..รักษาศีล ๕ อย่างไรให้บริสุทธิ์..

​

ในปัจจุบันนี้ เราจะพบข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์ต่าง ๆ มากมาย อ่านแล้วเกิดความสะเทือนใจ หากพิจารณาดูแล้ว ล้วนแต่เกิดจากการผิดศีล ๕ ทั้งสิ้น หลายท่านตั้งใจที่จะรักษาศีลให้บริสุทธิ์ แต่รู้สึกว่า การรักษาศีลนั้น ยากเกินไป จึงทำให้ไม่พยายามที่จะรักษา

ดังนั้น เราจึงควรศึกษาทำความเข้าใจในเรื่ององค์ประกอบของศีล ว่า ศีลขาดหรือไม่ หากไม่ครบองค์ประกอบต่าง ๆ นั้น ขึ้นชื่อว่า เพียงศีลด่างพร้อย ไม่ถึงกับศีลขาด ซึ่งองค์ประกอบของศีล มีดังนี้ค่ะ

ศีลข้อที่ ๑ การฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ต้องประกอบด้วยองค์ ๕ คือ

๑. สัตว์นั้นมีชีวิต
๒. รู้อยู่ว่าสัตว์นั้นมีชีวิต
๓. มีจิตคิดจะฆ่าสัตว์นั้น
๔. มีความพยายามฆ่าสัตว์นั้น
๕. สัตว์ตายด้วยความพยายามนั้น

การฆ่าสัตว์ มีโทษมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับ


๑. คุณ การฆ่าสัตว์ที่มีคุณมาก จะมีโทษมากกว่าการฆ่าสัตว์ที่มีคุณน้อยหรือไม่มีคุณ เช่น
ฆ่าพระอรหันต์ มีโทษมากกว่าฆ่าปุถุชน ฆ่าสัตว์ที่ช่วยงานมีโทษมากกว่าฆ่าสัตว์ดุร้าย เป็นต้น

๒. ขนาดกาย สำหรับสัตว์ดิรัจฉานจำพวกที่ไม่มีคุณเหมือนกัน การฆ่าสัตว์ใหญ่ มีโทษมาก
กว่าการฆ่าสัตว์เล็ก

๓. ความพยายาม มีความพยายามในการฆ่ามาก มีโทษมาก มีความพยายามน้อย มีโทษน้อย

๔. กิเลสหรือเจตนา กิเลสหรือเจตนาแรง มีโทษมาก กิเลสหรือเจตนาอ่อน มีโทษน้อย
เช่น การฆ่าด้วยโทสะ หรือความเกลียดชัง มีโทษมากกว่าการฆ่าเพื่อป้องกันตัว


ศีลข้อ ๒ การลักทรัพย์ ต้องประกอบด้วยองค์ ๕ คือ

๑. ทรัพย์หรือสิ่งของนั้นมีเจ้าของหวงแหน
๒. รู้อยู่ว่าทรัพย์นั้นมีเจ้าของหวงแหน
๓. มีจิตคิดจะลักทรัพย์นั้น
๔. มีความพยายามลักทรัพย์นั้น
๕. ลักทรัพย์ได้ด้วยความพยายามนั้น

การลักทรัพย์ มีโทษมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับ

๑. คุณค่าของทรัพย์สินสิ่งของนั้น
๒. คุณความดีของผู้เป็นเจ้าของทรัพย์นั้น
๓. ความพยายามในการลักทรัพย์นั้น

ศีลข้อ ๓ การประพฤติผิดในกามต้องประกอบด้วยองค์ ๔ คือ

๑. หญิงหรือชายที่ไม่ควรละเมิด
๒. มีจิตคิดจะเสพเมถุน
๓. ประกอบกิจในการเสพเมถุน
๔. ยังอวัยวะเพศให้ถึงกัน

การประพฤติผิดในกาม มีโทษมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับ

๑. คุณความดีของผู้ที่ถูกละเมิด
๒. ความแรงของกิเลส
๓. ความเพียรพยายามในการประพฤติผิดในกามนั้น


