พ่ออาจารย์ท่านเตือนอ้อมๆและคุณกรณ์เคยนำมาเล่าแล้วครับ
เสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ขอให้ผู้เสียชีวิตสู่สุคติและผู้บาดเจ็บปลอดภัยและหายเร็วๆทุกคนครับ
ร่วมทำบุญบูชา ตะกรุดพ่อสมหวังบรรจุธาตุพระปัจเจก(ขอทรัพย์พระปัจเจก) พ่ออาจารย์พล
ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย คุรุปาละ, 12 ตุลาคม 2014.
หน้า 78 ของ 456
-
ได้รับหลวงปู่ทวดแล้วครับ...:cool:
-
สวยงามมากครับ สาธุ
-
โอนเงินบูชาเหรียญหล่อมหาพรหมแปลงรูปวิชาคาดสังวาลย์(พ่อฟ้าฟื้น) แล้วครับ
-
-
กรรม
อรุณสวัสดิ์ยามเช้า
วันนี้ก็จะมาตอบคำถามกัน พอดีเห็นว่ามีประโยชน์ก็จะพิมพ์ลงไว้ด้านหน้า ก็เรื่องเก่านะเป็นเรื่องกรรม แต่คำถามนี้คือกรรมเก่าที่เล่นงานเราอยู่นั้นแก้ไขอย่างไร ทำไมไปดูหมอ หมอถึงชอบบอกว่าติดกรรม
หลายๆคนเข้าใจว่าหากติดกรรมนี่คือที่สุดแล้ว มันหนักมากแก้ไม่ได้ ก็จะอธิบายความต่อไป กรรมนั้นมาจากการกระทำ อาจจะเรียกว่าผลแห่งการกระทำตัวเองคืนสนองก็ได้ ตรรกะง่ายๆทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ทำฉันใดไว้ก็คืนสนองฉันนั้น
มันก็ไม่ใช่จะมองเพียงข้างเดียวว่ามีเฉพาะกรรมชั่วคืนสนองเสมอไป พ่ออาจารย์ท่านกล่าวว่าอย่างไร "บุคคลพึงล่วงทุกข์ได้ ด้วยความเพียร" แล้วมันต้องเพียรพยายามอีท่าไหน มันถึงจะล่วงทุกข์ได้ ถึงจะพ้นบ่วงเวรบ่วงกรรมอันได้ชื่อว่าตามสนองในปัจจุบันชาติ
เคยได้ยินผู้ใหญ่สอนกันมามั๊ย ครูบาอาจารย์ท่านก็พูดตลอด ว่าอดีตมันคือเรื่องที่ผ่านไปแล้ว เรากลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้ อนาคตถ้ามีความฝันก็แค่ไปให้มันถึง ไม่ต้องไปเพ้อเจ้อถึงอดีตและกับทั้งอนาคต มันสำคัญที่เราหายใจอยู่ตรงนี้ในปัจจุบัน กาลที่สำคัญที่ควรทำให้ดีที่สุดคือกาลปัจจุบัน
ไอ้ตัวกรรมก็เช่นกัน ถ้าเราไปยึดติดมันว่ามันสำคัญให้น้ำหนักกับมันมาก ชีวิตก็จะเป็นทุกข์ ทนก้มหน้ารับกรรมใช้กรรม หาทางหลุดพ้นดีๆให้กับตัวเองไม่ได้ ไปเจออะไรแย่มา เราจะโทษกรรม ว่ามันคงเป็นเวรกรรมสินะ มันก็น่าสงสารไอ้ตัวกรรมอยู่ เพราะคนไม่รู้กี่ล้านโทษมันกันทุกๆวันโดยไม่มองดูตัวเองเลย
"บุคคลพึงล่วงทุกข์ได้ ด้วยความเพียร" ไอ้ความเพียรที่ว่านี่แหละสำคัญ พ่ออาจารย์ท่านบอกว่าเพียรคือพยายาม พยายามของท่านไม่ใช่ไปพยายามขุดคุ้ยอดีต มันจะปลูกฝังคุณลักษณะนิสัยแย่ๆพลอยให้อยากจะแก้ไขอดีตให้กับตนเอง พยายามของท่านคือพยายามในวาระกรรมปัจจุบัน
เอากรรมปัจจุบันนี่แหละ แก้ไขกรรมเก่าในอดีตเสียทั้งหมด เราอยู่ตรงนี้ มีกรรมมีวาระอยู่ตรงนี้ สัญญาความผูกพันธ์เราอยู่กับกาลปัจจุบันเช่นนี้ ก็ทำมันเสียในปัจจุบัน มันไม่ยากเลย แค่ทำตัวให้มีใจโอบอ้อมอารีย์ อยู่ในบรรทัดฐานของคำว่าสติและความดี ทุกคนรู้ มีบรรทัดฐานตัวนี้อยู่ในใจว่าความดีทำอย่างไร เรื่องไหนดีหรือไม่ แต่แปลกถึงรู้แต่มักจะไม่คิดก่อนทำ
ไม่เพียงเท่านั้น สิ่งที่จะบรรเทากรรมเก่าอันให้ผลแรงได้ดี ก็คือการฝึกจิตของตนเอง มันทำได้ง่ายๆ ก็แค่
- สวดมนต์
- เจริญภาวนา
- แผ่เมตตา
แล้วอย่าได้ทำฉาบฉวยนะ ต้องเพียรทำไป พ่ออาจารย์ท่านว่าหมั่นทำหมั่นจารึกไว้ทุกวันให้เป็นอุปนิสัยฝังอยู่ในจิตวิญญาณ เหมือนค่อยๆตักน้ำหยอดน้ำ ต้องค่อยตักใส่มันถึงจะเต็ม ตักทีละมากๆอยากให้เต็มไวๆมันก็ไม่มีประโยชน์ รังแต่จะกวนน้ำที่ตักไว้แล้วให้ขุ่นเสียเปล่าเท่านั้น
