ราหูอมจันทร์ หลวงพ่อน้อย นาวารัตน์ วัดศรีษะทอง จ.นครปฐม

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย อดุลย์ เมธีกุล, 24 กันยายน 2008.

  1. อดุลย์ เมธีกุล

    อดุลย์ เมธีกุล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2007
    โพสต์:
    7,363
    ค่าพลัง:
    +11,795
    <TABLE border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top bgColor=#6666ff>
    [FONT=Thonburi, Microsoft Sans Serif, MS Sans Serif]
    [FONT=Thonburi, Microsoft Sans Serif, MS Sans Serif]ราหูอมจันทร์ หลวงพ่อน้อย นาวารัตน์
    [FONT=Thonburi, Microsoft Sans Serif, MS Sans Serif]วัดศรีษะทอง จ.นครปฐม[/FONT]​
    [/FONT]​
    [/FONT]​
    </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle>
    [​IMG]
    </TD></TR><TR><TD class=font vAlign=top>เจ้าตำรับ พระราหูอมจันทร์

    ถ้าเราจะมากล่าวถึงพระเครื่องรางที่ให้คุณในด้านของโชคลาภ การพ้นจากเคราะห์ต่างๆ และเพื่อเสริมดวงชะตาก็คงจะต้องยกให้ กับพระราหูอมจันทร์ เนื้อกะลาตาเดียว แกะของหลวงพ่อน้อยวัดศรีษะทอง จ. นครปฐม ท่านเป็นพระเกจิอาจารย์เชื้อสายลาวที่มีวิชาอาคมแก่กล้ามากองค์หนึ่ง ในยุคนั้นเลยก็ว่าได้

    วัดศรีษะทองนั้นได้สร้างขึ้นมาเมื่อปี พ.ศ 2358 ตรงกับต้นสมัยรัตนโกสินทร์ ตามตำนานกล่าวไว้ว่า ในสมัยของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ในครั้งที่สร้างกรุงรัตนโกสินทร์ และได้อัญเชิญพระแก้วมรกตมาจาก เวียงจันทร์ได้อพยพชาวลาวเวียงจันทร์มาตั้งถิ่นฐานอยู่ริมแม่น้ำท่าจีนฝั่งตะวันตกแถววัดกลางคูเวียง และได้ทำมาหากินจนมีฐานะขึ้น จึงมีความศรัทธาที่จะสร้างวัดขึ้นมาได้ช่วยกันถากถางบริเวณที่จะใช้สร้างวัดจึงได้พบเศียรพระพุทธรูป จึงได้ตั้งชื่อวัดที่สร้างขึ้นมาว่า "วัดหัวทอง" ต่อมาทางราชการ ได้ขุดคลองเจดีย์บูชาขึ้นเพื่อที่จะใช้เป็นเส้นทางพระราชดำเนินนมัสการองค์พระปฐมเจดีย์ จึงได้ย้ายวัดมาอยู่ริมน้ำ เพื่อสะดวกในการสัญจรและได้ทำการเปลี่ยนชื่อวัดมาเป็น "วัดศรีษะทอง" จนมาถึงปัจจุบันนี้

    หลวงพ่อน้อยมีนามเดิมว่า "น้อย นาวารัตน์" เกิดเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ 2435 ตรงกับวันแรม 13 ค่ำ ปีมะโรง (ที่บ้านตำบลศรีษะทองในปัจจุบัน) บิดาชื่อนายมา และมารดาชื่อ นางมี นาวารัตน์ หลวงพ่อน้อยมีพี่น้องทั้งหมด 5 คน หลวงพ่อน้อยท่านเป็นน้องคนสุดท้อง โยมบิดาของหลวงพ่อน้อยเป็นหมอ รักษาโรคแบบแผนโบราณและเป็นหมอทางไสยศาสตร์ที่เก่งกล้าทางอาคม ชาวบ้านเรียกกันว่า"พ่อหมอ" อยู่ยงคงกระพันขนาดเอามีดคมๆ สับเนื้อหนังตนเองให้ใดูได้สบายไม่ระคายเคืองผิวหนังเลย ในสมัยที่ยังหนุ่มท่านเคยสู้กับนักเลงต่างบางถึงขั้นถูกรุม "พ่อหมอ" คนเดียว "พ่อหมอยังไล่ฟันพวกนักเลงต่างบางด้วยดาบยับเยินไปทุกคน ขึ้นชื่อว่า "พ่อหมอ" นักเลงรุ่นนั้นเป็นส่ายหน้าหนีจนเป็นที่เลื่อมใสของคนลาวโดยทั่วไป

    ในสมัยที่หลวงพ่อน้อยยังอยู่ในเพศฆราวาสนั้นกล่าวกันว่าท่านเป็นผู้ที่มีความขยันขันแข็งเป็นอันมาก ช่วยโยมมารดาทำนาปลูกผักอยู่เป็นประจำครั้นว่างจากงานก็ศึกษาอักขระเลขยันต์คาถาอาคมไสยศาสตร์ ตลออกจนตำรับยาจากโยมบิดาจนเจนจบครั้งเมื่อท่านอายุได้ 21 ปี เป็นนิมิตรหมายที่ดีในวันพฤหัสบดีขึ้น 12 ค่ำ ปีฉลู ตรงกับวันที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2456 ท่านได้บวชเข้าบวรพุทธศาสนาด้วยความศรัทธาอันแน่วแน่ที่มีอยู่เป็นนิสัย

