ร่วมทำบุญบูชา มงคลตัดผ่านสวรรยามหากุมารต้นไฟอมฤต(สลายจุดชะลอชะตาสี่มหาฤทธิ์พญา) พ่ออาจารย์พล

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย คุรุปาละ, 12 ตุลาคม 2014.

  1. คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,105
    ค่าพลัง:
    +16,530
    ช่วงนี้มีคนมาเล่าประสบการณ์หลังจากได้ใช้ของทางโขมยดวงของพ่ออาจารย์กันอยู่เรื่อยๆ บางคนมาไม่ทันก็ถามๆสะสมกันมาจากหลักหน่วยไปหลักสิบจนถึงหลายสิบคนว่าเมื่อไหร่ท่านจะทำวิชาโขมยดวงออกมาอีก ใครที่ชอบสายโขมยดวงก็เอาไว้พูดคุยกันพรุ่งนี้นะครับ
     
  2. คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,105
    ค่าพลัง:
    +16,530
    เรื่องวิชาโขมยดวง พ่ออาจารย์ท่านว่าถ้าจะให้แรงจริงก็ต้องทำวิชากำกับยอดนักโขมย ซึ่งท่านว่าของสิ่งนี้ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม มันย่อมไปโขมยมาได้ทุกอย่าง ต่อให้เจ้าของจะรักจะหวง หรือต่อให้มีการดูแลคุ้มกันรักษาดีและประณีตเพียงใด ท่านว่าขอแค่พริบตา แค่เผลอๆมันก็ไปเอา ไปโขมยมาได้ทั้งนั้น ...ติดตามกันดีๆนะชุดนี้เด็ดจริงท่านออกแค่หลักร้อยด้วย ถือว่าเป็นวิชาหลักที่นานๆท่านจะทำให้ซักครั้งหนึ่ง
     
  3. คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,105
    ค่าพลัง:
    +16,530
    พรุ่งนี้ติดตามกันดีๆนะครับ บอกได้ล่วงหน้าเลยว่าของมีนิดเดียวและที่สำคัญท่านสร้างไว้ให้คนที่ทำงานหรือมีกิจกรรมซึ่งรู้ตัวว่าแข่งอำนาจวาสนากับคนอื่นไม่ได้ ซึ่งรายการนี้ก็คือจอมโจรที่ใช้ขมยดวง ฉกชิงวาสนา ...จะเป็นอะไรติดตามกันดีๆบอกได้คำเดียวว่าท่านลงวิชาถึงพร้อมทั้งผง ตะกรุด และธาตุกายสิทธิ์

    รายการนี้ลองดูคร่าวๆแล้วถ้ามองในแง่เอาไปใช้งานถือว่าโคตรคุ้ม หลายๆคนที่ถามๆกันมาก็รอหน่อย พ่ออาจารย์ท่านว่าของชิ้นนี้คนใช้จะได้มีวาสนาดี พลิกแพลงได้ร้อยวิถีขึ้นอยู่กับผู้ใช้จะใช้ได้ดั่งใจประสงค์ เรียกว่าตั้งแต่ท่านออกมหาคนธรรพ์ชิงดวงมาชุดนั้นยังถือว่าน้อยไป เพราะงานนี้ท่านเน้นย้ำๆว่าเป็นของใช้ลักวาสนา โขมยโชค ชิงดวง ติดตามกันดีๆ
     
  4. คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,105
    ค่าพลัง:
    +16,530
    ร่วมทำบุญบูชา พญาโจรมุสิกราชกระชากทรัพย์ (ลักวาสนา ขโมยโชค ชิงดวง)

    พ่ออาจารย์ท่านเคยทำตะกรุดวิชาพญาหนูขนคำคนใช้ได้ผลกันมาก ใครมีก็เห็นประสบการณ์ร่ำรวยใหญ่ ท่านจึงมีดำริจะทำวิชาพญาหนูขนคำในลักษณะลอยองค์แบบจับต้องได้ให้คนทำงานหาเช้ากินค่ำได้ไว้เป็นขวัญกำลังใจ โดยผนวกรวมเอาวิชาลักวาสนา ขโมยโชค ชิงดวง รวมลงไปด้วย

    เมื่อท่านมีดำริจะทำหนูที่ลงวิชาสำคัญเป็นหนูมหาโจรนั้น ท่านว่านิสัยหนูก็รู้ๆกันอยู่มันชอบลักเล็กโขมยน้อย ซ้ำยังเป็นนักย่องเบาที่หาจับตัวได้ยากยิ่งเรียกว่าไปได้ในทุกที่แม้ลงกลอนล๊อคประตูมันก็ยังหาโอกาสเข้าไปได้ เรียกว่าเมื่อมีเป้าหมายแม้มีอุปสรรคเสี่ยงชีวิตมันก็ยังทำ พ่ออาจารย์ท่านรู้ว่าหนูนั้นมันขโมยได้ทุกอย่าง ต่อให้เจ้าของจะรักจะหวง หรือต่อให้มีการดูแลคุ้มกันรักษาดีและประณีตเพียงใด ท่านว่าขอแค่เธอกะพริบตาเถิด แค่เผลอๆมันก็ไปเอา ไปขโมยมาได้ทั้งนั้น

    ด้วยคุณลักษณะดังกล่าวนี้พ่ออาจารย์ท่านจึงมีดำริทำพญาโจรมุกสิกราชที่ใช้ลักวาสนา โมยโชค ชิงดวง ขึ้นมา เอาไว้ให้คนที่ทำงานหรือมีกิจกรรมซึ่งรู้ตัวว่าแข่งอำนาจวาสนากับคนอื่นเขาไม่ได้ เรียกว่ารู้ตัวเลยแหละว่าทำไปก็เจ๊ง ทำไปก็แพ้เขาตั้งแต่เริ่ม หรือคนที่คู่แข่งมีบารมี มีชื่อเสียง มีความสามารถ นำหน้าไกลเราไปหลายขุม พ่ออาจารย์ท่านเจตนาทำเพื่อให้คนเอาไปใช้ทำมาหากินใช้แข่งขันในภาวะสังคมปัจจุบันที่ท่านทายเอาไว้ว่าต่อไปการแข่งขันจะสูงยิ่งขึ้นจนน่ากลัว และหลายๆคนจะตามกันไม่ทัน

