คาถาวันละนิด (เรียกรัก)
ก็ให้เป็นรางวัลสำหรับท่านที่ติดตามมาทั้งวัน
คาถาที่จะให้วันนี้ก็เป็นคาถาทางด้านไม่เชิงเสน่ห์ เเต่ก็ทำให้คนที่เราหมายปองตกหลุมรักเราได้ไม่ยาก
ซึ่งพระคาถานี้ผู้ใช้ หากเจอคนที่ต้องการสนทนาด้วยเเล้ว ให้ตั้งใจตั้งสมาธิท่องพระคาถานี้เสียก่อนเจ็ดคาบ ท่านเรียกว่าเป็นการเสกเสียงตัวเอง
เสร็จเเล้วก็เดินไปคุยกับเค้า เรียกว่าคาถาเรียกรักเเล คนที่เราคุยด้วยจะรู้สึกชอบเราขึ้นมาอย่างน่าพิศวงด้วยอำนาจเเห่งคุณพระคาถา ที่เราเสกเสียงตัวเอง
ก็เอาไปลองใช้ดู ท่องจำกันให้ได้ เวลาจะใช้จะได้นึกออกทันที ภาวนาเเบบมีสมาธิก่อนเดินไปเรียกเค้าคุยกับเค้าเชื่อว่าเราจะชนะใจเค้าเเล ลองเอาไปใช้กับเจ้านายหรืออื่นๆก็ได้ตามเเต่ความต้องการเลย เเต่เดิมนั้นพ่ออาจารย์ท่านว่าจะใช้กันเฉพาะทางชู้สาว เรียกว่าคาถาเสกเสียงบ้าง คาถาเรียกรักบ้าง
ตัวพระคาถามีอยู่ว่า
โอม หัง ตะ ตะ สัพพะ หิเต สวาหะ
ร่วมทำบุญบูชา ตะกรุดใต้น้ำบัญชาการทางสุดวัฎสงสาร(วิชาอาถรรพ์ชั้น 1 ตัวบารมีเต็มบัวพ้นตม)พ่ออาจารย์พล
ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย คุรุปาละ, 12 ตุลาคม 2014.
หน้า 59 ของ 461
-
-
ได้รับตะกรุดเรียบร้อยแล้ว ขอบคุณครับ
-
ของผมที่จองไว้ เดี๋ยววันที่3หรือ4โอนให้นะครับ พอดียังอยู่ต่างประเทศครับ ขอบคุณครับ
-
เข้าใจว่าพ่ออาจารย์น่าจะเสกปิดตอนฝังของทุกอย่างไว้เพื่อรวมพลังเป็นหนึ่งเดียวไว้หรือเปล่าครับ?
ไม่มีความรู้จริงๆครับ ขออนุญาตถามนะครับ -
พระสีวลี
ก็เป็นอีกเรื่องที่จะนำมาพูดคุยกัน
ต้องบอกว่าจริงๆเเล้วพ่ออาจารย์ท่านกล่าวเสมอว่าพระสีวลีนี้ไม่ใช่เเต่จะดีด้านโชคลาภ ด้านเสน่ห์นี่ก็ยังสุดๆด้วย
ส่วนตัวเลยผมเองเคยมีประสบการณ์กับพระสีวลีมาก่อน เรียกว่าเป็นประสบการณ์วัตถุมงคลเเรกๆของผมเลยนะ
สมัยนั้นท่องคาถาบูชาท่าน ก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองต้องรวย ต้องนั่นต้องนี่ ท่องเเบบซื่อๆท่องเพราะอยากบูชา ท่องเเล้วมันจำได้ ว่างกํนั่งนับประคำค่อยๆท่องไป ไม่ทันได้ 3 วันหรือ 7 วัน มันไวนะก็มาท่องจนติดปาก ท่องจนตัวเองหลับ
