ร่วมทำบุญบูชา ตะกรุดเว้นกระทำห้ามทำร้ายชุดปิดตำนานตัว"แก้"(ผนึกเหล็กไหลตาไฟกบิลมุนี) พ่ออาจารย์พล

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย คุรุปาละ, 12 ตุลาคม 2014.

  1. คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,310
    ค่าพลัง:
    +17,480
    แจ้งการส่ง EMS
    พี่ภิญโญ EV 4403 0065 3 TH
     
  2. คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,310
    ค่าพลัง:
    +17,480
    ไหว้เจ้า

    อรุณสวัสดิ์ครับ ช่วงนี้ก็เข้าใกล้วันสารทจีนแล้วก็จะยกสาระความรู้เรื่องการไหว้เจ้ามาพูดคุยกันก่อน เผื่อจะเป็นประโยชน์แก่คนที่ไม่รู้ว่าเขาไหว้กันยังไง

    การไหว้เจ้าให้ถูกต้องตามหลักวิชาฮวงจุ้ย ข้อสำคัญคือ ไม่ว่าจะตั้งบูชาสิ่งใดๆ เอาไว้ในบ้าน คนจีนมัก จะเรียกศักดิ์สิทธิ์ที่ตั้งไว้ว่า ” เจ้า ” ทั้งสิ้น สำหรับ เรื่องของการกราบไหว้ บูชา ขอพรต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายทั้งปวงนั้น คนจีนถือกันมาแต่โบร่ำโบราณว่า ” การจะไหว้เจ้าให้ได้สมความปรารถนา หรือ ประสบความสำเร็จตามที่ต้องการนั้น ต้องประกอบไปด้วย ศรัทธา สมาธิ เครื่องบวงสรวงเซ่นไหว้ ขั้นตอน ทิศทางและฤกษ์ยามในการไหว้ โดยมีรายละเอียดที่สำคัญและควรเรียนรู้ดังต่อไปนี้

    การไหว้เจ้าให้ถูกต้องตามหลักวิชาฮวงจุ้ย

    1. ที่ตั้งเจ้า
    ในวิชาฮวงจุ้ยกล่าวไว้ว่า ที่ตั้งเจ้า เป็นหนึ่ง ในตำแหน่งสำคัญที่กำหนดเอาไว้ใน ” ลิวซื่อ ” หรือ หกตำแหน่งที่สามารถส่งผลกระทบดีร้ายกับชีวิตและดวงชะตาของคนในบ้านได้ ดังนั้น ตำแหน่งที่ตั้งเจ้าในอาคารบ้านเรือน นั้น นอกจาก จะต้องกำหนดที่ตั้งให้สอดคล้องกับหลักฮวงจุ้ยรูปลักษณ์แล้ว ยังจะต้องตั้งวางอยู่ในตำแหน่งมงคลของบ้าน อีกด้วย กล่าวคือ

    • การตั้งเจ้าให้ถูกต้องตามหลักวิชาฮวงจุ้ยรูปลักษณ์นั้น จะต้องไม่ตั้งเจ้าหันหน้าไปทางหลังบ้านอย่างเด็ดขาด ทั้งนี้เพราะเจ้าที่หันหน้าไปทางหลังบ้านจะขาดไร้ความสามารถ ในการปกป้องคุ้มครองคนในบ้าน
    • การตั้งเจ้าที่ดี ตั้งไม่วางอยู่ในตำแหน่งหลังอิงบันได อิงห้องน้ำ หรืออิงเตาไฟ เพราะจะทำให้คนในบ้าน ไร้วาสนา ขาดบารมี ไม่มีคนนับหน้าถือตา ไม่ตั้งหิ้งพระเอาไว้เหนือประตูทางเข้า ไม่ตั้งหิ้งบรรพบุรุษหันไปทางโต๊ะอาหาร
    • ตำแหน่ง ” ที่ตั้งเจ้า ” ที่เป็นมงคลมากที่สุด ก็คือ ตำแหน่งประธานของบ้าน ซึ่งก็คือ พื้นที่บริเวณตำแหน่งหลังอิงของบ้าน นั่นเอง
    2. การไหว้เจ้าในบ้าน
    ถ้ามีหลายตำแหน่งจะต้องเริ่มจากการไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์อันดับสูงสุดเป็นอันดับแรกก่อน จากนั้น ก็ให้ไหว้เรียงลำดับตามความสำคัญลงมา ซึ่งตามปกติกำหนดเอาไว้ตามลำดับเอาไว้ดังนี้
    1. พระพุทธเจ้า, 2. พระอรหันต์, 3. พระโพธิสัตว์, 4. ปึงเถ้ากง 5. เจ้าที่ตี่จู๋เอี้ย, 6. หิ้งบรรพบุรุษ และ 7. สัมภเวสี

    3. ในกรณีที่จะไปกราบไหว้เจ้านอกบ้าน
    ควรกราบไหว้บูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในบ้านให้เสร็จสมบูรณ์เสียก่อน ทั้งนี้ เพื่อขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในบ้านโปรดช่วยปกปักรักษาบ้านเรือน รวมทั้งคนในบ้านในขณะที่เราไม่อยู่ ขอให้ช่วยปกป้องคุ้มครองความปลอดภัยขณะเดินทางไปไหว้เจ้า อีกทั้งขอให้ประสบความสำเร็จในสิ่งที่เราปรารถนาทุกอย่างทุกประการ แต่ทั้งนี้ ต้องแน่ใจว่าก่อนออกจากบ้าน ธูปเทียนที่ไหว้พระในบ้านนั้นดับเรียบร้อยแล้ว

    4. เครื่องบวงสรวงเซ่นไหว้
    การไหว้เจ้า ทั้งนอกบ้านในบ้านนั้น ตามปกติจะกราบไหว้บูชาโดยใช้เพียง ดอกไม้ ธูป เทียนก็ย่อมได้ แต่ในกรณีที่ไหว้ตามพิธีการ หรือไหว้ตามกาลเวลาที่กำหนด เช่น ไหว้ฟ้าดินเพื่อตั้งตี้จู๋เอี้ย ไหว้ขนมจ้าง ไหว้ขนมบัวลอย ก็สมควรต้องใช้เครื่องเซ่นไหว้ด้วยจึงจะเป็นมงคล

    ทั้งนี้ จะใช้เครื่องเซ่นไหว้ จำนวน 3 อย่าง 5 อย่าง หรือ 10 อย่าง ก็ได้ หมายเหตุ ให้ละเว้นเครื่องเซ่นไหว้จำนวน 1 อย่าง กับ 7 อย่าง ทั้งนี้ เพราะคนจีนถือมาแต่โบราณว่า การไหว้เจ้าด้วยของเซ่นไหว้เพียงอย่างเดียวจะทำให้ผู้ไหว้เกิดความโดดเดี่ยว ในขณะที่ ใช้เครื่องเซ่นไหว้ จำนวน 7 อย่าง ถือเป็นจำนวนอัปมงคลสำหรับ หลักการเลือกเครื่องเซ่นไหว้ที่สำคัญและคนให้ความสนใจมากที่สุด ก็คือ การเลือกตามความหมายเครื่องเซ่นบูชา เช่น

    • น้ำชา จะช่วยให้เกิดความสัมพันธ์ การติดต่อประสานงานที่ดี
    • ปลา เป็นสัญลักษณ์ของโชคลาภ หรือ การมีกินมีใช้ตลอดทั้งปี
    • วุ้นเส้น หมี่เหลือง เพื่อให้มีอายุที่ยืนยาว และเป็นสุข
    • เต้าหู้ (ก้อน) เพื่อให้มียศถาบรรดาศักดิ์ ได้เลื่อนยศเลื่อนตำแหน่ง
    • กระเพาะหมู เพื่อให้มีความเป็นอยู่ที่ดี หรือมีกินมีใช้สมบูรณ์
    • กระเทียม (ผักมงคล) เพื่อให้ลูกหลานดี มีผู้สืบสกุลที่ดี
    • ขนมกู๋ช่าย (รูปใบโพธิ์เคลือบสีแดง) เพื่อให้สมความปรารถนา มีอายุยืนนาน
    • ซาลาเปา เพื่อให้มีเงินเหลือเก็บเหลือใช้ หรือมีเงินทองเพิ่มพูน
    • ขนมถ้วยฟู เพื่อให้คนในบ้านเจริญรุ่งเรือง มั่งคั่งร่ำรวยรวดเร็ว
    • ขนมบัวลอยแดง (สาคูแดง) เพื่อให้คนในบ้านมีความสามัคคีกลมเกลียว
    • ถั่วงา (ถั่วตัด แตงเคลือบน้ำตาล) เพื่อให้การกินอยู่มีความอุดมสมบูรณ์
    • ส้ม เพื่อความเป็นมงคล ขอความโชคดี มั่งคั่งร่ำรวย
    • กล้วยหอม กวักเงิน กวักทอง เรียกโชคลาภเข้าบ้าน
    • ลูกพลับ เพื่อให้คนในบ้านมีมนุษย์สัมพันธ์ดี
    • แอปเปิล เพื่อความเสมอภาค ทำสิ่งใดมีแต่ความราบรื่น
    • องุ่น เพื่อให้เกิดโชคลาภเป็นกลุ่มก้อน มีความเจริญรุ่งเรือง
    • สัปปะรด เพื่อให้หูตากว้างไกล ดูแลอย่างทั่วถึง
    • สาลี่ เพื่อให้บังเกิดผล (ตามที่ปรารถนา) รวดเร็วขึ้น
    • ลำไย (ผลไม้เป็นพวง) เพื่อให้เกิดโชคลาภและความอุดมสมบูรณ์
    5. ผู้รอบรู้ทักทายว่า
    การไหว้เทพเจ้า นั้น ถ้าต้องการให้สมความปรารถนาต้องไหว้ด้วย ส้ม กล้วย หอม ซาลาเปา ขนมถ้วยฟู การไหว้เพื่อให้เกิดเสน่ห์ต้องเซ่นไหว้ด้วยเครื่องเซ่นที่ทำให้เกิดความสวยงาม เช่น ไหว้ด้วยแป้ง ส่วนการไหว้เทพบัณฑิตควรไหว้ด้วยผลไม้ สำหรับ การไหว้ให้เรียนหนังสือเก่งต้องไหว้ด้วยโรตีสายไหม สำหรับ การไหว้เทพเจ้าองค์ใดเป็นครั้งแรกนั้น ผู้รอบรู้กำหนดให้ไหว้ด้วยขนมกู๋ช่าย ซึ่งถือนัยว่าเป็นการยกครู และจะนำมาซึ่งโชคลาภและความสำเร็จ “

    6. ตำแหน่งที่ ตั้งวางเครื่องเซ่นไหว้นั้น
    ตามปกติถือหลักความสวยงาม และโดยทั่วไปคนจีนมักจัดเรียงเครื่องเซ่นไหว้ ตามลำดับ โดยเริ่มจากตำแหน่งใกล้กับกระถางธูปลงมา ดังต่อนี้

    1. น้ำชา
    2. อาหารเจ (เจไฉ่)
    3. ซาลาเปา ขนมถ้วยฟู
    4. ขนมหวาน สาคูแดง
    5. ข้าวสวย
    6. อาหารคาว
    7. ผลไม้
    8. เครื่องบรรณาการ
    7. คนจีนโบราณยึดหลักว่า
    ” ผู้อาวุโสมากที่สุดในบ้านเป็นผู้นำไหว้ (ผู้ไหว้คนแรก) และผู้ที่มีอาวุโสรองลงมาไหว้ในลำดับรองกันลงมา ผู้หญิงที่เนื้อตัวไม่สะอาด (มีรอบเดือน) ผู้รอบรู้ทักทายว่าไหว้ได้แต่ไม่ควรเดินนำหน้า ข้อสำคัญคือ ไม่ควรจับเครื่องบวงสรวงเซ่นไหว้

    8. ธูปหอมถือเป็นสื่อกลาง
    ในการนำศรัทธาสมาธิของผู้กราบไหว้ให้ไปสู่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่กำลังกราบไหว้ สำหรับ จำนวนธูปที่ใช้ ยึดถือดังนี้