    ท่านตระหนักรู้ว่าหลายๆครั้งความปรารถนา ความตั้งใจ ความพยายามของแต่ละคนนั้น บางครั้งมันก็มีเกินตัวมากไป ด้วยตัวเองไม่มีวาสนา ไม่มีบารมีในทางที่กำลังทำอยู่นี้เลยพูดให้กระจ่างคือไม่มีสิทธิ์ที่จะทำสำเร็จหรือไปให้ได้ตลอดรอดฝั่งเพราะเดินมาผิดที่ผิดทาง ผิดไปแล้ว ผิดมาทั้งชีวิตแล้ว และก็ยากที่จะเริ่มต้นกับสิ่งใหม่ๆ เพราะทนทุกข์ยากลำบากในสิ่งที่ไม่ใช่ชะตาวาสนาของตัวเอง และในทุกการแข่งขันที่เกิดขึ้นจนเป็นวงจรชีวิตนี้ก็มักจะล้มเหลว ล้มคะมำอยู่ร่ำไป ท่านว่าเมื่อคนเหล่านั้นเขาไม่มีสิทธิ์แต่เขามีกำลังใจและความพยายามเพื่อจะขวนขวายเป้าหมายทำตามฝันของตน เช่นนั้นก็ต้องใช้วิชาช่วยเขาเพื่อให้เขาทำในสิ่งที่เขาไม่มีสิทธิ์ ไม่ได้รับอนุญาติจากชะตาชีวิตให้สำเร็จตั้งแต่เริ่มเหล่านั้น

    พ่ออาจารย์ท่านจึงนำแผ่นธาตุกายสิทธิ์พันคาถาที่ท่านหล่อหลอมทับถมไว้จากชนวนยันต์ต่างๆมาตีมาทุบและรีดเป็นแผ่นลงอักขระจารวิชาลักวาสนา โมยโชค ชิงดวงและทำการปลุกเสกจนเต็มวิชาเสียคำรบหนึ่งก่อน ท่านว่าวิชานี้สำคัญนักเพราะคนทั่วไปที่อับโชค เวลาเห็นใครที่เขามีชีวิตที่สุขสบายก็จะนึกน้อยใจในชะตาของตน เข้าทำนองว่าได้แต่มอง มองสิ่งที่สูงแล้วก็สูงยิ่งขึ้น มองจุดที่ตัวเองไม่มีวันไปถึง บางครั้งเห็นใครได้ดีเราก็อยากได้แบบเขาบ้าง พ่ออาจารย์ท่านจึงตั้งใจลงวิชาสำคัญนี้เพื่อให้คนใช้เปิดดวงและเห็นสิ่งที่ดี ได้สิ่งที่ดีดุจบุคคลที่เราปรารถนา เป็นวิชาว่าด้วยการลักวาสนา โมยโชค ชิงดวง ของบุคคลที่เราต้องการมาเสริมดวงของตน

    ในวันที่ตัวเองตกอับ ดวงตก ปีชง ต้องอุบาทว์สิ่งต่างๆเหล่านี้พ่ออาจารย์ท่านว่ามันมักจะมาหยุดชีวิตเราและก็อยู่กับเรานานเกินความคาดหมาย แต่ความจริงแล้วชีวิตของเราของเรานั้นไม่ได้หยุด ต้องสู้ต้องแข่งกับเขาอยู่ทุกวัน มันจึงเกิดเป็นความทุกข์ที่พูดไม่ออกบอกใครไม่ได้เพราะไม่รู้สาเหตุ ท่านพิจารณาเห็นแล้วว่าในช่วงเวลาเหล่านี้ไม่ควรจะเสียไปเปล่าๆอย่างยิ่ง ก็เมื่อใดที่มีทุกข์จรเข้ามาจะได้รีบเอาพญามุกสิกราชขึ้นมาใช้ให้ดวงที่ไม่ดีกลับดี ให้โชคที่ไม่มีกลับได้ ให้วาสนาที่ไม่พบมาถึงดั่งเจตนานั้น ท่านจึงนำแผ่นยันต์ลักวาสนา โมยโชค ชิงดวง หล่อหลอมกับยันต์หัวใจโจร ในโจโรฤกษ์ให้กำเนิดพญามุกสิกราชขึ้นมาและทำการปลุกเสกชุบธาตุขันธ์ในเพชรฆาตฤกษ์เป็นปฐม ท่านว่าด้วยพญามุสิกราชนี้จะได้มีกำลังมากสามารถโมยโชควาสนาได้ทุกสิ่งไม่ว่าจากคนหรืออมนุษย์ใดๆ ทั้งยังมีอำนาจย่ำยีสิ่งเลวร้ายในชะตาชีวิตคนใช้ได้ อุบาทว์ทั้งหลายจะถูกกำจัดหมดไป กาลอัปมงคลจะเปลี่ยนเป็นมงคลไปชั่วชีวิต ทั้งยังเป็นผู้ฆ่า ผู้ล่าวาสนาและชะตาฟ้าที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตคน

