รู้สึกว่าลอยเหมือนลูกโป่งในสมาธิ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Broccocat, 28 มิถุนายน 2012.

  1. Broccocat

    Broccocat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    954
    ค่าพลัง:
    +4,094
    มีเรื่องจะเล่าและถามค่ะ

    คืองี้ค่ะ ช่วงนึงของการทำสมาธิไปได้ซักครู่ คือยู่ดีๆ รู้สึกเหมือนมันหวิวๆ ที่ท้อง แล้วเราก็จะเห็นว่า เราลอยขึ้นเหมือนลูกโป่ง จากพื้นดินขึ้นไปในอากาศ มองลงมาเห็นทุ่งนาเหมือนพรม หลังคาบ้านเล็กๆ (เปรียบเทียบเหมือนเครื่องบินกำลัง เทคออฟ อ่ะค่ะ) ตอนก่อนที่เราจะลอย อาการในสมาธิจะเหมือนเวียนหัว มันหมุนๆ แล้วจะเหมือนความรู้สึกแบบ ใจหาย อ่ะค่ะ (ก่อนหน้านี้เคยเป็นครั้งนึง แต่ตอนนั้นตกใจ ตอนตัวกำลังจะลอย แล้วรีบลืมตาออกจากสมาธิทันที) แต่คราวนี้ลองอดทนพยายามไม่ตกใจแล้วรอดูว่าจะเกิดอะไรต่อไป... ความรู้สึกตอนที่ลอยอยู่ รู้สึก กลัวความสูง ลอยแบบสูงขึ้นๆ ไร้การควบคุม(แต่ตอนอยู่ในเครื่องบิน กลับชอบดูวิวข้างล่างซะงั้น)

    ทีนี้ พอซักพักนึง เราก็ค่อยๆ โผล่ขึ้นมาอยู่เหนือแนวเมฆ คือมองลงไปข้างล่าง เห็นกลุ่มปุยเมฆเป็นพื้นแทนพื้นดิน มองขึ้นไปรอบๆ ท้องฟ้าเป็นสีขาว แต่จะมีอยู่บริเวณนึง เป็นสีออกม่วงอ่อนผสมแดงอ่อนๆ คล้ายเวลาที่อาทิตย์จะตกดิน น่ะค่ะ แต่ไม่เห็นดวงอาทิตย์นะคะ แล้วก็ลอยเคว้งอยู่อย่างนั้นไปเรื่อยๆ

    เราอยากพิสูจน์ว่านี่เราตัวลอยจริงหรือ ลองเราแอบขยับก้นดู^^ ก็ปรากฎว่า ตัวเราก็ยังนั่งอยู่นี่นา แต่ในใจมันหวิวๆ ท้องอ่ะค่ะ(เปรียบเทียบกับเวลาเรานั่งรถลงจากสะพาน หรือ ถนนที่ลาดชันลงมา มันจะรู้สึกวูบๆ หวิวตรงท้อง อย่างงั้นเลยค่ะ)

    คำถามค่ะ...
    - อาการแบบนี้ในสมาธิ เรียกว่าอะไรคะ?
    - อาการนี้ใช่ จิตหลุด ไหมคะ?
    - ถ้ามีอาการอย่างนี้อีก เราควรทำอย่างไร ต้องกำหนดอะไรไหมคะ??(ตั้งแต่นั่งสมาธิมาประมาณเดือนนึง มีอาการลอยแบบนี้สองสามครั้ง)
    - มีใครเป็นแบบเราบ้างไหมคะ?
     
  2. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    1.เรียกว่า อาการก่อนจะเข้าสมาธิ ยังไม่เรียกว่าได้สมาธิ

    2.อาการนี้ ยังไม่ใชจิตหลุด
    หากจิตหลุด หรือที่เรียกว่าถอดจิต จะเห็นอีกร่างนึงคือร่างของตัวเอง

    3.ควรกำหนดรู้ที่จิต เช่น จิตมียินดี ยินร้าย กลัว ตกใจ ก็ให้รู้ตามเป็นจริงที่จิตเกิดอาการแบบนั้น

    หรือ ให้ทรงอยู่ในกรรมฐานที่เราขึ้น หากรู้ลมเข้าออก ก็รู้ลมเข้าออก
    หากบริกรรม ก็บริกรรมภาวนาต่อไป

