ร่วมทอดกฐินสร้างอุโบสถเเละกําเเพงเเก้ว วัดดอนสังข์วนาราม อ.สุวรรณภูมิ จ.ร้อยเอ็ด 11-12 พย. 66

ขอเชิญท่านสาธุชนผู้ใจบุญ
ร่วมเป็นเจ้าภาพบุญมหากฐินกฐิน
วันที่ 11-12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566
ทอด ณ วัดดอนสังข์วนาราม ต.สระคู อ.สุวรรณภูมิ จ.ร้อยเอ็ด
เพื่อสมทบทุนก่อสร้างกำแพงแก้วรอบอุโบสถวัดดอนสังข์วนารามมีทั้งหมด 60 ช่อง ๆละ 20,000 บาท อานิสงส์การสร้างกำแพงแก้วรอบอุโบสถทำให้ผู้สร้างมีชีวิตและทรัพย์สินที่มั่นคง แข็งแรง ปลอดภัยจากอันตรายทั้งปวงทั้งโลกนี้และโลกหน้าทั้งยังเป็นการค้ำชูพระพุทธศาสนาให้มั่นคง และเพื่อเป็นการทำบุญอุทิศให้บรรพบุรุษพ่อแม่ปู่ย่าตายาย ญาติสนิท มิตรสหายที่ ล่วงลับไปแล้ว ตลอดถึงเจ้ากรรมนายเวรและสรรพสัตว์ทั้งหลาย ร่วมบริจาคทำบุญสมบททุนตามกำลังศรัทธา

มูลเหตุของการทำบุญถวายผ้ากฐินนั้น มีเรื่องเล่าว่า ในสมัยพุทธกาล ภิกษุชาวเมืองปาไฐยรัฐจำนวน ๓๐ รูป เดินทางมาเฝ้าพระพุทธเจ้าที่ประทับอยู่ที่เมืองสาวัตถี แต่มาไม่ถึง จึงจำพรรษา ณ เมืองสาเกตุในระหว่างทาง พอออกพรรษาแล้วฝนยังตกชุกอยู่ ภิกษุเหล่านั้นก็เดินทางมาเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าด้วยความยากลำบาก ระยะนั้นมีฝนตกชุก หนทางที่เดินชุ่มไปด้วยน้ำ เป็นโคลนเป็นตม ต้องบุกต้องลุยมาจนกระทั่งถึงกรุงสาวัตถี พระศาสดาตรัสถามถึงความเป็นอยู่ และ การเดินทาง ภิกษุเหล่านั้นจึงกราบทูลให้ทรงทราบ จากนั้นพระพุทธองค์ทรงมีพุทธานุญาต ให้มีการถวายผ้ากฐินแก่ภิกษุทั้งหลาย ผู้จำพรรษาครบถ้วนไตรมาส โดยกำหนดระยะเวลา คือ นับจากวันออกพรรษาตั้งแต่วันแรม 1 ค่ำ เดือน 11 ถึงวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน ๑๒ เป็นระยะเวลา 1 เดือน กฐิน จึงได้ชื่อว่าเป็น กาลทาน ทำได้ในช่วงเวลานี้เท่านั้น การทำบุญกฐินในพระสูตรท่านกล่าวว่า ย้อนหลังจากนี้ไปอีก 92 กัป ในสมัยพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า "พระปทุมมุตระ" เวลานั้น พระพุทธเจ้าของเรา เกิดเป็นคนจนชื่อว่า "มหาทุคคตะ" เป็นทาสของคหบดี วันหนึ่ง มหาทุคคตะ ไปดูงานทอดกฐิน เมื่อเขาทอดกฐินเสร็จพระพุทธ เจ้า ทรงตรัสว่า บุคคลใด เคยทอดกฐินแล้วในชีวิตหนึ่ง ในฐานะที่เป็นเจ้าภาพกฐินก็ดี และเป็นบริวารกฐินก็ดี (แต่ว่ากฐินนี้ไม่มีบริวาร มีแต่เจ้าภาพ เพราะเป็นกฐินสามัคคี) จะทำบุญน้อย จะทำบุญมาก มีอานิสงส์เสมอกัน แต่ทว่าปริมาณอาจจะแตกต่างกันและอานิสงส์กฐินนี้ เวลานั้น พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า "โภ ปุริสะ ดูก่อนท่านผู้เจริญ บุคคลใดเคยทอดกฐิน ไว้ในพระพุทธศาสนา แม้ครั้งหนึ่งในชีวิต ถ้าละจากความเป็นคน ยังไม่ถึงพระนิพพานเพียงใด ท่านผู้นั้น จะไปเกิดเป็นเทวดา หรือนางฟ้า 500 ชาติ" ถ้าหมดอายุเทวดา หรือ นางฟ้า จุติแล้วก็เกิดทันที 500 ครั้ง ถ้าเกิดเป็นมนุษย์ จะเกิดเป็นพระเจ้าจักรพรรดิปกครองโลก 500 ชาติ เป็นพระมหากษัตริย์ 500 ชาติ เป็นมหาเศรษฐี 500 ชาติ เป็นอนุเศรษฐี 500 ชาติ เป็นคหบดี 500 ชาติ การทอดกฐินครั้งหนึ่ง พระพุทธเจ้าตรัสว่า นอกจากจะเป็นเทวดา เป็นนางฟ้า เป็นเศรษฐี มหาเศรษฐีแล้ว บุคคลที่ทอดกฐินครั้งหนึ่งในชีวิต จะปรารถนาพระโพธิญาณก็ย่อมได้ จะปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าก็ได้ จะปรารถนาเป็นอัครสาวกก็ได้ จะปรารถนาเป็นมหาสาวกก็ได้ จะปรารถนานิพพานเป็นพระอรหันต์ก็ได้ ฉะนั้น การทอดกฐินแต่ละคราว ขอบรรดาท่านสาธุชผู้ใจบุญ เมื่อทราบถึงอานิสงส์ของกฐิน ถ้ายังไม่ถึงพระนิพพานเพียงใด คำว่ายากจนเข็ญใจ จะไม่มีแก่บรรดาพี่น้องญาติโยมไปทุกๆชาติ