    • ธูป 3 ดอก หมายถึง พระรัตนตรัย
    • ธูป 5 ดอก หมายถึง พลังแห่งเบญจธาตุ
    • ธูป 9 ดอก หมายถึง ความเจริญก้าวหน้า
    • ธูป 10 ดอก หมายถึง สิบพลังฟ้า
    • ธูป 12 ดอก หมายถึง สิบสองพลังดิน หรือ ตลอดปี 12 เดือน
    • ธูป 16 ดอก หมายถึง สิบหกชั้นฟ้า ใช้ไหว้แป๊ะกงหรือพระพรหม
    • ธูป 24 ดอก ใช้ไหว้บวงสรวงตอนออกศึก
    • ธูป 27 ดอก ใช้สำหรับ กราบไหว้เทพปรมาจารย์ทางศาสตร์ฮวงจุ้ย
    9. เครื่องบรรณาการ
    เป็นเครื่องเสริมสิริมงคลให้กับผู้ไหว้ การถวายเครื่องบรรณาการแก่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ เทพเจ้า บรรพบุรุษ คนจีนโบราณเชื่อว่า เมื่อไหว้สิ่งใดไปก็จะได้สิ่งนั้นกลับมา แต่การไหว้สัมภเวสี ก็ควรต้องเลือกเครื่องบรรณาการ และเครื่องบรรณาการที่สำคัญมีดังนี้

    • กิมฮวย เครื่องประดับรูปดอกไม้ที่มีหางนกยูงติดอยู่
      ใช้สำหรับประดับกระถางธูป ( 1 คู่) ถือเป็นเครื่องบรรณาการชั้นสูง จึงไม่ควรใช้ไหว้สัมภเวสี หรือแม้แต่ ปักกระถางธูปบรรพบุรุษ
    • เทียงเถ่าจี้ (เทียงกิม) เงินตราสวรรค์
      ใช้ถวายเทพเจ้า จำนวน 1 ชุด และมักจะใช้คู่กับหงิ่งเต้า หรือกระถางเงินกระถางทอง ซึ่งหมายถึงการถวายเงินทองแก่เทพเจ้าเพื่อสร้างความเป็นมงคลกับผู้เซ่นไหว้ เทียงเถ่าจี้ ถือเป็นเครื่องบรรณาการชั้นสูง จึงไม่ควรใช้ไหว้สัมภเวสี หรือ บรรพบุรุษ
    • หงิ่งเตี๋ย กระดาษทองใหญ่ เป็นเครื่องบรรณาการระดับกลาง
      ใช้ถวายเทพระดับล่างดังนั้น คนจีนโบราณจึงใช้หงิ่งเตี๋ยสำหรับไหว้ ปึงเถ้ากง ตี้จู๋เอี๊ย บรรพบุรุษ และสัมภเวสี โดยใช้ 1 คู่ เป็นอย่างน้อย คนทั่วไปมักไหว้เท่ากับจำนวนเดือน หนึ่งปี มี12 เดือน ก็ใช้ 12 คู่
    • กิมจั๊ว กระดาษทอง
      มี 2 ขนาด คือ ขนาดเล็กกับขนาดใหญ่ ในปัจจุบันคนจีนที่นิยมใช้กิมจั๊วมาพับเป็นรูปต่างๆ เพื่อใช้ไหว้เทพเจ้าตั้งแต่เจ้าที่ขึ้นไป เช่น รูปก้อนทอง เรือ สัปปะรด น้ำเต้า ฟักทอง รูปถ้วย และรูปกระทง เป็นต้น สำหรับ กิมจั๊วที่จะใช้เซ่นไหว้ บรรพบุรุษ สัมภเวสี นั้น ส่วนมากจะใช้เป็นแผ่นที่มิได้ทำเป็นรูปร่าง อย่างไรก็ตาม ……. ในปัจจุบันมีการพับกิมจั๊วไหว้บรรพบุรุษเหมือนกัน แต่มักกำหนดว่าถ้าจะใช้ไหว้เจ้าให้กระดกส่วนปลายชี้ขึ้น
    • ใบเบิกทาง
      เป็นกระดาษนำทางที่ใช้เซ่นไหว้คนตาย ทั้งนี้ เพื่อให้ใช้เป็นเงินค่าผ่านทาง ดังนั้น ใบเบิกทางจึงจะต้องเผาก่อนเครื่องบรรณาการอื่นๆ ในการไหว้ทุกครั้งกำหนดให้ใช้ใบเบิกทางจำนวน 4 ปึกซึ่งหมายถึง 4 ฤดูกาล
     
  3. คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,310
    ค่าพลัง:
    +17,480
    แจ้งการส่ง EMS

    พี่นวรัตน์ EV 4403 0263 7 TH

    พี่ภราดร EV 4403 0264 5 TH

    พี่อัครพงศ์ EV 4403 0265 4 TH

    พี่สายเมธี EV 4403 0266 8 TH
     
  4. คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,310
    ค่าพลัง:
    +17,480
    ตอบ PM ครบนะครับ มีคำถามน่าสนใจกับคนขอเรื่องพระคเณศเข้ามา อันนี้ก็ให้รอมานานเดี๋ยวจะยกเรื่องพระคเณศมาพูดคุยกัน
     
  5. คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,310
    ค่าพลัง:
    +17,480
    ชนใดหวังข้ามอุปสรรค พึงพำนักพิฆเนศนาถา
    สำเร็จเสร็จสมดังจินดา พระองค์พาข้ามพิฆนะจัญไร

    ก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงไปตามเข้าฝันใครต่อใครมากมายว่าพ่ออาจารย์ท่านสร้างพระพิฆเนศ ซึ่งปกติพอมีเหตุที่เกิดจากความฝันหรือใครขอเข้ามาท่านก็มักจะให้นำออกบูชาเพื่อเหตุผลว่าเค้าจะได้มีสมดั่งความตั้งใจ แต่กับองค์พระพิฆเนศนี้พ่ออาจารย์ท่านสร้างไว้ก็จริงหากเมื่อมีคนถามมาบ่อยๆท่านกลับยังไม่ให้เอาออก ด้วยเหตุผลง่ายๆของท่านว่ายังไม่มีโอกาส *อันนี้ก็ไม่รู้โอกาสอะไรของท่าน คนไม่มีโอกาสหรือยังไม่มีจังหวะยังไงก็ไม่ทราบ

    หลายๆคนที่ฝันก็ยิ่งขยันฝันเหมือนองค์พระท่านมาเร่ง แถมยังเพิ่มจำนวนคนฝันถึงมากขึ้นเรื่อยๆด้วย จากหนึ่งเดือน เป็นสองเดือน กลายเป้นว่าผมแตะเบรคยืดเวลามาเกือบสี่ห้าเดือนเข้าไปเเล้ว จำนวนคนที่ฝันและถามกันเข้ามาก็ยิ่งมีมากขึ้น จนเราเองยังเผลอไปรำพึงรำพันกับครูพระเคณศของพ่ออาจารย์ท่านว่าทำไมท่านจะไปตามคนมามากหนักหนา สงสัยที่พ่ออจารย์ท่านว่ายังไม่มีโอกาส อาจจะเป็นคนที่มีวาสนาสัมพันธ์กันยังมาไม่ครบหรือท่านกลัวเขาไม่รู้ไม่เห็นกันก็เป็นได้จึงแจ้งกันล่วงหน้าไปทั่วแบบนี้

    * สำหรับครูองค์พระ ใครที่ท่านไปตามก็ใจเย็นๆกันหน่อย ผมไม่ได้บอกปัดแต่อย่างใด เพียงแต่ใช้การคาดการณ์ของตัวเองคิดว่าพ่ออาจารย์ท่านคงให้เอามาออกแน่ๆ แต่ก็ไม่รู้ว่ามันจะคลาดเคลื่อนมาหลายเดือนจนเราเองผิดคำพูดไป ตอนนี้ตะหงิดๆใจว่าทำไมนานแปลกๆเหมือนกัน แต่ท่านก็คงรออะไรบางอย่างนั่นแหละ ใครที่อยากได้จริงๆก็ติดตามกระทู้ไว้บ้าง้พราะเวลาออกจะได้ทัน แต่รุ่นนี้มั่นใจเกินร้อยว่าต้องแปลกและมีอะไรพิเศษจริงๆ



     
  6. คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,310
    ค่าพลัง:
    +17,480
    แจ้งการส่ง EMS
    พี่อนุวัฒน์ EV 4403 0408 5 TH

    พี่ศิระ EV 4403 0409 9 TH

    พี่ฐิตกาญจน์ EV 4403 0410 8 TH
     
  7. คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,310
    ค่าพลัง:
    +17,480
    แมงป่องรุ่นนี้ได้ไปพกดีๆนะครับ พ่ออาจารย์ท่านว่าเค้าซ่า คึกดีรุ่นนี้
     
  8. คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,310
    ค่าพลัง:
    +17,480
    พูดคุยรอบเย็น

    มีคนถามว่าระยะหลัง ทำไมพ่ออาจารย์ท่านไม่มีเครื่องมงคลที่เป็นเนื้อไม้ที่ท่านแกะออกมาให้บูชาเป็นชุดๆเหมือนยุคแรกบ้างที่พอจะมีพระขุนแผน พระสมเด็จเช่นนี้

    อันนี้เรียนตรงๆเลยว่าการสร้างเครื่องมงคลเนื้อไม้...(ไม้ศักดิ์สิทธิ์ประเภทต่างๆ) ด้วยตัวไม้เองถ้าไม่ใช่ของศักดิ์สิทธิ์หรือมีอิทธิคุณแฝดชั้นสูงท่านย่อมไม่นำมาทำ ประกอบกับการแกะสลักใช้เวลานานมากหลายคนเคยถามว่าแกะเล็กๆสิได้ให้บูชาราคาพอจับต้องกันได้ อันนี้ถ้าคนเข้าใจกันจริงๆจะรู้ว่ายิ่งเล็กยิ่งแกะยาก ด้วยไม้แต่ละชนิดของพ่ออาจารย์บางอย่างอายุมากกว่าร้อยหรือหลายร้อยปีก็มี ไม้มันจะแห้งจะเปราะหมดยาง ลำพังแกะให้เป็นรูปร่างได้ก็ว่ายากแล้ว ถ้าจะเอาความสวยงามกับไม้ที่เป็นเครื่องมงคลมีอายุหลายร้อยปีหมดยางแล้วอันนี้ไม่ต้องหวังเลย ผมจึงถือว่าเครื่องมงคลเนื้อไม้ของท่านมีคุณค่ามากทั้งจากตัววัสดุเองและความตั้งใจของพ่ออาจารย์ท่านที่ท่านตั้งใจทำให้ดีที่สุด

    ด้วยการแกะขนาดเล็กนั้นยิ่งเล็กยิ่งยาก ไม้ธรรมดาใหม่ๆต่อให้เป็นไม้มงคลชื่อดีท่านก็ไม่เอามาทำถ้าไม่มีอาถรรพ์สูงไม่ได้ดั่งตำราเพราะเพียงแค่ชื่อนั้นท่านว่ามันก็แค่ชื่อคนตั้งดังนั้นการรวบรวมวัสดุอาถรรพ์มาสร้างก่อนที่จะทำเป็นอะไรจึงเป็นสิ่งที่ท่านใช้ความตั้งใจอย่างมาก เช่นนั้นนานๆทีเครื่องมงคลที่เป็นรุ่น ไม่ใช่แบบสั่งแกะแต่เป็นรุ่นจำกัดจำนวนองค์ นานๆครั้งจึงจะมีออกมาเสียครั้งหนึ่ง เรียกได้ว่าแทบหาคนได้ไว้ในครอบครองหรือมีไว้บูชายังพลิกแผ่นดินหาแทบไม่เจอ


    * แต่ใครที่รักครูองค์พระพิฆเนศ และรอชุดไม้แกะแบบท้อปๆอันนี้บอกได้เลยว่าท่านทำขนาดกำลังห้อยคอ ถือได้ว่าเล็กมากเท่าที่ท่านจะทำได้คือมีขนาดประมาณข้อนิ้ว ท่านว่าพวกเขาจะได้เอาไปห้อยคอกันง่ายๆรวมไปถึงให้ลูกให้เมียห้อยได้ แม่เข้ากรอบทองก็กำลังสวย ซึ่งแน่นอนว่ายิ่งเล็กยิ่งยากและมีการทำพิธีเสกเก็บอย่างยาวนานรวมไปถึงการพอกผง...อุดของวิเศษครบถ้วน อันนี้ใครรอก็จ้องหน้าคอมกันไว้ไวๆนี้ ท่านว่าชุดนี้นานทีปีหนจะมีเครื่องมงคลที่เราสร้างเป็นชุดไม้แกะ แต่หนนี้จะให้บูชาด้วยทุนทรัพย์ไม่สูงมาก

     
  9. คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,310
    ค่าพลัง:
    +17,480
    แจ้งการส่ง EMS