พอลืมตาตื่นอีกทีเราไปตื่นที่ไหนก็ไม่รู้ เป็นป่าดงดิบ ใบไม้อะไรมันเป็นสีเขียวเข้มสดสวยงามมาก มองไปทางไหนก็ต้นไม้พุ่มไม้เต็มไปหมด เรื่องมันก็นานเเล้ว เเต่เราจำไม่เคยลืม
เราตื่นขึ้นมานั่งงงอยู่ตรงนั้น จนกระทั่งท่านค่อยๆเดินเข้ามาใกล้เรามากขึ้นๆ เราได้มองหน้าท่านชัดๆแบบสัมผัสใกล้ๆใจมันก็รู้ของมันเองว่านี่แหละคือพระสีวลี กายท่านงดงามมากสวมจีวรเเบบย้อมฝาดๆ
เหมือนเคยมีเวรกรรมมีพันธะสัญญาผูกพันธ์กันไว้ ท่านอนุญาติให้ผมขอพรได้ข้อหนึ่ง ตื่นมายังนั่งเสียใจจนถึงทุกวันนี้เพราะพรที่ขอหลุกปากไปเเล้วนั้น เราขอเรื่องผู้หญิง
ที่เล่านี่ไม่ใช่จะอะไร เเต่จะบอกว่าพระสีวลีสำเร็จทันใจ ถ้าจะใช้กันจริงๆก็ใช้ได้ทุกด้าน ขอเพียงเข้าให้ถึงท่าน บูชาเเละเคารพเเบบจริงจังดู มวลสารสีผึ้งที่ท่านผสมลงในเนื้อพระเเต่ละองค์นั้นก็มากเกินคำบรรยายใดๆ
เรื่องพรของพระสีวลีนี้น่าสนใน ในอดีตเเม่นางกวักเป็นนางกวักให้เราได้กราบไหว้ได้ ก็เพราะได้ทำบุญและพระสีวลีท่านอนุญาติให้ขอพรได้ข้อหนึ่งเหมือนกัน ใครมีพระสำเร็จทันใจก็พกติดตัวไว้เชื่อย่างยิ่งว่าจะเจอเรื่องดีๆ ยิ่งได้สวดคาถาบูชาท่านนี่ยิ่งดีมากๆ
อย่าลืมว่าคำว่าลาภนี่สำคัญมาก ลาภมันไม่ได้มีเเค่เงินทองหรืออะไรนะ ยังรวมไปถึงลาภจากสัตว์สองเท้า สัตว์สี่เท้าอื่นๆ ลาภที่เป็นมนุษย์ด้วย
พระสีวลีนี่จะเรียกว่าพระที่ปลดเปลื้องพันธนาการเก่าๆของเราเลยก็ได้ พระสำเร็จทันใจพ่ออาจารย์ก็ลงไว้เช่นนั้นให้ผลในระยะยาว
หากคิดจะอาราธนาพระสีวลีสวดบูชาท่านจริงๆ ก็ให้ใช้บทนี้ ผมสวดประจำเเต่ไม่รู้จิตเราไม่ลงล๊อคหรืออย่างไร หรือว่ามันไม่บริสุทธิ์เหมือนสมัยก่อนอันนี้ไม่ทราบ เพราะยังไม่พบเจอท่านเป็นหนที่ 2 อีกเลยนับเเต่คราวนั้น
สีวลีจะมหาเถโร เทวตานรปูชิโต โสรโหปัจจยาทิมหิ มหาลาภังกโรนะเม ลาเภนะอุตตโมโหติ สทาโสตถีภวันตุเม ราชะปุตโตจะโสเถโร สีวลีอิติวิสสุโต ลาเภนะอุตตโมโหติ อะหังวันทามิตังสะทา
ยังยังชนะปะทังยาติ นิคะเมราชะทานิโย สัพพัตถะปูชิโตโหติ เถรัสสะปะเทวันทามิ เถรัสสะอานุภาเวนะ สัพพะลาภาภวันตุเม สีวลีนันทะ สีวลีเถรัสสะ เอตังคุณัง สัพพะธนัง สุปัตถิตังสาริกะธาตุ พุทธะรูปัง อะหังวันทามิตังสะทา