ศีลข้อ ๔ การพูดเท็จ ต้องประกอบด้วยองค์ ๔ คือ

๑. เรื่องนั้นไม่จริง
๒. มีจิตคิดจะพูดให้ผิดไปจากความจริง
๓. พยายามที่จะพูดให้ผิดไปจากความจริง
๔. คนฟังเข้าใจความหมายตามที่พูดนั้น


การพูดเท็จ มีโทษมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับ

๑. ความเสียหายที่เกิดขึ้นว่ามากน้อยเพียงใด
๒. คุณความดีของผู้ที่ถูกละเมิด
๓. ผู้พูดนั้นเป็นใคร เช่น

- คฤหัสถ์ที่โกหกว่า " ไม่มี " เพราะไม่อยากให้ของๆ ตน อย่างนี้มีโทษน้อย แต่การเป็นพยาน เท็จมีโทษมาก

- บรรพชิต พูดเล่นมีโทษน้อย แต่การพูดว่าตน " รู้เห็น " ในสิ่งที่ตนไม่รู้ไม่เห็น มีโทษมาก

ศีลข้อ ๕ การดื่มน้ำเมาต้องประกอบด้วยองค์ ๔ คือ

๑. น้ำที่ดื่มเป็นน้ำเมา
๒. มีจิตคิดจะดื่ม
๓. พยายามดื่ม
๔. น้ำเมานั้นล่วงพ้นลำคอลงไป สำหรับ การดื่มน้ำเมา มีโทษมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับ

๑. อกุศลจิต หรือกิเลสในการดื่ม
๒. ปริมาณที่ดื่ม
๓. ผลที่เกิดจากการกระทำผิดพลาด ชั่วร้าย ที่ตามมาจากการดื่มน้ำเมา


การละเมิดศีลในทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็นศีลขาด ศีลทะลุ ศีลต่าง หรือ ศีลพร้อย
ก็ล้วนแต่เป็นบาปทั้งสิ้น ส่งผลให้จิตใจเศร้าหมอง ไม่ผ่องใส เป็นเหตุตกสู่อบายภูมิ

เราจึงควรศึกษาในเรื่องเหล่านี้ เพื่อให้การรักษาศีลของเรา เป็นไปด้วยความรู้ความเข้าใจ และผลแห่งการรักษาศีล ทำให้เราไม่ตกสู่อบายภูมิในภายหลัง


ขออนุโมทนาบุญ และขอให้บุญรักษาทุก ๆ ท่านที่ตั้งใจรักษาศีล ๕ ให้บริสุทธิ์ค่ะ

Numsai

 

รักษาอย่างไรให้บริสุทธิ์ คือ รักษาด้วยปัญญา ครับ ใช้ปัญญาในการรักษา
สั้นๆ นะครับ แต่ฟังดู คนมีปัญญาจะเข้าใจ

 

อนุโมทนา สาธุ ด้วยครับ
.........................................................................................................................................


ขอเชิญชวนสมาชิกเว็บพลังจิตมาเข้าร่วมโครงการเรารักศีล ๕ นะครับ
โครงการเรารักศีล ๕

" เรารักษาศีล ๕ , ศีล ๕ รักษาเรา "

สำหรับสมาชิกหลายๆ ท่านที่รักษาศีล ๕ เป็นปรกติอยู่แล้ว ผมก็อยากจะเชิญชวนให้เข้ามาร่วมโครงการเรารักศีล ๕ ด้วยนะครับ
ศีล ๕ นั้น มีมิติแห่งธรรมที่ละเอียดลึกซึ้ง สามารถเป็นรากฐานยกภูมิจิต ภูมิธรรมส่งขึ้นไปได้ถึงพระโสดาบัน พระสกิทาคามี ทีเดียวนะครับ