    พี่สุรวุฒิ EV 4402 8614 3 TH

    พี่ปกรณ์เกียรติ EV 4402 8615 7 TH

    พี่ภาคภูมิ EV 4402 8616 5 TH

    พี่พชร EV 4402 8617 4 TH
     
  10. คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,310
    ค่าพลัง:
    +17,480
    พูดคุยรอบเช้า

    อรุณสวัสดิ์รอบเช้านะครับ วันนี้วันสารทหลายๆที่ก็คงจะไหว้เทพเจ้าตลอดจนบรรพบุรุษขอพรกันตามประเพณีที่สืบทอดมา

    ก็จะมาพูดคุยกันเช้าๆ เริ่มจากเรื่องพระไพรีพินาศนี่ก็แรงไม่หยุดจริงๆ จะเรียกว่าเป็นครั้งแรกเลยก็ได้ที่พ่ออาจารย์ท่านสร้างพระพุทธเรวัตตะออกมาพร้อมกับขอพุทธบารมีเฉพาะทางอันเป็นปัจเจกของพระองค์มาสงเคราะห์ผู้คน ซึ่งเครื่องมงคลเช่นนี้แต่ก่อนก็ไม่เคยมีแต่อย่างใด คนเอาไปใช้ก็เล่าประสบการณ์กันไม่หยุด บางวันคนเดียวเล่ามาสามเรื่อง เป็นเรื่องยิบย่อยเรื่องเล็กๆน้อยๆในชีวิต แต่กลับแปลกและน่าอัศจรรย์ก็มี ก็เอาว่าได้ประสบการณ์กันถ้วนหน้า ขอแค่อย่าไปอธิษฐานทำลายใครแค่ใช้เสริมส่งตัวเราเองเท่านี้ก็พอ

    ในส่วนของพระเจ้าบังกรรมวาสนานำพานั้น เรื่องเวรกรรมนี่ไม่ค่อยอยากจะพูดหรือกล่าวเป็นสาธารณะมาก แต่ต้องยอมรับเลยว่าแรงและมีบารมีใหญ่มาก เพราะหลายๆคนที่บูชาไปต่างพูดตรงกันว่าพระเจ้าบังกรรมนั้นสามารถริดรอนกรรมปัจจุบัน คือเรื่องเดือดร้อนในปัจจุบันที่แก้ไม่ตก ทั้งเรื่องที่ตกตะกอนอยู่และเรื่องปัจจุบันทันด่วน สามารถคลี่คลายได้ไวอย่างไม่น่าเชื่อ ตรงนี้หลายๆคนที่บูชาเค้าพูดมาตรงกัน ยิ่งได้ทำตามวิธีใช้เฉพาะทางยิ่งเห็นผลไวมาก

    มีเล่ากันมาว่าแก้ปมทั้งเรื่องใหญ่ๆที่ถือว่าเป็นเรื่องหนักของชีวิตเลยก็มี กับเรื่องเล็กๆน้อยๆ เพียงแค่นับอาทิตย์ก็คลี่คลายแล้วจากเดิมที่กลุ้มมาบางคนว่าหลายเดือน บางคนว่าหลายปี แต่ผมขออนุญาติไม่เล่าลงรายละเอียดมากด้วยถือเป็นเรื่องละเอียดอ่อนทุกเรื่อง
    ทั้งนั้น ทั้งปัญหาในบ้าน ในครอบครัว ปัญหาหนี้สินปมการเงิน รายรับรายจ่าย ความกดดันตกต่ำต่างๆ เพราะถือว่าเป็นกรรมของผู้อื่นที่ไม่ควรก้าวล่วงเจ้ากรรมนายเวรของใครก็ของคนนั้น เอาว่าเขาอโหสิกรรมและริดรอน คลี่คลาย ตลอดจนหลุดพ้นมาได้เท่านี้ก็ดีแล้ว

    แต่ล่าสุดก็มีอีกเรื่องหนึ่งที่เล่ามา เขาว่านอกจากริดรอนผลกรรมปัจจุบันแล้ว แม้กรรมในอดีตที่เป็นปมต่อเนื่องมายาวนานจนไม่คิดจะแก้ไข คิดว่าแก้ไม่ได้ แบบว่ารู้อยู่แก่ใจตนเอง แม้แต่ตัวเองก็ไม่สนใจแล้ว พอบูชาพระเจ้าบังกรรมไป ปมมันคลี่ออกหมดเลย เขาว่ารู้แก่ใจว่าหนทางมีแล้วและก็ดำเนินอยู่คือแก้อยู่นั่นเอง มันรู้สึกได้ด้วยตัวเองเพราะมันคือกรรมของเราว่าดีขึ้นมากจริงๆ เขาว่าขอบคุณบารมีพ่ออาจารย์กับเสด็จพระใหญ่มากที่สร้างพระรุ่นนี้มาช่วยคน เพราะตั้งแต่บูชาอะไรมาก็ไม่เจอของที่ส่งผลตรงๆกับกรรมแบบนี้

    พระรุ่นนี้ผมจึงคิดไว้ว่าจะเงียบๆไว้แบบเสือซุ่ม เดี๋ยวคนใช้ดีเขาก็พูดบอกญาติพี่น้องเขากันเอง แต่กลายเป็นว่ามันอัศจรรย์จนเค้าไม่กล้าเล่าให้ใครฟังกันแม้กระทั่งในหมู่ญาติ เพราะกลัวญาติๆหาว่าเพ้อเจ้อ จากปกติที่มีประสบการณ์อะไรก็จะแชร์กันแต่เรื่องพระเจ้าบังกรรมนั้นคนใช้เค้าว่าเกินวิสัยที่จะเล่าไป จึงหาที่ระบายมาเล่าให้ผมฟังแทน แต่ว่าตัวเราเองก็เถอะยิ่งเป็นเรื่องกรรมจะให้เล่าตามที่เขาบอกมาเพื่อมาเล่าต่อให้ฟังตามประสบการณ์เค้ามันก็จะเข้าขั้นพิศดารไป เพราะเรื่องบางเรื่องก็เกิดด้วยความเมตตาสงสารของครูบาอาจารย์รวมถึงอำนาจฤทธิ์อภิญญาและสิ่งต่างๆ ตรงนี้มาคิดดูจริงๆแล้วมีใครบ้างชีวิตไม่มีปม มีใครบ้างจะไร้สติปัญญาจนไม่รับรู้ว่าเจ้ากรรมนายเวรตนบางครั้งเล่นกันแรงขนาดไหน ท่านจึงบอกว่าถ้าเค้ารู้ตัว ก็ถือว่ายังพอช่วยกันได้ แต่ถ้าตัวของตัวยังไม่รู้ตัว ไม่ขวนขวาย ชีวิตเขาก็ย่ำเท้าซ้ำซากอยู่เท่านั้น

    * ในส่วนขององค์พระเคณศ พรุ่งนี้จ้องหน้าคอมกันไวๆติดตามกันดีๆนะ พลาดแล้วยาวๆเลยอาจจะอีกปีหรือหลายๆปีถึงจะมี ;)


     
  11. คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,310
    ค่าพลัง:
    +17,480
    ตอบ PM ครบนะครับ พรุ่งนี้ใครที่รอหรือเป็นสายพ่อพระคเณศติดตามกันดีๆ นานทีปีหนจะมีซักรอบ คุ้มมากจริงๆ
     
  12. คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,310
    ค่าพลัง:
    +17,480
    ร่วมทำบุญบูชา องค์อาตมันมงคลมูรติพระศรีคเณศประสาทพร (สิทธิฤทธิพันวิถีพลิกผัน)

    ชนใดหวังข้ามอุปสรรค พึงพำนักพิฆเนศนาถา
    สำเร็จเสร็จสมดังจินดา พระองค์พาข้ามพิฆนะจัญไร


    ตามคติพราหมณ์ พระศิวะเจ้าทรงยกย่องพระคเณศบุตรให้เป็นพระเป็นเจ้าเเห่งฤิทธิเเละสิทธิ ทรงยกพระคเณศไว้ในฐานะพระเป็นเจ้าเช่นเดียวกับพระองค์เเละเทพเจ้าอื่นๆ ด้วยการมาปรากฏของท่านถือเป็นจุดเริ่มต้นแห่งมงคลกับทุกสรรพสิ่ง จึงเปรียบพระองค์ท่านเสมือนสัญลักษณ์อันเป็นอุดมมงคลของการได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ เปิดเส้นทางใหม่ เบิกหนทางสู่ความสำเร็จสูงสุด และทางพราหมณ์ยังถือว่าพระเศียรของพระเณศบุตรเป็นสัญลักษณ์รูปตัวโอมอันเป็นเครื่องหมายของพระเป็นเจ้าสูงสุดอีกด้วย

    สืบเนื่องจากอดีตนั้น พ่ออาจารย์เคยได้รับนิมิตรเป็นพระรูปแปลกประหลาดเเละท่านเข้าใจในความหมายของพระรูปที่ปรากฏนั้นเป็นพระทักษิณาจัตุรมูรติในอดีต ทำให้ท่านทราบดีถึงความหมาย ความยิ่งใหญ่เหนือกฏเกณฑ์และพลังงานใดๆของเทพเจ้าองค์นี้ โดยธรรมดาพระพิฆเนศวรหรือคเณศบุตรนี้ จะมีหน้าที่คัดกรองเเละดูเเลรักษาหรือกำจัดในผู้ที่ประสงค์จะรับพรจากพระเป็นเจ้า ตรงนี้สำคัญมาก หมายความว่าการไหว้ การบูชา คำพรที่เราขอไม่ว่ากับพระคเณศก็ดี หรือกับเทพเจ้าองค์อื่นก็ดี จะสำเร็จมั๊ย จะไปถึงมั๊ย ล้วนเป็นหน้าที่ของท่านทั้งสิ้น จะรักษาไว้หรือจะกำจัดก็ขึ้นอยู่กับท่านเห็นเหมาะสมเป็นอย่างไร จะเห็นได้ว่าบางครั้งที่บูชาเทพขออะไรก็เห็นผลไว แต่บางครั้งขอให้ตายก็นิ่ง เช่นนี้พ่ออาจารย์ท่านจึงตั้งใจจะให้ขอผ่านผู้มีหน้าที่ทำลายความขัดข้องคือพระคเณศไปเลย พ่ออาจารย์บอกว่าเป็นการดีที่พระรูปนี้ปรากฏออกมา เพราะใครได้รับพรจากท่านก็เหมือนเข้าถึงพระเป็นเจ้าทั้งสาม

    ทางคติพราหมณ์ถือว่า ท่านได้สิทธิอัครบูชาคือต้องไหว้ต้องทำการบูชาเคารพท่านก่อนเป็นอันดับเเรกทำอะไรจึงจะสำเร็จ คติพราหมณ์นั้นเชื่อว่าท่านเป็นโอรสพระศิวะกับพระเเม่อุมา เป็นเทพเจ้าเเห่งฤทธิและสิทธิ ดั้งนั้นผู้ใดปรารถนาเข้าถึงอิทธิฤทธิ์และอำนาจอันยิ่งใหญ่แห่งกามภพทั้งลาภ ยศ สุข สรรเสริญ ผู้ใดปรารถนาสิทธิความชอบธรรมความสำเร็จอย่างงดงาม ความสำเร็จระยะยาว การเข้าไปสู่จุดสูงสุด ไม่สะดุดขาตัวเอง เมื่อขึ้นไปแล้วไม่ตกต่ำลงมาในสรรพศาสตร์และการทำกิจการทุกเเขนงจึงต้องบูชาเคารพพระองค์ พ่ออาจารย์ท่านจึงปรารถนาที่จะสร้างพระพิฆเนศที่ดีที่สุด มีอาถรรพ์สูงสุดให้คนที่ศรัทธานำไปบูชา ท่านเปรียบว่าเหมือนเขายกมือไหว้ครั้งเดียว ดั่งได้อานิสงค์ไหว้ผ่านเทพเจ้าทุกพระองค์เเละเข้าถึงปรพรหมอาตมัน เพราะพระพิฆเนศวรนี้เป็นเทพองค์เดียวที่ได้รับสิทธิอัครบูชาจากพระเป็นเจ้า เมื่อพระรูปของพระองค์ปรากฏขึ้นนั่นย่อมหมายถึงการเข้าถึงพลังอำนาจอันสูงสุด