    มันจะลอยกี่ครั้งก็ช่างมัน ทรงในกรรมฐานที่เราตั้งให้แม่นยำ
    มั่นคง ฝึกต่อไป

    อาการแบบนี้แต่ก่อนก็เป็นครับสมัยเริ่มฝึกแรกๆ
     
  3. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,647
    ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าสภาวะคุณแปลกมาก ลอยไม่พอเห็นนิมิตด้วย อันที่จริงจิตคุณดำรงค์อยู่ในอุปจารสมาธิ ไอ่อาการที่คุณหล่นลงมาแล้วตกใจนั้น เขาเรียกว่าพลัดตกจากฌาน มันจะดึ่งวูบเหมือนหล่นจากที่สูงแล้วใจมันจะหวิวๆนั้นหละ แน่นอน....

    คำถามค่ะ...
    - อาการแบบนี้ในสมาธิ เรียกว่าอะไรคะ?

    อาการในอุปจารสมาธิ มีนิมิต กับ ปิติ.....เดี๋ยวจะขึ้นในส่วนของครูบาอาจารย์ให้ข้างล่างครับ....

    - อาการนี้ใช่ จิตหลุด ไหมคะ?

    ที่คุณถอนออกมานั้นเขาเรียกว่าหลุดเหมือนกัน เรียกว่าหลุดออกจากสมาธิ....

    - ถ้ามีอาการอย่างนี้อีก เราควรทำอย่างไร ต้องกำหนดอะไรไหมคะ??(ตั้งแต่นั่งสมาธิมาประมาณเดือนนึง มีอาการลอยแบบนี้สองสามครั้ง)

    ไม่ต้องไปสนใจทรงอารมณ์กรรมฐานเดิมไว้ เดี๋ยวมันก็ผ่านไปเอง...

    - มีใครเป็นแบบเราบ้างไหมคะ?

    เยอะครับ....
     
  4. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,647
    อาการปิติเป็นอาการที่ถามกันมาก.....ซึ่งผู้ปฏิบัติมักจะข้องใจเมื่อเกิดอาการนี้....
    <O[​IMG]</O[​IMG]

    <TABLE style="WIDTH: 45%; mso-cellspacing: 1.5pt; mso-yfti-tbllook: 1184" class=MsoNormalTable border=1 cellPadding=0 width="45%"><TBODY><TR style="mso-yfti-irow: 0; mso-yfti-firstrow: yes; mso-yfti-lastrow: yes"><TD style="BORDER-BOTTOM-COLOR: #f0f0f0; PADDING-BOTTOM: 0.75pt; BACKGROUND-COLOR: transparent; BORDER-TOP-COLOR: #f0f0f0; PADDING-LEFT: 0.75pt; PADDING-RIGHT: 0.75pt; BORDER-RIGHT-COLOR: #f0f0f0; BORDER-LEFT-COLOR: #f0f0f0; PADDING-TOP: 0.75pt">
    อาการและอารมณ์ของอุปจารสมาธิ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>​