สำหรับท่านที่อยากจะเข้าร่วม แต่อาจจะยังลังเลไม่มั่นใจว่าจะรักษาศีล ๕ ได้บริสุทธิ์ทุกข้อไหม ก็ไม่เป็นไรครับ การกระทำทุกอย่างนั้นอยู่ที่เจตนา อะไรจะเกิดก็แล้วแต่ ขอให้มีเจตนาดีไว้ก่อน ผมแนะนำว่าอย่าวิตกจนเกินไป เพราะการที่เราเกิดมาเป็นมนุษย์ได้นั้น ขอให้มั่นใจว่าเรามีดีมากพอ เพราะการได้มาซึ่งสถานะการเป็นมนุษย์นั้น เป็นเพราะเรามีคุณธรรม กุศลกรรม และความดีมาก่อน ขอให้ท่านค่อยๆ เริ่มทีละน้อยๆ

ศีล ๕ ข้อ ข้อใดรักษาได้แล้ว ก็มั่นดูจิตดูใจไม่ให้กลับไปทำผิดซ้ำอีก ส่วนศีลข้อที่ยังทำผิดอยู่ก็ขอให้ค่อยๆ พิจารณาลด ละ เลิก ไปทีละเล็กทีละน้อย ผมมั่นใจว่า สักวันนึง ท่านจะต้องรักษาศีลข้อนั้นได้ และสักวันนึงรากฐานที่แข็งแกร่ง คือ ศีล ๕ จะเป็นก้าวแรก ที่นำพาท่านเข้าสู่พระนิพพาน อันเป็นบรมสุข ผมขอเป็นกำลังใจทุกๆ ท่านครับ

สุดท้ายนี้ ด้วยความตั้งใจที่ดีแล้ว ชอบแล้วของทุกท่าน ข้าพเจ้าขออาราธนาคุณแห่งพระศรีรัตนตรัย อันมีพระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ พระธรรมทุกๆ พระธรรมขันธ์ พระอริยสงฆ์ พระอริยเจ้าทั้งหลาย รวมถึงพระโพธิสัตว์ทุกๆ พระองค์ เทพพรหมเทวดา 16 ชั้นฟ้า 15 ชั้นดิน และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในสากลพิภพ ได้ทรงปกปักษ์รักษาทุกท่านจากเหตุร้าย ภัยพิบัติทั้งปวง สำหรับเคราะห์กรรมใดๆ ที่อาจจะเผชิญอยู่ที่หนัก ขอให้เป็นเบา ที่เบาลงแล้ว ขอให้มลายหายไปโดยฉัพพลัน ขอความสุข ความเจริญทั้งทางโลก และทางธรรม จงบังเกิดแก่ท่านตลอดไป ตราบเท้าเข้าสู่พระนิพพานเทอญ สาธุ สาธุ สาธุ<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->

 

วันนี้บังเอิญค้นพบเรื่องโครงการรักษาศีล ๕ ของMr.Kim เห็นว่า มีประโยชน์มากค่ะ อย่างน้อยทำให้เราระลึกถึงคุณความดีของการรักษาศีลได้

การรักษาศีล ๕ นั้นเป็นคุณธรรมขั้นพื้นฐานของมนุษย์ เป็นสิ่งที่ควรส่งเสริม จึงนำกระทู้นี้ขึ้นมาอีกครั้ง เพื่อเป็นธรรมทานอีกครั้งค่ะ

ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ

Numsai

 

สำหรับครั้งต่อไป จะนำเรื่องของโทษของการผิดศีล ๕ มานำเสนอค่ะ เพื่อให้ได้ตระหนักถึง และไม่กระทำผิดซ้ำ เป็นเหตุให้เราต้องตกสู่อบายภูมิอีกค่ะ

ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ

Numsai

 

คนแถวบ้านมือถือขวดเบียร..ปากบอกพระอยู่ที่ใจ

ขึ้นอยู่กับว่า....เชื่อพระพุทธเจ้าหรือปล่าว?

บาทฐานแห่งความสำเร็จ..อิทธิบาท ๔ ครับ.