    พ่ออาจารย์ท่านกล่าวว่าองค์พระคเณศนั้นคือมงคลมูรติ หมายถึงรูปปรากฏที่เป็นพลังอำนาจลึกลับ เป็นมงคลอันสูงสุดเหนือกว่าเทพเทวะใดๆในจักรวาล ท่านเป็นปรพรหม เป็นอาตมัน ดำรงค์อยู่ของท่านมาเช่นนั้นจนปรากฏรูปขึ้นมาในฐานะของศิวบุตร พ่ออาจารย์ท่านว่าสมัยนี้องค์พระเคณศถือได้ว่าเป็นเทพที่มีพลังงานและพลังปาฏิหาริย์สูงสุดเหนือเทพเทวะใดๆ ด้วยเป็นเทพที่มีผู้นิยมสักการะและระลึกถึงมากที่สุดในโลก ท่านว่าถ้ารู้จักสร้างและทำให้เป็น เราก็สามารถดึงพลังปาฏิหาริย์นั้นมาฉุดช่วยยกชีวิตผ่าเคราะห์กรรมให้ผู้บูชาได้

    พ่ออาจารย์ท่านเข้าใจสมดุลย์เรื่องพลังงานของจักรวาล ซ้ำท่านยังรู้คติและหน้าที่ความเหมาะสมของเทวะ รู้ว่าพระคเณศที่มีสถานะพระเป็นเจ้าดำรงค์อยู่อย่างไร และพระคเณศที่เป็นเทวดาคอยตอบรับคำขอของคนทั้งหลายนั้นเป็นเช่นใด ท่านได้ปรารภให้ฟังว่า พระพิฆเนศวรที่เขาคอยวิ่งช่วยเหลือคนอยู่นั้นไม่ใช่รูปร่างอ้วนท้วมมีศรีษะเป็นช้าง เเต่เป็นเทพบุตรองค์หนึ่งที่มีผิวกายขาวหน้าตาหล่อเหลางดงามถึงจะถูก ท่านจะคอยตอบรับการบูชาเเละสนองตอบความต้องการแก่ผู้บูชาพระพิฆเนศวรนี้ นอกจากนั้นท่านยังได้เล่าเรื่องพระพินายที่เกือบจะไม่มีใครกล่าวถึงเเล้วให้ทราบอีกด้วย ท่านว่าพระพินายและพระพิฆเนศวรนี้ เราเองก็ไม่ได้ก้าวล่วงไปสอบถามอะไรท่านมากเเต่หากพิจารณาเเล้วรูปร่างลักษณะเทพทั้งสองนี้จะเหมือนฝาแฟดกันทีเดียว ต่างกันก็เพียงรัศมีผิวกายพระพินายนั้นจะดุเเละจะมีรัศมีรุนเเรงกว่าพร้อมทั้งพระวรกายจะเป็นสีนิลดำเลื่อมสวยงาม ท่านว่าคนส่วนมากมักจะบูชาพระพินายรวมเเละปนไปกับพระพิฆเนศวรจนเเยกไม่ออกเเละท่านทั้งสองเองก็มักตอบรับการบูชาเเละให้พรผู้บูชาเช่นกัน เรียกว่าทั้งสองทำงานร่วมกันในนามและฐานะของพระพิฆเนศไปพร้อมกัน ขึ้นอยู่กับคำพรและวาระว่าใครขออย่างไรเหมาะสมกับองค์ไหนควรจะเข้าแก้ไขช่วยเหลือเช่นนี้

    ทั้งนี้ด้วยพ่ออาจารย์ท่านทราบดีว่า คนทั้งหลายยากนักที่จะเข้าถึงพระเป็นเจ้า ยากนักที่จะเข้าถึงปรพรหมสูงสุดและพลังองค์อาตมัน เช่นนั้นสภาวะพระเป็นเจ้าของพระพิฆเนศจึงให้กำเนิดเทพทั้งสองที่เรียกว่าพระพิฆเนศและพระพินายนี้มาทำงาน ทำหน้าที่แทนพระองค์ในนามของท่าน ด้วยมหากรุณาขององค์ท่านที่มุ่งหวังให้ผู้ต้องการความสำเร็จได้ลุกิจประโยชน์โดยเฉพาะ ท่านกล่าวว่าเทพทั้งสององค์นี้เฉลียวฉลาด ปราดเปรียวมีสติวิจารญาณรอบคอบซึ่งเป็นพื้นฐานของคนที่จะประสบความสำเร็จเเละทำการณ์ใหญ่ได้ ท่านเป็นใหญ่รอบรู้ในสรรพวิทยา เเละศาสตร์ทุกศาสตร์ที่จะพึงมีในจักรวาล นอกจากนั้นยังมีนิสัยส่วนพระองค์ที่เคร่งครัดยึดมั่นในกฏระเบียบปกครองส่วนรวมด้วยดี

    พ่ออาจารย์นั้นท่านว่าเราอยากจะทำพระคเณศโดยเชิญพระคเณศเนื้อแท้ที่เป็นพลังงานแห่งองค์อาตมันมาเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต เป็นโอกาสที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ดีที่สุดให้กับผู้มีโอกาสเหมาะสม และเข้าใจวาระที่เปิดออกหนนี้นำไปบูชา พร้อมกันนี้ยังเชิญพระพิฆเนศและพระพินายที่เป็นรูปทางกายภาพมาสถิตย์พร้อมๆกัน เรียกว่าเป็นวงจรพลังงานที่ยิ่งใหญ่อันเชื่อมไปถึงปรพรหมคือองค์อาตมัน หรือที่รู้จักกันในนามดวงชีพนิรันดร์และเทพผู้รับหน้าที่มาปฏิบัติอีกทอดหนึ่ง ให้ทั้งสองพระองค์ตอบรับคำขอและตอบสนองความคาดหวัง คำอธิษฐานบูชา พาผู้ศรัทธาออกจากความข้องขัดพบกับหนทางนำไปสู่ความสำเร็จสูงสุดทุกกิจที่ได้กระทำ

    ท่านได้นำไม้สักโปร่งฟ้าที่ต้องสายฟ้าและยืนต้นตายพรายมาแกะรูปพระเคณศเก็บไว้โดยเฉพาะ ด้วยเหตุว่าไม้ตายพรายนั้นมีอาถรรพ์สูงมาก ซ้ำยังโปร่งฟ้าทะลุทะลวงไร้สิ่งขวางกั้น อุปมาเป็นความปลอดโปร่งไร้อุปสรรคปัญหาและได้รับสายฟ้าธรรมชาติอันเป็นธาตุที่มีอำนาจรุนแรงเพื่อจะใช้ทำลายสิ่งขัดข้องทั้งมวลอย่างด้วย ท่านว่าเหมาะที่สุดแล้วที่จะนำไม้นี้มาเป็นอาถรรพ์สร้างเทพผู้คอยทำลายความขัดข้องดลบันดาลให้ชีวิตชนที่ศรัทธาประสบความสำเร็จสูงสุด พ่ออาจารย์ท่านได้แกะไม้อาถรรพ์เป็นศรีษะครูองค์พระคเณศ ท่านว่าเราแยกนำมาเสกโสรจสรงอัญเชิญท่าน ทั้งผ่านการบูชาไฟ บูชาด้วยเครื่องหอมสารพัด เมื่อเชิญญาณทั้งองค์นามธรรมและรูปธรรมทั้งสองพระองค์แล้ว ยังขอเมตตาท่านกำกับให้ช่วยสงเคราะห์พาคนบูชาออกจากกระแสความขัดข้องในโชคชะตาวาสนาที่พัดพาไปอีกด้วย

    ท่านว่าแกะเป็นเศียรครูนี้ เพื่อให้เวลาที่เราจะอาราธนาพระองค์ท่านสวมคอ คล้องคอ เป็นมงคลต่อชีวิต เสมือนตัวเราได้นำเศียรท่านนั้นครอบหัวเทิดทูนเอาไว้บนหัวตลอด เป็นสัญลักษณ์และคติแห่งความสำเร็จ ความเจริญรุ่งเรืองเมื่อชีวิตเราได้ร่วมทาง ร่วมงาน ร่วมชีวิต ทำกิจทุกสิ่งไปกับครูพร้อมๆกัน พ่ออาจารย์ท่านว่าตราบใดที่เอาท่านคล้องอยู่ในคอทิพยสภาวะของพระองค์ก็จะสถิตย์เหนือหัวเหนือกระหม่อมตลอด คนที่สัมผัสดีๆจะรู้ว่าหัวเรานั้นหนักขึ้นมาก(ท่านว่าอย่าไปลอง)

    ด้านหลังนั้นพ่ออาจารย์ท่านได้นำผงเสือข้ามถิ่นมาพอกเอาไว้ ท่านว่าผงนี้มีอาถรรพ์มากและลบยากแต่เราทำให้เพื่อคนที่ใช้ครูองค์พระจะได้มีสิริมงคลและความสำเร็จสูงสุด พ่ออาจารย์ท่านว่าหลายๆคนนั้นมักจะได้ดีอยู่ในถิ่นของตนเองเรียกว่าเป็นใหญ่ เป็นผู้นำ เป็นหัวหน้าอยู่แต่ในบ้าน พอออกนอกบ้านไปจากเสือก็กลายเป็นเหยื่อให้เขาตะครุบ พ่ออาจารย์ท่านว่าผงคุณวิชาเสือข้ามถิ่นนี้มีอาถรรพ์ที่จะแก้ชะตาและวาระการดำเนินชีวิตได้ เพราะปกตินั้นทุกคนล้วนแต่ต้องออกไปต่อสู้กับโลกภายนอก สู้กับฉากละครชีวิตในแต่ละวัน พ่ออาจารย์ท่านอุปมาว่ผงนี้มีคุณมากหนุนให้เราเป็นผู้นำดุจเป็นเสือที่ใครๆก็เกรงกลัว เป็นเสือทั้งในบ้านและนอกบ้าน ไม่ว่าจะเดินทางไปไหน จะเปลี่ยนที่อีกสักกี่ร้อยครั้ง ชีวิตก็ต้องเป็นผู้นำ ต้องสำเร็จทุกครั้งตกต่ำลงไม่ได้ ท่านว่าเราทำไว้ให้เหมาะกับคนที่คิดการณ์ใหญ่ คนที่แสวงหาความเจริญก้าวหน้า ด้วยอาถรรพ์คุณวิชาของผงนี้จะนำไปสู่ความเจริญก้าวหน้าที่ไม่จบสิ้น เป็นเสือ เป็นเจ้าคนนายคนในทุกๆถิ่น ทำอะไรก็ชนะเขา ขย้ำเขาอยู่ข้างเดียว แม้จะแปลกที่แปลกถิ่นก็แพ้ไม่เป็นเช่นนั้น

    นอกจากนี้ท่านยังได้นำแม่กำเนิดที่เสกลงพลังงานขององค์ศักติมาฝังไว้ด้านหลังอีกด้วย พ่ออาจารย์ท่านว่าเพื่อความสมบูรณ์แห่งพลังงานไม่ว่าจะเป็นองค์อาตมันหรือพระศรีเคณศก็ล้วนแต่ต้องมีอำนาจแห่งมหาศักติหนุนไว้ทั้งสิ้น ท่านให้เหตุผลว่าการบูชามหาเทวะนั้นมักจะใช้เวลานานเพื่อทดสอบสภาวะจิตใจและการเข้าถึงของผู้บูชา เนื่องจากสภาพสังคมปัจจุบันนั้นพ่ออาจารย์ท่านว่าบางคนก็เดือดร้อนเกินไป หากจะให้รอมหากรุณาโดยอุตสาหะเพื่อทดสอบกำลังใจนั้นเกรงว่าคนจะท้อกันเสียก่อน ดังนั้นท่านจึงให้นำรูปแม่กำเนิดที่สร้างเสกเป็นตัวแทนองค์มหาศักติฝังไว้และออกมาให้บูชาไปพร้อมๆกัน

    มหาศักตินั้นคือพลังงานสูงสุดของจักรวาล ในสามภพหรือไตรดาลคือทั่วทั้งสวรรค์แดนมนุษย์หรือในบาดาล หากปรากฏพระรูปของมหาศักติขึ้นแล้วสรรพชีวิตทั้งหลายย่อมนอบน้อมและเคารพบูชา พ่ออาจารย์บอกว่าในทางกายภาพนั้นคนมักจะนิยมบูชามหาศักติกันในรูปของพลังงานที่แยกกันออกไป นั่นคือ องค์พระแม่ปารวตี องค์พระแม่ลักษมี องค์พระแม่สุรัสวดี ซึ่งทั้งสามพระองค์นั้นคือภาคอวตารของมหาศักติ แต่สัญลักษณ์มหากำเนิดนี้คือสัญลักษณ์ของความเป็นแม่ เป็นจุดรวมหน้าที่และกำลังแห่งมหาศักติทั้งปวง ได้แก่