เร่งทำกรรมดีในปัจจุบันให้มาก ทำปัจจุบันนี้แหละให้ดี กรรมต่างๆในวาระเก่ามันก็จะยังไม่ให้ผลเสียเท่าไหร่ หากเราทำกรรมดีใหม่ขึ้นมา เป็นกรรมที่ให้ผลหนักให้ผลแรง ให้ผลทันตา นี่มันจะส่งผลก่อน หมั่นทำไปเรื่อยๆ ผลกรรมดีในปัจจุบันนั้นถึงไม่อาจจะแก้ไขอดีตได้ แต่ก็ช่วยเยียวยาวัฏจักรกรรมของบุคคลผู้นั้นได้ ทำง่ายๆ สวดมนต์ นั่งสมาธิ และแผ่เมตตา -
ทำไมโอนเงินแล้วต้องแจ้งทางPM
ครั้งก่อนมีรายการที่โอนเงินเข้ามาหลุดส่งของไป 2 ท่าน เพราะไม่ได้แจ้งผมไว้ทางPM แต่มาแจ้งทางด้านหน้า ซึ่งผมก็บอกประจำว่า ผมจะไม่ได้ดูนะทางด้านหน้า ส่วนใหญ่จะเปิดPM นั่งกดรีเฟสดูว่ามีอะไรให้ตอบมั้ย
ดังนั้นพูดให้ถูกเลยก็คือแจ้งด้านหน้าถ้าไม่บังเอิญเห็นก็พลาดไปเลย เป็นอาทิตย์สองอาทิตย์ถึงได้ไล่ย้อนตรวจสอบตอนท่านแจ้งมาว่าโอนแล้วนั่นแหละ ก็ไม่อยากให้พลาด ไม่อยากให้มันช้า ก็เลยตั้งกฏขึ้นมาว่าโอนแล้วแจ้งเฉพาะทางPMอย่างเดียวก็พอ ไม่ต้องโพสข้างหน้าเพราะมันไม่มีประโยชน์อะไร ถ้าเป็นPM มันดูง่ายว่าอันไหนเรายังไม่ได้อ่านตัวหนังสือมันจะหนาๆ แล้วเราก็พิมพ์ตอบกลับว่ารับทราบง่ายด้วย ส่วนใหญ่ถ้าโอนแล้วผมจะPMกลับไปว่ารับทราบตลอด ให้เค้ารู้ว่าเรารู้แล้วนะ เสร็จเเล้วก็มาจัดการขีดคร่าในรายการว่าโอนมาแล้ว
ก็เป็นเหตุผลง่ายๆของผม หน้ากระทู้ก็ดูมีระเบียบด้วย555+ ไม่อยากให้กระทู้มันไปไวหรือยาวมากเพราะมีหลายท่านโทรมาหาผมนะ ว่าเค้าได้รวบรวมเซฟความรู้ต่างๆรวมถึงคาถาต่างๆไว้ได้หลายร้อยหน้าเลย เวลาเค้าจะค้นมันจะได้หาไม่ยาก มีสามสี่ท่านแล้วที่บอกผมมา ซึ่งพูดมาตรงกันว่า ถึงเวลาซักวันเขาอยากทำหนังสือโดยใช้ความรู้เหล่านี้เอาไปรวมเล่ม ก็เหมือนเราช่วยเค้าอำนวยความสะดวกนั่นแหละ
ผมว่ามันก็ดีนะ มันเป็นวิทยาทานเหมือนเราให้ความรู้คนอื่น เพื่อให้คนที่เค้าคอยตามคอยรวบรวมเกล็ดความรู้พวกนี้ทำงานกันสะดวก ผมก็เลยตั้งกฏให้แบบนี้ เพราะลำพังตัวผมเอง ลองเปิดย้อนกลับหลายๆหน้าเวลาหาอะไร ก็ยังตาลายเหมือนกันเพราะกระทู้ก็ดำเนินมาหลายหน้าแล้ว ถ้าจะเอาแบบกระทู้เก่าที่มีเป็นพันหน้า เพราะใครโอนอะไรก็จะมาโพส มีอะไรก็จะพิมพ์ถามมา มันก็เลยกลายเป็นโพสต์ต่อๆกันมายาวมากสามสี่เดือนไปเป็นพันหน้า ลบทิ้งไปเสียมานั่งเริ่มใหม่ตรงนี้ จะได้ดูว่ากระทู้นี้มันอัดแน่นด้วยสาระ ส่วนจะเเจ้งการโอน จะถามก็PMหรือโทรมา อันไหนสมควรตอบผมก็ยกมาตอบให้ข้างหน้า มีหลายท่านแซวว่ากระทู้ผมทำไมเหมือนกระทู้พูดคนเดียว555+ ผมว่ามันก็ไม่เลวเสียทีเดียวนะ ดูสะอาดตาดี คนที่ต้องการศึกษาเวลาเค้าเข้ามาอ่าน มันไม่รำคาญกับอะไรจุกจิก มองไว้เผื่อคนรุ่นหลัง
อันนี้ก็เอามาพูดให้ฟังกันคร่าวๆ -
-
ตอบคำถาม
ก็ช่วงนี้ไม่รู้เป็นยังไง มีปัญหาปรึกษาเรื่องชีวิตคู่จากคนใหม่ๆเข้ามามากมายหลายคน แอดไลน์มาคุยกับผมเป็นเรื่องเป็นราวก็มี
ถ้าเป็นเรื่องของชีวิตคู่เรื่องแฟน มันก็มีหลายอย่าง ที่อยากคบเค้าเเล้วเค้าไม่เล่นด้วยหรือจีบไม่ติด อันนี้ผมยังมองว่าเรื่องเล็กๆนะ ที่ผมให้ความสนใจหลายๆท่าน ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องชีวิตคู่ที่แยกทางมากกว่า ผมเชื่อว่าคนเหล่านี้ความรู้สึกเค้าคงเสียหลักหรือทรุดไปเลยก็มี
ก็เลยถามพ่ออาจารย์ให้ ท่านว่าวิธีแก้เลยมันก็มี ได้ผลเด็ดขาดด้วย โดยที่เราต้องรู้จักตัวเราเองก่อน รู้จักจัดการกับใจและความรู้สึกของตัวเอง ถ้าทำได้แบบนี้ตนเป็นที่พึ่งแห่ง ก็ไม่ต้องไปไขว่คว้าอะไรต่อ