    พ่ออาจารย์ท่านว่าของสิ่งนี้มันน่าอัศจรรย์ยิ่งนักแม้ในโลกทิพย์เทพพรหมครูบาอาจารย์ทั้งหลายท่านยังมาช่วยกันอธิษฐานจิตให้ด้วยความเมตตา เพื่อจะช่วยสัตว์โลกที่มากความเพียรพยายามมีกำลังใจสูงมีค่าความเป็นคนเต็มคนเหล่านั้นออกจากทุกข์ภัย ซ้ำด้านหลังท่านยังได้ลบผงวิชาพญาหนูขนคำใส่เอาไว้ด้วย วิชานี้เป็นวิชาของสมเด็จพระศรีอาริย์เเต่เดิมถือนักว่ามีอาถรรพ์เเรงกล้าเป็นอาถรรพ์ที่จะสนองตอบความต้องการของเจ้านายผู้ครอบครอง ท่านว่าถึงคนธรรมดาแม้จะเป็นมหาเศรษฐีก็อย่าคิดหวังว่าจะมีไว้ในครอบครองเพราะเป็นวิชาที่จะทำให้เฉพาะกับพระราชาเพียงเท่านั้น เเละเเม้พระราชาได้ไปแล้วก็ยังต้องบูชาเเละเทิดทูนไว้ดุจเครื่องมงคลคู่ชีวิตเก็บรักษาให้ดีตลอดพระชนม์ชีพ วิชานี้มีดีหลายด้านเมื่อได้ไว้บูชาด้วยอำนาจพระบรมโพธิสัตว์ พ่ออาจารย์ท่านเเยกเยะไว้ ดังนี้
    - บุคคลที่มีความทุกข์ทั้งหลาย ไม่ว่าจะทุกข์ต่างๆประการใด จากภายในหรือภายนอก จากภาวะสังคม หรือสิ่งเเวดล้อมใดๆก็ดี ก็ย่อมหลุดพ้นจากมหาทุกข์ดังกล่าว ท่านว่าพ้นจากทุกข์ ประสบซึ่งความสุขอิ่มเอิบในทุกด้าน เมื่อมีวิชานี้อยู่กับตัว ท่านว่าไม่ใช่สุขฉาบฉวยสามัญชั่วคราว หากเป็นความสุขที่เเท้จริง
    - บุคคลที่หมดหวัง ไร้ที่พึ่ง ไม่สามารถกระทำสิ่งที่คิดหวังไว้ให้ได้สมใจปรารถนา ชีวิตรันทดหมดหนทาง ท่านว่านั่นเเหละ วิชานี้มันพลิกกลับได้ทุกอย่าง เขาจะสำเร็จ ถึงซึ่งความสมหวัง มีสุขเสมอใจเขา ด้วยอำนาจเเห่งพระบรมโพธิสัตว์
    - บุคคลที่ได้บูชาด้วยใจทั้งหลาย ต่อไปเขาย่อมเเวดล้อมด้วยข้าทาสบริวาร ไร้เรือนก็จะมีเรือน มีคฤหาสต์ปรารถนาคนรักก็จะมีคู่ครอง มีทรัพย์สมบัติ ด้วยชะตาชีวิตนั้นพลิกผันไป
    - ผู้ที่ถือครองวิชาพญาหนูขนคำนี้ จะมีจิตตั้งอยู่ในกุศล ฝักใฝ่คุณงามความดี ความชั่วร้ายอวมงคล ปีศาจ สัมภเวสีทั้งหลายมิได้กล้ำกราย วิชานี้เมื่อผู้ใดได้ครอบครองไว้บูชาให้ดี ด้วยบารมีครูต้นองค์ปฐมท่านว่าภพชาติต่อไปมิรู้จักนรกเลย จะได้เสวยทิพย์สมบัติในเทวโลกเป็นเเม่นมั่น
    - ปิดหนทางตกต่ำ ปิดความมืดมนในชีวิต ไม่ให้ผู้ครอบครองต้องมีอันเป็นไป มีชะตาวิบัติขัดสนตกลงจากเดิมเด็ดขาด
    - ดึงดูดกัลยาณมิตร เเละสิ่งที่ดีทุกประการเข้ามาหาเจ้านาย ผู้ที่บูชาไป
    พ่ออาจารย์ท่านกล่าวเพียงคร่าวๆเท่านี้ ท่านว่าวิชานี้เสมือนผู้บูชาเชิญสมเด็จพระบรมโพธิสัตว์มาไว้กับตัว สิริเเละมหามงคลย่อมเกิดแก่ตนเอง จะเปลี่ยนจะพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ ดึงเเต่สิ่งที่ดีงามเข้ามา นับจากได้ไปจะมีเเต่เจริญขึ้นเเละไม่ขาดความสุขเเม้ซักวินาทีเดียว


    ซ้ำท่านยังได้อุดตะกรุดหัวใจมหาโจรนำพาเสริมทับเข้าไปอีก พ่ออาจารย์ท่านว่าวิชานี้สำคัญ ท่านลงไว้ก็เพื่อชักนำให้พญามุกสิกราชเค้าทำงานตลอดเวลา ด้วยหนูนี้มีชาติตระกูลสูง สำเร็จด้วยเมตตาครูบาอาจารย์ในโลกทิพย์ทั้งยังมีรัศมีพระศรีอาริย์คลุมกายเขาจึงมีอำนาจมาก พ่ออาจารย์ท่านว่าวิชานี้ใช้ได้เต็มที่เลยไม่ต้องกลัวบาปกรรมใดๆ ไม่ใช่เพราะเราโมยโชควาสนาดวงชะตาเขามาแล้วชีวิตเค้าจะตกต่ำเราจะติดกรรมแต่อย่างใด สิ่งนี้ท่านว่ามันเป็นเพียงนามธรรม เมื่อไม่มีรูปจึงไม่มีความผิด ซ้ำคนที่เราไปเอาโชคเค้ามาเค้าก็ยังมีดวงมีโชคอยู่เท่าเดิมหาได้ลดลง มีแต่ตัวเราที่จะอยู่ในจุดที่ดวงดี โชคดีมากกว่าเขา เรียกว่าหากเรามีคู่แข่งก็เหมือนกับเรามองเขาทะลุและเราอยู่เหนือกว่าเขาขั้นนึงเสมอไป ไม่ว่าจะเปลี่ยนคู่แข่งอีกกี่คนเราก็เหนือกว่าเขาเสมอเพราะเมื่อโชคของเขาและของเรามารวมกันมันย่อมมีมากกว่าของคนเดิมนั่นเอง

    วรรคทองควรอ่าน
    พ่ออาจารย์ท่านว่าวิชานี้พลิกแพลงใช้ได้หลายด้าน แม้มีคุ่แข่งอยู่กี่คน ท่านว่าเขียนชื่อนามสกุลเขานำพญามุกสิกราชนี้ทับไว้ก็เป็นการข่มนาม ลักวาสนา โขมยโชค ชิงดวงเขามาส่งเสริมเรา(ท่านว่าวิธีนี้ทำได้หนึ่งตัวกับคนหนึ่งคนเท่านั้น) เช่นนี้จึงพลิกแพลงใช้ได้ไม่รู้จบ บางคนที่เขาเคยเอาไปใช้เขามาเล่าเผยเคล็ดให้ฟังว่าไปเอาชื่อพวกเศรษฐีระดับโลกมาทำ แม้แต่บางคนยังถึงขนาดใช้ชื่อกษัตริย์โซโลมอนก็ยังมี พวกเขาทุกคนล้วนบอกว่าชีวิตเปลี่ยนแบบดีดและก้าวกระโดดมาก พ่ออาจารย์ท่านว่าพวกนี้มันหัวขี้โกงไปเอากำลังวาสนามหาเศรษฐี มหาจักรพรรดิ์มาทำแต่ก็ถือว่าทำได้ไม่ผิด *** พ่ออาจารย์ท่านให้เคล็ดไว้ว่าคนที่บูชาพญามุสิกราชนั้นหนึ่งคนควรใช้ทั้งหมดสามตัว ตัวหนึ่งนำชะตาวาสนาที่สูงเทียมฟ้าของคนที่เราปรารถนาอยากเป็นเหมือนเขาทับไว้ อีกตัวหนึ่งเอาไว้คอยทับสะกดข่มชื่อศัตรูขู่แค่งของเรา ส่วนตัวสุดท้ายเอาติดตัวไว้กลับดวงแก้อุบาทว์โขมยพลังงานโชคลาภวาสนาคนที่เราหมายตาเจอในแต่ละวันแบบเป็นพักๆตามวงจรชีวิต (ท่านว่าคล็ดนี้ถ้าทำได้นับว่าเปลี่ยนคนหนึ่งให้ดีขึ้นจนกลายเป็นอีกคนหนึ่งได้ทันตาเห็นทีเดียว)