    <O[​IMG]</O[​IMG]
    อาการของอุปจารสมาธิคือปีติได้แก่อารมณ์ความอิ่มใจเมื่อทำมาถึงตอนนี้อารมณ์
    จะชุ่มชื่นมาก อารมณ์สะอาดเยือกเย็น มีความเป็นสุขอย่างยอดเยี่ยมไม่เคยพบความสุข
    อย่างนี้มาก่อนเลยในชีวิตตอนนี้เวลาภาวนาลมหายใจจะเบากว่าปกติมาก อารมณ์เป็นสุข
    ร่างกายของนักปฏิบัติที่เข้าถึงระดับนี้ผิวหนังจะนวลขึ้นเพราะอารมณ์ที่มีความสุขแต่อาการ
    ทางร่างกายนี่สิที่ทำให้นักปฏิบัติตกใจกันมากนั่นก็คือ
    ๑.อาการขนลุกซู่ซ่าเมื่อเกิดอาการอย่างนี้หรืออย่างอื่นที่กล่าวถึงต่อไปจะมีอารมณ์
    ใจเป็นสุขขอให้ทุกท่านปล่อยอาการอย่างนั้นไปตามสภาพของร่างกาย จงอย่าสนใจเมื่อสมาธิ
    สูงขึ้นหรือลดตัวลงต่ำกว่านั้น อาการอย่างนั้นก็จะหมดไปเองอาการขนลุกพองถ้ามีขึ้นพึงควร
    ภูมิใจว่าเราเข้าถึงอาการของปีติระดับหนึ่งแล้ว อย่ากังวลอาการของร่างกาย
    ๒. อาการของปีติขั้นที่ ๒ได้แก่อาการน้ำตาไหล
    ๓.อาการของปีติขั้นที่ ๓คือร่างกายโยกโคลงโยกไปข้างหน้าบ้างข้างหลังบ้าง
    บางคราวโยกแรง จนศีรษะใกล้ถึงพื้น
    ๔.อาการของปีติขั้นที่ ๔ตามตำราท่านว่าตัวลอยขึ้นบนอากาศแต่ผลของการปฏิบัติ
    ไม่แน่นัก บางรายก็เต้นเหมือนปลุกตัว บางรายก็ตัวลอยขึ้นบนอากาศเมื่อลอยไปแล้ว ถ้าสมาธิ
    คลายตัวก็กลับมาที่เดิมเอง(อย่าตกใจ)
    ๕. อาการของปีติขั้นที่ ๕คือมีอาการแผ่ซ่านในร่างกายซู่ซ่าเหมือนมีลมไหลออก
    ในที่สุดเหมือนตัวใหญ่และสูงขึ้นหน้าใหญ่แล้วมีอาการเหมือนลมไหลออกจากกายในที่สุด
    ก็มีความรู้สึกว่าตัวหายไปเหลือแต่ท่อนหัว
    อาการทั้งหมดนี้ เมื่อเกิดขึ้นอารมณ์ใจจะมีความสุข ฉะนั้นนักปฏิบัติให้ถืออารมณ์ใจ
    เป็นสำคัญอย่าตกใจในอาการตามที่กล่าวมาแล้วนั้นพอสมาธิสูงถึงระดับฌานก็จะสลายตัว
    ไปเองปีตินี้เมื่อเกิดขึ้นแล้วอารมณ์จะเป็นสุขคือถึงระดับที่สี่ ที่จะเข้าถึงปฐมฌาน ต่อไปก็
    เป็นปฐมฌานเพราะอยู่ชิดกัน

    <O[​IMG]</O[​IMG]**************************************************


    <TABLE border=1 width="46%" align=center><TBODY><TR><TD height=27>
    พลัดตกจากฌาน
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    เรื่องอาการพลัดตกจากฌานนี้มีผู้ประสบกันมามาก แม้ผู้เขียนเองอาการอย่างนี้ก็พบมา
    ตั้งแต่อายุ ๗ ปี ตอนนั้นถ้ามีอารมณ์ชอบใจอะไรจิตจะเป็นสุข สักครู่ก็มีอาการเสียววาบคล้าย
    พลัดตกจากที่สูง ตอนนั้นเป็นเด็กไม่ได้ถามใครเพราะไม่รู้เรื่องของฌาน เป็นอยู่อย่างนี้มานาน
    เกือบหนึ่งปี เมื่อท่านแม่พาไปหา หลวงพ่อปาน หลวงพ่อท่านเห็นหน้า ท่านก็ถามท่านแม่ว่า
    เจ้าหนูคนนี้ชอบทำสมาธิหรือ ท่านถามทั้งๆ ที่เพิ่งเห็นหน้า ท่านแม่ยังไม่ได้บอกท่านเลย
    หลวงพ่อปานท่านก็พูดของท่านต่อไปว่า เอ..เจ้าหนูนี่มันม ทิพจักขุญาณ ใช้ได้แล้วนี่หว่า
    ท่านหันมาถามผู้เขียนว่า เจ้าหนูเคยเห็นผีไหม" ก็กราบเรียนท่านว่า
    "ผีเคยมาคุยด้วย
    ขอรับ แต่ทว่าเขาไม่ได้มาเป็นผี เขามาเป็นคนธรรมดาต่อเมื่อเขาจะลากลับเขา
    จึงบอกว่า เขาตายไปแล้วกี่ปี แล้วก็สั่งให้ช่วยบอกลูกบอกหลานเขาด้วย"