อานิสงส์จากการทำบุญทอดกฐิน ถ้าจะมาเกิดเป็นมนุษย์
1. จะได้เกิดมาในตระกูลที่ดี มีสัมมาทิฐิ มีเกียรติยศ มีชื่อเสียงที่ดีงาม
2. จะเกิดมาโดยมีร่างกายที่ได้คุณลักษณะที่งดงามสมส่วน
3. จะเกิดมามีผิวพรรณงดงาม จิตใจแจ่มใส ร่าเริงเบิกบาน
4. จะเกิดมามีทรัพย์สมบัติมาก ไม่ลำบากในการแสวงหาทรัพย์
5. เมื่อละโลกแล้ว อย่างน้อยได้ไปบังเกิดในสวรรค์
มีศรัทธาร่วมเป็นเจ้าภาพถวายผ้ามหากฐินกองกฐิน 999 บาท ร่วมก่อสร้างอุโบสถ วัดดอนสังข์วนาราม แจ้งความประสงค์บริจาคทำบุญได้ที่ พระมหานำเกียรติ วิสุทฺโธ,ดร.เจ้าอาวาสวัดดอนสังข์วนาราม โทร 088-371-4840
หรือ จะร่วมบริจาคผ่านบัญชีบุญของวัดดอนสังข์วนาราม
ชื่อบัญชี “วัดดอนสังข์วนาราม” ธนาคารกรุงไทย
สาขา อำเภอสุวรรณภูมิ
บัญชีเลขที่ 414-0-58669-9

https://m.facebook.com/groups/804725176296381/permalink/6080149545420558/?mibextid=Nif5oz

 

ขอร่วมบุญครับ สาธุ

 

นายภานุมาศ
และครอบครัวจตุรพิพัฒนพร
ร่วมบุญกุศลครั้งนี้ด้วยครับ
สาธุ...☺️♥️