มองมันให้เป็นเรื่องง่าย ถ้ามองว่ายากมันก็จะยากและยิ่งทุกข์มากขึ้น ไอ้ตัวทุกข์ที่มันสะสมเพราะเราคิดไปเองต่างต่างนานานี่แหละ คนสมัยนี้พอเจออะไรรุนแรงก็มักจะสร้างความรู้สึกกดดันให้แก่ตัวเองเลยกลายเป็นโรคจิตอ่อนๆ เป็นบ้าก็มาก
มองให้มันง่าย มองว่าเป็นเพียงเรื่องของกรรม บุพกรรมที่สร้างร่วมกันมาขาดลงเพียงเท่านี้จะไปฝืนต่อมันเพื่ออะไร ถึงต่อติดเหตุการณ์เดิมก็ต้องเกิดขึ้นใหม่ เพราะมันขาดลงแล้ว เขาไม่ใช่คู่ครองของเราแล้ว ทำอย่างไรให้ได้มาก็ย่อมไม่ใช่ของเราอยู่ดี
แม้หลายท่านจะกังขาว่าถ้าไม่ใช่คู่ครองทำไมถึงได้แต่งงานอยู่กินกันมายาวนาน ท่านว่าก็ให้มองง่ายๆคิดเสียว่านั่นคือช่วงเวลาที่สิ่งนั้นยังเป็นของเรา ยังอยู่กับเรา ร่วมทุกข์ร่วมสุขไปกับเรา แต่นั่นคืออดีต เมื่อปัจจุบันไม่ใช่ของเราแล้ว เราก็ควรรู้ฐานะตนเอง รู้หน้าที่ตนเองที่จะพึงกระทำหลังจากนี้ไป
มันไม่ยากนักหรอกหากจะผ่านช่วงเวลานี้ไปด้วยสติ หากท่านทั้งหลายรู้หน้าที่ตนเองที่ต้องพึงกระทำก็จะไม่มีเวลามานั่งคิดฟุ้งซ่านในสิ่งเหล่านี้เลย หน้าที่อย่างไร ทำไมมันทำให้เรายุ่งได้ขนาดนั้น พ่ออาจารย์ท่านกล่าวแบบง่ายๆว่า
- หน้าที่แรกคือหน้าที่ต่อพ่อแม่ ต่อมีพระคุณที่เราจะกตัญญูรู้คุณท่าน
- หน้าที่ลำดับที่สอง คือหน้าที่ต่อตนเอง หน้าที่การงานที่เรารับผิดชอบอยู่อย่าให้มันขาดตกบกพร่องลงไป
- หน้าที่เรื่องที่สามก็คือหน้าที่ต่อสังคม หน้าที่ซึ่งเราจะสนองคุณแผ่นดินถิ่นเกิดนี้อย่างไร เราทำตัวให้มีค่าเป็นประโยชน์แก่โลกบ้างแล้วหรือยัง
- หน้าที่ลำดับที่สี่ ก็การพัฒนาสภาวะจิตใจของตนเอง ตามหลักความเชื่อที่ได้ขัดเกลามาของแต่ละศาสนา
ท่านว่าวิธีเหล่านี้คือการมองความทุกข์ให้มันง่ายแล้วก็ก้าวผ่านไปแบบง่ายๆ ไม่ใช่เฉพาะเรื่องคู่ครองเท่านั้น แต่เป็นทุกข์ในทุกๆเรื่อง
ท่านกล่าวว่าถ้าเรามองให้มันง่าย เราก็ผ่านมันไปได้ส่วนหนึ่งแล้ว คือเรารู้ตัว รู้วาระ เข้าใจในความเป็นไปตามธรรมชาติ ก็มันไม่เที่ยง มันมีการผันแปรไปได้ในทุกสิ่ง ในเมื่อสัจธรรมก็เป็นเช่นนั้นมานับหมื่นนับแสนปี มีประโยชน์อะไรที่จะไปฝืนเอากับสิ่งเล็กๆให้มันเที่ยงแท้แน่นอนคงอยู่กับเราไปตลอดกาล
ทุกวันนี้ ถามตัวเองกันแล้วหรือยัง ว่าใช่หรือที่โชคชะตาเราโหดร้าย มันเป็นเช่นนั้นหรือ หรือเพียงว่าเรานี้ยังไม่ชินกับกฏวัฏจักร ยังยอมรับสภาพมันไม่ได้ เพราะไม่เคยรู้ หรือไม่สนใจที่จะรู้ จะฝืนอะไรเพียงกับใจคน แม้ฟ้าดินอันยิ่งใหญ่นี้ ก็หาได้คงที่ซักชั่วพริบตาหนึ่งไม่
ก่อนที่จะพึ่งปาฏิหาริย์ ขอร้องกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใดๆ หันมามองเสียก่อนว่า ถ้าได้กลับมา แล้วจะอย่างไร มันทำให้ตัวเราประเสริฐขึ้นหรือไม่ เมื่อได้ในเรื่องนี้แล้ว เรื่องอื่นๆเราก็จะต้องร้องขอตลอดไปเช่นนั้นหรือเปล่า มันจะง่ายกว่ามั๊ยหากเราเข้าใจธรรมชาติ เข้าใจการเปลี่ยนแปลงทั้งหลาย ที่มันพร้อมจะเกิดได้ในกาลทุกเมื่อ
พ่ออาจารย์ท่านกล่าวว่า เพราะคนยังคิดให้มันยาก ยังอยู่กับความเป็นจริงไม่ได้ เช่นนี้ถึงโดนเขาหลอกอยู่ร่ำไป เสียตัว เสียเงินทองมหาศาล เพื่อจ้างหมอจ้างเดรัจฉานวิชามาทำพิธีต่างๆ ทั้งๆที่หากเพียงเราเข้าใจและอยู่กับตัวเองให้ได้ รู้จักความสงบ ความสุขที่แท้ มันก็จบ แต่หากดิ้นรนต่อไปหนทางข้างหน้ายังอีกยาวไกลนัก มันจะยิ่งสูญเสียมากขึ้น และจิตใจของเราก็จะร้อนรนหดหู่มากขึ้น เหมือนกับตกลงสู่อบายภูมิทั้งเป็นดีๆนี่เอง
