก็รู้สึกว่าอาการดีขึ้นอย่างมาก ปกตินั่งสมาธิผมต้องนั่งบนเก้าอี้งอขาไม่ได้มันเจ็บมาก แต่นี่ผมลองนั่งงอเข่าทั้งวัน ก็เจ็บนิดหน่อย ทำให้ผมสงสัยว่าอาการเจ็บขาน่าจะมาจากเจ้ากรรมนายเวร
แต่มีข้อแตกต่างกันระหว่างตอนเจ็บหลัง และเจ็บขา ตอนเจ็บหลังผมขออโหสิกรรมอยู่สองปีอันนี้เจ้ากรรมนายเวรน่าจะยกโทษให้ผม แต่เจ็บขานั้นหญิงแก่เขาทำพิธีให้ผมไม่รู้ว่าเป็นไสยศาสตร์หรือเปล่า แต่ขาผมหายเจ็บจนทำงานได้โดยไม่กินยาแล้ว แต่หากจะบอกว่าถ้ากลัวพิธีไสยศาสตร์ไปทำให้เจ้ากรรมนายเวรไม่พอใจก็ไม่ต้องทำซิ อันนี้ผมก็จะมีปัญหาเรื่องงานอีกผมก็เลยอยากรบกวนถามว่าถ้าเป็นไสยศาสตร์จริงแต่ไม่ได้เอาไปทำเสน่ห์แต่ทำเพื่อรักษาตัวให้ดำเนินชีวิตได้ง่ายขึ้นอย่างนี้บาปไหมครับ

 

มันคือลังเลสงสัย
เวลาผมทำบาปก็ขออโหสิกรรมเจ้ากรรมนายเวร

มันไม่ได้บาปเพราะไสยเวทย์หรอกเพราะไสยเวทย์หนะแก้ได้
บาปเพราะคุณลังเลสงสัย แล้วไม่กำหนดรู้ทุกข์ อริยะสัจจะในลังเลสงสัย

ใช้ไสยศาสตร์จะยังไม่บาป จะบาปเมื่อเริ่มสงสัยในไสยศาสตร์แล้วไม่กำหนดรุ้ทุกข์อริยะสัจจะ

 

คุณจะพยายามถ่วงน้ำหนัง สังเคราะห์เอา เหตุและผลในแบบของคุณ

ใครๆก็เป้นผมก็เป็น

เช่นผมเดาว่าคุณไม่ค่อยเชื่อเรื่องพวกนี้หรอก
เรื่องเจ้ากรรมนายเวร เรื่องไสยศาสตร์ แต่มันเวิร์ค
มันดันใช้ได้ผล มันดันหาย

คุณกำลังเข้าใขว่าคุณจะหาจุดร่วม สงวนจุดต่าง ของความชื่นชอบรสนิยมคุณ กับไสยศาสตร์ เจ้ากรรมนายเวร

มันคือวิจิกิจฉา หรือลังเลสงสัย ให้กำหนดรุ้ทุกข์
เดี๋ยว สมุทัย นิโระ มรรค จะตามมาแล้วอุทิศกุศล ที่รู้อริยะสัจจะแทน

บุญจึงจะเดิน ไม่ต้องพึ่งไสยศาสตร์ ซะทั้งหมด

ลังเลสงสัยอย่างนี้ บุญไม่เดิน ปิด มรรค ปิดผล

 

เล่าไม่หมด ไม่มีทางรู้เลยว่าเป็นอะไรจริงๆ โดยเฉพาะ ที่ผมขีดเส้นใต้สีแดงไว้ นั้นแสดงถึงลับลมคมในบางอย่าง ทำไมไม่บอกให้หมด แล้วคนที่ดูก็อาจจะวินิจฉัยแบบผิดๆนะสิครับ:'''(
ช่วยอธิบายให้หมดได้มั้ยครับ

 

เอาตามหัวข้อกระทู้
คุณไสยบาปมะ ตัวคุณไสยไม่บาป
เหมือนปืน ตราบที่คุณไม่ได้เอาไปยิงใครตาย หรือเอาไปขู่เอาทรัพย์สิน เอาไปเพื่อประโยชน์
ก็เหมือนปืน ถ้าจะให้วินิจฉัย

ถ้าคุณป่วยจริงๆ จะด้วยกรรมอะไรก็เถอะแล้วรักษาหาย

ตัวคุณไสยไม่บาปแน่ๆ ทำของใส่ผมดูได้เลย ไม่บาปแน่ๆ
ของอะไรก็ได้ ไม่บาป

บาปเกิดจาก ลังเลสงสัยว่าที่ทำเนียะบาปไม่บาป มากกว่า

ใครก็ได้ทำของใส่ผมมาเลย

ยางหัวไม่ออก ไม่สำนึกหรอก

 