    - การทำลายล้างความชั่วร้ายสถาปนาไว้ซึ่งระบบคุณธรรมอันศักดิ์สิทธิ์ ขจัดคนพาลมิจฉาทิฏฐิ ปกปักรักษาไม่ให้ถูกข่มเหง รังแก ด้วยอำนาจอย่างเด็ดขาดและเหี้ยมหาญประทานชัยชนะเหนือศัตรูท่านว่าไม่มีใครจะรังแกเราได้เลย เร่งรุดให้เจริญในอำนาจวาสนาบารมีด้วยเกียรติยศอย่างสูงสุด ประทานยศถาบรรดาศักดิ์และความเป็นใหญ่ตลอดจนอำนาจในการปกครอง ด้วยว่าพระนางนั้นคือมารดาแห่งสรรพชีวิต ทุกชีวิตคือลูกเสมอกัน ประทานความรักให้เท่าเทียมกัน ดำรงไว้ซึ่งน้ำระทัยที่เต็มเปี่ยมด้วยความเมตตา ซ้ำยังช่วยให้มีกำลังใจกล้าหาญ ประกอบด้วยกำลังวังชาอาจชนะมวลศัตรูได้ทั้งสิบทิศ ดำรงค์ตนอยู่ในความยุติธรรมสุจริต และยังเกื้อกูลให้ร่างกายแข็งแรงมีสุขภาพที่ดีพร้อมบริบูรณ์ อำนวยความสุขในการครองเรือน ยังชีวิตให้อิ่มเอม ผาสุข เปี่ยมสุขด้วยความอุดมสมบูรณ์ คุ้มเกรงให้ออกห่างจากภยันตรายทั้งปวง ด้วยกำลังของพระแม่ปารวตี

    - สืบวงศ์ดำรงค์ตระกูล ให้มีชีวิตอยู่ด้วยความอุดมสมบูรณ์ มั่งคั่งและร่ำรวย ประทานความสำเร็จในการประกอบกิจการทุกสาขาอาชีพ ให้ผลทางด้านการเจรจาต่อรอง เปิดทางโชคลาภโภครัพย์ อุดหนุนความสุขเพิ่มพูนในชีวิตคู่และการครองเรือน ให้คู่ครองรักใคร่กันดี ให้เจอเนื้อคู่ที่ดี ด้วยว่าพระนางนั้นจะอำนวยโชคด้วยน้ำระทัยที่ตั้งอยู่ในมหากรุณาอยู่เนืองนิตย์อย่างไม่มีการแบ่งชนชั้นวรรณะ ช่วยให้มีเสน่ห์เมตตามหานิยมอย่างสูงสุดด้วยกำลังของพระนางอันมีรูปกายวิจิตรละลานตาสะกดฝูงชนผู้พบเห็นงามพร้อมทั้งรูปกายและกิริยามารยาท จึงส่งผลให้ผู้บูชามีเสน่ห์มีวาจาที่น่าเชื่อถือ จึงอาจกล่าวได้ว่าในส่วนของความเจริญรุ่งเรือง พระนางเป็นผู้นำมาถึงซึ่งความเจริญรุ่งเรืองถ้วนทุกประการ อันเป็นกำลังของพระลักษมีเทวี

    - เปิดสติเร่งปัญญาให้พร้อมรับรู้ทุกสิ่ง ด้วยอำนาจแห่งความรู้ ปรับบุคลิกภาพให้สุขุมนุ่มลึกเงียบสงบ พร้อมจะใช้สติพิจารณาสถานการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นอย่างแยบคาย ด้วยกำลังของเทวีผู้เป็นเจ้าแห่งสรรพความรู้ทั้งมวล ทรงประทานความเข้าใจในสรรพศาสตร์ต่างๆที่มีความประสงค์จะศึกษาจะใคร่รู้ ไม่ว่าวิชาการนั้นจะล้ำลึกเพียงใด วิทยาการจะก้าวหน้าสักปานไหน พระองค์คือสัญลักษณ์แห่งวัฒนธรรม วิทยาการตลอดจนงานศิลปะทุกแขนงซ้ำยังเป็นผู้ให้กำเนิดภาษาเทวนาครีและนิพนธ์รจนาบทสวดมนต์บทแรกในจักรวาลอีกด้วย พ่ออาจารย์ท่านว่าด้วยกำลังของพระนางนั้นจะช่วยให้ถือเวทย์มนต์และคาถาอักขระต่างๆขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ ใช่เพียงแต่การศึกษาแม้จะทำการสิ่งใดที่อยู่ในอำนาจของการใช้ภาษา การเจรจา การนิพนธ์รจนา ท่านว่าทุกสิ่งที่มีภาษา มีสำเนียง มีการออกเสียง มีคำพูดเข้ามาเกี่ยวข้องทุกอย่าง ทุกสิ่งนั้นอยู่ในอำนาจของพระนางทั้งสิ้น หากพระนางเมตตาใครแล้วด้วยว่าทรงประทานกำลังแห่งความรู้และสรรพวิทยาการ คุณลักษณะนั้นแม้ตายตกตามกันไปถึงเจ็ดชั่วชีวิตก็จะไม่เสื่อมหายไป เป็นกำลังของพระแม่สุรัสวดี


    พ่ออาจารย์ท่านว่าการรวมกันของมหาศักตินั้น ก็คือการรวมกันของอำนาจสูงสุดสามสิ่ง นั่นคือความร่ำรวย ความรู้ตลอดจนถึงอำนาจวาสนา ซึ่งคุณทั้งสามนั้นคือคุณสมบัติสูงสุดที่มนุษย์ใช้เวลาทั้งชีวิตในการแสวงหาและเติมเต็ม เพราะว่าบุคคลที่มีพร้อมทั้งสติปัญญา ความรู้ รูปกาย ทรัพย์สมบัติตลอดจนอำนาจวาสนานั้น คือที่สุดแห่งความบริบูรณ์ที่มนุษย์ควรจะเป็น เรียกว่าเป็นชีวิตในอุดมคติก็เป็นได้ ท่านจึงปรารถนาจะสร้างพระมหาศักติขึ้นด้วยการรวมอานุภาพสูงสุดของมหาจักรวาลซึ่งท่านว่าทอดสายตาไปทั่วทั้งสามภพก็หาจะมีซึ่งผู้ใดที่ทรงอานุภาพมากกว่านี้ด้วยว่าเป็นพระแม่สูงสุดของจักรวาลผู้รักและให้กำเนิดสรรพชีวิตทั้งมวลนั่นเอง เพื่อจะเกื้อหนุนดวงชะตา ทำลายสิ่งเลวทรามชั่วร้ายในชีวิต เร่งเร้าให้ผู้บูชามีครบถ้วนบริบูรณ์ในทุกสิ่งที่ปรารถนานั่นเอง

    นอกจากนั้นพ่ออาจารย์ท่านยังได้ลงตะกรุดกำลังพระเคณศฝังเอาไว้ด้วย ตะกรุดนี้สำคัญมาก พ่ออาจารย์ท่านว่าด้วยเราทำให้นี้เป็นยันต์เฉพาะที่ได้รับมาจากครูองค์พระท่านนิมิตให้ ท่านตั้งให้ให้ทำฝังเอาไว้ในรูปท่าน เป็นกำลังแห่งเทวะ เป็นกำลังแห่งแสงสว่าง เป็นกำลังแห่งอาตมันอันมีอานุภาพใช้ได้นับร้อยเส้นทางทั้งยังพลิกกลับพลิกแพลงได้อีกนับพันวิถี พ่ออาจารย์ท่านว่าเป็นตะกรุดที่จะใช้อำนาจแห่งเทวะนั้นสงเคราะห์วิถีชะตาคนอันต่างกันร้อยพ่อพันแม่ ไม่ว่าจะประสบเคราะห์กรรมหนักเบาอย่างไร ดีร้ายอย่างไรก็พลิกแพลงแก้ไขมีจุดหมายปลายทางเดียวกันคือความสำเร็จสูงสุดอันพึงคาดหมายไว้ของชีวิตได้ทั้งสิ้น

    คาถาบูชา
    โอมวักกระตุณดะ มหากายา สุริยาโกติ สมาปราภา นิรวิกนัม คุรุเมเดวา สารวาการ เยสุ สารวาดา

    * พระคเณศรุ่นนี้พ่ออาจารย์ท่านว่าจะทำให้ครั้งเดียวเพราะผงเสือข้ามถิ่นนี้ทำยากและมวลสารต่างๆที่เหมาะและเข้ากันแบบนี้ก็ไม่มีแล้ว ที่สำคัญท่านเชิญและเสกมานานแล้วพร้อมทั้งขอมหากรุณากำกับองค์เทพไว้อย่างดี ท่านว่าไม่ต้องพูดอะไรบอกอะไรเขามาก(แต่ท่านมักทำหน้าและสายตาลึกซึ้งตลอดเวลาที่มองพระคเณศชุดนี้พร้อมกับบอกว่าของชุดนี้คนที่เอาไปเขามีประสบการณ์ยิ่งใหญ่เกิดขึ้นแล้ว แต่ท่านไม่ยอมเล่าหรือบอกว่าเป็นอะไร) พ่ออาจารย์ท่านว่าชีวิตคนแน่นอนว่ามีปัญหา แต่ปัญหาในแต่ละวันนั้นย่อมไม่เหมือนกันซักคน พระคเณศรุ่นนี้ท่านทำไว้ให้ขจัดความขัดข้อง นำพาออกจากปัญหาได้นับร้อยพลิกแพลงเปลี่ยนผันได้นับพันวิถี พ่ออาจารย์ท่านว่าเพียงเท่านี้ ถ้าเขาหาเหตุแห่งความเจริญก้าวหน้า พร้อมที่จะเดินไปบนทางแห่งความสำเร็จเขาก็จะรับเอาไว้เอง

    ร่วมทำบุญบูชา องค์อาตมันมงคลมูรติพระศรีคเณศประสาทพร (สิทธิฤทธิพันวิถีพลิกผัน) บูชา 3,000 บาท


     
  13. คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,310
    ค่าพลัง:
    +17,480
    เกี่ยวกับพระไพรีที่หลายคนจองไม่ทันและก็ยังคนสนใจ ถึงขั้นอยากได้แม้ว่าไม่ได้องค์พระก็ขอให้ได้คันฉ่องก็ยังดี เพราะถือว่าเป็นเครื่องมงคลที่มีเอกลักษณ์และอานุภาพเฉพาะทางเหมือนกัน

    ..แต่ทว่าคันฉ่องที่ใช้ฝังพระไพรีนั้นจะดีอย่างไร เรื่องนี้ก็มีประสบการณ์ยืนยันไว้แล้วช่วงไม่กี่วันนี้ เดี๋ยวจะยกมาพูดคุยรอบเช้าในศาสตร์การเสกคันฉ่องของพ่ออาจารย์
     
  14. คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,310
    ค่าพลัง:
    +17,480
    อรุณสวัสดิ์ครับ

    วันนี้เดี๋ยวส่งของแล้วมาติดตามพูดคุยเรื่องคันฉ่องที่ใช้ฝังพระไพรีกันต่ออีกทีนะครับ
     
  15. คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,310
    ค่าพลัง:
    +17,480
    ฌาน,สมาบัติ

    ฌาน แปลว่า เพ่ง หมายถึงการเพ่งอารมณ์ตามกฎแห่งการเจริญกรรมฐานถึง อันดับที่ ๑ เรียกว่า ปฐมฌาน คือ ฌาน ๑ ถึง อันดับที่ ๒ เรียกว่า ทุติยฌาน แปลว่า ฌาน ๒ ถึง อันดับที่ ๓ เรียกว่า ตติยฌาน แปลว่า ฌาน ๓ ถึง อันดับที่ ๔ เรียกว่า จตุตถฌาน แปลว่า ฌาน ๔ ถึงอันดับที่แปด คือได้ อรูปฌาน ถึงฌาน ๔ ครบทั้ง ๔ อย่าง เรียกว่า ฌาน ๘

    ถ้าจะเรียกเป็นสมาบัติก็เรียกเหมือนฌาน ฌาน ๑ ท่านก็เรียกว่า ปฐมสมาบัติ ฌาน ที่ ๒ ท่านก็เรียกว่า ทุติยสมาบัติ ฌาน ๓ ท่านก็เรียก ตติยสมาบัติ ฌาน ๔ ท่านก็เรียก จตุตถสมาบัติ ฌาน ๘ ท่านเรียก อัฎฐสมาบัติ หรือ สมาบัติแปด นั่นเอง