สีวลีจะมหานามา อินทพรหมมานรปูชิโต ราชะปุสัสสะอิตถิยา มหาลาภัง ภวันตุเม
คาถาบทนี้ผมภาวนาเองจนเจอประสบการณ์พิเศษที่ไม่เคยลืม เชื่อได้ว่าต้องเป็นยอดของดีเเน่ มอบไว้ห้สำหรับผู้รักการภาวนา เวลาจะขออะไรท่านก็อย่าให้กิเลสครอบงำเเบบตัวผมเองเเล้วกัน เผลอๆท่านอาจจะรวยไม่รู้เรื่องหรือเจออะไรที่มันพิเศษมากๆก็เป็นได้
พ่ออาจารย์ท่านเสกพระสำเร็จทันใจไว้ดุจร่างกายของพระเป็นเจ้าสีวลี ท่านว่าลงไว้ครบใช้มโนมยิทธิเชิญลงมากจากพระนิพพานให้กระทำให้เอง
ทีนี้คาถาในการใช้มันก็เป็นเหมือนสื่อ ที่จะเข้าให้ถึงท่าน เหมือนคนเราไม่รู้จักกัน อยู่ดีๆให้มาพูดคุยกัน มันก็พูดกันคนละภาษาคุยกันไม่รู้เรื่อง ก็ต้องอาศัยการทำความเพียรซักเล็กน้อยเพื่อเข้าให้ถึงท่าน
ที่จริงจุดนี้ผมพูดมากไม่ได้เลย บอกได้คร่าวๆเต็มที่สุดๆแค่นี้ นั่งๆพิมพ์อยู่ก็มีความรู้สึกบางอย่างเเทรกเข้ามาเหมือนมีใครไม่อยากให้เราบอกหรือเผยเเพร่ไปเท่าไหร่ มันมีอะไรเยอะกว่านี้อีกเยอะ ไว้ผมจะมาเล่าให้ฟังเเล้วกัน
ถ้าเชื่อใจกัน ก็เอาคาถาที่ลงนี่เเหละไปท่องจำกันให้ได้ติดปาก มันไม่ยากไม่ยาวเกินไปหรอกท่องให้เหมือนร้องเพลงมีทำนองมีจังหวะ มันจะไม่น่าเบื่อเเละจำได้เอง หากมีพระสำเร็จทันใจที่พ่ออาจารย์ลงไว้นี่ยิ่งดีเลย เหมือนอยู่ใกล้กับกายสังขารของท่านอยู่เเล้ว เอาให้เต็มที่สมพระเดชพระคุณท่านเลย
มนุษย์ทุกคน เชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าย่อมมีความต้องการในเเต่ละด้านเป็นของตนเอง ของใครของมัน ผมก็ไม่รู้ว่าหลายๆท่านคิดอะไร ต้องการอะไร ภาวะต่างกัน หน้าที่ต่างกัน ความต้องการย่อมต่างกัน
จะบอกอีกนิดว่าอย่าไปขออะไรท่านพร่ำเพรื่อถ้าไม่จำเป็นไม่ใช่สวดจบนึงขอ สวดสามจบขอ ลองทำไปซักสามวันเจ็ดวันสวดจนจิตมันหลับไปเอง รอรวบยอดขอทีเดียวเลยนั่นเเหละ จังหวะเฮงสุดๆเเล้ว เดี๋ยวกะว่าจะลองเอาพระสำเร็จทันใจองค์ที่ท่านใส่พานไว้ จะขอยืมมาอาราธนาถวายคาถาน้อมจิตใจบูชานั่งชักประคำอยู่เหมือนกันถ้าได้เจออะไรดีๆจะมาเล่าให้ฟัง:cool: -