    หลวงพ่อปานท่านก็พูดต่อไปว่า
    "อาการที่เสียวใจคล้ายหวิวเหมือนคนตกจากที่สูง
    นั้นเป็นอาการที่จิตพลัดตกจากฌาน คือ เมื่อจิตเข้าถึงฌานมีอารมณ์สบายแล้ว
    ประเดี๋ยวหนึ่งอาศัยที่ความเข็มแข็งยังน้อย ไม่สามารถทรงตัวได้ ก็พลัดตก
    ลงมา"
    ท่านบอกว่า
    "ก่อนภาวนาให้หายใจยาวๆ แรงๆ สักสองสามครั้งหรือหลายครั้งก็ดี
    หายใจแรงยาวๆ ก่อน แล้วจึงภาวนา ระบายลมหยาบทิ้งไป เหลือแต่ลมละเอียด
    ต่อไปอาการหวิวหรือเสียวจะไม่มีอีก"
    ถ้าทำครั้งเดียวไม่หายก็ทำเรื่อยๆ ไป เมื่อทำ
    ตามท่านก็หายจากอาการเสียว ใครมีอาการอย่างนี้ลองทำดูแล้วกัน หายหรือไม่หายก็สุดแล้ว
    แต่เปอร์เซ็นต์ของคน คนเปอร์เซ็นต์มากบอกครั้งเดียวก็เข้าใจและทำได้แต่ท่านที่มีเปอร์เซ็นต์
    พิเศษไม่ทราบผลเหมือนกัน
    (ตามใจเถอะ)
    เป็นอันว่าเรื่องสมาธิหมดเรื่องกันเสียที เรื่องปฏิภาคนิมิตก็ของดไม่อธิบายไม่รู้จะอธิบาย
    ไปทำไม เพราะพูดถึงฌานแล้วก็หมดเรื่องกัน อัปปนาสมาธิเป็นสมาธิขั้นฌานก็คืออารมณ์ฌาน
    นั่นเอง ปฏิภาคนิมิตเป็นนิมิตของฌานมีรูปสวยเหมือนดาวประกายพรึกรู้เท่านี้ก็แล้วกัน
    <O[​IMG]</O[​IMG]

    **************************************************
    <TABLE style="WIDTH: 26%; mso-cellspacing: 1.5pt; mso-yfti-tbllook: 1184" class=MsoNormalTable border=1 cellPadding=0 width="26%"><TBODY><TR style="mso-yfti-irow: 0; mso-yfti-firstrow: yes; mso-yfti-lastrow: yes"><TD style="BORDER-BOTTOM-COLOR: #f0f0f0; PADDING-BOTTOM: 0.75pt; BACKGROUND-COLOR: transparent; BORDER-TOP-COLOR: #f0f0f0; PADDING-LEFT: 0.75pt; PADDING-RIGHT: 0.75pt; BORDER-RIGHT-COLOR: #f0f0f0; BORDER-LEFT-COLOR: #f0f0f0; PADDING-TOP: 0.75pt">
    อัปปนาสมาธิหรือฌาน
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ต่อไปนี้จะพูดหรือแนะนำใน อัปปนาสมาธิคำว่า อัปปนาสมาธิ เป็นสมาธิใหญ่ มีอารมณ์
    มั่นคง เข้าถึงระดับฌาน ตั้งแต่ฌานที่หนึ่งถึงฌานที่สี่ แต่ก่อนที่จะพูดถึง อัปปนาสมาธิ ขอย้อน
    มาอธิบายถึงอุปจารสมาธิเล็กน้อยก่อน การที่พูดมาแล้วเป็นการพูดในเรื่องของนิมิตโดยตรง
    ท่านที่ไม่นิยมนิมิตจะไม่เข้าใจ