    พระคาถาบูชา
    โอม อะนะวะชะ สะระมะศรีอาริย์นามัง ชีวิตัง ถุมัง อุตันทะรานัง ชีวิตัง ปะนะวันดุงลัง ถุมัง ตันดะลัง วิสะเชตวา ปะนะขะทะเรติ เอเตนะ สัจจะยะ โสตถิ ภวันตุโน(ภาวนาทุกวันอย่าให้ขาด ท่านว่าทุกข์ไม่กล้ำกราย วันไหนมีทุกข์ท่านให้เร่งภาวนา หากสามารถกระทำความเพียรภาวนาพระคาถานี้ได้ถึงพันคาบในวันเดียวครั้งเดียว ท่านว่าบุคคลนั้นนิราศทุกข์ ไกลทุกข์ ชีวิตที่เหลือจะประสบเเต่ความสุขโดยเเท้เช่นนั้นเเล)

    พ่ออาจารย์ท่านย้ำว่าพญามุสิกราชของฉันนั้นเป็นของเฉพาะกาล และวิชาโขมยดวงนี้ครูในโลกทิพย์ท่านก็ขอไว้ว่าไม่ให้ทำอีก ด้วยท่านว่าพวกท่านมาช่วยกันทำให้ทั้งหมดและอธิษฐานไว้ให้ตกถึงคนที่คู่ควรแล้ว ต่อไปอย่าทำอีกเพราะวิชานี้อันตรายมากเกินไป ให้ใช้ได้เฉพาะสัตว์ที่มีวาระปลดแอกชะตากรรมรอบนี้เท่านั้น ซึ่งพ่ออาจารย์ท่านก็รับปากไว้ว่าจะทำหนเดียวและท่านก็เสกเก็บไว้มานานยิ่งยวด ท่านว่าเราเองลึกๆก็กลัวใจคนเอาไปใช้เหลือเกินเพราะมันเป็นวิชาพิศดารอยู่แล้ว แต่ใจคนนั้นกลับพิศดารยิ่งกว่า ท่านว่าแรกเริ่มให้เขาบูชาไปก็ไม่เคยคิดว่าจะมีใครไปเอาชื่อกษัตริย์โซโลมอนมาเขียนจนเขามาฟ้องว่าเราไปรบกวนเขา ท่านว่าใช้กันให้ดีให้เหมาะให้ควรท่านพูดได้เท่านี้อะไรที่มันดูแล้ว ชั่งใจแล้วว่ามากเกินไปก็อย่าไปทำเพราะวิชานี้ใครได้ไว้ก็ถือว่าโกงเขาไปไกลมากแล้ว

    ร่วมทำบุญบูชา พญาโจรมุสิกราชกระชากทรัพย์ (ลักวาสนา ขโมยโชค ชิงดวง) บูชา 900 บาท


     
  5. คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,105
    ค่าพลัง:
    +16,530
    แจ้งการส่ง EMS

    พี่นฐมน EV 7738 2888 8 TH

    พี่บุญชนะ EV 7738 2889 1 TH

    พี่วิศณุกร EV 7738 2890 5 TH

    พี่วิชัย EV 7738 2891 4 TH

    พี่พบพณ EV 7738 2892 8 TH
     
  6. คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,105
    ค่าพลัง:
    +16,530
    เดี๋ยวพรุ่งนี้จะพูดคุยเรื่องพญาหนูนี่เพิ่มเติม เอาว่าคุ้ม;)
     
  7. คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,105
    ค่าพลัง:
    +16,530
    อรุณสวัสดิ์ครับ

    ก็มีประสบการณ์น้องกุมารมาเล่าต่อกันฟังแล้ว เรื่องนี้คนที่มาขอบูชาเขาเป็นพนักงานธนาคารแห่งหนึ่งแบงค์สีม่วงๆ น้องเขาเล่าว่าพี่ผู้จัดการที่บูชากุมารไป อยู่ดีๆวันเดียวก็ได้ลูกค้าระดับเศรษฐีและมหาเศรษฐีวันละห้าหกคน เป็นเช่นนี้ทุกวันเค้าว่าเห็นหัวหน้าอยู่ดีๆก็รับทรัพย์มหาศาลหลายเคสแบบแปลกๆ เลี้ยงลูกน้องผิดหูผิดตาได้เงินไปอื้อซ่าเลยลองสอบถามดู ก็รู้ว่าได้บูชากุมารที่ด้านหลังฝังหัวเด็กสีเหลืองๆจากกระทู้พ่ออาจารย์จึงได้มาขอบูชาบ้าง *น้องกุมารรุ่นนี้แรงด้านทำมาหากินไม่น้อย ใครมีก็อย่าลืมอธิษฐานกันนะครับ

    ส่วนพญามุสิกราช ก็จะมาพูดคุยกันต่อ
    พ่ออาจารย์ท่านว่าพญาหนูนี้นอกจากจะเป็นมหาโจรใช้ลักชิงโชคลาภโขมยดวงแล้ว ท่านว่าท่านยังถือคติความเชื่อของพราหมณ์เสกผสานลงไปด้วย ด้วยว่าหนูนั้นหลายคนคงคุ้นตาว่าเป็นบริวารของพระเคณศ มีความเชื่อว่าหนูเป็นสัญลักษณ์ของผู้นำสาสน์ นำความศรัทธาที่ผู้บูชาปรารถนา หรือประสงค์จะติดต่อสื่อสารสิ่งใด เขาจะคอยจดจำไปบอกกับพระเคณศ ดังนั้นพ่ออาจารย์ท่านจึงเปรียบหนูนี้ประดุจสื่อกลางระหว่างมนุษย์กับเทวะ ท่านว่าหลายๆที่เวลาเขาขออะไรกับพระเคณศนี่ก็ต้องไปค่อยๆกะซิบข้างหูหนูท่านนะ

    หนูนี้ก็เช่นกัน ท่านว่าเวลาอธิษฐานอะไรก็ให้กะซิบที่หูเค้าจะเห็นผลไวกว่า ทั้งเวลาไปไหว้พระ ไหว้เทพที่ไหนก็ให้พกหนูฉันไปด้วย เค้าจะทำหน้าที่ผู้นำสาสน์ เอาความปรารถนาของเธอส่งถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายโดยตรงได้ไม่มีขัดข้องแน่นอน

     
  8. คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,105
    ค่าพลัง:
    +16,530
    ที่โอนไว้ส่งของให้พรุ่งนี้นะครับ
     
  9. คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,105
    ค่าพลัง:
    +16,530
    ทยอยๆตอบ PM ให้อยู่นะครับ หลายท่านที่ฝากดวงมาก็ค่อยๆทยอยตอบไปเรื่อยๆว่าช่วงไหนต้องระวังอะไร อันนี้ไม่ใช่ฝากปุ๊ปจะตอบได้ทันที พ่ออาจารย์ท่านก็พูดก็ดูก็เตือนให้เท่าที่ทำได้ อาจจะช้าหน่อยเพราะบางคนชีวิตก็ค่อนข้างหนัก แต่จะค่อยๆตอบไปให้ครบ
     
  10. คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,105
    ค่าพลัง:
    +16,530
    พรุ่งนี้มาติดตามพูดคุยกันต่อนะครับ ;)
     
  11. SIR2010 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    2,956
    ค่าพลัง:
    +5,661
    ส่ง PM ไม่ได้ จะแจ้งว่าได้โอนเงินแล้ว 4/10/61 เวลา 20.18 น.
     