    คำว่า สมาบัติ แปลว่าถึงพร้อม แปลเหมือนกันกับคำว่า สมบัติ ศัพท์เดิมว่า สัมปัตติ แปลว่าถึงพร้อม มาแปลงเป็นบาลีไทย หมายความว่าศัพท์นั้นเป็นศัพท์บาลี แต่เรียกกันเป็น ไทย ๆ เสีย ก็เลยเพี้ยนไปหน่อย เล่นเอาผู้รับฟังปวดเศียรเวียนเกล้าไปตามๆ กัน

    สมาบัติ แปลว่าเข้าถึงนั้น หมายเอาว่าเข้าถึงอะไร ข้อนี้น่าจะบอกไว้เสียด้วย ขอบอก ให้รู้ไว้เลยว่า ถึงจุดของอารมณ์ที่เป็นสมาธิหรือที่เรียกว่า ฌาน นั่นเอง เมื่ออารมณ์ของสมาธิ ิที่ยังไม่เข้าระดับฌาน ท่านยังไม่เรียกว่า สมาบัติ

    รูปสมาบัติหรือรูปฌาน
    ฌานหรือสมาบัติ ท่านเรียกว่ารูปฌาน หรือ รูปสมาบัติ ถ้ายังไม่สำเร็จมรรคผลเพียงใด ท่านเรียกว่าโลกียสมาบัติ หรือ โลกียฌาน ถ้าเจริญวิปัสสนาญาณจนสำเร็จมรรคผลตั้งแต่พระโสดาบันขึ้นไป ท่าน เรียกว่า โลกุตตรสมาบัติ หรือ โลกุตตรญาณ ศัพท์ว่าโลกุตตระ ตัดออกเป็นสอง ศัพท์ มีรูปเป็น โลกะ และ อุตตระ สนธิ คือเอา โลกะ กับ อุตตระ มาต่อกันเข้า เอาตัว อ. ออกเสีย เอาสระอุผสมกับตัวตัว ก. เป็น โลกุตตระ โลกะ แปลตามศัพท์ว่า โลก อุตตระ แปลว่า สูงกว่า รวมความว่าสูงกว่าโลก โลกุตตระ ท่านจึงแปลว่า สูงกว่าโลก โลกุตตรฌาน แปลว่า ฌานที่สูงกว่าโลก โลกุตตรสมาบัติ แปลว่า สมาบัติที่สูงกว่าโลก หมายความว่า กรรมต่างๆที่โลกนิยมนั้น ท่านพวกนี้พ้น ไปแล้วแม้บาปกรรมที่ชาวโลกต้องเสวยผลท่านที่ได้โลกุตตระท่านก็ไม่ต้อง รับผลกรรมนั้นอีก เพราะกรรมของชาวโลกให้ผล ท่านไม่ถึง ท่านจึงได้นาม ว่า โลกุตตรบุคคล

    รวมความว่าฌานประเภทที่กล่าวมาแล้วนั้นเป็นรูปฌาน เพราะมีรูปเป็นอารมณ์ เรียกตามชื่อสมาบัติว่า รูปสมาบัติ สำหรับรูปฌาน หรือรูปสมาบัตินั้น มีแยกออกไปอีก ๔ อย่าง ดังจะกล่าวให้ทราบต่อไป

    อรูปสมาบัติหรืออรูปฌาน

    - อากาสานัญจายตะ เพ่งอากาศ ๆ เป็นอารมณ์
    - วิญญาณัญจายตะ กำหนดหมายเอาวิญญาณเป็นอารมณ์
    - อากิญจัญญายตนะ กำหนดว่าไม่มีอะไรเลยเป็นอารมณ์
    - เนวสัญญานาสัญญายตนะ กำหนดหมายเอาการไม่มีวิญญาณ คือไม่รับรู้รับ ทราบอะไรเลยเป็นสำคัญ

    ทั้ง ๔ อย่างนี้เรียกว่าอรูปฌาน เพราะการเจริญไม่กำหนดหมายรูปเป็นอารมณ์ กำหนดหมายเอาความไม่มีรูปเป็นอารมณ์ จึงเรียกว่าอรูปฌาน ถ้าเรียกเป็นสมาบัติก็เรียกว่าอรูปสมาบัติ สมาบัติ ๘

    ท่านที่ทรงสมาบัติในรูปสมาบัติ ๔ และทรงอรูปสมาบัติอีก ๔ รวมทั้งรูปสมาบัติ ๔ อรูปสมาบัติ ๔ เป็นสมาบัติ ๘

    ผลสมาบัติ
    คำว่าผลสมาบัติท่านหมายถึงการเข้าสมาบัติตามผลที่ได้ผลสมาบัตินี้จะเข้าได้ ต้องเป็น พระอริยเจ้าตั้งแต่พระโสดาบันขึ้นไป ท่านที่เป็นพระอริยเจ้าที่ไม่ได้สมาบัติแปด มาก่อน ท่านเข้านิโรธสมาบัติไม่ได้ ท่านก็เข้าผลสมาบัติ คือท่านเข้าฌานนั่นเอง ท่านได้ฌาน ระดับใด ท่านก็เข้าระดับนั้น แต่ไม่ถึงสมาบัติแปดก็แล้วกันและท่านเป็นพระอริยเจ้า จะเป็น พระโสดาสกิทาคา อนาคามี อรหันต์ก็ตาม เมื่อท่านเข้าฌานท่านเรียกว่าเข้าผลสมาบัติ ท่าน ที่ไม่เป็นพระอริยเจ้าเข้าฌาน ท่านเรียกว่าเข้าฌานเพราะไม่มีมรรคผลต่างกันเท่านี้เอง กิริยา ที่เข้าก็เหมือนกัน ต่างกันแต่เพียงว่า ท่านเป็นพระอริยเจ้า หรือไม่ใช่พระอริยเจ้าเท่านั้นเอง

    นิโรธสมาบัติ
    นิโรธสมาบัติ ท่านที่จะเข้านิโรธสมาบัติได้ ต้องเป็นพระอริยะขั้นต่ำตั้งแต่พระอนาคามี เป็นต้นไป และพระอรหันต์เท่านั้น และท่านต้องได้สมาบัติแปดมาก่อน ตั้งแต่ท่านเป็นโลกียฌาน ท่านที่ได้สมาบัติแปด เป็นพระอริยะต่ำกว่าพระอนาคามีก็เข้านิโรธสมาบัติไม่ได้ ต้องได้มรรคผล ถึงอนาคามีเป็นอย่างต่ำจึงเข้าได้

    ผลของสมาบัติ
    สมาบัตินี้ นอกจากจะให้ผลแก่ท่านที่ได้แล้ว ยังให้ผลแก่ท่านที่บำเพ็ญกุศลต่อท่าน ที่ได้สมาบัติด้วย ท่านสอนว่าพระก่อนบิณฑาตตอนเช้ามืดที่ท่านสอนให้เคาะระฆังก็เพื่อให้ พระวิจัยวิปัสสนาญาณ และเข้าฌานสมาบัติ เพื่อเป็นการสนองความดีของทายกทายิกาผู้สงเคราะห์ในตอนเช้าพระที่บวชใหม่ก็ทบทวนวิชาความรู้และซักซ้อมสมาธิเท่าที่จะได้ ผลของสมาบัติมีอย่างนี้

    - นิโรธสมาบัติ สมาบัตินี้เข้ายาก ต้องหาเวลาว่างจริง ๆ เพราะเข้าคราวหนึ่งใช้ เวลาอย่างน้อย ๗ วัน อย่างสูงไม่เกิน ๑๕ วัน ใครได้ทำบุญแก่ท่านที่ออกจากนิโรธสมาบัตินี้ จะได้ผลในวันนั้น หมายความว่าคนจนก็จะได้เป็นมหาเศรษฐีในวันนั้น
    - ผลสมาบัติ เป็นสมาบัติเฉพาะพระอริยเจ้าท่านออกจากผลสมาบัติแล้ว สมาบัติ นี้เข้าออกได้ทุกวันและทุกเวลา ท่านที่ทำบุญแด่ท่านที่ออกจากผลสมาบัติ ท่านผู้นั้นจะมีผล ไพบูลย์ในความเป็นอยู่ คือมีฐานะไม่ฝืดเคือง
    - ฌานสมาบัติ ท่านที่บำเพ็ญกุศลแก่ท่านที่ออกจากฌานสมาบัติ จะทรงฐานะไว้ ด้วยดีไม่ยากจนกว่าเดิม มีวันแต่จะเจริญงอกงามขึ้นเป็นลำดับ

    เข้าผลสมาบัติ
    การเข้าผลสมาบัติ กับเข้าฌานสมาบัติ ต่างกัน อยู่หน่อยหนึ่ง คือการเข้าฌานสมาบัติ ท่านสอนให้ทำจิตให้ห่างเหินนิวรณ์ คือระมัดระวัง มิให้นิวรณ์เข้ามารบกวนใจ เมื่อจิตว่างจากนิวรณ์แล้ว อารมณ์ของสมาธิก็ไม่มีอะไรรบกวน เข้าฌานสมาบัติได้ทันที สำหรับผลสมาบัตินั้นเป็นสมาบัติของพระอริยเจ้าท่านเข้าดังนี้ เมื่อ ท่านพิจารณาว่าเวลานี้ธุระอย่างอื่นไม่มีแล้วมีเวลาว่างพอที่จะเข้าผลสมาบัติได้ ท่านก็เริ่ม เข้าสู่ที่สงัด นั่งตั้งกายตรง ดำรงจิตมั่นคงแล้วก็พิจารณาสังขารตามแบบวิปัสสนาญาณโดย พิจารณาในวิปัสสนาญาณทั้ง ๘ ย้อนไป ย้อนมา หรือพิจารณาตามแบบขันธ์ห้ารวม คือ พิจารณาเห็นว่า รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณทั้งห้าอย่างนี้ ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา เราไม่มีในขันธ์ห้า ขันธ์ห้าไม่มีในเรา อย่างนี้ก็ได้ตามแต่ท่านจะถนัด รวมความว่า ท่าน เป็นพระอริยะเพราะท่านพิจารณาวิปัสสนาญาณแบบใดท่านก็พิจารณาแบบนั้นเพราะท่านคล่องของท่านอยู่แล้ว เมื่อพิจารณาขันธ์ห้าจนอารมณ์ผ่องใสแล้ว ท่านก็เข้าสมาบัติตาม กำลังฌานที่ท่านได้ อย่างนี้เป็นวิธีเข้าผลสมาบัติ เพราะท่านพิจารณาวิปัสสนาญาณก่อนจึง เข้าฌาน


     
  16. คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,310
    ค่าพลัง:
    +17,480
    แจ้งการส่ง EMS

    พี่ศิระ EV 4403 4115 9 TH

    พี่นฤชา EV 4403 4116 2 TH
     
  17. คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,310
    ค่าพลัง:
    +17,480
    คันฉ่อง

    เกี่ยวกับพระไพรีที่หลายคนจองไม่ทันและก็ยังคนสนใจ ถึงขั้นอยากได้แม้ว่าไม่ได้องค์พระก็ขอให้ได้คันฉ่องก็ยังดี เพราะถือว่าเป็นเครื่องมงคลที่มีเอกลักษณ์และอานุภาพเฉพาะทางเหมือนกัน

    ....กรณีคันฉ่องนี้ เนื่องจากมีผู้รู้เขาขยายความว่าสามารถใช้ดูด รับ ขับ ส่ง ผลักดัน ย่อยสลาย เสริมสร้าง พลังงานในธาตุทุกธาตุของฟ้าดินได้ครบทั้งหมดทุกธาตุแม้แต่ธาตุ...เขาว่าเป็นธาตุที่ไม่มีสิ่งใดย่อยสลายได้แต่คันฉ่องก็ยังย่อยสลายดูดซับมาใช้งานได้(เป็นความลับของครูเขา) ซึ่งเขาบอกว่าพ่ออาจารย์ทำคันฉ่องหรือแว่นฟ้านี้มาได้ยอดเยี่ยมที่สุดแต่ท่านกลับไม่บอกอะไรในส่วนนี้เลย เหมือนให้ไปดูไปหาคำตอบกันเอง เมื่อเป็นเช่นนี้ทั้งสมาชิกในกลุ่มตลอดจนบรรดาลูกศิษย์ที่ขึ้นกรรมฐานกับทางนั้นจึงเฉพาะเจาะจงอยากขอบูชาคันฉ่องเป็นพิเศษ เพราะเขาว่าของที่ใช้ดูด รับ ขับ ส่ง ผลักดัน ย่อยสลาย เสริมสร้างพลังงานธาตุทุกธาตุได้ทั้งหมดนี้ มันไม่เคยมีใครทำและคาดว่าในอนาคตก็คงจะไม่มีใครทำอยู่ดี ไม่รู้ว่าพ่ออาจารย์ท่านเสกมาได้อย่างไร