    โดยมีพระอธิการยิ้ว เจ้าอาววาสวัดแคเป็นพระอุปฌาจารย์ พระอธิการเกิด วัดงิ้วรายเป็นพระกรรมวาจาจารย์และพระภิกษุมุน วัดกลางคูเวียงเป็นพระอนุสาวนาจารย์ได้รับฉายาว่า "คนุธโชโค" จำพรรษาอยู่ที่วัดแคอยู่ระยะหนึ่งจึงได้ย้ายมาจำพรรษาทีวัดศรีษะทอง ในระยะนั้นหลวงพ่อลีเป็น เจ้าอาวาสอยู่และท่านก็ได้ศึกษาวิชาการต่างๆ ที่ได้สืบทอดกันมาตั้งแต่สมัยที่หลวงพ่อไตรเป็นเจ้าอาวาสวัดศรีษะทอง เช่น วิชาการสร้างวัวธนูและราหูอมจันทร์ เป็นต้น

    เมื่อหลวงพ่อน้อยได้มีพรรษาที่สูงขึ้นก็พอดีกับพระฮธิการช้อยซึ่งเป็นเจ้าอาวาส ครองวัดต่อจากหลวงพ่อลีได้ลาสิกขาไป บรรดาญาติโยมอุบาสกอุบาสิกาจึงได้นิมนตร์หลวงพ่อน้อยขึ้นเป็นเจ้าอาวาสท่านได้ปฏิบัติตนตามสมควร ให้สมกับเจตนาของญาติโยมและพัฒนาวัดจนมีความเจริญรุ่งเรืองเป็นอย่างมากและต่อมาท่านก็ได้รับตำแหน่งเจ้าคณะตำบลปกครองวัดในเขตปกครองของท่านเป็นตำแหน่งสุดท้าย

    </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD class=font vAlign=top>
    หลวงพ่อน้อยท่านได้สร้างพระเครื่องและเครื่องรางของขลังไว้หลายชนิด แต่ที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมากคือ "พระราหูอมจันทร์"และ "พระโคสุลาภ" หรือ วัวธนู แต่ในที่นี่กระผมจะขอกล่าวแต่เพียงพระราหูอมจันทร์ ซึ่งถูกจัดอันดับให้อยู่เป็นหนึ่งในชุดเบ็ญจเครื่องรางและในการยอมรับมาช้านานเสียก่อน

    พระราหูอมจันทร์ของวัดศรีษะทองมีลักษณะ และวิธีกากรสร้างสืบทอดกันมาจากหลวงพ่อไตร แต่ได้มีการสร้างมากที่สุดในสมัยหลวงพ่อน้อย เป็นการสร้างตามตำรับใบลานจารอักขระขอมลาว ที่นำมาจากประเทศลาวโดยตรง ความเป็นมาของราหูอมจันทร์ตามตำนานทางไสยศาสาตร์ได้กล่าวไว้ว่า "พระราหูนั้นเป็นยักษ์หน้าตาดุร้าย หน้ากลัว ผิวดำเป็นเงาวาวเหมือนนิล มีหางเป็นนาคราชและมีพญาครุฑเป็นพาหะนะรับใช้ประจำ สถิตย์พำนักอยู่ในอากาศแวดล้อมด้วยม่านสีดำ แต่เหตุที่ทำให้พระราหูมีองค์เพียงครึ่งเดียวนั้น เนื่องจากราหูต้องจักรของพระนารายณ์ตัดขาดเพราะว่าพระราหูแอบไปดื่มน้ำอมฤตในขณะที่พระราหูดื่มน้ำอมฤตอยู่นั้น พระอาทิตย์และพระจันทร์ได้มาเห็นเข้าก็เลยนำความเข้าไปฟ้องพระนารายณ์ พระนารายณ์ทรงกริ้วเป็นเหตุให้ขว้างจักรไปต้องกายพระราหูขาดครึ่ง แต่พระราหูไม่ตายเนื่องจากได้ดื่มน้ำอมฤตเข้าไปเลยเป็นนิรันดร์พระราหูจึงมีความแค้นเคืองต่อพระอาทิตย์และพระจันทร์ที่คอยเสนอหน้าไปฟ้องพระนารายณ์ จึงคอยเฝ้าจับพระอาทิตย์และพระจันทร์กินอยู่เสมอมา ถ้าเผลอเมื่อใดเป็นโดนอันหมายถึงสุริยคราสและจันทรคราสนั่นเอง
    เหตุของการสร้างพระราหูอมจันทร์นั้นมาจากความต้องการเป็นอมตะหรือเป็นนิรันดร์ของพระราหูที่ไม่รู้จักตายนั่นเอง