มีหลายคนถามว่านรกเป็นอย่างไร ก็จะต้องไปดูที่ไหนอีก ก็ในเมื่อนรกบนดินนี้มีให้เห็นถมไป ด้วยคนเรานี้มักจะเอาไฟนรกมาสุมใส่ไว้ในอกของตนเอง เขาเหล่านั้นมืดบอดไปเสีย ไม่รู้กระทั่งวิธีแก้ที่มันง่ายดายหนักหนา เพราะยึดติดยึดมั่นกับเรื่องความสัมพันธ์ เรื่องของความรู้สึก โดยไม่ทันคิดว่านั่นเป็นเพียงเรื่องเก่าๆทั้งนั้น มันได้ชื่อว่าเป็นอดีตไปแล้ว แม้จะผ่านไปวันเดียวก็ตาม
มองโลกให้เป็น มองชีวิตให้ออก จิตใจของท่านจะผ่อนคลาย จะสบายอกสบายใจแม้ต้องผจญอยู่ในภาวะอันไม่พึงประสงค์ต่างๆ ก็เมื่อใดที่ท่านเต้นไปตามเหตุการณ์ทั้งหลายแล้ว ท่านก็จะมีเรื่องร้อนรุ่มสุมอกอยู่ร่ำไป ไฟภายในใจท่านถึงเป็นพระบรมศาสดาหรือใครๆก็เอาออกไม่ได้ นอกจากตัวท่านเอง -
คาถาทำน้ำล้างตา
ก็ขอเข้ามา เกือบลืมไปแล้วว่าถามมาให้ 555
ไม่รู้นะว่าเคยลงไปรึยังบทนี้
คือมันเป็นอาการแบบเดียวกับผมเลยของพี่ท่านนี้ แล้วก็เชื่อว่าอีกหลายคนน่าจะเป็น กล่าวคือตามันล้าๆมัวๆ มันเป็นอาการที่รู้สึกได้ง่ายเวลาจ้องคอมมากไปหรือดูโทรทัศน์ใกล้ไป เล่นเกมส์ในโทรศัพท์มากไปก็มีสิทธิ์เป็น พลอยให้กำลังวังชาถอยลงรู้สึกเพลียๆล้าๆไม่อยากทำอะไร
ก็ท่านให้ภาวนาคาถานี้ จะทำน้ำมนต์หรือน้ำส้มป่อยก็ได้เลือกเอา ใช้บทนี้ภาวนาทำ
โอม ทัสสะกะลุโต สวาหายะ
เมื่อภาวนาแล้วก็เอามาทาซะเอามาลูบๆทรงที่เจ็บที่มัว ไม่ใช่ว่าแก้อาการมัวตาเท่านั้น หากเจ็บหัวหรือมีอาการประหลาดทางศรีษะ เช่นปวดหัวข้างเดียว เจ็บหัวตรงจุดไหน ก็ใช้น้ำมนต์หรือน้ำส้มป่อยที่เสกด้วยพระคาถานี้ทาได้เช่นกัน
เหมือนจะเรื่องเล็กเลยนะ เเต่เชื่อว่าน่าจะเป็นกันหลายคน เฉพาะยุคนี้เทคโนโลยีมันเยอะ คนสายตาสั้นมากขึ้นทุกวัน ก็จดจำไว้ ทำไว้ใส่ขวดฉีดเล็กๆก็ได้ เวลามีอาการก็ชักออกมาฉีดแบบเสปรย์นะ เเล้วก็คลึงๆนวดๆ ก็เป็นภูมิปัญญาสมับโบราณที่ใช้คาถาอาคมรักษาอาการต่างๆ ไม่เชื่อก็ข้ามไป ถ้าเชื่อจะจำไว้ทำตามก็ยังดี:cool: -
มนต์ชุบตัว (มหาละลวย)
สืบเนื่องจากมีกรณีที่เราน่าจะเคยได้ยินกันคือพิธีชุบตัว ซึ่งก็มีทั้งที่ชุบด้วยน้ำว่านน้ำยาเพื่อหวังผลทางคงกระพันรบทัพทำศึกก็มี
ที่ชุบด้วยเวทย์เพื่อหวังด้านเสน่ห์มหาละลวยก็มี มีหลายๆท่านได้ขอน้ำมนต์ของพ่ออาจารย์ไปดื่มกิน อาบรด ก็บอกตรงกันว่าทำไมดูมีเสน่ห์ขึ้น คนรอบข้างเมตตามากขึ้น บางคนก็กลัวมีสอบถามเข้ามาว่าถ้าใช้น้ำมนต์ของพ่ออาจารย์ท่านจะมีผลพวงทางด้านเสน่ห์ด้วยมั๊ย
มีหลายท่านถามผมว่าทำไมใช้ของเสน่ห์ไม่ขึ้น มีวิธีแก้หรือไม่ ก็ไม่ได้บอกวิธีแก้อะไรไปมาก วันนี้ก็จะลงพระมนต์ให้บทหนึ่ง จะเรียกว่าใช้เป็นวิธีแก้ก็ได้ สำหรับผู้ที่ดูแล้วตัวเองไม่ได้มาทางนี้ ไม่มีเสน่ห์ ให้ลองทำลองแก้ดูด้วยตนเองดูก่อนก็ได้ด้วยวิชานี้ พ่ออาจารย์ท่านเมตตาประสิทธิ์เป็นสาธารณประโยชน์แก่ผู้ที่ต้องการแก้ไขข้อบกพร่องในเรื่องที่เป็นกิจลักษณะ
ด้วยวิชานี้เมื่อนำมาทำน้ำมนต์ชุบตัวแล้วให้คุณสองสถาน
- ประการแรกคือ แก้สิ่งไม่ดีทั้งหลายในร่างกายเรา พวกคุณไสยอะไรนี่ท่านว่าจะออกมาหมดเลย ซ้ำใครที่โดนอาถรรพ์ภูติพรายเล่นงาน อาจจะไปงานศพ หรือใช้วัตถุมงคลสายพรายที่มักนิยมทำกันอยู่ในทุกวันนี้ก็ตาม ใช้แล้วมันกินตัวหรือไปเจอเรื่องอัปมงคลต่างๆ เมื่อได้แช่ชุบตัวลงในน้ำมนต์นี้จะเกิดสิริมงคลขึ้นมาทดแทน ภูติผีปีศาจอวมงคลทั้งหลายหนีไกลจากร่างกายเรา