ยืนยันว่าไม่บาป
ทำให้ตายยังไงก็ไม่บาป

ต้องอย่างนี้สำนักำผมไม่มีพูดลอย

แน่จริงทำมาเลย

 

หวังแค่ว่าพิธีนั้นคงไม่ใช่การยกพาน เป่ากระหม่อมเป็นศิษย์เค้าละกัน


ส่วนตัวก็เจอมาเยอะนะคนเก่งๆเหล่านี้ เก่งกันหลายอย่างแต่จะถามว่า "คุณเหาะได้ไหม"

ถ้าเหาะไม่ได้ก็จบ เพราะอาจารย์เก่าท่านเสียไปนั้นท่านลอยได้ จะให้เปลี่ยนมานับถือคนใหม่ต้องเก่งกว่า


*เป็นความเชื่อส่วนบุคคลและมีเรื่องราวเกี่ยวกับสิ่งที่มองไม่เห็น โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

 

ที่ผมบอกว่ามีพิธีการอีกนิดหน่อยนั้นก็มีนิดหน่อยจริงๆ ก็คือเอายาที่หญิงแก่ให้มานั้นมาต้ม แล้วเอามาทาที่ขา แต่มาจนถึงวันนี้ก็ยังไม่ได้ทำเลย เพราะต้องเป็นแฟนผมทำให้เท่านั้น ผมเองก็ห้ามทำ แต่แฟนผมยังไม่ว่างเลย และนี่ขนาดยังไม่ต้มยามาทาขาผมก็ดีขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่พิมพ์ตอบกระทู้ท่านนายดอกบัวอยู่ขาของผมแทบไม่รู้สึกเจ็บเลย ส่วนอาหารที่ผมกินแล้วเอาไปฝังก็คือไก่ต้มทั้งตัวไม่ต้องสับแต่กินให้พอใจหมดหรือไม่หมดก็ได้ อาการเจ็บเข่าและกล้ามเนื้อขาที่ผมเจอมานั้นเจ็บมากสำหรับผม และก็ไปหาหมอกล้ามเนื้อมาแล้ว ก็ไม่หายขาดได้แต่กินยาทุกวัน หญิงแก่ท่านนี้เขาไม่ได้มีพิธีการอะไรมากเลย ไม่ต้องมาเจอกันและผมก็ไม่ได้คุยกับเขา แต่ผมให้แฟนผมคุยกับเขาทางโทรศัพท์ เพราะพิธีการเขาง่ายๆจนแรกๆผมก็ไม่ค่อยเชื่อ ผมเองดูหนังมากไปอย่างนั่งทางในผมก็คิดว่าต้องหลับตาทำสมาธิสักพักแล้วจึงค่อยบอกเราในสิ่งที่เราอยากรู้ แต่นี่ไม่ใช่เลยถามเขาไป เขาตอบกลับมาเลยเหมือนคุยกันปกติ จนแรกๆก็รู้สึกไม่ศรัทธา แต่มาหลังๆเริ่มเชื่อเพราะมันชักแปลกๆ แปดเดือนที่ผ่านมารถผมถูกชนทั้งหมดห้าครั้ง ตอนที่ชนไปสองครั้งแฟนผมไปถามเขา และเขาบอกว่ายังมีอีกยังไม่หมดยังมีอีกสามครั้ง ในปี57และในปี58จะถูกชนอีก1ครั้ง ซึ่งก็ถูกต้อง

 

จะว่าไปก็ถูกอย่างที่คุณบุญยงว่า ผมไม่เชื่อแต่มันดันได้ผล ส่วนตัวผม ผมเองก็เหมือนกับคนทั่วไป คือเวลาหมอดูทายเราถูกต้องในเรื่องที่ผ่านมาแล้วนั้น ผมจะรีบคิดเงียบๆในใจว่ามีทางไหนบ้างที่หมอดูเขาพอจะสืบรู้เกี่ยวกับตัวเรา และที่ผ่านมาหมอดูเกือบทุกคนทายอดีตผมได้แม่น แต่อนาคตไม่ใช่เลย แต่หญิงแก่คนนี้ไม่ใช่หมอดูหรือเข้าทรงอะไร แกบอกว่าแกเกิดมาต้องช่วยคนหมดชาตินี้แล้วแกไม่ขอเอาแล้วเพราะแกทำอะไรก็จะไม่ขึ้นสภาพบ้านแกเป็นบ้านไม้จะพังไม่พังแหล่ และแกช่วยผมกับแฟนผมมา4ครั้งแล้ว แกเรียกเงินจากผมแค่9บาทเท่านั้น และให้โยนไปที่สวนหน้าบ้านของแกแล้วเดินออกไปเลย