บอกได้เเค่ว่าอย่ามองข้าม ย้ำขนาดนี้เลย ถ้าคุณมองข้ามเเล้วเหมือนเห็นขุมทรัพย์วางอยู่ตรงหน้าเเต่มีดินถมไว้ คุณไม่สนใจเดินผ่านไปเฉยเลยแบบนั้นเเหละ แม้เเต่พ่ออาจารย์ยังบอกเลยว่าโอกาสเช่นนี้เกิดขึ้นยากนักหนาไม่ใช่ว่าจะประสบกันได้ทุกคน ไม่รู้กี่ชาติต้องทำบุญด้วยอะไรมาถึงจะได้พรจากท่าน ที่จริงมันไม่ยากขนาดนั้นเเค่จิตเราน้อมบูชาท่าน คาถาก็ให้ไว้เเล้วบทที่เราสวด ก็ลองดูได้ไม่มีอะไรเสียหาย สำหรับใครที่ถือครองพระสำเร็จทันใจ ลองเลย ก็ขอให้ได้พบได้เจอกับเรื่องที่ไม่มีวันจะลืมลงเช่นกัน(kiss) -
<a href="http://www.uppic.org/share-FBF1_5591EB7D.html"><img src="http://www.uppic.org/image-FBF1_5591EB7D.jpg" border="0"></a
ก็ขอ ย้ำกับเรื่องนี้ เมื่อวานไม่รู้ เป็นยังไง เหมือนมีอะไรมาดลใจ วันนี้ผมต้องอารธนาแขวนเดี่ยว พระผงทันใจ เนื้อสุริยะกาล(พระสีวลีจกบาตร กางร่มกันภัย) ก็ต้องลองดูต่อไป ว่าจะเกิดอะไรขึ้นครับ.....(ปล. อยากจะบอกตั้งแต่แขวนพระของพ่ออาจารย์มา งวดที่แล้วก็พอได้โชค กับเขาอยู่ 5 ใบ555).........:cool::cool::cool: -
-
คาถาวันละนิด
อันนี้เป้นอีกพระคาถาหนึ่งที่เเนะนำให้จดไว้ใช้กัน เพราะได้ใช้เเน่ ได้ใช้กันทุกคนมีประโยชน์มาก
บทนี้ เอาไว้สำหรับท่านที่ชอบออกกำลังกาย ชอบวิ่งชอบเดินทางไกล หรือมีาชีพที่ต้องใช้เเรงกายเดินไปนั่นไปนี่ทั้งวัน
พ่ออาจารย์ท่านให้ภาวนาว่า
ขิปปัง วะมัคคะ มะมิ
ให้ภาวนาพระคาถาบทนี้ไปเรื่อยๆตามทางที่เราเดินรึวิ่งอานิสงค์มหาศาลเพราะว่าได้ภาวนากำหนดสมาธิ ในอิริยาบถการเดิน หรือวิ่งก็ตาม
จะช่วยให้ไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยปวดเมื่อยหรือเมื่อยล้าใดๆ ก็ลองจดไปภาวนากันดู -
แจ้ง โอนแล้วนะครับตะกรุด 2 รายการ รายละเอียดใน PM ครับ
-
ได้รับพระขุนแผนท่านย่านาคและพี่สมิงฯแล้วครับ
พระขุนแผนมีแป้งเจิมด้วย อิอิ เย็นเจี๊ยบเลย... :cool: -
คาถาวันละนิด(หายตัว)
ก็จะเคยได้ยินประวัติหรือตำนานของพระเกจิอาจารย์ในสมัยก่อนกัน ว่าท่านหายตัวได้บ้าง ลอยได้บ้าง หรืออาจจะดูในหนังจักรๆวงศ์ๆหายตัวกันเล่นน่าสนุกดี วันนี้เราจะมาพูดถึงเรื่องหายตัวกันก่อน
การหายตัวนั้นต้องภาวนาพระคาถาใด ซึ่งจุดนี้ไม่ได้ยากเลย พ่ออาจารย์ท่านก็ให้มาลงไว้เป็นวิทยาทาน เผื่อใครจะนำไปฝึกไปเล่นกันเพราะคาถาในการภาวนาให้หายตัวนั้น ก็สั้นมากเเละจดจำกันได้ง่ายเสียด้วย