    บางคนก็นำไปใช้กันอสรพิษ เขาว่ามีเหตุบังเอิญเดินไปเหยียบหางงู แต่ว่าเหมือนงูมันฉกเขาแต่ฉกไม่เข้าคล้ายเอาหัวชน มันอ้าปากไม่ขึ้น น่าอัศจรรย์ในวันนั้นพี่เขาว่าได้อาราธนาพระไพรีของพ่ออาจารย์พล แต่เฉพาะเจาะจงว่าคล้องคอผิดด้านกลับเอาด้านหลังหันออกมาข้างหน้า เขาจึงถามปนความสงสัยว่าอานุภาพของคันฉ่องนี้น่าจะมีอะไรมากกว่าที่บอกไว้แต่แรก

    อีกคนหนึ่งอาราธนาพระไพรีไปกราบครูบาอาจารย์ที่เป็นหมอทรงคนหนึ่ง ตลอดเวลาที่เขาอยู่ในบ้านหมอทรง เขาว่าทำพิธีเท่าไหร่ ร่างเขาจะจุดธูปจะเรียกอย่างไรองค์ก็ไม่มา องค์ลงไม่ได้ประทับไม่เข้าเลย จนพี่ท่านนี้กลับบ้านไป หมอทรงถึงโทรไปหาบอกว่าองค์ท่านเข้ามาในอาณาเขตบ้านไม่ได้เพราะของที่พี่เค้าห้อยคออยู่ เค้าว่าเหนือบริเวณบ้านมีคันฉ่องแปดทิศครอบฟ้าคลุมแผ่นดินไว้ไม่เปิดให้ทั้งเทพทั้งผีเข้าใกล้ได้เลย...พอตรวจสอบแน่ชัดว่าเป็นเพราะพลังคันฉ่องหลังพระไพรีแล้วจึงได้ขอให้พี่ที่เป็นลูกศิษย์เขามาขอบูชาเฉพาะคันฉ่อง เขาว่ามีร้อยก็เอาร้อย มีพันก็เอาพัน เขาจะเอาไปแจกงานไหว้ครูเขาที่มาเลย์ ซึ่งพ่ออาจารย์ท่านก็ไม่มีของให้เพราะไม่เคยทำเครื่องมงคลอะไรเยอะเช่นนี้จึงต้องผิดหวังไป

    ประสบการณ์ล่าสุด คนนี้ลูกชายเขาเป็นผู้บูชาพระไพรีไป เขาเล่าว่าฝันเห็นพระพุทธเจ้ายื่นคันฉ่องหรือแว่นฟ้านี้มาให้ พอตกเช้าขึ้นมาปรากฏว่าเฉพาะคันฉ่องหลุดออกมาจากองค์พระไพรีอย่างน่าประหลาดใจ และเพราะรู้สึกสะกิดใจกับฝันเมื่อคืนเขาจึงนำคันฉ่องนั้นไปแช่ไว้ในน้ำที่จะเช็ดตัวให้พ่อเค้าเนื่องจากพ่อป่วยเป็นอัมพาต เขาว่าต้องทำกายภาพแต่ก็ไม่ช่วยอะไรจนคุณพ่อเค้าท้อใจ หลังจากที่นำน้ำมาเช็ดตัว พี่เค้าว่าแค่วันสองวันซีกที่ไม่มีปฏิกิริยาเลยกลับมีการตอบสนองมากกว่าทำกายภาพมาเป็นปีเสียอีก พอเห็นผลเช่นนั้นเขาจึงกล่อมคุณพ่อเอาคันฉ่องไปเลี่ยมพกติดตัวบิดาเขา พี่เค้าว่ามันน่าอัศจรรย์มากเพียงอาทิตย์นึงแต่ประสาทรับรู้การตอบสนองของเค้าเหมือนมันตื่นขึ้นมาใหม่ อาการเป็นไปในทางที่ดีอย่างต่อเนื่อง พี่เค้าว่าคันฉ่องนี้น่าจะมีอะไรประหลาดสมชื่อแว่นฟ้าบาปวิบัติจริงๆ

    * ทั้งนี้หลายๆคนที่ไม่ทันพระไพรีแล้วติดใจ อยากได้ของที่พ่ออาจารย์ท่านเชิญบารมีสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแบบพิเศษมาสงเคราะห์คนใช้เช่นบารมีพระพุทธเรวัตตะนั้น ทั้งคนที่เรียกร้องและรอให้เอาคันฉ่องที่เหลือจากฝังพระออกมาให้บูชา ตรงนี้พ่ออาจารย์ท่านว่าศาสตร์แห่งคันฉ่องนั้น ที่จริงยังมีปริศนาอยู่อีกมากรอให้คนใช้ค้นพบด้วยตัวเอง สมกับชื่อแว่นฟ้าบาปวิบัตินั่นทีเดียว ขึ้นอยู่ว่าต่างคนต่างไปเจออะไรมา ...รายการนี้ติดตามดีๆบอกแค่ว่าชุดเดิมไม่มี มีแต่คันฉ่องชุดเทนำฤกษ์ที่ฝังตะกรุดพิเศษพร้อมทำวิชา...ซึ่งเป็นบารมีเฉพาะกาลของพระพุทธ( )สัมพุทธเจ้าเอาไว้ หนนี้เป็นรายการจิ๋ว บอกแค่อานุภาพจะแปลกยิ่งกว่าเดิม ใครชอบของที่สร้างยากและมีพลังงานสูงก็เอาไว้ติดตามกัน ชุดนี้เหมือนเป็นของขวัญให้คนที่พลาดพระไพรีหรือพระพุทธเรวัตตะของพ่ออาจารย์ท่าน

     
  18. คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,310
    ค่าพลัง:
    +17,480
    พรุ่งนี้ติดตามกันดีๆนะ รอบสายๆห้ามพลาด ;)
     
  19. คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,310
    ค่าพลัง:
    +17,480
    ร่วมทำบุญบูชา คันฉ่องดูดพลังจักรวาลแว่นฟ้าบาปวิบัติ(พระสิขีพุทธเจ้าส่องประทีบ)

    สืบเนื่องจากวาระที่ท่านทั้งหลายต้องการจะบูชาพระพุทธเรวัตตะ(ไพรีพินาศ)ซึ่งติดจองเต็มอย่างรวดเร็วนั้น ทั้งนี้หลายๆคนได้แสดงความต้องการว่าถ้าไม่ได้ก็ขอเพียงแว่นฟ้าบาปวิบัติก็ยังดี ทั้งอยากได้แบบพิเศษที่พ่ออาจารย์ท่านเชิญและใช้บารมีเฉพาะทางเหมือนพระไพรีด้วย

    ทั้งนี้ด้วยความบังเอิญหรือเหตุผลกลใดก็ไม่ทราพ่ออาจารย์ท่านว่ามีคันฉ่องชุดนำฤกษ์อยู่ ซึ่งท่านเทไว้ก่อนสร้างพระพุทธเรวัตตะ ทั้งคันฉ่องชุดนี้ท่านยังนำวิชาเฉพาะทางของสมเด็จพระพุทธสิขีสัมมาสัมพุทธเจ้า ทำตะกรุดคุณวิชาฝังไว้ด้วย

    พ่ออาจารย์ท่านว่าสมเด็จพระพุทธสิขีนี้เป็นคนละองค์กับสมเด็จองค์ปฐมนะ ถึงชื่อเหมือนกันแต่ก็ต่างกาลต่างวาระเป็นยุคหลังองค์ปฐมลงมา ดังจะยกประวัติคร่าวๆชองพระองค์ลงไว้เพื่อใช้แยกแยะ ดังนี้
    ในคัมภีร์มธุรัตถวิลาสินีระบุว่า หลังจากที่พระสิขีโพธิสัตว์จุติจากการเป็นท้าวสันดุสิตแล้ว ได้ทรงปฏิสนธิในครรภ์ของพระนางปภาวดี พระอัครมเหสีในพระเจ้าอรุณแห่งกรุงอรุณวดี ได้รับพระนามว่าเจ้าชายสิขี เมื่อเจริญพระชนม์ขึ้นได้เสกสมรสกับพระนางสัพพกามา มีพระโอรสด้วยกันพระองค์หนึ่งชื่อเจ้าชายอตุละ เมื่อดำรงค์พระชนมายุได้ 7,000 พรรษา ได้ทอดพระเนตรเห็นเทวทูตทั้ง 4 จึงตัดสินพระทัยทรงช้างต้นออกผนวชโดยมีข้าราขบริพาร 137,000 คน ตามเสด็จออกบวชด้วย บำเพ็ญอยู่ 8 เดือนจึงตรัสรู้ แล้วออกประกาศพระศาสนา ทรงตั้งพระอภิภูและพระสัมภวะเป็นพระอัครสาวก พระเขมังกรเป็นพระพุทธอุปัฏฐาก พระสขิลาและพระปทุมาเป็นคู่พระอัครสาวิกา สมเด็จพระสิขีพุทธเจ้า เสด็จดับขันธปรินิพพานที่วัดอัสสารามวิหาร กรุงสีลวตี สิริพระชนมายุได้ 70,000 พรรษา


    แม้สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกพระองค์จะเป็นสัพพัญญูผู้รู้แจ้งในทุกโลกเสมอกัน แต่บารมีเฉพาะทางอันเป็นอุปนิสัย เป็นพุทธวิสัยที่ติดตัวมาแต่อดีตชาติของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ก็แตกต่างกันไป จากการที่ได้ฝึกฝนบำเพ็ญบารมีมาแตกต่างกันนั่นเอง

    พ่ออาจารย์ท่านว่าสมเด็จพระพุทธสิขีพุทธเจ้านี้ท่านอุบัติมาในสมัยที่ชนทั้งหลายในโลกติดอยู่กับความมืดบอด มีความเห็นผิดแยกแตกต่างกันรุนแรง และยังดำเนินชีวิตกันไปในหนทางที่ผิด พ่ออาจารย์ท่านว่าสมเด็จท่านต้องใช้เวลาถึงเจ็ดพันปี เจ็ดพันปีนี้เพื่อวางรากฐานสังคม เพื่อนำทางแก้ไขความมืดบอด ความเห็นผิด ความหลงผิดทั้งหลายในชนชั้นที่แตกแยกกันอย่างรุนแรงให้ประสานสามัคคีกัน แม้ออกผนวชสำเร็จเป็นพระบรมศาสดาแล้วพระองค์ก็ยังโปรดที่จะสงเคราะห์สัตว์โลกและพุทธบริษัททั้งหลายที่มีชีวิตมืดแปดด้าน หาทางออก ทางที่เหมาะสมคู่ควรกับการดำเนินชีวิตไม่ได้

    ด้วยพระเมตตาอันใหญ่และมหากรุณาอันยิ่ง บารมีของสมเด็จพระพุทธสิขีนี้ จึงเป็นบารมีเฉพาะทางที่จะช่วยพลิกชีวิตคนอันตกอยู่ในหนทางมืดมนไม่รู้เหนือรู้ใต้ ไม่รู้จะเอาอย่างไรกับชีวิตดี พ่ออาจารย์ท่านกล่าวว่าสมเด็จท่านนั้นเป็นดุจดั่งดวงประทีปที่ฉายรัศมีปัดเป่าความขัดข้องออกไป หากได้สงเคราะห์ใครแล้วก็ดุจชีวิตเขาได้พบเจอหนทางเดินใหม่ ดุจหงายของที่คว่ำ เปิดหนทางที่ปิด ขจัดเมฆหมอกอันมืดมัวในโลกสงสาร

    ด้วยมนุษย์ทุกวันนี้ พ่ออาจารย์ท่านว่าแม้บางคนจะผ่านเวลามาครึ่งชีวิตแล้วก็ตามที แต่เขาก็ยังไม่รู้หน้าที่ ไม่รู้กิจที่ตนควรจะทำ ไม่รู้คำว่าเมื่อถึงเวลา เมื่อเวลามาถึง เวลานั้นคือเมื่อไหร่ มีแต่ต้องถอยร่นตกหล่นจนตายสิ้นชาติภพกันไปก็ยังไม่เข้าใจคำว่ายังไม่ถึงเวลา ด้วยความเห็นที่ผิดพลาดทั้งการสำคัญตัวผิด พ่ออาจารย์ท่านว่าทุกสิ่งนั้นรังแต่จะประวิงเวลาให้ความสว่างความสงบในชาติภพนี้ห่างไกลออกไปเรื่อยๆ ซ้ำกรรมยังซ้อนทับกันให้ชาติภพใหม่ก็ไม่อาจพานพบ ดังนั้นท่านจึงได้ขออนุญาติใช้วิชาของสมเด็จพระพุทธสิขี ตลอดจนบารมีเฉพาะทางของพระองค์ท่านมาสงเคราะห์เพื่อเป็นแสงสว่างขับไล่ความมืดมน ขับไล่เมฆหมอกลางร้าย หายนะ จิตมาร และห้วงแห่งความผิดพลาดต่างๆ ให้ชีวิตที่มืดแปดด้าน หาทางเดินไม่เจอ หาทางออกไม่ได้ ให้คนที่เกิดมาไม่รู้หน้าที่อยู่ในสิ่งที่พึงกระทำ