- ประการที่สองคือ เกิดเมตตามหาละลวยแก่บุคคลรอบข้าง ใครเห็นเราก็งงก็หลงไปหมด
นี่เป็นมนต์ชุบตัวแบบหนึ่งก็ว่าได้ เป็นการชุบเอาด้วยเวทย์ แต่ถ้าเราไม่ถนัดจะทำ จะเสกใส่น้ำไว้อาบกินก็ย่อมได้ ได้ผลานิสงค์เฉกเช่นเดียวกัน แต่ถ้าได้นั่งแช่ลงไปทั้งตัวซัก 3-5 นาทีจะดีมากกว่าเพราะได้สัมผัสทุกอณูร่างกาย
ก็เป็นมนต์อีกบทหนึ่งที่พ่ออาจารย์ท่านใช้ทำน้ำมนต์สงเคราะห์คนก็จะเอาลงไว้ให้ ดังนี้
เอหิ พุทธรตนัง นะปิดจิต โมปิดใจ เอหิ เมมะมะ ทาปิดหัวอก ปัตติเสวามิ เมมะมะ
ถ้าผู้ใดจะจำไว้ทำให้เป็นกรรมสิทธิ์ได้ผลยิ่งๆขึ้นไปก็จุดธูปบอกล่าวคุณพระรัตนตรัยและครูบาอาจารย์อีกรอบ ขอให้ใช้คาถานี้ให้เป็นกรรมสิทธิ์ เวลาทำบริกรรมมนต์ทำน้ำทิพย์มนต์นั้น ก็ให้ขอคุณพระรัตนตรัยและครูบาอาจารย์ท่านลงสงเคราะห์ให้จะสัมฤทธิ์ผลง่ายกว่าทำด้วยตนเอง -
อรุณสวัสดิ์ครับ
วันนี้สายหน่อยนะ แหะๆ ตื่นเช้ามาก็มีเรื่องให้เราได้คุยแต่หกโมงเลย กับเจ้าของธุรกิจสาวคนหนึ่งที่โทรมาปรึกษาขอความคิดเห็นเรื่องขยายกิจการจะรับพนักงานเพิ่มอีก 200 อัตรา
ในยุคที่ข้าวจานนึงยังขึ้นราคาห้าบาทสิบบาท บริษัทต่างๆที่ได้ยินมาก็ปรับลดพนักงานไม่ก็ลดเงินเดือนลดโอลดสารพัด ผมหูไม่ได้ฟาดนะรับ 200 คน เออ ไปเจริญรุ่งเรืองมาจากไหนไม่รู้นะ555+
ก็มีความสนใจทางด้านอะไรที่มันเจริญๆ พ่อเล่าปุ้ปก็นิสัยเดิมของเรามันอดไม่ได้ที่จะปากเหนี่ยวปากกา ถามนั่นถามนี่เพื่อเอาไว้ประดับเป็นภูมิรู้ตนเอง
คุณผู้หญิงรายนี้ก็เป็นคนเก่งทีเดียวแหละอายุยังไม่ 30 เลย แต่เป็นผู้ตรวจสอบบัญชีเปิดสำนักงานเองด้วย เก่งมั๊ยล่ะ รายได้ปกติก็มีสบายๆปีละหลายล้านอยู่แล้ว แต่เขามาได้ช่องทางด้านธุรกิจ กิจการต่อจากพี่ชายเค้า ถึงขนาดที่ว่าคิดเเละทำไปแล้วโดยยุบสำนักงานทิ้งมาเปิดบริษัทใหม่เต็มตัวโดยรับช่วงงานต่อจากพี่ชายมาพัฒนา
อะไรที่มันทำให้ทิ้งงานที่ได้เงินดีๆปีละหลายๆล้านได้ ผมก็สงสัยก็เลยซักมาจนละเอียด แต่ขออนุญาติไม่พิมพ์ลงนะ และประเด็นสำคัญคือ ทำไมถึงยอมทิ้งเงินที่ได้แล้วแบบผู้ตรวจสอบบัญชีนี่คือสอบโคตรยาก บริษัทไหนก็อยากจ้างให้ทำ ไม่ต้องกลัวไม่มีงานเลย เว้นเสียแต่ว่าสิ่งที่เธอทำนั้นมันมีเม็ดเงินมหาศาลมากกว่า
ซึ่งก็จริงเธอยอมรับว่ามีเม็ดเงินที่มหาศาลมากกว่านับสิบเท่าแต่ไม่ยอมบอกว่าเท่าไหร่ เราก็ไม่อยากคาดคั้นมากเพราะมันไม่งาม ถึงถามมาก็คงเล่าให้ใครฟังไม่ได้เพราะเป็นเรื่องส่วนตัว เล่าได้แค่พองามในระดับนึง
สุดท้ายก็คุยกันสอบถามถึงพ่ออาจารย์จะฝากของมาเยี่ยมคารวะท่าน และก็ขอบใจเรายกใหญ่เพราะหลังจากที่ได้เครื่องมงคลไปทำให้เขาเห็นโอกาสทางธุรกิจที่สบาย และกล้าที่จะทำได้โดยไหลลื่นไม่มีอุปสรรคอะไร
ผู้หญิงคนนี้ต้องบอกว่าสวยเลยทีเดียวแหละ แม้แต่ผมก็อดที่จะจีบไม่ได้555+ ตอนที่เธอมาทำความรู้จักมาปรึกษาผมก็มีจุดเริ่มต้นมาจากกระทู้นี้ในพลังจิต เธอไม่โอเคกับงานที่ทำอยู่ เพราะว่าเงินดีจริงแต่เหนื่อย งานหนักไป เธอก็เล่าๆๆๆๆๆ แบบนิสัยผู้หญิงนะ เล่ามาจนหมดเล่าไม่หยุดไม่วางสารพัดที่จะพูดออกมาได้ ผู้ชายที่ดีก็ควรฟังให้จบไม่ต้องไปขัด สุดท้ายก็ถามว่าอยากบูชาอะไรดี อยากจะมีชีวิตที่สุขสบายกว่านี้ ไม่ต้องเหนื่อยวุ่นวายทุกวัน เราก็เอาเรื่องมาถามพ่ออาจารย์ท่าน อ่ะจัดไปเธอได้พระสมเด็จองค์ปฐมปางเจ้าสัวพิมพ์เอกลาภเรืองยศเนื้อผงที่พ่ออาจารย์เสกเก็บไว้เอาไปบูชา