หากเเต่ว่าจะหายตัวได้จริงๆหรือไม่ มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับการใช้คาถา 100เปอร์เซ็นต์ แต่มันขึ้นอยู่กับการฝึกจิตการเข้าใจในธาตุทั้ง4แสดงและกระทำได้โดยอิทธิวิธีต่างๆ คาถาเป็นเพียงการนำธาตุนำภาวะจิตมาใช้เท่านั้น
พ่ออาจารย์ท่านกล่าวว่า ครูอาจารย์สมัยก่อนท่านก็ใช้เเค่เท่านี้ ภาวนาบริกรรมบทนี้ก็อันตรธานหายไปต่อหน้าต่อตาคนทั้งหลายได้
พระคาถามีว่า
อะอุมะนะ มะนะอะอุ
555 สั้นมั๊ยครับ ท่านว่าภาวนาเเค่เท่านี้จริงๆ ก็ลองนำไปฝึกไปเล่นกันดู ที่นี่ไม่ได้หวงวิชาอาคม ดีกว่าปกปิดกันไว้วันไหนท่านตายไปจากโลกอย่างน้อยก็ได้เหลือให้ได้รู้ว่าบทไหนใช้ทำอะไร ส่วนจะทำได้หรือไม่นั้นท่านไม่ได้คิด เพราะวันหนึ่งผู้ที่ทำได้ย่อมมีเกิดขึ้นเอง -
พระพรหม
ก็มีสอบถามกันมาว่าทำไมพรหมพุทธกับพราหมณ์ต่างกันเเละพ่ออาจารย์ท่านจะไม่ทำพรหมของพราหมณ์เลยใช่มั๊ย
เอาเเค่ความต่างก่อนเพราะพรหมของพุทธมีมากมาย เเต่พรหมของพราหมณ์นั้นจะมีเพียง 2 องค์ คือ
- ปรพรหมหรือองค์อาตมันที่เป็นดวงชีพนิรันดร์ อันได้เเบ่งภาคออกมาเป็นพระศิวะ พระนารายณ์ พระพรหม
- พระพรหม ที่เป็น1ใน3 พระผู้เป็นเจ้าอันเกิดมาเเต่จิตเดิมของปรพรหม มีหน้าที่สร้างสรรค์สรรพชีวิต
ความต่างของพรหมในพุทธกับพราหมณ์นั้น ก็ดังที่อธิบายไว้ ว่าพรหมของพราหมณ์คือสภาพเดิมของพระเวทย์เเละพระธรรมมารวมตัวกัน เเต่พรหมของพุทธคือดวงจิตที่บรรลุคุณธรรมต่างๆ
ดังนั้นหากฝืนหากเเถไปว่าพรหมของพราหมณ์มีชื่อว่าพรหมธาดาองค์เดียวกับของพุทธบ้าง เป็นองค์นั้นองค์นี้บ้าง ผู้ที่พูดหรืออธิบายนั้น คงกล่าวได้เเต่เพียงว่ามั่วอย่างยิ่ง เพราะพูดตามใจปากไม่ได้สนความเชื่อเเละรากเหง้าดั้งเดิมของศาสนาเค้าเลย ใครมาดูถูกพระพุทธเจ้าเราคงไม่ชอบใจ กลับกันใครไปลบหลู่สรณะสูงสุดทั้งสามของเค้า เค้าก็คงไม่พอใจเช่นกัน
คติพรหมนี้พุทธเรารับมาใช้ค่อนข้างจะมั่วเเละผสมกลมกลืนกันไปหมด เเต่เดิมนั้นมีความเชื่อกันว่าพระพรหมทำผิดเเละต้องสาบพระศิวะไม่ให้มีเทวสถานเป็นของตนเอง ดังนั้นพระพรหมจึงไม่ได้รับการบูชาเป็นเอกเทศน์ จะมีการปลูกศาลไว้ด้านหน้าเทวสถานเท่านั้น เพื่ออัญเชิญพระพรหมประดิษฐาน