    พ่ออาจารย์ท่านได้ลงอักขระพระเจ้าส่องประทีปพร้อมทั้งขอบารมีสมเด็จพระพุทธสิขีสำเร็จตะกรุดนั้น ท่านว่าเราขอให้พระองค์ท่านเปิดทาง ส่องสว่างชีวิตที่มืดมน ใครที่ตาบอดมืดมัวด้วยอกุศลกรรมใดๆปิดกั้นอยู่ท่านว่านี่ใช้ได้เลย ถ้าพวกไหนชอบจับพลังพ่ออาจารย์ท่านว่าวิชาพระเจ้าส่องประทีปนี่เอาให้จับไปเลยเขาจะพบเจอแต่แสงสว่างที่ไม่รู้จุดสิ้นสุดเป็นพลังงานที่จะทำลายความติดขัดมืดมนในอัตภาพตัวตนที่ติดกับชาติภพทุกรูปนาม

    ในส่วนของวิชานี้ พ่ออาจารย์ท่านกล่าวไว้อย่างน่าคิดว่ ถามหน่อยสิ ชีวิตใครบ้างที่มันจะส่องสว่างได้ตลอดเส้นทาง ไม่ตก ไม่มืดดับอับแสงเลย ในช่วงที่ชีวิตมืดบอดนี่แหละบางคนก็เสียเวลาอยู่กับมันทั้งชีวิต บางคนก็ล้มไปแล้วไม่สามารถกลับมาลุกยืนขึ้นได้อีก ซึ่งในจุดที่พลิกกลับนั้นหากมีดวงประทีปดวงหนึ่งส่องนำทางให้เธอล่ะ ในความมืดของชีวิตเธอยังมีแสงสว่างปัดเป่าและเป็นเชื้อเพลิงเติมให้จิตวิญญาณเธอตลอดเวลาอยู่ล่ะ ในเมื่อมีทางให้ไป มีแสงสว่างให้เดิน มีพลังงานลึกลับที่จะฉุดยื้อไม่ให้เธอตกลงไปได้ ในหนทางอันมืดบอดกับคนที่มีแสงสว่างนำทางมันก็ต่างกันถึงเพียงนั้น ..เพราะแสงสว่างของสมเด็จพระพุทธสิขีที่จะสถิตย์อยู่กับชีวิตของเธอต่อจากนี้ได้ชื่อว่ามีกำลังแรงกล้ายิ่งกว่าตะวันพันดวงเสียอีก

    พ่ออาจารย์ท่านได้นำตะกรุดสำเร็จวิชาที่ขอบารมีพระพุทธสิขีดีแล้ว มาฝังไว้ในแว่นฟ้าบาปวิบัติด้วยความตั้งใจของท่าน เพื่อเป็นการเพิ่มพลังงานและขยายวงจรให้แว่นฟ้ามีแสงสว่างดุจตะวันพันดวงเบิกทางเปิดชีวิตให้กับผู้ถือครองได้

    แว่นฟ้าบาปวิบัติ พ่ออาจารย์ท่านได้ทำแว่นฟ้าบาปวิบัติขึ้นโดยอาศัยคติการสร้างคันฉ่องแต่โบราณที่ใช้รวบรวมพลังมงคลแห่งจักรวาลเพื่อหนุนเสริมบารมี วาสนา ยศถาบรรดาศักดิ์ ความก้าวหน้าในตำแหน่ง ความเจริญในหน้าที่การงาน ทั้งเสริมดวงให้แก่ผู้ครองครองบูชาได้มีพลังอำนาจเหนือดวงดาวด้วยพลังจักรวาลทั้งสามารถปกป้องคุ้มภัย ขจัดปัดเป่าสิ่งไม่ดีขับไล่เสนียดจัญไรโรคาพยาธิทั้งหลายให้มลายสิ้นไป

    อันแว่นฟ้านั้นท่านว่าแม้ได้ถือครองจะอุดมพรั่งพร้อมไปด้วยลาภผลพูนทวี มั่งมีศรีสุขดั่งมหาเศรษฐี อายุยืนตลอดกาล และจะปกป้องคุ้มครองให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากสิ่งที่เป็นอัปมงคลใดๆทั้งปวง ทั้งป้องกันเสนียดจัญไร ป้องกันลมเพลมพัด ป้องกันภูตผีปีศาจ

    ด้วยคันฉ่องหรือแว่นฟ้านี้สำคัญนักเพราะใช้ได้ทั้งกันทั้งดูดในคราวเดียว พ่ออาจารย์ท่านว่านอกจากจะดูดพลังจักรวาลมาเสริมส่งมงคลแก่ผู้ครอบครองแล้ว ยังดูดพลังวิญญาณร้าย พลังงานด้านลบทั้งหลายมาใช้เป็นอำนาจให้แก่ตนเองได้อีกด้วย เมื่อได้พกติดตัวก็จะสลายพลังร้ายในร่างกายเราได้ทั้งหมดเพราะเขาสังเคราะห์พลังงานทั้งจากในร่างกายเราและจักรวาลมาทำงานร่วมกัน

    พ่ออาจารย์ท่านว่าตัวแว่นฟ้านั้นเป็นสิ่งเล็กๆที่สร้างให้เกิดวงจรอันยิ่งใหญ่ เพื่อสนองตอบกับปัจจัยสี่ข้อหนุนเสริมผู้ครอบครองคือ
    - ความยิ่งใหญ่
    - ความสุข
    - ความมั่งคั่ง
    - ความไม่มีโรคมีอายุยืนยาว

    ซึ่งปัจจัยทั้งสี่นี้ท่านว่าเป็นเสมือนพรมงคลที่แม้แต่ทวยเทพยังทำให้ไม่ได้ ตรงนี้ถือว่าสำคัญมาก ทั้งแว่นฟ้ายังเป็นสัญลักษณ์แสดงอำนาจเหนือกรรมลิขิตของพระบรมบิดาพรหมเทพ

    ด้วยพ่ออาจารย์ท่านเสกและใช้แว่นฟ้าเพื่อรวมศูนย์พลังงานจักรวาลอันเป็นพลังมงคลที่ต่อต้านความหายนะ พินาศ ฉิบหายของอกุศลและความมัวหมองได้อย่างน่าฉงน ท่านจึงให้ชื่อแว่นฟ้านี้ว่าบาปวิบัติ

    อันพลังที่ขัดเกลาอกุศลตรงนี้เกี่ยวข้องกับวงจรใหญ่ ท่านว่าเปรียบได้กับการสร้างวงจรใหม่ขึ้นไปทดแทน ถึงจะเป็นวงจรเล็กๆแต่ก็เป็นวงจรใหม่ที่ใช้เปลี่ยนได้ทั้งหมด อาศัยอำนาจพลังมงคลของจักรวาลที่แว่นฟ้าจะรวบรวมไว้ตลอดเวลาลดทอนหายนะ อกุศลกรรมและความพินาศที่จะเกิดแก่ผู้ถือครอง

    *** เหนือสิ่งอื่นใดแว่นฟ้านี้พ่ออาจารย์ท่านว่าเสกยากมากเพราะเขามีอาถรรพ์ให้คุณเหนือกว่าเทวดาเจ้าบุญนายคุณนับสิบเท่า ทั้งยังดีทางด้านการพนันเสี่ยงดวงทั้งหลายด้วย โดยนัยน์ของแว่นฟ้านี้ท่านว่าแม้เราอยากได้ใครไม่ว่าจะคน จะเป็นสิ่งของหรือที่ดินทั้งหลาย ให้เราส่องแว่นฟ้านี้ออกไป พ่ออาจารย์ท่านว่าเสมือนเงาสิ่งนั้นได้ถูกดูดไว้ในคันฉ่องแล้วท่านว่าพูดมากไม่ได้แต่เอาว่าได้แน่ๆ

    แว่นฟ้าหรือคันฉ่องนี้พ่ออาจารย์ท่านว่ามีความสำคัญอยู่มาก แม้ตอนเสกเองท่านได้เชิญเสด็จพระใหญ่มาเสกซึ่งท่านก็มาดูด้วย ท่านว่า "คันฉ่องนี้มีความลับอีกมากมายที่เธอบอกเขาได้ไม่หมด ร้อยเรื่องพันเหตุการณ์ เขาจะไปประสบพบเจอกับปาฏิหาริย์ที่คู่ควรกับวาสนากันเอง ท่านว่าฉันเห็นไม่บ่อยหรอกนะที่ใครจะเชิญท่านพุทธสิขี ขอบารมีท่านสงเคราะห์คนเช่นนี้" (ตรงนี้พ่ออาจารย์ท่านว่าเพราะบารมีพระพุทธสิขีนั้นเป็นแสงสว่างที่มีกำลังดุจตะวันพันดวง ท่านจะเผาผลาญความมืดบอดและขลาดเขลาทั้งหลายให้ย่อยยับไป)

    ด้วยวิชาคันฉ่องนี้พ่ออาจารย์ท่านทำให้เป็นเครื่องสูง เป็นของสูง ท่านว่านับแต่สมัยโบราณคันฉ่องถือเป็นของใช้งานเฉพาะจักรพรรดิ เป็นของแสดงพระราชอำนาจที่จะเลือกมอบให้แก่ใคร เป็นของแทนตัวพระจักรพรรดิ แม้มีทรัพย์สินเงินทองปานใดก็ไม่สามารถสร้างคันฉ่องได้ด้วยจะถือว่าเป็นกบฏทันที พ่ออาจารย์ท่านว่าคันฉ่องนี้ก็เช่นกัน ท่านทำให้เป็นของสูงเสกตามศาสตร์ทุกศาสตร์ทีละเรื่อง เพราะเป็นชุดพิเศษ จึงเสกลงอาถรรพ์ของคันฉ่องโดยเฉพาะแยกออกมา ท่านว่าพกไว้เถอะ ดุจเรามีความน่าเกรงขาม มีพลังงานของโอรสสวรรค์คอยหนุนฐานชีวิต

    ท่านว่าที่สำคัญที่สุดเลย คันฉ่องนี้พ่ออาจารย์ท่านอธิษฐานจิตให้เชื่อมโยงกับแว่นฟ้าของบรมบิดาพรหมเทพ ทุกความเป็นไป ทุกปัญหาและอุปสรรคมากมายในชีวิต จะฉายเป็นภาพขึ้นตรงกับพระบรมบิดา ท่านว่าเราบอกได้เท่านี้ แต่เราเองก็ขอท่านไว้แล้ว เรื่องไหน ใครเจออะไร ถ้ามันจะทำให้ชีวิตเขาแย่ลง เรื่องนั้นเราขอให้พระบรมบิดาท่านสงเคราะห์ทันที อย่าให้เหตุการณ์อันนำมาซึ่งความวิบัติรุนแรงเกิดขึ้นได้

    คาถาบูชา
    (พ่ออาจารย์ท่านว่าแว่นฟ้านี้เป็นของวิเศษ มีจิตสำนึกในตัวเอง เขาแรง เขาไวด้วยตัวของเขาอยู่แล้ว ให้อธิษฐานใช้งานได้เลยไม่ต้องอาราธนาอะไร เพียงแต่ระลึกถึงชื่อสมเด็จพระพุทธสิขีท่านเท่านั้นก็พอ)


    ร่วมทำบุญบูชา คันฉ่องดูดพลังจักรวาลแว่นฟ้าบาปวิบัติ(พระสิขีพุทธเจ้าส่องประทีบ) บูชา 800 บาท


     
  20. คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,310
    ค่าพลัง:
    +17,480
    แอบบอกเอาไว้ พ่ออาจารย์ท่านพูดมาแบบลอยๆว่าอย่างนี้ คิดเอาเอง " บารมีสมเด็จพระพุทธสิขี เป็นแสงสว่างส่องทางชีวิต เป็นแสงสว่างด้วยนิพพานธาตุที่ไม่มีวันมอดดับ "
     

แชร์หน้านี้