  12. คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,105
    ค่าพลัง:
    +16,530
    คิดบวก เพิ่มความเบิกบาน วันจิตตก

    การมีความ คิดบวก หรือลบ ก็เหมือนการมีอวัยวะอยู่บนร่างกายเรา ถ้าไม่ได้เคลื่อนไหวอวัยวะบางส่วน ไม่ได้ใช้มันทำงานอะไรเลย นานวันเข้า มันก็จะเล็กลีบลงไป

    เช่นเดียวกับการทำงานของสมอง ถ้าเราขยันทำให้บางส่วนแอ็กทีฟ แล้วไม่ค่อยยอมให้บางส่วนทำงาน เชื่อสิว่า สุดท้ายสมองส่วนดังกล่าวก็จะค่อยๆ ฝ่อไปเอง

    ธรรมชาติของร่างกายแบบนี้นี่เอง จึงทำให้ทุกคนสามารถฝึกคิดบวกได้ ด้วยการคิดตรงกันข้ามกับความคิดลบ อิอิ แนะนำแบบนี้ เอามีดมาแทงกันดีก่า 555) แต่มันก็จริงนะคะ ถ้าเรารู้สึกว่า ชีวิตว่างไร้ ไม่มีใครเคียงข้างคอยสนับสนุนช่วยเหลือเล้ยยย ก็ให้ฝึกขอบคุณเรื่อยๆ ขอบคุณตั้งแต่ธรรมชาติ ดวงตะวัน ท้องฟ้า สายน้ำ อากาศ รวมไปถึงเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่คอยโบกรถให้เรา แม่บ้านที่คอยช่วยทำให้ห้องน้ำสะอาดถูกหลักอนามัยและปลอดภัยต่อสุขภาพ แม้กระทั่งรอยยิ้มแสนหวาน วาจาแสนไพเราะของโอเปอร์เรเตอร์

    ส่วนเรา จะขอแนะนำเพิ่มเติมด้วยวิธีการเพิ่มพลังความคิดบวกในแบบของเรา ซึ่งช่วยทำให้ชีวิตเบิกบานสำราญใจ สามารถผ่านวันหม่นมัวจิตตกมาได้อย่างฉิว นั่นคือ

    • ขยายเรื่องดี ๆ ไว้จดจำ ข้อนี้คือภาคต่อของความรู้สึกขอบคุณข้างต้น อาทิ ถ้าคุณได้ความรักและกำลังใจจากมิตรภาพออนไลน์ ซึ่งเป็นเรื่องเหลือเชื่อ จงขยายต่อเรื่องราว เช่น นี่ต้องเป็นบุญของเราที่สะสมมาแน่เลย นี่ต้องเป็นความดีบางอย่างที่ซุกซ่อนอยู่ภายในตัวเราแน่ๆ นี่สะท้อนให้เห็นว่ามนุษย์แสวงหามิตรภาพ กำลังใจ และการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน โดยเราเป็นส่วนหนึ่งของมนุษยชาติยุคนี้ แม้จะเป็นตัวเล็กๆ แต่ก็มีส่วนผลักดันให้เกิดเรื่องดีงามได้ เป็นต้น
    • มองหาความงามรอบตัว แสงตะวันสีทองยามเช้าที่สาดส่องลงมาบนโลก ท้องฟ้าสีแสบเข็ดฟันตัดกันฉุบฉับ แบบไม่แคร์ทฤษฎีสีในตำราไหน ยุคใดเลย ดอกหญ้าน้อยๆ เต้นระบำอยู่ท่ามกลางผืนทรายและสายลม บ่อยครั้งความงดงามของธรรมชาติเหล่านี้ ทำให้นึกถึงหนังสือเล่มหนึ่งของท่านติชนัทฮันห์ ชื่อ Lotus in the Sea of Fire ที่สะท้อนปัญญาและความสงบงาม ท่ามกลางเปลวไฟในสงครามเวียดนาม
    • ลุกขึ้นมาแต่งตัว เปลี่ยนโฉม ไม่ได้เกี่ยวกับความสวย หรือสไตล์แฟชั่น แต่กระบวนการเปลี่ยนลุ๊คของตนเอง ทำให้สมองมองหาความงามแบบใหม่ ที่ไม่ทำให้เราติดอยู่กับความซ้ำซากจำเจ ซึ่งสุดท้ายก็จะจบที่ความเบื่อหน่ายซังกะตาย ล
    • อยู่ใกล้เพื่อนพลังเยอะ เพื่อนบางคนออกแนวเฉา ซึ่งก็น่าสงสารเขานะ เพราะข้างในของเขาเฉา เขาเลยเป็นคนเฉาๆ เราอยู่ใกล้เขาก็เฉาไปด้วย ตรงข้ามกับเพื่อนพลังเยอะ อยากทำนั่นทำนี่ตลอดเวลา คอยเปิดประเด็นนั้นประเด็นนี้ ให้ต้องขบคิดถกเถียงอยู่เสมอ มุมหนึ่งหากความคิดเราวิ่งตามเขา เราจะเหนื่อย แต่หากหาความสมดุลได้ โดยใจเรานิ่งมากพอ เพื่อนพลังเยอะจะผลักดันให้เรากระตือรือร้นอยากทำโน่นทำนี่เสมอ
    แนะนำให้แล้ว ลองลุกขึ้นมาทำสักอย่างนะ เพราะคิดบวกย่อมดีกว่า มากกว่า เยอะกว่า และชีวิตยืนยาวกว่า

     
  13. คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,105
    ค่าพลัง:
    +16,530
    แจ้งการส่ง EMS

    พี่วิชัย EV 7736 8249 9 TH

    พี่สุรวุฒิ EV 7736 8250 8 TH

    พี่ระพีศักดิ์ EV 7736 8251 1 TH

    พี่สมศักดิ์ EV 7736 8252 5 TH

    พี่อัครพงศ์ EV 7736 8253 9 TH

    พี่ปภัสสร EV 7736 8254 2 TH

    พี่แมน EV 7736 8255 6 TH

    พี่ฐิตกาญจน์ EV 7736 8256 0 TH
     
  14. คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,105
    ค่าพลัง:
    +16,530
    มีฝากคำถามมาเรื่องของนิมิต เดี๋ยวจะเอามาพูดคุยกันรอบวันพรุ่งนี้นะ
     
  15. คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,105
    ค่าพลัง:
    +16,530
    นิมิต