 

แต่หญิงแก่คนนี้ไม่ใช่หมอดูหรือเข้าทรงอะไร แกบอกว่าแกเกิดมาต้องช่วยคนหมดชาตินี้แล้วแกไม่ขอเอาแล้วเพราะแกทำอะไรก็จะไม่ขึ้นสภาพบ้านแกเป็นบ้านไม้จะพังไม่พังแหล่ และแกช่วยผมกับแฟนผมมา4ครั้งแล้ว แกเรียกเงินจากผมแค่9บาทเท่านั้น และให้โยนไปที่สวนหน้าบ้านของแกแล้วเดินออกไปเลย

... รู้สึกชอบยายคนนี้จังเลย ... เทคนิคดี วางแผนได้แยบยล ... น่าศึกษาจริง ๆ ... มิน่าแกขอชาตินี้ชาติเดียว .. ขอให้แกสมปรารถนาละกันนะคะ

.... ส่วนคำถามที่ถาม ... ตอบสั้น ๆ เข้าใจง่าย ๆ .. " ไม่บาปคะ " .. เพราะไม่ได้ใช้มันเพื่อทำร้ายใคร .. แต่เป็นไปในทางช่วยรักษา (ข้อมูลตามที่นำเสนอนะคะ) .. .. แต่ดูท่าทางคุณนี้คงทำกรรมไว้เยอะนะคะ ... ขอให้สิ่งไม่ดีผ่านพ้นในเร็ววันคะ

 

เคยคิดอยู่เหมือนกันว่าวางแผนได้แยบยล ไปเล่าให้กับคนที่เป็นหมอดูฟังก็ตอบผมคล้ายๆกับคุณกาลีนะ หมอดูก็บอกว่าเขาเทคนิคดี และแยบยลอยากรู้จักจะได้ศึกษาเขา และทำท่าทางใจเย็นเสมือนว่าเคยเห็นมาเยอะแล้วพวกอยากเก่งอยากดังแบบนี้ ทำท่าทางจะบอกเป็นนัยๆว่าเขาเก่งกว่า(ผมแทบอาเจียน) ผมก็เลยเล่ารายละเอียดมากขึ้นที่เขาทำนายมา(ไม่ได้จะไปพูดให้เขารู้สึกไม่ดี)แต่ไปๆมาๆกลายเป็นเขาตอบคำถามไม่ตรงและพยามเดินหนี ผมก็เลยรู้ว่าคนประเภทนี้จะรับไม่ได้ว่ามีใครดีกว่าตน อัตตาสูงมาก และพยามจะพูดอะไรให้ตัวเองดูฉลาด ชอบเอาคำถามมาตอบคำถามเพราะอยากให้คนที่เขามาถามฟังตัวเองโชว์วิสัยทัศน์นานๆ(อันนี้ผมเห็นหลายคนเป็น) ผมก็จนใจไม่อยากให้เขารู้สึกไม่ดี(เหมือนตีสุนัขจนตรอก) กะว่าจะมาถามหมอดูคนนี้ถึงยายแก่ว่าเขาทำยังไงเพราะผมมีปัญญาน้อย ไปๆมาๆ ปัญญาน้อยทั้งคู่ เล่าให้เพื่อนฟัง เพื่อนบอกว่าทุกคนมักคิดว่าตัวเองเจ๋งเพราะโลกแคบลืมคิดว่าคนอื่นๆเขาก็คิดเป็น ก็พยามโชว์วิสัยทัศน์ของตนออกมาแต่ก็ไม่ได้มีอะไรที่มีประโยชน์ เฮ้อไม่น่าเลย

 

... งั้นจะเอาแบบที่เรียนจากมาแนะสักเล็กน้อยนะคะ แนวการเรียนที่ กาลีนะ เรียน คือ ส่วนมากคนสอนจะให้แค่แนวทางมา ชี้ช่อง แล้วเราไป " แตกแยกเอง " เพราะทุกอย่างมันสามารถพลิกผันไปได้ตามสถานการณ์ .. ถ้าสุดปัญญาแล้วค่อยถาม หรือ ท่านจะบอกเอง ... ส่วนมากจะมีใบ้ให้ผ่านทางนิมิตมากกว่าคะ .. เหตุเกิดที่ใดจงแก้ที่ตรงนั้น .. เหตุเกิดจากภพภูมิก็ให้ภพภูมิท่านเครียกันเองก่อน .. เหตุเกิดจากกรรมก็พิจารณาต้นเหตุแห่งการเกิดกรรมนั้นก่อน .. เหตุเกิดจากคุณไสยย์ต้องแก้ตามลักษณะคุณไสยย์ที่เขาใช้ ... อันนี้เป็นเกณ์พิจารณาในเบื้องต้นก่อน .. ส่วนเชิงลึกยังเรียนไม่ถึง .. ยังไม่พร้อมจะเดินทางนี้อยู่แค่ในระดับสนใจเท่านั้น ..