ก็นานหลายเดือนนะที่ไม่ได้คุยกับเธอเรื่องงานการ คิดว่าคงจะราบรื่นดี มาวันนี้เธอโทรมาขอบใจบอกว่าตั้งแต่ได้องค์ปฐมมาดีจริงๆดีวันดีคืนจนเป็นเจ้าสัวสมชื่อพระเลยและบอกเราว่าจะรับคนงานใหม่เพิ่ม 200 คน เราก็ว่าเออก็ดีนะแต่ยังไม่หยุดรวยแค่นี้หรอกเพราะชื่อพิมพ์ก็บอกอยู่ว่าเอกลาภเรืองยศต้องได้ลาภใหญ่ๆจนมียศมีศักดิ์ไปเรื่อยๆจนมีหน้ามีตาในแผ่นดินนั่นแหละ เอาว่ารวยกว่าเดิมก็ยินดีด้วยยิ่งนัก
แต่โทรมาซะเช้าเล่นซะเราสะดุ้งตื่นเลย เธอจะชวนเราไปปฏิบัติธรรมก็อนุโมทนาสาธุไว้ล่วงหน้าแต่ไม่รู้ว่าจะได้ไปมั๊ย ถือว่านิสัยโอเคเลยนะคนที่รวยแล้วไม่บ้าเงินแต่กลับเข้าวัดถือศีลปฏิบัติธรรมอบรมขัดเกลาจิตใจตัวเองนี่หายาก ผมถามเค้าว่าทำมานานรึยัง เค้าบอกว่าตั้งแต่ได้พระสมเด็จองค์ปฐมปางเจ้าสัวพิมพ์เอกลาภเรืองยศมา เค้าก็อยากจะทำอยากจะปฏิบัติตลอด ก็เลยทำมาเรื่อยๆ และเค้าก็ไม่ลืมบนเทพพรหมที่รักษาองค์พระเวลาทำงานทำธุรกิจที่ใหญ่ๆที่มีความเสี่ยงจะขายงานจะทำสัญญาอะไร เค้าจะบนตลอดว่าถ้าทำได้ผ่านไปด้วยดีจะบวชพราหมณ์ถวายกุศลสมเด็จท่าน เค้าไม่ลืมพระพุทธเจ้า ไม่ลืมจะระลึกนีกถึงพระธรรมคำสอนแล้วน้อมนำมาปฏิบัติ ขอแค่ชีวิตคนมีความเปลี่ยนแปลงแค่นี้ก็ถือว่าน่ายินดีแล้ว -
เวรกรรม
ก็มีเรื่องโทรมาเล่าให้ฟังเกี่ยวกับตะกรุดแหพันชั้นมนต์พระกาฬมหาสะท้อน
ก็ไม่ใช่เรื่องน่ายินดีเลย พอดีพี่ที่บูชาไปท่านนี้มีปัญหากับญาติที่ชอบมายืมเงิน ยืมแล้วไม่คืน ยืมแล้วยืมอีกหลายสิบปี จำนวนหนี้นั้นมหาศาล เพราะเคยมีบุญคุณเลี้ยงดูให้ที่อยู่กันมาแต่อดีต พอเค้าทวงบุญคุณก็ต้องให้ไป มาเอากับภรรยาตอนพี่เค้าไม่อยู่บ้างล่ะ ก็หลายวิธี สรุปคือยืมไปหลายแสนแต่ไม่เคยใช้คืนซักครั้ง
ฟังดูเหมือนไปติดหนี้ชีวิตอะไรเค้าไว้เลยเนอะ ถึงจะมาบังคับเอาเงินตอนไหนก็ได้ เมื่อมีปัญหาเช่นที่ว่านี้สะสมมา จะทวงก็ไม่ได้ เพราะมีแต่มายืมก้อนใหม่ กลืนไม่เข้าคายไม่ออก พี่เค้าจึงตัดสินใจเช่าตะกรุดมหาสูตรพิชัยสงคราม แหพันชั้นมนต์พระกาฬมหาสะท้อนไปบูชาตามวิธีบูชา
หลังจากนั้นก็ได้รับสายเมื่อซักครู่ เราพอจำเรื่องราวได้อยู่ จึงถามว่าเป็นอย่างไรบ้าง ได้เงินคืนหรือไม่ พี่เค้าบอกว่าเงินยังไม่ได้แล้วก็คงไม่มีหวังจะได้เค้าตัดใจไปนานแล้วคิดเสียว่าเป็นค่าเลี้ยงดูชีวิตให้เค้าโตมา
แต่ว่าผลเห็นทันตาเลย บูชาไปอธิษฐานใช้ตามคาถาตามวิธีตก 2 เดือน พี่เค้าบอกว่าญาติเค้าที่มายืมเงินนั้นกลายเป็นบ้าสติวิปลาสไปเลย จากคนชอบมายืมเงินเค้า เดี๋ยวนี้เอาเงินใส่มือให้ยังใช้เงินไม่เป็น เมื่อก่อนเคยขับรถแท้กซี่รับจ้างดูมีสง่าราศีเพราะเป็นคนจีนออกตี๋ๆ เดี๋ยวนี้เหมือนคนบ้าไวเหมือนโกหก พี่เค้าว่าไม่เห็นกับตาไม่เชื่อเลย ไปนั่งคุ้ยถังขยะตามซอยต่างๆทั้งๆที่มีบ้านมีเมียคอยดูแล เมียก็รับไม่ได้ที่อยู่ๆสามีวิปลาสไปก็หนีออกไปอีก
ผมคิดในแง่ดีไว้แค่ ทำกรรมเช่นใดก็ได้รับผลอย่างนั้น ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนเพราะเงินแบบไหนสุดท้ายตัวเองก็เอาไปไม่ได้ไม่รู้แม้แต่วิธีจะใช้เงิน เวลากรรมดียังมีอยู่ก็เพลิดเพลินกันไป แต่เมื่อไหร่เวลากรรมชั่วคืนสนองนั้น สาหัสจนไม่น่าดูเลยทีเดียว ก็ยกให้ไว้ในเรื่องของเวรกรรม พ่ออาจารย์ท่านบอกว่า ถ้าเราทำตัวดี ไม่ต้องไปกลัวอะไรร้ายๆมันจะสะท้อนมาหาหรอก มีแต่จะสะท้อนสิ่งดียิ่งๆขึ้นไปให้กลับเข้ามา สุดท้ายสัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม -
เหรียญพระสยม