    วันนี้ก็จะยกบทความเรื่องนิมิตขึ้นมาให้อ่านกันนะครับ เรื่องของนิมิตเนื่องด้วยหลายท่านก็มักจะถามและถามกันบ่อยมากๆ จริงๆเรื่องนี้เพราะมันเป็นเรื่องใกล้ตัวสำหรับทุกคนต้องประสบเจอกันแบบใดแบบหนึ่งนั่นก็คือเรื่องของนิมิตนั่นเอง

    คำว่านิมิต แปลว่า เครื่องกำหนด , สิ่งที่ปรากฏ , สัญญลักษณ์ , เครื่องหมาย ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ว่าใช้กับอะไร เช่น ไปทำบุญปิดทองฝังลูกนิมิตก็หมายถึงพากันไปปิดทองลูกกลม ๆ ซึ่งเป็นสัญญลักษณ์บอกเขตของสงฆ์ที่ใช้ทำสังฆกรรมกันอย่างนี้เป็นต้น

    นิมิต มีอยู่สองประเภท คือ

    1.นิมิตที่ได้รู้ เห็น หยั่งถึง สัมผัส ได้จากการหลับ อันนี้เรียกว่านิมิตเช่นกัน ภาษาเราชาวบ้านเรียกว่าความฝัน ซึ่งนิมิตที่เกิดในตอนนอนหลับนี้มีได้หลายอย่างหลายประการ เป็นได้ทั้งจริงและไม่จริง แต่ส่วนใหญ่จะไม่จริง 98 เปอร์เซ็นต์ ของบุคคลที่ฝันล้วนแล้วไม่จริง ....

    แต่ที่เป็นจริงก็มีประมาณ 2 เปอร์เซันต์ เท่านั้้นที่จะเป็นจริง สำหรับบุคคลที่นอนฝันประเภทนี้ ต้องมีกรรมที่เกี่ยวเนื่องกันกับเรื่องราวเช่น ตัวอย่าง พระนางสิริมหามายาสุบิน( ฝัน )ว่ามีช้างเผือกใช้งวงถือดอกบันวมามอบให้และ เทวดาพยุงเตียงขึ้นบนอากาศ เมื่อฝันอย่างนี้จึงนำความฝันปรึกษาผู้ชำนาญเชี่ยวชาญด้านการทำนายฝันก็ได้ผลสรุปว่า พระนางสิิริมหามายานั้นจะได้โอรสเป็นผู้มีบุญหนักศักดิ์ใหญ่ มีเดช มีสิริ มีเหล่าทวยเทพป้องกันดูแล ดังนี้ อันนี้เป็นคำทำนาย

    ดังนั้นหลายคนจึงชอบฝัน และชอบนำความฝันออกมาตีความตีเป็นเรื่องเป็นราวกัน บางคนก็มัวหมองเพราะความฝันเพราะฝันไม่ดี แต่บางคนก็ร่าเริงเพราะฝันดีเห็นเลขเด็ดตีความได้ตังค์ใช้ นับว่าเป็นเรื่องนานาจิตตังของปุถุชนที่ชอบฝันและชอบฝันหวานกันอยู่ หรือบางคนกล่าวว่า ชอบฝันกลางวันก็หมายความว่าหลงใหลมัวเมาในความฝัน เชื่อในสิ่งที่ฝันแต่ไม่เชื่อในสิ่งทีเป็นจริง

    ดังนั้นนิมิตที่เกิดในตอนนอนนั้น จัดได้ว่าเป็นเรื่องที่หาสาระความจริงได้น้อยมาก ในชีวิตนี้อาจจะมีไม่กี่ครั้งจากเป็นหมื่นๆครั้งที่ฝันนั้นจะเป็นจริงได้ ดังนั้นท่านที่ชอบอาศัยนิมิตจากฝัน ต้องพึงสังวรณ์ไว้ว่า มันจริงได้ยาก มีความจริงน้อยนัก ในความฝันที่เกิดจากการนอนของ ปุถุชน

    2.นิมิตที่เกิดขึ้นในระหว่างภาวนา และทรงการภาวนา อันนี้มีอยู่สามนิมิตด้วยกัน เกิดขึ้นจริงในการภาวนามีญาณ 9 ใช้งานได้ในนิมิตนั้นๆ เป็นเรื่อง เป็นราว เป็นการ เป็นงาน แต่ต้องใช้เป็นด้วยนึกจะใช้ทั้งที่มีนั้นไม่มีทางใช้ได้ คนเข้าฌานได้ แต่ญาณ9ไม่ได้มีมาก ดังนั้นถึงเข้าใช้ได้ก็ต้องฝึกการใช้ลหุสัญญาให้เป็นด้วย ที่สำคัญที่เรียนมาจากครูอาจารย์ท่านสอนไว้ถ้าต้องการทำฤทธิ์ให้อาศัยปัญจมฌานเป็นบาทฐานในการใช้ ญาณ 9 วิธิขั้นตอนแต่ละญาณนั้นไม่เหมือนกันเป็นไปตามอำนาจของกรรมฐานที่ฝึก บางกรรมฐานได้ญาณมาก 1 ก็มีไม่ใช่ว่า กรรมฐานเดียวจะได้ญาณเดียวนะบางกรรมฐานได้หลายญาณ ยกตัวอย่างพระอริยะจูฬปันถก ท่านสำเร็จเป็นพระอรหันต์ด้วยบาทแห่งฌาน เป็นปฏิสัมภิทาบุคคลนิรมิตกายได้ทั้งมากและน้อย เรียกว่ามโนมยิทธิ กรรมฐานที่ท่านฝึกนั้นสงเคราะห์ในกรรมฐานได้หลายกอง ผลการฝึกมีมากกว่ามโนมยิทธิดังนี้เป็นต้น ดังนั้นท่านที่เห็นนิมิตแล้วมีภาพปรากฏในนิมิตนั้นๆ โดยเฉพาะถ้าปรากฏภายในปฏิภาคนิมิตแล้ว เชื่อได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าเป็นไปตามนั้น อย่างเช่นการระลึกชาติ อาศัยปฏิภาคนิมิตในอาโลกกสิณก็ได้ โอทาตกกสิณก็ได้ อานาปานสติก็ได้ อรูปฌานก็ได้ กายคตาสติก็ได้ แม้บทพุทธคุณก็สามารถได้เห็นรูปทิพย์ เสียงทิพย์ และความเป็นทิพย์ทั้งสิบประการได้เช่นกัน