 

ไม่กระทำด้วยตนเอง
ไม่ยุยงให้ผู้อื่นกระทำ
ไม่ยินดีเมือผู้อื่นกระทำแล้ว

 

ไม่กระทำด้วยตนเอง <-- กาย
ไม่ยุยงให้ผู้อื่นกระทำ <-- วาจา
ไม่ยินดีเมือผู้อื่นกระทำแล้ว <-- ใจ

อนุโมทนาจิตเป็นกุศลด้วยนะครับ

ด้านบนนั้นใช้ข้อความสั้นๆแต่ชัดเจนดีครับ
ยิ่งบทความท่านเจ้าของกระทู้นั้นอธิบายได้ครอบคลุมสมบูรณ์มากครับ


ขอเจริญในธรรมทุกท่านนะครับ

 

คนมีศีลนั้นหอมอยู่เสมอ หอมทั้งตามลมและทวนลม หอมทั้งในเวลามีชีวิตอยู่ และละโลกนี้ไปแล้ว เป็นที่ชื่นชมรักใคร่ของคนทั่วไปในเวลาที่มีชีวิต เป็นที่เสียดายอาลัยรัก และกล่าวขวัญสรรเสริญถึงในเวลาที่ตายไป ทั้งนี้เพราะตลอดเวลาที่มีชีวิต คนมีศีลไม่มีพิษมีภัยต่อผู้ใด มีกิริยาวาจาละมุนละไม น่ารัก ไม่ฆ่า ตี ข่มเหง เบียดเบียน ทำร้ายใคร ทั้งด้วยกายแลวาจา ประกอบด้วยความเมตตากรุณาแก่สัตว์ทั้งปวงอยู่เป็นนิจ

คนเราจะมีศีลได้ก็เพราะมีหิริและโอตตัปปะ คือความละอายและเกรงกลัวบาป ทั้งบาปของตนและคนอื่น โดยอาศัยการมีสติเตือนตนว่า "เราเป็นสาวกของพระพุทธเจ้าผู้บริสุทธิ์ ไม่ควรกระทำความชั่ว" ดังนี้เป็นต้น หรือเพราะเกรงคำครหาของผู้อื่นว่า "ผู้นี้เป็นถึงสาวกของพระพุทธเจ้าทำไมจึงประพฤติชั่วอย่างนี้" ดังนี้เป็นต้น เมื่อมีสติคิดได้อย่างนี้ จิตใจก็อ่อนโยน ไม่กล้าทำความชั่ว เมื่อไม่ทำความชั่วก็ไม่เดือดร้อน ศีลจึงมีความไม่เดือดร้อนเป็นผล เป็นอานิสงส์

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ในมหาปรินิพพานสูตร ทีฆนิกาย มหาวรรค ว่า ผู้มีศีลย่อมได้รับอานิสงส์ ๕ ประการ คือ

๑. ย่อมได้รับโภคทรัพย์ใหญ่ เพราะความไม่ประมาทเป็นเหตุ
๒. เกียรติศัพท์อันงามของผู้มีศีล ย่อมฟุ้งขจรไปไกล
๓. ผู้มีศีลเข้าไปสู่สมาคมใดๆ ย่อมเข้าไปอย่างองอาจไม่เก้อเขิน
๔. ผู้มีศีลย่อมไม่หลงทำกาละ (คือไม่หลงในเวลาตาย)
๕. ผู้มีศีล ตายแล้วย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์

บุคคลแม้จะงดงามด้วยเครื่องประดับอันมีค่า ก็ยังไม่งามเท่าบุคคลที่มีศีลประดับกาย วาจา ใจ

ผู้มีศีล ย่อมติเตียนตนเองไม่ได้ เมื่อพิจารณาถึงความประพฤติของตน ย่อมเกิดปีติทุกเมื่อ

เพราะศีลมีอานิสงส์มากมาย ศีลจึงเป็นรากฐานแห่งคุณความดีทั้งหลาย และกำจัดความชั่วทั้งปวง

ขอกราบอนุโมทนากับผู้มีศีลและผู้รักษาศีลอยู่เป็นนิจด้วยค่ะ