    อุปจารสมาธิระดับสุดท้าย
    เมื่อจิตเข้าถึงอุปจารสมาธิขั้นสุดท้าย ถ้าผู้ปฏิบัติไม่สนใจในนิมิต หรือสร้างนิมิตให้เกิดขึ้น
    ไม่ได้ ให้สังเกตอารมณ์ใจดังนี้ อารมณ์นี้มีเหมือนกันทั้งท่านที่ถือนิมิตหรือไม่ถือนิมิต คือจะมี
    ความรู้สึกว่ามีอารมณ์ตั้งมั่นทรงตัวดี มีความชุ่มชื่นไม่อิ่มไม่เบื่อในการปฏิบัติ มีอารมณ์เป็นสุข
    เยือกเย็นมาก ซึ่งไม่เคยพบมาเลยในชีวิต และมีอารมณ์เป็นหนึ่ง กำหนดอารมณ์ไว้อย่างไร
    อารมณ์ไม่เคลื่อนจากที่ตั้งอยู่ได้นาน ตอนนี้เป็น ฌาน อารมณ์ที่สังเกตได้คือ
    ๑.รู้ลมหายใจเข้า รู้ลมหายใจออกคำภาวนาทรงตัว ไม่ลืมไม่เผลอไม่ฟุ้งไปสู่เรื่องอื่น
    นอกเหนือจากที่คิดจะภาวนา มีอารมณ์เต็มเปี่ยมด้วยกำลังใจไม่อิ่มไม่เบื่อไม่อยากลุกออกจากที่
    มีความสุขหรรษาเป็นพิเศษ ซึ่งไม่เคยมีความสุขใดในชีวิตที่เคยพบมาก่อนเลยมีอารมณ์ตั้งมั่นดิ่ง
    อยู่ในที่เดียวเป็นพิเศษ (ข้อห้านี้เป็นฌาน)หูได้ยินเสียงทุกอย่างชัดเจนมากที่เข้ามากระทบ
    ประสาทหู เสียงคนหรือเสียงสัตว์ธรรมดาไม่ใช่เสียงทิพย์ แม้แต่เสียงเครื่องขยายเสียงที่มีเสียงดัง
    มาก ตอนนี้ได้ยินทุกอย่างชัดเจนตามปกติแต่ไม่รำคาญในเสียงนั้นเลย คงภาวนาหรือกำหนดรู้ลม
    หายใจเข้าออกได้เป็นปกติเหมือนไม่มีเสียงรบกวนลมหายใจจะเบากว่าเวลาปกติจนสังเกตได้ชัด
    อาการอย่างนี้ท่านเรียกว่า ปฐมฌาน คือฌานที่หนึ่ง
    ๒.เมื่อจิตเป็นสมาธิในฌานที่สองมีความรู้สึกดังนี้คือจะรู้สึกว่าคำภาวนาหายไป
    บางท่านหรือหลายท่านควรจะพูดว่า มากท่านก็คงไม่ผิดเมื่ออารมณ์เข้าถึงฌานที่สองใหม่ๆ
    อารมณ์ยังไม่ชิน เมื่อขณะที่จิตทรงอยู่ในฌานนี้ จะมีความอิ่มเอิบสุขสบาย จะเผลอตัว เมื่อจิต
    มีสมาธิลดลง เพราะกำลังจิตถอยสมาธิ จะลดลงอยู่ที่อุปจารสมาธิ ตอนนี้อารมณ์คิด คือความ
    รู้สึกก็เกิดขึ้น เมื่อจิตตั้งอยู่ในฌานจะไม่สามารถคิดอะไรได้ เพราะเอกัคคตารมณ์คืออารมณ์
    เป็นหนึ่งไม่มีอารมณ์คิดจะทรงตัวเฉยอยู่และไม่มีคำภาวนา คำภาวนานี้ตั้งแต่ฌานที่สองถึงฌาน
    ที่สี่จะไม่มีคำภาวนาเมื่อรู้สึกตัวว่าไม่ได้ภาวนาก็จะคิดว่าตนเองหลับไปหรือเผลอไป ความจริง
    ไม่ใช่ ซึ่งเป็นอาการของฌานที่สอง
    ๓.เมื่อจิตมีสมาธิเข้าถึงฌานที่สามตอนนี้จะรู้สึกว่า ลมหายใจเบาลงมาเกือบไม่รู้สึก
    ว่าหายใจ แต่ความจริงยังรู้สึกถนัดอยู่แต่เบามากนั่นเอง อาการทางร่างกายจะรู้สึกเหมือนเกร็งไป
    ทั้งร่าง แต่ความจริงร่างกายเป็นปกติ แต่ที่มีความรู้สึกอย่างนั้นเป็นอาการของสมาธิ เสียงภายนอก