    ดังนั้น นิมิตที่ปรากฏในสมาธิจึงเขื่อได้มากกว่า นิมิตที่ปรากฏในตอนนอน

    ส่วนการนอนบางท่านกล่าวว่าจิตเข้าฌาน 1 ถึงหลับได้ แท้ที่จริงไม่ใช่เป็นฌาน เขาเรียกว่า ภวังค์ การหลับนั้นอาศัยภวังคจิตไม่ใช่สมาธิ ดังนั้นในสมาธิแท้ไม่มีการตกภวังค์ เพราะการตกภวังค์อยู่นั้นจะทำให้ขัดข้องในสมาธิ จัดเป็นภวังคโวฏฐัพพนะตกและยึดอยู่ จิตไม่เคลื่อนเข้าองค์แห่งฌาน เป็นไปด้วยอำนาจการขาดสติอยู่ในภวังค์ เหมือนหลับไม่ใช่เป็นอยู่ในสมาธิ ดังนั้นคนหลับไม่จัดเป็นฌาน ใด ๆ ทั้งนั้น

    ขอให้ทำความเข้าใจให้ดี สิ่งใดปรากฏในฝันก็ตาม ในสมาธิก็ตาม สักว่าเป็นเครื่องระลึก เป็นเครื่องรู้ ไม่ใช่ของจริง ไม่เป็นตัวตนของเรา ของเขา หรือสัตวบุคคลใดๆ เป็นเพียงสภาวะจิตและธรรมมารมณ์ ว่างจากเรา ว่างจากของเรา ว่างจากตัวจากตนของเรา


     
  16. คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,105
    ค่าพลัง:
    +16,530
    แจ้งการส่ง EMS

    พี่ศิระ EV 7738 3263 5 TH

    พี่วิระพัฒน์ EV 7738 3264 4 TH

    พี่นฤชา EV 7738 3265 8 TH

    พี่กษิดิ์เดช EV 7738 3266 1 TH

    พี่กรธัช EV 7738 3267 5 TH
     
  17. คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,105
    ค่าพลัง:
    +16,530
    มีถามเรื่องครูพระสยมมาด้วย เดี๋ยวไว้ติดตามพูดคุยกันนะ
     
  18. คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,105
    ค่าพลัง:
    +16,530
    มีหลายคนนิมิตเห็นองค์เทพในลักษณะแบบเทวรูปขอมแล้วก็ส่งไลน์ส่งข้อความมาถามกันประจำ ว่าฝันอีกแล้ว ฝันอีกแล้ว ท่านมาให้เห็น มาทำไม....

    ผมอ่านแล้วก็เลยตอบๆไปเหมือนกันหมดว่าน่าจะแรงครูหรือครูทานมาโปรด โดยไม่ได้ลงลึกอะไรมากเพราะคิดว่ายังไม่ถึงเวลา ซึ่งเรื่องนี้จะเกี่ยวกับครูพระสยมอย่างไรก็เอาไว้ติดตามพูดคุยกันนะ
     
  19. คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,105
    ค่าพลัง:
    +16,530
    อรุณสวัสดิ์ครับ

    ใครที่เป็นสาวกสายครูพระสยม หรือใครที่ชอบพระเนื้อจัดๆช่วงนี้ต้องติดตามกันดีๆ เพราะท่านกำลังจะมา... ซึ่งแน่นอนว่าใครสร้างพระสยมก็ไม่เหมือนพ่ออาจารย์ท่านสร้าง และนานทีหลายๆปีท่านจะทำเสียหนหนึ่งทำให้มีคนรอจำนวนมากและคนที่ติดต่อขอมาบูชาต้องผิดหวังเพราะท่านไม่ให้เอาออกง่ายๆ ชุดนี้พิเศษจริงๆห้ามพลาดกันนะ;)

     
  20. คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,105
    ค่าพลัง:
    +16,530
    เรื่องของคู่บารมี

    ประเด็นนี้จริงๆน่าจะยกมาพูดกันนานแล้ว เพราะว่ามีหลายคนที่ยังทำผิด ยังไม่เข้าใจและยังคิดไม่ได้กันอยู่ ยกตัวอย่างง่ายๆแบบตัวผมเลยสมัยก่อน นิสัยส่วนตัวเวลาไปไหนเจอพระเกจิเก่งๆก็ชอบถอดของที่เราใส่เอาไปให้ท่านเป่า เพราะคิดว่าเป่านิด เสกหน่อย ทำไปเรื่อยๆอีกหลายๆองค์น่าจะขลังดี

    แต่ในความเป็นจริงแล้ว พ่ออาจารย์ท่านบอกว่าของบางอย่างนั้น ไม่ว่าใครก็ทำแทนกันไม่ได้ ด้วยเหตุผลง่ายๆคือเขาไม่ใช่คู่บารมี ไม่เคยมีวาสนาร่วมภพ ไม่มีองค์ความรู้และความศรัทธา...ซึ่งตรงนี้ถึงบางคนเขารู้แต่ก็อดไม่ได้อยู่ดีเพราะคิดว่าไหนๆเจอแล้วก็เสกๆไปเถิด พ่ออาจารย์ท่านจึงกล่าวเตือนว่าไม่มีสิ่งใดที่ขึ้นชื่อว่ามนุษย์นั้นทำไม่ได้ เพราะมนุษย์นั้นทำได้ทุกอย่างหากแต่เขาจะสำนึกรู้ได้มั๊ยว่าสิ่งใดควรหรือไม่ควรเท่านั้น ..ขึ้นชื่อว่าของที่เสกมาเต็มแล้ว ยิ่งถ้าไม่นับเรื่องความเหมาะสม รั้นแต่จะให้เสกเพิ่มเพราะคิดว่าขลังดี ของสิ่งนั้นนอกจากมันจะเต็มจนล้น มันก็ยังส่งผลถึงธาตุขันธ์ที่รองรับตัวมันอยู่ด้วยนั่นก็คือร่างกายของเรา เธออย่าลืมเสียล่ะว่าอะไรที่มันเต็มแล้วหากจะรั้นอัดมันต่อไปเมื่อบีบไม่ให้มันล้น ภาชนะมันก็จะแตก พ่ออาจารย์ท่านจึงพูดเสมอว่าถ้าเต็มคือจบ อย่าสู่รู้เกินไปกว่าครูบาอาจารย์ เพราะอะไรที่มันเดือด มันล้น มันก็จะแตก สุดท้ายไอ้ที่พังก็คือธาตุคือขันธ์คนใช้นั่นเอง

    เมื่อพูดถึงเรื่องของคู่บารมี ลองสังเกตุกันดูก็ได้ว่าเวลาใครสร้างอะไรก็จะต้องนึกไปถึงผู้เสกที่คู่ควร ไม่ใช่ตระเวณเสกกันมั่วทำกันไปเรื่อย ยกตัวอย่างเช่นหากพูดถึงเจ้าแม่กวนอิมก็ต้องหลวงปู่โต๊ะเช่นนี้เพราะท่านมีบารมีร่วมกัน สื่อถึงกัน เคยเจอกัน คุยกันรู้เรื่อง เช่นเดียวกันหากพูดถึงเสด็จเตี่ย(กรมหลวงชุมพร)นี่ก็ต้องไปหาหลวงปู่สงฆ์ วัดเจ้าฟ้าศาลาลอยเพราะใครก็ทำแทนท่านไม่ได้ ด้วยจิตท่านถึงและพูดคุยกันได้