มีโทรมาหาเมื่อตอนเที่ยง
ก็จะนำมาเล่าบันทึกไว้ในนี้เป็นประสบการณ์ก่อนจะลืม มีผู้ที่เคยบูชาเหรียญองค์พระสยม(พ่อศิวะ)ไป โทรมาเล่าให้ฟังสั้นๆว่าเค้าประสบอุบัติเหตุทางรถจักรยานยนต์ชนกับกระบะ เค้ารู้สึกว่าเหมือนมีลมมาซัดเค้าที่หน้าอย่างแรงมีความรูสึกเหมือนโดนใครเหวี่ยงแขนออกมาปัดเค้าให้ตกลงจากรถ แต่ร่างกายไม่มีบาดแผลอะไรมีแค่รอยฟกช้ำ 2-3 จุด ซึ่งสภาพรถจักรยานยนตร์ของเค้าพังเละไม่น่าเชื่อว่าจะรอดโดยไม่เลือดตกหรือบาดเจ็บอะไร
เค้าบอกว่าเค้านับถือองค์พ่อพระศิวะมาก มาได้บูชาเหรียญหล่อของพ่ออาจารย์ท่านก็ห้อยมาตลอด อาจฟังดูเป็นเรื่องเล็กๆ แต่ก็ไม่รู้จะเล่าอย่างไร ผมถ่ายทอดไม่เก่ง คงต้องโดนรถชนเองถึงจะรู้ว่าน่าระทึกใจแค่ไหน เพราะว่ามันก็เป็นคำสั้นๆจริงๆ คือคำว่าชีวิต มันดีกว่าถูกหวยรางวัลที่ 1 นะผมว่า ขอแค่ยังมีชีวิตมีลมหายใจ ทุกอย่างก็เริ่มก็ก้าวต่อไปได้ ถ้าจบชีวิต ชาตินี้ทุกอย่างก็จบต้องไปตั้งต้นใหม่
ก็ขออนุญาติพี่เค้ามาเล่าประกาศเกียรติคุณเหรียญองค์พระสยมไว้ในที่นี้ เค้ามั่นใจมากว่าเพราะเหรียญนี้จึงทำให้เค้ามีชีวิตอยู่ได้โดยไม่ได้รับอันตรายเพราะเค้าห้อยอยู่เหรียญเดียว ส่วนตัวผมมองว่า ถ้ามีศรัทธา พระองค์ท่านไม่ทิ้งไปไหนแน่นอน
ความปลอดภัยของชีวิตกับสุขภาพที่แข็งแรงไม่อยากให้ใครมองข้ามไปเลยจริงๆ อย่างน้อยก็ยังมีอีกชีวิตนึงที่ปลอดภัย ก็ขออวยพรผ่านตรงนี้ที่พี่เค้าพ้นเคราะห์ใหญ่ไปแล้ว ต่อไปจะได้เจอแต่เรื่องเฮงๆดีๆรับทรัพย์รับโชคกันซักที -
แจ้งโอนเงิน จำนวน 4,000 บาท เวลา13.21 น. และ 100 บาท เวลา 13.22 น. ที่อยู่จัดส่งแจ้งทาง PM ขอบคุณครับ
-
สนใจคร้าบบบ แต่ปัจจัยไม่เอื้ออำนวย T__T
-
โอวาทยามเช้า (การเลือกเครื่องมงคล)
ก็อรุณสวัสดิ์กันนะครับ
วันนี้จะมาพูดเรื่องที่พูดไปเมื่อวาน ซึ่งพ่ออาจารย์ท่านได้กล่าวไว้ว่า "คนแต่ละคน บารมีแต่ละสายจะต่างกัน เค้าจะตามหาของเค้าเอง เค้าจะรู้ตัวเองว่าเหมาะกับอะไร ใครเคยเป็นศิษย์เราซักวันก็ต้องมาเจอมาเอาไป ไม่ต้องไปโฆษณา ไปแห่ไปเร่ที่ไหน อยู่เฉยๆเค้าก็จะมาเอาไป เพราะมีเจ้าของอยู่แล้วทุกองค์"
ท่านว่าเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น จะได้พบเจอได้รู้จักกันนั้น มันไม่ใช่แค่คำว่าบังเอิญ หรือพอดีเปิดมาเห็น หากแต่มันต้องขึ้นอยู่กับบุญที่เคยสร้างร่วมกันมาแต่ภพชาติก่อนด้วย จึงทำให้วาระนี้ได้พบได้เห็น เช่นนี้จึงควรเรียกว่าวาสนา บางคนนั้นก็เปิดผ่านไปไม่ได้สนใจ บางคนก็ดูแล้วดูอีก ดูแต่ตาแต่ไม่ได้กระทำตามที่เคยพร่ำสอนมา ก็เพราะเขาไม่ได้มีวาสนาร่วมกันกับเรา
จะกล่าวถึงวาสนาว่ามันเป็นเรื่องของกรรม ของความผูกพันธ์ก็ได้ในระดับหนึ่ง เครื่องมงคลที่ผูกที่ปลุกขึ้นมาทั้งหลายนี้ก็เช่นกัน แม้จะมีทรัพย์สินเงินทองมากมาย มีอำนาจเพียงไหน หากไม่มีวาสนาร่วม ทำอย่างไรก็คงไม่ได้รับอะไรที่หมดก็คือ เห็นช้าไปก็เหมือนไม่เห็น แต่หากมีวาสนาร่ววมกันคนเหล่านั้นก็จะรับได้ไม่ยาก
คนแต่ละคนนั้นบำเพ็ญบารมีมาแต่ละสายแตกต่างกัน ความเชื่อที่ฝังลึกหยั่งรากเหง้าในจิตใจก็ไม่เสมอกัน มันเป็นเรื่องของอดีตชาติที่เรามีความผูกพันธ์กับอะไร เคยสั่งสมเคยแสวงบุญเคยนับถืออะไรมา เมื่ออดีตเคยทำไว้อย่างไร กลับมาปัจจุบันชาติได้พบได้เห็นก็จะรู้สึกพึงใจ ชอบใจ
ยกตัวอย่าง หากได้เห็นสิ่งที่รู้สึกว่าตนนั้นมีบุญสัมพันธ์ก็จะชอบใจ ตรงกันข้ามหากไม่มีความรู้สึกภายใน ต่อให้สิ่งนั้นวิเศษเช่นไรก็คงไม่ใคร่จะปรารถนา