    การสร้างพระราหูตามสูตรของตำรับลาวของโบราณจะใช้เพียง "กะลาตาเดียว" มาแกะเป็นรูปพระราหูอมจันทร์เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ในสมัยของหลวงพ่อน้อยก็เช่นกัน

    หลักการพิจารณาพระราหูอมจันทร์ เนื้อกะลาตาเดียวของหลวงพ่อน้อย วัดศรีษะทอง
    1. การพิจารณาฝีมือของช่างแกะ โดยทั่วไปนั้นเราได้แบ่งออกเป็น 2 ฝีมือช่างคือ
      • แกะโดยช่างฝีมือภายในวัด
      • แกะโดยฝีมือของชาวบ้าน
    2. ลายมือในการจาร ข้อนี้จะต้องใช้ประสบการณ์และความรู้ที่ได้รับการถ่ายทอดจากครูบาอาจารย์เท่านั้น จึงจะสามารถพิจารณาจุดนี้ได้ โดยทั่วไป มักจะแบ่งลายมือในการจารออกเป็นดังนี้คือ
      • ลายมือของหลวงพ่อน้อยเอง
      • ลายมือของช่างลี
      • ลายมือของลูกศิษย์ตาปิ่น
      • ลายมือของพระอาจารย์สม (ผู้ช่วยสมภาร)
    3. ความเก่าและความเป็นธรรมชาติ ของเนื้อกะลา ถ้าเป็นกะลาที่ไม่ได้ผ่านการใช้มาเลย ต้องมีความแห้งและแลดุเก่า ส่วนกะลาที่ผ่านการใช้มาเนื้อจะแลดูเป็นขุย และยุ้ย

    1. สิ่งแวดล้อมพิเศษหรือ การมีลักษณะพิเศษของพระราหูอมจันทร์ คือโดยส่วนมากของคหบดีในจังหวัดนครปฐมนั้น เมื่อได้พระราหุอมจันทร์จากหลวงพ่อน้อยก็มักจะนำพระราหูนั้นไปเปลี่ยนเป็นกรอบทองคำ, นาค และ เงิน ถ้าพระราหูอมจันทร์อันใดถูกปิดด้านหลังที่หลวงพ่อน้อยท่านจะให้นำแผ่นทอง แผ่นเงิน และ แผ่นนาคมาให้ท่านจารอักขระแล้วนำไปติดด้านหลังในการเลื่อมแต่ละอัน
    ถ้าเราจะพิจารณาพระราหูอมจันทร์ เนื้อกะลาแกะของหลวงพ่อน้อย วัดศรีษะทองนั้นจะต้องใช้ความระมัดระวัง มากพอสมควรเพราะของแท้มีน้อย จึงควรที่จะสอบถามจากคนที่มีความรู้จริง
    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    ที่มา - http://www.mac.in.th/~pra/sara_06_0006.html
     
  2. ปทุมธานี

    ปทุมธานี ยอมไม่ทำดีกว่าทำร้ายคนอื่น

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    1,876
    ค่าพลัง:
    +1,218
    ป๋าหน่องแล้วองค์นี้แท้ไหมครับป๋าหน่อง

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 01.jpg
      01.jpg
      ขนาดไฟล์:
      196.7 KB
      เปิดดู:
      6,303
  3. อดุลย์ เมธีกุล

    อดุลย์ เมธีกุล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2007
    โพสต์:
    7,363
    ค่าพลัง:
    +11,795
    สุดยอดครับ
     
  4. จรัสกุล

    จรัสกุล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    1,547
    ค่าพลัง:
    +2,127
    ครับ
    อนุโมทนาครับ
    ขอบคุณครับ
    <!-- / message -->
     
  5. มันตรัย

    มันตรัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    8,346
    ค่าพลัง:
    +8,190
    เยี่ยมเลยครับ ขออนุโมทนาบุญด้วยครับ ผมเคยมีประสบการณ์กับวัดนี้ในการไปครั้งแรกครับ ไว้ว่างๆจะเล่าให้ฟัง
     
  6. ทรัพย์พระฤาษี

    ทรัพย์พระฤาษี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    397
    ค่าพลัง:
    +175
  7. wara43

    wara43 ทีมผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2006
    โพสต์:
    9,108
    ค่าพลัง:
    +16,130
    [​IMG]ขอกราบโมทนาสาธุครับ สาธุ...
     
  8. BlueBlur

    BlueBlur เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,664
    ค่าพลัง:
    +1,570
    อนุโมทนาครับ หาของหลวงพ่อน้อยไม่ได้ ใช้ของครูบานันตาแทนได้สบายเลยครับ เพราะท่านอาจารย์สอนทำกะลาแกะราหูอมจันทร์ ให้หลวงพ่อน้อย

    00444_6.jpg
    00444_9.jpg
    00444_0.jpg
    00444_1.jpg
     
  9. พุทธนิรันดร์

    พุทธนิรันดร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    1,641
    ค่าพลัง:
    +5,039
    แต่ตอนนี้ในพื้นที่ลำปางเองราคาไปไกลมากแล้ว สำหรับครูบานันตาวัดทุ่งม่านใต้ ท่านดังมานานแล้วครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...