    เช่นเดียวกับอีกหลายๆที่ ทำไมใครก็อยากได้กุมารหลวงพ่อเต๋ ใครก็อยากได้ฤาษีหลวงปู่พรหมมา ทำไมพระพรหมต้องหลวงปู่ดู่ พระปิดตาต้องหลวงปู่โต๊ะ เสือต้องหลวงพ่อปาน ... ทั้งนี้เพราะพ่ออาจารย์ท่านให้เหตุผลว่าทุกสิ่งนั้นล้วนเป็นของคู่บารมีและเกื้อหนุนกันนั่นเอง ลองนึกเล่นๆจับสลับกันมั่วๆดูซิ้จะเป็นอย่างไร เช่นเอาฤาษีไปให้หลวงปู่โต๊ะเสก เอากุมารไปให้หลวงปู่ดู่เสกแบบนี้ ทั้งฤาษีก็คงจะสำเร็จเป็นฤาษีจริงๆไม่ได้ ไหนจิตกุมารทองก็คงโดนหลวงปู่ท่านจับบวชพระทั้งสิ้นนั่นแหละ

    ทั้งนี้เพราะคนเค้าลืมคิดเรื่องคู่บารมี และลืมคิดไปว่าทำได้หรือทำไม่ได้ เหมาะสมหรือไม่เหมาะสม ควรหรือไม่ควรนั่นเอง

    เช่นกันหากพูดถึงพ่ออาจารย์พล ท่านก็จะมีคู่บารมีของท่านเป็นครูพระสยม ครูบรมพรหม และครูสมเด็จเช่นนี้ กล่าวง่ายๆว่าแม้หลายๆที่จะแอบเอาของมาให้ท่านเสก บางอย่างท่านก็รับ บางอย่างท่านก็ไม่รับ และส่วนใหญ่ท่านจะถือคติเสกเฉพาะของที่ตัวเองทำ นั่นก็เพราะว่าของนั้นๆย่อมเป็นของในสายบารมีของท่าน ท่านทำได้และต้องจบที่ตัวท่าน ไม่ต้องเร่ไปหา ไปฝาก ไปถวายให้ใครทำให้ทั้งสิ้น

    ทำไมของบางอย่างถึงเสกเป่าแทนกันไม่ได้ ทำไมวัตถุมงคลถึงแตก ถึงเสื่อม ธาตุขันธ์ถึงวิปริต พ่ออาจารย์ท่านให้เหตุผลง่ายๆ ก็ยกตัวอย่างเหมือนคนเราพูดกันคนละภาษาย่อมคุยกันไม่รู้เรื่องแล้วจะเอาอะไรไปนึกถึงกัน จะเอาอะไรไปเชิญเขา กลับกันถึงเชิญได้แต่เขาจะมาหรือเปล่านี่ก็อีกเรื่อง ง่ายๆเลยเช่นครูพระสยมนั้น พ่ออาจารย์ท่านว่าทุกอย่างเวลาทำก็ต้องมีมนต์เฉพาะของท่าน ทั้งการบูชาไฟ ทั้งใบไม้ว่านยาที่ต้องใช้ในพิธีกรรม แม้แต่น้ำเทพมนต์ก็ยังเสกด้วยมนต์เฉพาะของท่านเท่านั้น จะรวมจะปนเปื้อนกันไม่ได้ การเชิญ การให้ท่านทำ ทุกสิ่งล้วนเป็นเรื่องของท่าน ก็ในเมื่อทุกสิ่งเป็นของเฉพาะหลายๆอย่างจึงใช้ จึงทำร่วมกันไม่ได้ และก็ใช้บทพุทธคุณเสกก็ไม่ได้ ซ้ำที่หนักไปกว่านั้นก็คือใครก็ทำแทนครูท่านไม่ได้

    ทั้งนี้ในกรณีครูบรมพรหม ครูพระเคณศ พระนารายณ์ต่างๆของพ่ออาจารย์ก็เช่นกัน เพื่อให้ได้สิ่งแทนครูที่เป็นของคู่วาสนาคู่บารมีจริงๆ ทุกสิ่งล้วนมีขั้นตอนเป็นไปตามลำดับขั้น ท่านว่าถ้าจะคิดง่ายๆแค่ปั๊มๆไปวางกองในพิธีพุทธาภิเษกให้พระเสกแล้วจะพูดว่าขลังแค่นั้น ของสิ่งนั้นก็จะไม่ใช่ของแทนครูหรือสื่อบารมีขององค์เทพตามรูปลักษณะที่ทำไว้ หากแต่จะเป็นเทวดาที่รักษาพระศาสนามารักษามาเป็นสื่อเป็นกำลังให้แทน และของแบบนี้ต่อให้ส่งมาให้เราทำให้ใหม่เราก็ไม่ทำ เพราะสิ่งที่มีจิตวิญญาณถือครองแล้วไปรบกวนเขาก็เหมือนไปไล่เขาจะเป็นบาปกรรมทั้งคนจ้างและคนทำนั่นเอง

    ดังนั้นสิ่งที่ควรหรือไม่ควรก็ต้องมองด้วยว่าท่านใช่คู่บารมีกันหรือไม่ พ่ออาจารย์ท่านว่าคนที่จะเป็นคู่บารมีกันก็คือเคยมีบุพกรรมร่วมกันมาแต่กาลก่อน มีความผูกพันธ์ ทั้งยังพบเจอกันนับครั้งไม่ถ้วนส่งผลให้มีปัจจัยเกื้อกูลกันในชาติภพนี้เช่นนี้ ไม่ใช่ใครก็ได้ ใครก็ได้ อะไรๆก็ได้ ดังนั้นของบางอย่างจึงมีข้อจำกัดมากกว่าการเสก แม้จะรู้ธาตุรู้ว่าเสกอย่างไรแต่ก็ไม่สามารถหลับหูหลับตาเสกให้สำเร็จได้ ของบางอย่างจะเสกแบบพระก็ไม่ได้ เสกแบบปลุกตะกรุด ปลุกเครื่องรางก็ไม่ได้ ถ้าขาดบุญสัมพันธ์และวาสนาร่วมภพเหล่านี้ และที่สำคัญเหนือสิ่งใดเลยนั่นก็คือคนที่เขาเคารพตนเองและเคารพครูบาอาจารย์เขาอย่างแท้จริงเขาย่อมไม่ทำอะไรที่ไม่คิดให้ถี่ถ้วนหรือทำไปเรื่อยดังนี้


     

แชร์หน้านี้