ทุกวันนี้มนุษย์ก็จะยังเชื่อและสานต่อความเชื่อ ทำตัวให้เคลื่อนไปในระบบความเชื่อของเค้าต่อไปเรื่อยๆ อดีตเชื่ออย่างไรอนาคตก็เป็นไปเช่นนั้นจวบจนชาติภพใหม่ เรียกว่าทางเดินของตนเองก็ไม่ผิด ของใครก็เป็นของคนนั้น
เราจึงเรียกว่าคนเรานั้น สั่งสมบารมี เพาะบ่มมาแต่ละสายแตกต่างกัน สิ่งเหล่านี้เค้าจะรู้ตัวด้วยตัวรู้ภายในจิตใจของเค้าเอง ด้วยความรู้สึกเฉพาะของเขา ไม่ต้องให้ใครไปบอกไปกล่าวเช่นนั้น
* อันนี้นอกเรื่อง เนื่องจากมีคนถามผมบ่อยอยู่นะว่าควรใช้อะไรดี ท่านว่าตัวเองชอบใจถูกใจอะไร ใช้อันนั้นแหละดี ดูเหมือนมันจะเป็นเพียงคำสั้นๆง่ายอยู่นะ แต่ความหมายมันลึกซึ้งทีเดียว ท่านว่า เขามีบุญสัมพันธ์ได้มาพบเจอในวาระที่ตรงกัน นี่ก็เป็นสิ่งมงคลแล้ว หากเขามีศรัทธามีปฏิปทาที่ต้องการครอบครองหรือนำไปบูชาผุดขึ้นมาเองจากความรู้สึกภายในอีก นี่แหละก็พอจะอนุมานได้คร่าวๆว่าเค้ามีความเหมาะสมกับอะไร
พ่ออาจารย์ท่าน จึงเพียรทำเครื่องมงคลทั้งหลายอย่างยากลำบากเสมอ เพื่อให้ตรงกับสายบารมีของแต่ละคน ท่านว่าท่านทำไว้ก็ได้เพียงไม่มาก จะให้พอกับความต้องการของคนทั้งหลายนั้นก็คงยาก คงจะเป็นไปไม่ได้ เพราะจริตของท่านนี่ไม่เอาเลย อะไรถ้าไม่ได้ทำกับมือไม่ได้เสกกับมือ จะให้โรงงานปั๊มๆมาใส่กล่องวางไว้มากๆให้ท่านจบสายสิญจน์เสกเฉยๆเมื่อได้ฤกษ์ยาม ท่านว่าท่านไม่ทำลวกๆเช่นนั้นเด็ดขาด ครูบาอาจารย์ท่านไม่เคยสอนให้ทำอะไรขอไปทีแบบนั้น
วันนี้ก็นำมาเล่าให้ฟังกันรอบเช้าๆ เป็นเรื่องเล็กๆที่ควรรู้ไว้:cool: -
สารทจีน
อันนี้ท่านก็ให้มาแจ้งกันไว้
ก็ใกล้เทศกาลแล้วถ้าจำไม่ผิดวันนี้ก็วันจ่าย ที่จะพูดนี้ก็จะพูดในส่วนของการไหว้ ท่านว่าอย่าลืมว่าเทพเจ้าท่านไม่เอาของคาว ให้งดไหว้เนื้อสัตว์ประเภทต่างๆ
หากจะไหว้ผีไหว้บรรพบุรุษหรือเจ้าที่เจ้าทางก็อนุโลมให้ใช้ได้ แต่สำหรับไหวพระไหว้เทพเจ้า หมูเห็ดเป็ดไก่อะไรที่เป็นเนื้อเป็นของควาควรยกเลิกเสียให้หมด ไหว้เพียงผลไม้น้ำเปล่าน้ำชา ขนมมงคลเหล่านี้ก็เพียงพอ
ในสำหรับท่านใดที่มีกิจการ ทำกิจการต้องเปิดร้าน ท่านว่าในกรณีนี้เคยไหว้มาอย่างไรก็ให้ทำเช่นนั้น เพราะในกรณีนี้ควรจะตั้งโต๊ะไหว้ที่หน้าร้านเพื่อหวังความเจริญรุ่งเรืองในกิจการที่ทำ ซึ่งเครื่องไหว้หน้าร้านจุดนี้ก็ให้จัดเต็มได้เลยเพราะเราไหว้ให้เค้าเปิดทางให้ จึงจะมีเป็ดไก่ปูปลาสุรามากมายก็ไม่ผิดเพราะส่วนนี้เราไม่ได้ไหว้เทพเจ้า แต่เป็นการไหว้เจ้าที่เจ้าทางภูติผีเเถบนั้นให้เค้าคอยดูแลอำนวยโชคชัยให้กับกิจการเรา คนละส่วนกับไหว้บรรพบุรุษหรือไหว้พระภูมิเจ้าที่ของเรา
เรื่องเหล่านี้ท่านว่าสำคัญมาก หากยังไม่เคยทำก็ให้ลองทำดูเสีย ถ้าใครที่มีกิจการต้องการความเจริญก้าวหน้าก็สมควรที่จะทำ ขาดไม่ได้ในทุกๆปี ยิ่งถ้าเคยไหว้ก็ควรไหว้ แต่หากไม่ได้ทำธรุกิจหรือมีหน้าร้านอะไรแล้วจะงดไว้ไม่ต้องไหว้ในส่วนนี้ก็ได้ หรือจะถือเป็นเทศกาลเสียวาระหนึ่งที่เราไหว้พระไหว้เทพเจ้าที่เรานับถือให้ท่านอำนวยโชคชัยแก่เราก็ไม่ผิด ซึ่งเมื่อกระทำแล้วสวัสดิภาพและสิริมงคลก็จะเกิดมีแก่บุคคลผู้นั้น -
-
ผมที่โทรไปเมื่อวานนะแอดมิส คืออยากได้อะชอบครุฑ เจอวัดไหนบูชาหมด แต่ปัจจัยสูงเหลือเกินพ่อครูจะทำออกมา ให้ลูกศิษย์บูชาได้ทั่วถึงกันไหมครับ เเบบราคาเบาๆ หากไม่ได้คงตามที่คุยเมื่อวานละครับ
หน้า 78 ของ 456