มีความเชื่อว่าหากนำพระพรหมมาบูชาในเทวสถาน ในบ้านเรือน คือนำมาประดิษฐานเเล้ว ย่อมเกิดอวมงคลต่างๆเป็นไปดั่งโทษเเละคำสาบที่พระศิวะผู้เป็นเจ้าได้ให้ไว้กับพระพรหม
เมื่อพุทธรับคติพราหมณ์มาจึงนิยมตั้งศาลพระพรหมไว้ด้านนอก ไม่นำองค์พระพรหมเข้าไปตั้งในบ้านเรือนเด็ดขาด เพราะยังเชื่อเเละยังกลัวคำสาปขององค์พระสยมหรือพระศิวะเจ้าอยู่นั่นเอง
แต่กาลเวลาผ่านไป หลายสิ่งหลายอย่างก็เปลี่ยนไป คนเริ่มหลงลืมนำพระพรหมไปตั้งรวมกับเทวรูปทั้งหลายบูชาในบ้านในเรือนตนก็มี เช่นนี้เเล้ว คนหล่านั้นก็หาความเจริญมิได้ จะมีวิบัติเเละหายนะบางสิ่งเกิดขึ้นเเก่เรือนเเก่บ้านเเก่ครอบครัวอย่างเเน่นอน เสมือนบ้านนั้นเรือนนั้นเป็นเรือนต้องสาปเลยทีเดียว ดังนั้นการจะรับเอาคติความเชื่อใดๆมาถือก็ควรจะศึกษาให้เเน่ชัดเสียก่อน อย่าประเมินเเละมองข้ามเเม้เพียงเรื่องเล็กๆน้อยๆ
ก็ตามที่กล่าวว่าคติพุทธนั้นปนกับพราหมณ์ พ่ออาจารย์จึงไม่ได้ทำพรหมของพราหมณ์แบบเอกเทศน์หรือเดี่ยวๆให้นำไปสักการะในเคหสถานบ้านเรือน เเต่จะทำให้เป็นมงคลกับชีวิตเป็นพรหมทางฝ่ายพุทธนั่นเอง
หากจะถามว่าพรหมตามซุ้มตามศาลต่างๆนั้น เป็นจิตของพรหมพุทธหรือพราหมณ์เชื่อได้ว่าเป็นคำถามโลกเเตก มันขึ้นอยู่กับการจัดสรรค์ข้างบน เเละขึ้นอยู่กับความเชื่อเเละการเข้าถึงของผู้อัญเชิญด้วย หากเป็นพรหมของพราหมณ์จะทราบกันดีว่าท่านมักจะให้พรเเก่ผู้ร้องขอผู้เดือดร้อนเเบบง่ายๆไม่ได้ใส่ใจอะไรเลย ต่างกับพรหมของพุทธแต่ละพระองค์ที่มักจะวางอุเบกขาไว้ไม่สนใจอะไร
ดังนั้นก็เป็นความจริงอีกเรื่อง ที่นิยมนำพุทธกับพราหมณ์มารวมกันนำยันต์ของพุทธมากำกับพรหมของพราหมณ์ พุทธคุณก็จะมีอยู่เพียงยันต์นั้นๆไม่ได้เข้าถึงความเป็นพรหมของฝ่ายเค้าไม่ เพราะจริงๆพรหมของฝ่ายเค้านำเข้าบ้านเรือนไม่ได้ จะนำมาสักการะไว้กับตัวก็ไม่ได้ เพราะเช่นนี้จึงไม่ค่อยเห็นทางเค้าจะบูชาพระพรหมกันมากนัก เนื่องจากคำสาปของพระศิวะ ต่อมาการนับถือพรหมเลยลดลงไป พระศิวะ พระนารายณ์จึงเป็นใหญ่ได้รับความนิยมในการบูชาอยู่เเต่เพียง 2 องค์