... ส่วนที่ยายแก่แกเจอ เช่น ทำอะไรไม่ขึ้น ... อันนี้จริงคะ .. ถ้าเป็นผู้ที่ถูกเลือกจริง ๆ แบบเลี่ยงไม่ได้มันก็จะมีทางออกให้เดินแบบเอาสีข้างเข้าถูกไปแบบยายแก่นี้แหละคะ .. ของฟรี .. ไม่มีในโลกนี้หรอกนะคะ .. .. ยายแกเรียกอยู่ที่ 9 บาทให้โยนไว้ .. นั้นเพราะแกจะได้ไม่โดนเต็ม ๆ แต่ก็ต้องโดนอยู่ดี ..

... แต่ที่ให้พรยายแก่แกเพราะเห็นว่าแกสมควรจะได้ .. จริง ๆ

 

ขอบคุณทุกท่านที่นำมาแบ่งปัน

 

ขอขอบคุณ คุณกาลีนะ เหมือนคุณกาลีนะช่วยผมต่อจิ๊กซอร์ให้ผม มองภาพได้ง่ายขึ้นครับ เข้าใจมากขึ้นครับ

 

... ก็ดีใจนะคะที่คุณเข้าใจ .. เพราะคนสมัยนี้ส่วนมาก " ชอบมองโลกเกินจริง และ จินตนาการตามที่จิตตนเองสั่ง หรือ ถูกสั่ง " .. เคยคิดว่าถ้าคนเรามองข้ามขีดจำกัด และ กฏเกณฑ์ที่สร้างขึ้นมาได้ .. พวกเราคงเข้าใจความเป็นไปของโลกใบนี้ได้มากกว่านี้แน่ ๆ

 

มาตอบอีกคนว่า..ไม่บาปค่ะ แม้แต่การการรักษาโรคทั่วไป ยังมีแพทย์ทางเลือก ซึ่งคนไข้ก็ยังไม่แน่ใจว่า จะช่วยได้หรือเปล่า การรักษาด้วยการฝังเข็ม โยคะ นวดแผนโบราณ ซึ่งถือว่าเป็นการบำบัดชนิดหนึ่ง การแพทย์ปัจจุบันก็ยังไม่ปฏิเสธ กลับจะส่งเสริมด้วยซ้ำไป การรักษาแบบของคุณเจ้าของกระทู้ ก็ฉันใดฉันนั้น มีปรัชญาว่า...คนมีความแตกต่างทั้งร่างกายและจิตใจ ผู้ป่วยที่มีปัญหาเรื่องเดียวกันอาจจะได้รับการรักษาที่ไม่เหมือนกัน การรักษาจะอาศัยสัมผัสทั้ง 5 ได้แก่ การมองเห็น การได้ยิน การสัมผัส การรับรส การได้กลิ่น มาปรับสมดุลของร่างกาย แต่เป้าหมายก็คือ ต้องการรักษา ให้หายจากโรคภัยไข้เจ็บ เหมือนเป็นการเชื่อมโยงระหว่าง ร่างกายและจิตใจ วิธีการอาจแตกต่างกันไป ดิฉันเองก็เจอมามากเหมือนกัน เพราะมีสามีป่วยหนักมากๆ เรียกว่ารอดตายมาหลายหน เพราะใช้กรรมวิธี หรือเรียกว่าเป็นกุสโลบายก็ไม่ผิดค่ะ เอาไว้จะมาเล่าให้ฟังนะคะ ขอให้กำลังใจให้ค่ะ ว่า ป่วยแต่กาย อย่าให้ใจป่วย เวลาป่วยแยกร่างกายและจิตอยู่กันคนละด้าน ค่ะ การรักษาก็จะง่ายขึ้น ขอสั้นๆแค่นี้ก่อนนะคะ ที่จริงมันยาวมากกกๆ ขอเจริญในธรรม นะคะ สาธุ สาธุ ค่ะ