    ที่เข้ามากระทบหูเกือบไม่ได้ยินเสียงนั้นเลยได้ยินแต่เบามาก จิตทรงอารมณ์เป็นหนึ่งสงัดดีมาก
    เป็นพิเศษ อย่างนี้เป็นอาการของฌานที่สาม
    ๔.อาการของฌานที่สี่เมื่อจิตเข้าถึงฌานที่สี่ ฌานสี่นี้มีสองขั้นคือ หยาบ กับ ละเอียด
    สำหรับฌานหนึ่ง สอง สาม นั้น แต่ละฌานมีสามชั้นคือ หยาบ กลาง ละเอียด ที่ไม่อธิบายไว้ ก็
    เพราะกลัวจะเฝือ เพราะเมื่อฝึกได้ใหม่ยังไม่มีกำลังใจที่แน่นอน ประเดี๋ยวได้ประเดี๋ยวสลายตัว
    อธิบายละเอียดเข้าแทนที่จะเป็นผลดี จะกลายเป็นอาหารผสมยาพิษไปจุกจิกใจเข้าเลยเลิกดีกว่า
    เป็นอันว่ารู้กันว่าเป็นฌานชั้นที่สี่ก็พอ ฌานอื่นๆ พอรู้ว่าถึงฌานก็พอ จงอย่าลืมว่าเมื่อถึง
    ฌานแล้วเวลาไม่นานก็พลัดจากฌาน คืออารมณ์ลดลงมาที่อารมณ์ปกติ ให้คิดว่าเราถึงฌานได้แล้ว
    จะอยู่นานหรือไม่นานก็ช่าง เป็นอันว่าเราเข้าถึงธงชัยแล้วก็ดีถมไป วันนี้ฌานสลายตัววันหน้าเวลา
    หน้ายังมีอีก เมื่อเรายังไม่ตายเพียงใด เราก็เล่นเพลิดเพลินในฌานให้อารมณ์เป็นสุข เพื่อเพราะ
    กำลังสมาธิไว้เป็นกำลังช่วยตัดกิเลสในโอกาสหน้าต่อไป
    เลอะเทอะมาเสียนาน ตอนนี้เข้าตอนฌานสี่กันเถอะ เมื่อจิตเข้าถึงฌานสี่หยาบตอนนั้นจะมี
    ความรู้สึกว่า ลมหายใจหายไป ไม่รู้สึกว่าหายใจ แต่ที่จริงแล้วลมหายใจยังมีตามปกติแต่ทว่าจิต
    ไม่รับทราบว่าร่างกายทำอะไร หายใจหรือไม่ จิตใจย่อมไม่รับรู้ตามท่านพูดว่าจิตกับประสาทแยก
    กันเด็ดขาด แต่ตอนฌานสี่หยาบนี้จิตแยกออกจากประสาทจริงแต่ยังไปไม่ไกลนัก ฉะนั้นเมื่อมี
    เสียงดังขนาดเครื่องขยายเสียงที่ดังมากๆ ตั้งอยู่ใกล้หูยังพอได้ยินแว่วๆ เหมือนอยู่ไกลกันมาก
    เมื่อจิตเข้าถึงฌานสี่ละเอียด ตอนนี้สบายมาก เพราะไม่รู้อะไรเลย (ไม่ใช่หลับ) ภายใน
    กำลังของจิตเข็มแข็งมาก มีความสว่างโพลง แต่จิตไม่ยอมรับรู้เรื่องของประสาทเลย ไม่ว่า
    เสียงหรือการกระทบกาย จิตไม่ยอมรับทราบด้วยประการทั้งปวง อาการของฌานสี่ที่ละเอียด
    เป็นอย่างนี้
    ที่นำอาการของฌานมากล่าวไว้ที่นี้ก็เพราะว่าการปฏิบัติในหมวดสุกขวิปัสสโก ก็ทรงฌาน
    เหมือนหมวดอื่นเหมือนกัน เพื่อนักปฏิบัติจะได้ทราบอาการเอาไว้ เพราะมีผู้มาถามเรื่องอาการ
    ของฌานนี้นับรายไม่ถ้วน บางรายถามแล้วถามอีกถามบ่อยๆ ชักสงสัยว่าทำจริงหรือเปล่า เพราะ
    ผู้ทำจริงเขาไม่ถามบ่อย เมื่อถามแล้วเอาไปปฏิบัติได้แล้วรู้เรื่องก็ไม่มีเรื่องถามต่อไป<O[​IMG]</O
    **************************************************<O[​IMG]</O