พอจะอธิบายคร่าวๆไว้เท่านี้ พูดมากไปมันคงเป็นเรื่องใหญ่ เพราะมันเกี่ยวกับอาชีพร่างทรงตลอดจนการทำมาหากินของคนหลายๆคน -
ของดีในตำนานตำรับเขมรโบราณ ตะกรุดดอกนี้ชื่อว่า มหากามมหาเสพย์ตับพญาการะเวก
ที่ว่าเป็นของดีในตำนานเพราะไม่ได้ออกให้บูชาทั่วไป จะมีเฉพาะคนที่ชอบสนุก ชอบเที่ยวหรือเเสวงหาความรักคนรัก นักร้อง ดารา เเละพวกอาชีพกลางคืน
ที่ไม่ได้ลงทางนี้เพราะของท่านทำมาน้อย ต้องทำอาถรรพ์ตั้งเเต่เเผ่นตะกั่วว่างๆจะมาเล่าให้ฟัง เป็นวิชาในตำนานระดับสายเขมรโบราณชั้นราชวงศ์เลย
ตัวตะกรุดจะหนาๆหนักๆหน่วงมือหน่อยๆดอกไม่ใหญ่ห้อยคอกำลังสวย พอดีดอกนี้พ่ออาจารย์จำได้ว่าให้หนุ่มนักรักท่านหนึ่งบูชาไปหลายอาทิตย์เเล้วไม่รู้อยู่ดีๆทำไมกลับมาหาท่านตกอยู่ในพานครูเสียดื้อๆ เลยถ่ายมาให้ดูไฟล์ที่แนบมา:
-
-
สมิงพระกาฬ
ก็มีโอนค่าสมิงพระกาฬเข้ามา เลยไปเตรียมให้ท่านประสิทธิ์อีกรอบ ระหว่างนั่งรอก็กวาดสายตามองไปเรื่อยๆ จนสะดุดตากับสิ่งๆหนึ่งเข้า
เรื่องนี้สาบานเลยว่าเป็นความจริงเรานั่งๆอยู่ยังสะดุ้งโหยงคว้าเเขนท่านเขย่าๆอยู่ตรงนั้น
เพราะไอ้สิ่งที่สายตาเราเห็นตอนนั่งรอสมิงพระกาฬจะนำไปห่อนั้น เป็นเสือ เสือตัวไม่ใหญ่มากแค่ขนาดพอๆกับคนขนทั้งตัวเป็นสีทองสว่างๆยืนจ้องมาที่เรา แค่เพียงตกใจทุกสิ่งที่เห็นก็หายไปหมดเเล้ว
พ่ออาจารย์ท่านหลังจากเราไปดึงเขย่าเเขนท่าน เล่าให้ท่านฟัง ท่านก็บอกว่าเขาก็เดินอยู่กันเต็มไปหมด เป็นญานของพญาเสือครูก็แฝงอยู่ในสมิงพระกาฬนี่แหละ ใครตาดีก็มองเห็น หรือหากช่วงเวลาใดประสาทสัมผัสเกิดเปิดขึ้นมาซักแว้ปหนึ่งช่วงหนึ่งก็จะมองเห็นได้
ตกใจมันไม่เหมือนเจอเสือตัวเป็นๆ เพราะเสือนี่ก็ตัวเป็นๆเเต่ขนเป็นสีทองมีเเสงสว่างวาบๆออกมาจากตัวตลอดมันใช่เสือซะที่ไหน อย่างกับเทพเจ้า ไม่เห็นกับตายังไม่เชื่อคิดว่าเป็นเสือดำซะอีก นึกถึงพี่ที่มาเล่าประสบการณ์ให้เราฟังท่านหนึ่งเลย
ใครบูชาสมิงพระกาฬไปเลี้ยงดูให้ดี เขาจะให้คุณมาก ผมเชื่อเเบบนี้ -
ทดสอบๆๆๆๆ:cool::cool::cool:
-
ดันๆ
-
:cool::cool::cool:
-
-
โอนให้แล้วครับ 4 รายการ
รายละเอียดแจ้งทางPMนะครับ
ขอบคุณครับไฟล์ที่แนบมา:
-
หน้า 59 ของ 461