    เข้าศึกษาได้ตั่งแต่เริ่มต้น...ทั้งหมด....ได้ที่นี่....หนังสือเล่มนี้เนื้อหาเพียงพอสำหรับผู้ที่จะปฏิบัติด้วยตนเอง....รวบรวมวิธี...และอาการทางสมาธิ...ทั้งหมด....ควรศึกษาให้เข้าใจสัก 1 รอบ(ไม่ยาวนัก)แล้วปฏิบัติได้เลย....คำถามทางสมาธิส่วนใหญ่ที่ถามในบอร์ดมักอยู่ที่นี่.......

    วิธีฝึกกรรมฐานด้วยตนเองแบบง่ายๆ....โดยหลวงพ่อพระราชพรหมยาน ( ฤาษีลิงดำ )...

    http://www.palungjit.org/smati/books/index.php?cat=7 <O[​IMG]</O[​IMG]<!-- google_ad_section_end -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 มิถุนายน 2012
  5. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493
    จิตใจหลุดลอยออกจากปัจจุบันอารมณ์คือกรรมฐานที่ใช้อยู่ เช่น ใช้ลมเข้าออกก็หลุดจากลมซึ่งกำลังเข้ากำลังออกนั้น ใช้อาการท้องซึ่งกำลังพองกำลังยุบ จิตใจก็หลงหลุดจากการพอง-ยุบซึ่งเป็นปัจจุบันอารมณ์นั้น


    รายนี้หลุดลอยว่าขึ้นไปทำกรรมฐานบนวิมานเมืองสรวงโน่น

    ว่าหลวงปู่ดู่พาไปวิมานฝึกกรรมฐาน


    มีตัวอย่างอีกแยะแยะ
     
  6. มะหน่อ

    มะหน่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    1,652
    ค่าพลัง:
    +1,210
    ถามว่าเวลาเป็นปัจุบันหรือไม่ครับ
    เพราะเหตุที่เล่ามาคือเวลากลางวัน

    ขอท่านเจริญในธรรมครับ
     
  7. Broccocat

    Broccocat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    954
    ค่าพลัง:
    +4,094
    ถ้าที่เห็นในนั้น...อืม ไม่ทราบเหมือนกันค่ะว่าเป็นปัจจุบันไหม เพราะสถานที่ที่เป็นทุ่งนาข้างล่างก็ไม่ใช่บ้านเรา เป็นที่ไหนก็ไม่รู้ แต่ภาพที่เห็นเป็นสีๆ นะคะ ทุ่งสีเขียว จะคล้ายๆ เวลาประมาณ ห้าโมงเย็นในฤดูหนาว น่ะค่ะ ^^ แต่ถ้าตอนที่ทำสมาธิเป็นตอนกลางคืนค่ะ

    ไม่แน่ใจว่าตอบตรงกะที่ถามไหมนะ งง อิอิ
     
  8. มะหน่อ

    มะหน่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    1,652
    ค่าพลัง:
    +1,210
    ไม่เป็นไรครับ
    เพราะการปฎิบัตินั้นเป็นเหตุและปัจจัยของแต่ละท่าน

    หากท่านทำสมาธิตอนกลางคืนแต่เห็นกลางวัน
    ไม่ใช่ของจริงไหมครับ
    เอาเป็นว่า ตามดูตามรู้ต่อไปดีกว่านะครับว่าเขาคืออะไร
    ต้องไม่ทิ้งศรัทธานะครับ
    เพราะทางของพุทธศาสนาสามารถพิสูจน์ได้ว่ามีอยู่จริง
    แต่ต้องตั้งอยู่บนสัมมาสตินะครับ

    ขอให้ท่านเจริญในธรรมยิ่งขึ้นไปนะครับ
     
  9. Broccocat

    Broccocat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    954
    ค่าพลัง:
    +4,094
    เขาคือใคร?? หมายถึงใครเหรอคะ งง
    เท่าๆ ที่อ่านๆ มา เค้าก็บอกให้วางเฉยอ่ะนะ รู้ก็คือรู้ ไรพวกนี้แหล่ะ ลองไปอ่านๆ ที่ คุณ Phanudet โพสมาข้างบนนี้ดูค่ะ แต่ งง ตอน เขาคือใคร นี่สิ มาจากไหนเนี่ย....โพสผิดกระทู้รึเปล่าเอ่ยยยย???? อิอิ...ล้อเล่นนะคะ คุณมะหน่อ
     

แชร์หน้านี้

Loading...